CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    โบรกฯฟันธงคปค.หนุนศก.โต ประเมินจีดีพีปีหน้าที่ระดับ5%

    บล.พรูเด้นท์ สยามชี้คปค.ปฏิรูปการเมืองหนุนเศรษฐกิจไทย โตเร็วกว่าที่คาดไว้ เหตุการเมืองชัดเจน ราคาน้ำมัน ดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ปรับตัวลดลง งบประมาณรัฐบาลมีการเบิกจ่าย หนุนจีดีพีปี50 แตะ 5% “พิชัย”ชี้การเมืองมีเสถียรภาพ ส่งผลให้ภาพพจน์ประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกดีขึ้น เชื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น 720-740 จุด ก่อนสิ้นปี แต่ในระยะสั้นมีความผันผวนจากกังวลการตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมือง แต่ถือเป็นโอกาสลงทุน
         
          วานนี้ (28 ก.ย.)บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พรูเด้นท์ สยาม จำกัด จัดสัมมนาในหัวข้อ จัดทัพลงทุน่ามกลางความผันผวน และจัดทัพลงทุนผ่านกองทุนรวม ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
         
          นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พรูเด้นท์ สยาม จำกัด เปิดเผยว่า จากหลังจากการปฏิรูปการปกครองของคณะปฏิรูปการปกครองในประบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือ คปค.นั้น จะทำให้เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2 ไตรมาส ซึ่งจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส1-2ปี 2550 จากเดิมที่มองไว้ว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปีหน้า เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น โดยการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ภาพพจน์ประเทศไทยในสายตาประชาคมโลกจะดีขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การลงทุน จากการรัฐประหารที่ปราศจาความรุ่นแรง ซึ่ง
         
          ทั้งนี้จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในภาคอีสานก็มีมุมมองที่ดีกับการรัฐประหารครั้งนี้ และแนวโน้มรัฐบาลใหม่ที่จะมีการจัดตั้งขึ้นสามารถเรียกได้ว่าจะเป็นรัฐบาล Dream Team เพราะ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่นี้จะมีคณะรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถสูงและได้รับการยอมรับจากสังคม ซึ่งจะไม่มีการเล่นการเมืองจึงคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ซึ่งจะสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจเสรีและเปิดกว้างรับการลงทุนจากต่างประเทศ โดยสิ่งแรกที่รัฐบาลใหม่จะมีการทำ คือ การสร้างความปรองดองของคนในประเทศจากที่มีความตึงเครียดมาเป็นเวลาประมาณ 1 ปี
         
          “ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็นมาเป็นเวลา 2-3 ปี แล้ว จากเดิมที่มีการเติบโตปีละ 5.5-6% ดังนั้นควรที่จะมีการเร่งการเติบโตให้เร็วขึ้น โดยคาดว่าจีดีพีปีหน้าจะเริ่มฟื้นตัวโดยมองว่าจะอยู่ที่ 5% จากจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณในต้นปี ทำให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น ราคาน้ำมัน และอัตราเงินเฟ้อ มีการปรับตัวลดลง ซึ่งเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในต้นปีหน้า โดยเชื่อว่าจีดีพีจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในปี 2551-2552”นายพิชัยกล่าว
         
          ทั้งนี้จากความชัดเจนทางการเมืองนั้น ทำให้บริษัทคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 720-740 จุด ก่อนสิ้นปี และจะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 800 จุดได้ในกลางปี 2550 แต่จะมีความผันผวนบ้างตามสถานการณ์ทางการเมือง ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย แต่ในระยะสั้นนี้นักลงทุนอาจมีความกังวลในเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินของนักการเมือง ซึ่งจะมีผลทำให้มีการขายหุ้นออกมา
         
          นายพิชัยกล่าวว่า ขณะนี้ฃถือว่าเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนที่มีการลงทุนในระยะกลางเข้ามาซื้อหุ้น แต่ดัชนีก็จะมีความผันผวนแน่นอนจากความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ที่ช่วงนี้มีการแกว่งตัวสูง จึงทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลมากขึ้น แต่ส่วนตัวมองว่านักลงทุนควรที่จะมีการลงทุนในหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อภาพรวมของเศรษฐกิจโดยรวม เช่น ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ
         
          “ทั้งนี้นักลงทุนไม่ควรที่จะให้ความสำคัญในเรื่องของดัชนีปีนี้มากนัก ควรมี่จะให้ความสนใจในปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเป็นรายตัวมากกว่าเพื่อที่จะเข้ามาลงทุน เพราะ หากกรณีของ ปตท.ไม่เคลียร์ และราคาหุ้นไม่กลับไปที่ราคาก่อนที่จะเกิดเหตุ ที่ 240 บาทต่อหุ้น ก็จะมีผลทำให้เป็นตัวฉุดดัชนีลง เพราะ หุ้นปตท.มีน้ำหนักต่อมาร์เกตแคปถึง 12%” ผู้ช่วยกรรมการ บล.พรูเด้นท์ สยามกล่าว
         
          สำหรับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนเชื่อว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ทำให้ราคาวัตถุดิบปรับตัวลดลงเช่นกัน ซึ่งหากไม่นับรวมกำไรสุทธิของหุ้นกลุ่มพลังงานนั้น กำไรบริษัทจดทะเบียนก็จะมีการปรับตัวดีขึ้นในปลายปีนี้และจะเห็นผลชัดเจนในปีหน้า ซึ่งกำไรสุทธิโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ไม่ดีแน่นอน จากในช่วงครึ่งปีหลังที่มีกำไรชะลอตัวจากราคาน้ำมันลดลง
         
          นายธีรวุฒิ สินธวถาวร ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พรูเด้นท์ สยาม จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงในการลงทุนในสูง บริษัทแนะนำให้มีการจัดพอร์ตการลงทุนในหุ้นประมาณ 60-70% เพราะเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐคงจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่จะปรับตัวลดลงแรง รวมถึงการที่ประเทศจีนและอินเดียเป็นแกนนำในการในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ประกอบกับตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีค่าP/E ที่ต่ำ ซึ่งยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่ดี ส่วนนักลงทุนระยะกลางควรที่จะจัดพอร์ตการลงทุนโดยลงทุนในหุ้น 30-40% อีก 30-40% ลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวจากให้ผลตอบแทนที่สูง 4.1-4.7% แต่ควรที่จะลงทุนอายุขั้นต่ำ 1ปี เนื่องจาก ดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดล และที่เหลือ ลงทุนในตลาดเงิน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนที่ดี
         
          ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ามูลค่าการเป็นที่ปรึกษาในการลงทุนและเป็นนายหน้าขายหน่วยลงทุนจาก 5 บริษัทหลักทรัพย์ ที่ 1,000 ล้านบาท เนื่องจาก มีสินค้ากองทุนต่างๆที่มีความหลากหลายบและตอบสนองความต้องการของนักลงทุน ซึ่ง ปัจจุบันที่มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่งมีลูกค้าจำนวน 100 ราย
         
          นายไพบูลย์ นลินทรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าสายบริการซื้อขายหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่คณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาประมาณ10 วันแต่นักลงทุนต่างชาติยังคงติดต่อสอบถามเข้ามาถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากยังไม่มั่นใจอย่างเต็มที่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ในช่วงระหว่างนี้
         
          ทั้งนี้ สิ่งที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจค่อนข้างมาก คือ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่จะเข้ามาบริหารในช่วงภายหลังการคืนอำนาจให้ประชาชน ซึ่งหากเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศจะเป็นเรื่องที่ดีต่อความมั่นใจ
         
          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าจะเกิดปัญหาภายในประเทศ แต่ความตกใจของนักลงทุนต่างประเทศก็มีไม่มากเพราะความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ประกอบกับสิ่งที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักลงทุนไม่ทิ้งหุ้นไทยแต่ยังกลับมาซื้อสุทธิคือราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียนจำนวนมากที่ยังอยู่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน
         
          "นักลงทุนต่างชาติก็มี 2 ประเภทพวกที่ตกใจก็ขายหุ้นออกมาลดความเสี่ยง แต่กลุ่มที่ยังมั่นใจในพื้นฐานตลาดหุ้นไทยรวมถึงต้องการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นที่ราคาถูกก็ยังมั่นใจที่จะถือหุ้นต่อไป"นายไพบูลย์กล่าว



    http://www.manager.co.th/StockMarket/ViewNews.aspx?NewsID=9490000121952

    รอ Wave 3ครับ
    smile

    smile

    จากคุณ : stangman - [ 30 ก.ย. 49 08:09:31 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com