ความคิดเห็นที่ 1 http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2006/07/I4534385/I4534385.html ความคิดเห็นที่ 42 ช่วยวิเคราะห์ให้หน่อยสิว่าเราทำผิดตรงไหน เราซื้อ apure มาที่ 2.72 พอซื้อได้ปุ๊ป มันเด้งขึ้นไปปิดวันแรกที่ 2.88 วันที่ 2 ก็ยังสวยอยู่ เด้งขึ้นไปอีก ไปปิดที่ 3.16 เช้าวันรุ่งขึ้น กะว่าจะขายทำกำไรละ ปรากฏ มันดันตกมา 3.08 อืม ไม่เป็นไร รอก่อนดีกว่า ยังได้กำไรอยู่ ยังไม่จำเป็นต้องรีบขาย เผื่อมันเด้งกลับ วันต่อมา มันไม่เด้งกลับ แต่ดิ่งตัวลงเหวเลย ไปปิดที่ 2.66 อืม ไม่เป็นไร ยังขาดทุนน้อยอยู่ รอเผื่อเด้งกลับ พอมาวันนี้รูดต่อไป 2.20 อืม ชักขาดทุนเยอะเกินไปแล้ว เอาไงดี ขายทิ้งไปครึ่งนึงดีกว่า ตัดสินใจลดความเสี่ยง เททิ้งไปครึ่งนึงที่ 2.24 ทันทีที่ขายปุ๊ป เด้งไป 2.26-2.28 ต่อหน้าต่อตา โอเค ไม่เป็นไร ขายหมูประจำอยู่แล้ว วันจันทร์หน้า จะขึ้นจะลง ก็คงมีค่าเท่ากัน เพราะลดความเสี่ยงไปครึ่งนึง อีก เคสนึง ซื้อ stec-w2 มาที่ 2.10 ซื้อมาปุ๊ป ตกลงไป 2.06 อืม ยังขาดทุนไม่มาก รอก่อนก็ได้ วันต่อมาเด้งกลับไปใหม่ ขึ้นไปถึง 2.12 อืม กำไรน้อยไป รออีกหน่อย เผื่อเด้งต่อ วันถัดมา รูดดิ่งเหวเลย ไปอยู่ 2.0 อ้าว ซวยล่ะสิ แต่ไม่เป็นไร รอเผื่อเด้ง วันต่อมา เด้งขึ้นไป 2.06 ไม่เอาละ ขายทิ้งครึ่งนึงดีกว่า ทันทีที่ขายปุ๊ป เด้งไป 2.08 ต่อหน้าต่อตา โอเค ไม่เป็นไร เราเจ้าของฟาร์มหมูอยู่แล้ว ชิว ชิว วันต่อมา ไกล้ตลาดปิด เด้งไป 2.10 รีบตั้งรอขายเลยที่ 2.12 กำไร 2 ตังค์ก็เอาแล้ว ไม่อยากเล่นต่อแล้วหุ้นตัวนี้ แต่ปรากฏ ขายไม่ออกค่ะ เลยต้องถือติดมือต่อ วันต่อมา คราวนี้รูดดิ่งเหวนรกเลย ปิดตลาดเหลือ 1.98 เองมั้ง วันนี้ รูดดิ่งเหวนรกอีกรอบ เหลือ 1.53 ขึ้นติดอันดับ top loser ไปเลย ในที่สุด ก็เลยขายทิ้งไปเกือบครึ่งนึงที่ 1.55 ลดความเสี่ยงเผื่อวันจันทร์ลงต่อ จากคุณ : หนูขิง - [ 14 ก.ค. 49 19:14:22 ] stec นี่ทำหลายคนเจ็บตัวเยอะเลยนะคะ คุณ RoppongiHills เพื่อนรุ่นพี่คนนึงของเรา ก็ติดตัวนี้ที่ 8 บาทกว่า ตอนนี้ขาดทุนเป็นล้านแล้วค่ะ จริงๆเราก็วู่วาม ขายตามอารมณ์มาหลายตัวแล้วค่ะ แต่ความวู่วามนั้น กลับส่งผลดีกับเราทุกตัว คือทุกตัวที่วู่วามขาย ราคาตอนนี้ดูไม่ได้ซักตัว โชคดีจริงๆที่ขายทิ้งไปซะ แต่ส่วนไอ้ที่อดทน ทำใจหนักแน่น ถือไว้ไม่ขายนี่สิ มันทำร้ายเราหนักทุกตัว ยกตัวอย่าง วันก่อน โมโห TPI กับ Singha ตกอยู่ได้ เลยขายทิ้งไปซะที่ 6.8 กับ 3.40 เป็นไงล่ะ วันนี้เหลือแค่ 6.50 กับ 3.08 ดีนะเนี่ย ที่วู่วามขายทิ้งไปซะก่อน แต่กับหุ้นตัวแสบที่ทำให้เจ็บหนักอยู่ตอนนี้ วันก่อนเห็น stec-w2 ตกเหลือ 1.95 เอาน่า อดทนไว้ ไม่เป็นไร ถือยาวละกัน วันนี้ เหลือ 1.55 จนได้ บ้าจริงๆ นี่ถ้าโมโหมัน เททิ้งไปซะตั้งกะ 2 บาทเมื่อวันก่อนนี้ วันนี้ก็คงไม่ต้องขาดทุนหนักแบบนี้ ดวงไม่ดีน่ะ ซวยจริงๆ แต่ก็ยังดีที่ไม่อดทนเก็บหุ้นไว้มากกว่านี้ ถ้าอดทนเก็บไว้ทุกตัวตอนนี้ คงขาดทุนเป็นล้านแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : หนูขิง - [ 14 ก.ค. 49 20:13:09 ] แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 08:19:38 จากคุณ : zero_O - [ 12 ต.ค. 49 08:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะคำว่า "อดทน" อยากให้ลองคิดว่าตอนนี้เรามีอะไรที่แตกต่างจากเมื่อก่อนรึเปล่า (มี TER2000 คอยช่วย?) จากคุณ : zero_O - [ 12 ต.ค. 49 08:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หนูขิงน่าจะเรียกได้ว่าเป็นนักลงทุนระยะสั้นครับ  ตอนนี้ผมคิดว่าตัวเองเหมาะกับลงทุนระยะกลาง  เพราะไม่ค่อยมีเวลาดูหุ้นเท่าไหร่  จะเล่นหุ้นปั่นก็ใจไม่นิ่งพอ  ถือยาวก็เสี่ยง  ตอนนี้จะขายตัวเน่าทิ้งแล้วตั้งต้นใหม่ ซื้อแต่พื้นฐานดี   ไอ้ที่ถือยาวๆ ถ้านิ่งมากก็ขาย ยืมมาเล่นตัวอื่นก่อน แล้วค่อยซื้อกลับตอนแนวโน้มขึ้น (หุ้นน้ำมัน)  ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของผม เล่นแบบนี้ผมคิดว่าชีวิตมีความสุขกว่าเยอะ จากคุณ : แมงเม่าหัดบิน (Rujinis) - [ 12 ต.ค. 49 09:00:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 5555 จริงๆพี่หนูขิงเป็นแบบเดิมแหละ ครับ แบบเดิมมาตลอด อย่างที่พี่ smart invertor ว่า ข้อเสียของหนูขิง 1 ต้องการเอาชนะตลาดหุ้น 2 ไม่ฟังใคร รวม 1+2  ต้องการเอาชนะตลาดหุ้นโดยไม่ฟังใคร   (รวมถึงไม่ศึกษาในหลักวิธีการที่มีอยู่มากมายในหนังสือของนักลงทุน ตปท)     จริงๆมีคนเตือนพี่หนูขิงเยอะมาก ว่าที่ขาดทุนไม่ใช่เรื่องอดทน เรื่องไม่ถือหุ้นข้ามวันอะไรพวกนั้น แต่เป็นเรื่องที่ไม่รู้เรื่อง หรือ ขาดหลักการมากกว่า ถ้ารู้ว่าหุ้นขึ้นแน่ๆ หรือลงแน่ๆ ทำไมต้องอดทน ที่ต้องอดทนเพราะไม่รู้ต่างหาก ไม่รู้เมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าทำไม เข้าอาการเดียวกับที่คิโยซากิ เรียกพวกซื้อถือยาวๆแบบไม่รู้เรื่องประชดๆว่า "ซื้อ ถือ ภาวนา" นั่นแหละ ปัญหาอีกอย่างคือ แค่ ภาวนา พี่หนูขิงก็ทนได้ไม่กี่วันอยู่ดี แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 09:11:23 จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 12 ต.ค. 49 09:08:03 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ดูท่าหนูขิง เป็นบุคคลสาธารณะของห้องสินธร ไปซะแล้ว ก็เลยมีชาวสินธรห่วงมาก วิจารณ์มาก เป็นธรรมดา  555 หากหนูขิงรู้ที่จะเก็บเกี่ยวคำวิจารณ์มากๆ ไม่ว่าจะดี หรือไม่ดี ก็จะทำให้หนูขิง เกร่งขึ้นได้ในไม่ช้า จากคุณ : นิธิพจน์ - [ 12 ต.ค. 49 11:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลองสังเกตดูสิคะ วันเวลาที่เราพูด จากเดือน มิ.ย - ต.ค เราพูดไปตามสถานการณ์ไง ฮ่ะๆ เวลาที่หุ้นมันตกมากๆ ก็จะรู้สึกว่า โชคดีที่ไม่อดทน ขืนอดทนก็เหมือนคนโง่ สู้ขายทิ้ง หาตัวใหม่เล่นดีกว่า เรื่องอะไรจะไป let loss run ทีนี้พอผ่านไปสักพัก หุ้นมันกลับมาที่เดิมแถมสูงกว่าเดิมอีก กลับไปดูราคาใหม่ ก็จะรู้สึกว่า โธ่ รู้งี๊อดทนอีกนิดดีกว่า ดูสิเนี่ย กลับมาสูงกว่าเดิมอีก ไม่น่าใจร้อนรีบขายเล๊ย นี่ถ้าไม่รีบบ้า panic sell ไปกับเค้า อยู่เฉยต่อไป ก็คงไม่ต้องเจ็บตัว แต่ปัญหาคือเรื่องไม่อดทนจริงๆ ทำไมเราจะไม่รู้ว่าหุ้นขึ้นแน่ๆ โธ่ ก็เราผ่านมันมาตั้งกี่หนแล้ว หุ้นเดี๋ยวก็ขึ้น เดี๋ยวก็ลง ขนาดเรารู้ว่าอาทิตย์หน้า ตัวนี้ขึ้นแน่ๆ เรายังไม่อยากจะถือรอเลย เพราะรำคาญไง อยากเอาเงินไปเก็งกำไรตัวอื่นมากกว่า ทนให้เงินจมอยู่เฉยไม่ได้ ซื้อปุ๊ป ไม่ขึ้นปั๊บดั่งใจหวัง เพราะเข้าผิดจังหวะ หรืออะไรก็แล้วแต่ เป็นต้องขายทิ้ง ไปหาตัวใหม่ ขนาดเซียนบอกว่า ถือไว้ก่อน เดี๋ยวจะขึ้น เราก็ยังไปคิดว่า ก็เดี๋ยวจะขึ้น งั้นช่วงที่ยังไม่ขึ้นนี้ ขอขายเอาเงินออกมาเข้าตัวอื่นที่มันจะขึ้นเร็วกว่าก่อนดีมั้ย แล้วค่อยกลับมาซื้อตัวเดิม ตอนมันเริ่มขึ้น คือซุ่มอยู่เฉยๆไม่เป็น สรุปแล้ว อยู่นิ่งๆไม่ได้ วิ่งพล่านหาหุ้นตัวใหม่อยู่ตลอดเวลา และนั่น ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ขาดทุนซ้ำซาก เพราะทนรอไม่ได้ มีหลายครั้งนะ ที่เราได้กำไรจากหุ้นมาก เพราะเราทนรอ แต่ก็นั่นแหละ บางที เงินเราร้อนเกินไป เราทนรอไม่ได้ เพราะเราต้องใช้เงิน ถามว่า ต่อไปจะอดทน หรือไม่อดทน ก็ยังตอบไม่ได้เลย เพราะตั้งใจว่าจะอดทน แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่อดทน ก็คงแล้วแต่สถานการณ์แหละค่ะ เราอาจจะอดทนกับบางตัว และไม่อดทนกับบางตัว แต่ตอนนี้ เราอดทนกับหุ้นทุกตัวในพอร์ต อดทนมาหลายวันแล้วด้วย และก็เหมือนมีอะไรเล่นตลกกับเรา หรือจะแกล้งให้เราอดทน เพราะหุ้นหลายตัวที่เราถือตอนนี้ มันไม่ขยับไปไหนเลย ขณะที่หุ้นทุกตัวที่เราซื้อไว้ในใจ มันวิ่งกันซะไฟแลบ เช่น Advanc เป็นต้น แต่ก็ดี เป็นการฝึกความอดทน ดูซิว่าจะเอาชนะตัวเองได้หรือเปล่า ถ้าเอาชนะตัวเองครั้งนี้ไม่ได้ ก็คงต้องพิจารณาเลิกเล่นหุ้นได้เลย เพราะถ้ารู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำอีก เล่นไปก็คงมีแต่เสีย จากคุณ : หนูขิง - [ 12 ต.ค. 49 12:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ก็ถ้ารู้ล่วงหน้า มันก้ไม่สนุกสิจ๊ะ จากคุณ : angy_11 - [ 12 ต.ค. 49 12:48:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ้อ กลับไปดูราคาที่เราเอามาพูดถึงทุกตัว Apure 2.24 stec-w2 1.53 Sigha 3.08 TPI 6.50 แล้วดูราคาของมันตอนนี้สิ นี่แหละ ที่มันทำให้เรามีความหวังกับตลาดหุ้นและหุ้นหลายๆตัวของเรา นี่ยังไม่พูดถึงอีกหลายๆตัวที่เราเคยเล่นขาดทุนมานะ เช่น EMC-W1 เคยขายขาดทุนตอน .58 ก็ดูมันทำสิ ต่อให้ตกไปเละเทะ เน่าเฟ๊ะขนาดไหน เธอก็ยังกลับมาเหมือนเดิม และดีกว่าเดิม ถามว่าใช้เวลานานแค่ไหน ไม่ถึงหกเดือนเลยนะ กำไรดีกว่าฝากแบงค์ตั้งเยอะ ขอให้อดทนรอเท่านั้นเอง ทีเวลาฝากแบงค์ เค้าเอาเงินเราไปทำอะไรไม่รู้ ไม่เคยสนใจเลย ถึงเวลาหกเดือน ก็รับดอกเบี้ย 2-3 % ไม่รู้สึกอะไร ทีพอเล่นหุ้น เห็นหุ้นตกขาดทุน 30% หัวใจจะวายตาย นึกว่าจะเป็นวันสิ้นสุดโลก รีบขายหุ้นทิ้ง เหมือนกับว่าหุ้นตัวนี้จะไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกแล้ว พออีกไม่ถึง 2 อาทิตย์ มันก็วิ่งกลับมาเหมือนเดิม แถมลิ่วไปไกล ได้แต่นั่งมองตาละห้อย ซื้อไม่ทัน ขณะที่ realised loss ไปเรียบร้อยแล้วเป็นแสน นี่แหละ เค้าเรียกว่า อ่อนประสบการณ์ไง เพราะไม่รู้จักตลาดหุ้นดีพอ จากคุณ : หนูขิง - [ 12 ต.ค. 49 13:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านมานานมาก แต่ไม่ค่อยมี comment เราอายุใกล้เคียงหนูขิงนะ เล่นมา 2ปี ขาดทุนเกือบล้าน เท่าที่มอง หนูขิงมีdefect ที่ 1.ไม่มีหลักการ ไม่รู้จักtrend ไม่รู้เทคนิค 2.โลภมาก อยากให้เงินทำงานทุกจังหวะ หุ้นไม่ขึ้น ขาย เห็นตัวอื่นวิ่ง เอาเงินออกไปหาตัววิ่ง ตามเค้าไม่ทัน ได้กำไรนิดเดียว กลับมาหาตัวเดิม มันวิ่งไปไกลกว่าที่ขายอีก สิ่งที่ควรทำคือ เรียนรู้หลักการให้มากกว่านี้ พอหนูขิงรู้ว่าหุ้นตัวที่เรามองมีแนวโน้มยังไง ไม่ต้องขาย let profit run มองหา target คร่าว ถ้าอยากขายเล่นรอบ ต้องรู้ว่าควรขายเมื่อไหร่ ดูจากอะไร เราคิดว่าหนูขิงใช้ความรู้สึกเล่นหุ้น ผสมกับอารมณ์ ถ้าแก้ตรงนี้ไม่ได้ คงรวยยาก อีกอย่าง คนรวยหุ้นมากๆน่ะ เค้าไม่โลภมากหรอกนะ หนูขิงก็บอกเองไม่ใช่เหรอ ptt ถ้าไม่ขาย ป่านนี้กำไรบาน รวยไปแล้ว เพราะอะไร เพราะไม่รู้จักtrend ไม่รู้จักจังหวะ ตรงไหนซื้อมากไป ขายมากไป สรุปว่าไปเรียนเทคนิคเถอะ เอาแค่ง่ายๆ ลากtrend line รู้จักเส้นค่าเฉลี่ย ถ้ารู้เป้าหมายในใจแล้ว หนูขิงก็จะอดทนเป็นเองแหละ หุ้นจะขึ้นอีก 1-2 week แต่ไม่ได้ขึ้นทุกวันนะ ขอให้โชคดีนะ จากคุณ : Silluett - [ 12 ต.ค. 49 13:26:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอาเถอะ บัฟเฟตก็เคยพูดไว้เหมือนกัน "Success in investing doesn't correlate with I.Q. once you're above the level of 25. Once you have ordinary intelligence, what you need is the temperament to control the urges that get other people into trouble in investing." "The Stock Market is designed to transfer money from the Active to the Patient." "The most important quality for an investor is temperament, not intellect... You need a temperament that neither derives great pleasure from being with the crowd or against the crowd." แต่สำหรับผม ความสงบทางใจมีไม่ได้หากปราศจากความรู้ที่แท้จริง ยิ่งรู้ ยิ่งมั่นใจ ก็ยิ่งไม่ตื่นตระหนก หรือเบื่อหน่ายกับการรอคอยตลาด จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 12 ต.ค. 49 13:55:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ เราก็กำลังแก้ไขปัญหาทางอารมณ์ของเราอยู่ค่ะ เราน่ะเป็นโรคจิต ชอบโลภในสิ่งที่ไม่ควรโลภ หวังส่วนต่างเล็กๆน้อยๆ เป็นพวกเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายไง คือต่อให้เรารู้และมั่นใจว่า หุ้นตัวนี้นะราคาเป้าหมายอยู่ที่ 10 บาท แต่ถ้าระหว่างการเดินทางไป 10 บาท มันมีย่อบ้างลากบ้าง (ตามธรรมชาติของหุ้น) เราก็จะชอบที่จะขายเอากำไรส่วนต่างเล็กๆน้อยๆระหว่างทางมากกว่า และทุกครั้งที่ทำได้สำเร็จ มันจะมีความสุขยิ่งกว่าได้เงิน เช่น ถ้าซื้อได้ที่ 5 บาท แล้วมันขึ้นไป 6 บาท เราขายออกไปก่อน เสร็จแล้วมันตกมาใหม่ที่ 4 บาท แล้วเราก็มารับได้ที่ 4 บาท ก่อนที่มันจะวิ่งพรวดไป 7 บาท 8 บาท ความรู้สึกปิติของเรา จะไม่ได้เกิดตรง end result ของมัน แต่จะเกิดความภูมิใจอย่างไม่มีเหตุผล ที่สามารถทำกำไรระหว่างทางได้ด้วย ทั้งที่มันเป็นกำไรเล็กๆน้อยๆ เมื่อเทียบกับการได้กินคำใหญ่ตอนจบทีเดียว อันนี้แหละ เป็นนิสัยเสียอย่างแรงที่จะทำให้เราไม่โตในการเล่นหุ้น อ้อ แต่อย่างน้อยวันนี้ เราก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้บ้างแล้ว คือเราไม่ได้เล่นหุ้นวันนี้ ทั้งๆที่ผิดปรกติวิสัยคนอย่างเรามาก ที่เวลาตลาดดีๆ หุ้นเขียวๆวิ่งๆกัน เราจะชอบมากที่จะเข้าไปตะลุมบอนกับเค้า วันนี้ กับเป็นเพื่อนเราแทน ที่บ้าไปกับกระดานหุ้น ซื้อตัวนั้นตัวนี้ใหญ่ ส่วนเรา มัวแต่นั่งทำงาน (ตลกมั้ย เปลี่ยนไปได้ไงเนี่ย) เพื่อนเราก็มาถามเรา รบกวนสมาธิในการทำงานว่า ซื้อตัวนั้นตัวนี้ดีมั้ย เราอุตส่าห์เตือนเค้าว่า อย่าพึ่งรีบซื้อ เพราะเค้าเป็นนักลงทุนระยะยาว ถ้าไม่ได้คิดจะเล่นสั้น อย่าพึ่งซื้อหุ้นตอนตลาดเขียว ให้ซื้อตอนตลาดแดงๆ ปรากฏเค้าไม่เชื่อ เพราะทนรอไม่ได้ รำคาญว่าขี้เกียจรอ จะซื้อเลย พอปิดตลาด ปรากฏหุ้นที่เธอซื้อตกลงไป 2 ตังค์ เราก็เลยบอกว่าเห็นมั้ย บอกแล้วไม่เชื่อ เรามองดูเธอ สภาพเหมือนเราสมัยก่อนเลย การอยู่หน้ากระดานหุ้นมากไป มันทำให้เรามองอะไรไม่ชัด และหลงไปตามอารมณ์ความรู้สึกมากเกินไป จากคุณ : หนูขิง - [ 12 ต.ค. 49 16:57:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมพอจะวิเคราะห์หนูขิงออกแล้วละ สไตล์การเล่นหุ้นของคนเรานั้นต่างกัน ผมเห็นหนูขิง แล้วเสมือนกระจกส่องตัวเองในอดีต ซึ่งผมคิดว่าเป็นแบบนี้เหมือนกันในหลายๆคน ซึ่งถ้าจะพูดถึงคำว่า "อดทน" ผมว่าหนูขิงมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ซึ่ง "อดทน" ถือหุ้นในช่วงแรกๆที่กล่าวตอนต้นที่ขาดทุนนั้น อดทน เพราะ มันต้องทน คือราคามันลงไปเรื่อยๆ ตอนขึ้นก็ดันไม่ขาย คิดว่ามันน่าจะขึ้นมากกว่านี้ ทีนี้พอลง เลยไม่มีช่องให้หายใจได้ขายเลย เลยต้อง "อดทน" ถือต่อไป ทั้งๆที่ไม่อยากจะถือ สาเหตุหลักๆคือ ไม่มีวินัยในการลงทุน คือไม่ยอม cut lost ดันไป cut ในตอนที่ไม่คัทกันแล้ว ขาดทุนไปหลาย 10% ทนไม่ไหวต้องคายหุ้นออกมาเอง พอมาปัจจุบันจะนำคำว่า "อดทน" กลับมาใช้อีก โดยมีเป้าหมายคือ let profit run ฟันธง เด๋วก็เป็นเหมือนเดิมอีก ทำไม่ได้หรอก ผมหมายถึงถ้าไม่รู้จักคำว่า cut lose เครื่องมือ และ วิธีการต่างๆที่เหล่าสมาชิกแนะนำหนูขิงมา ผมว่าล้วนดีทั้งนั้น แต่กลยุทธ์ หรือ วิธีการที่ดีที่สุดนั้นต้องเหมาะกับนิสัย ของผู้เทรดคนนั้นๆด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ คือถ้าจะให้หนูขิง ถือหุ้นยาวๆเพื่่อให้ถึงเป้าราคาที่ต้องการ หนูขิงก็ยังบอกเลยว่าทำไม่ได้ เพราะไม่ชอบ ไม่ใช่นิสัยตนเอง หรือที่บอกว่าจะอดทน เพราะ ราคาหุ้นที่ตัวเองนั้นขายนั้นมักจะกลับมาที่จุดเดิมเสมอ รอได้หรือ? ผมว่าทำไม่ได้หรอก การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเทรดนั้น ผมว่าทำได้ แต่จะเปลี่ยนนิสัยการเทรด ผมว่าทำได้ยาก ที่พูดเพราะ ผมก็คล้ายๆหนูขิง จะให้ผมถือหุ้นนานๆ ผมก็ทำไม่ได้หรอก เพราะเคยมีประสบการณ์ถือแล้วมันลง ไม่ยอมคัท พอเด้งขึ้นมาก็คิดว่ายังไม่ ถึงเป้า คราวนี้ก็ลงอีก แล้วค่อยๆซึมลงไปเรื่อยๆ อดทนถือมา 3 เดือน หวังว่ามันจะเด้งมันก็ไม่มา จนต้องยอมขาย กลับมาดูราคาณปัจจุบัน จริงอย่างที่หนูขิงบอกหุ้นเด๋วมันก็ขึ้นมาเองแหละ มันก็ขึ้นมาจริงๆ แต่ใช้เวลาเกือบปี ตายเลย ใครจะถือรอ ให้เงินจมนานขนาดนั้น เสียสุขภาพจิต เสียโอกาสหมด ***สรุป สิ่งที่อยากจะบอกคือ อดทนได้ แต่ต้องมีจุด cut lost ด้วยนะ และอีกอย่างผมเคยอ่าน คคห.ของคุณยำทุเรียน(wishmaster) ที่เคยบอก ว่าน่าจะเหมาะกับนิสัยของหนูขิง ผมขออนุญาตยกมาให้อ่านอีกครั้งละกัน อ่านให้ดี แล้วหนูขิงจะน่าจะเห็นอะไรบางอย่างที่ตัวเองต้องการ และเหมาะกับตัวเองจริงๆ จากคุณ : ไอเลิฟยูเบบี๋ - [ 13 ต.ค. 49 01:46:48 ]