ความคิดเห็นที่ 1 เห็นใจครับ ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และในสภาพตลาดตราสารหนี้ในปัจจุบัน พันธบัตรที่คุณ รางชาง ได้ลงทุนอยู่ ถือว่าได้ผลตอบแทนดีแล้วครับ สูงกว่าตราสารหนี้อื่นๆในปัจจุบันครับผม หากต้องการเพิ่มผลตอบแทน เพื่อให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่มีอยู่โดยไม่สูญเสียเงินต้น ดูจะเป็นการลำบากมาก เฉพาะค่าใช้จ่าย 65,000 * 12 ก็ 780,000 บาทต่อปีแล้วครับโดยผลตอบแทนจากพันธบัตร 6.10%ต่อปี จะได้ประมาณ 183,000 บาท แค่ประมาณ 24%กว่าๆของค่าใช้จ่ายเท่านั้น (นี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆครับ) ปัญหาจึงไม่ใช่ว่า จะหาทางทำเงิน 3 ล้านให้งอกเงยยังไงแล้วครับ ทางเลือกที่มีก็ต้องหาทางลดภาระรายจ่ายลงบ้าง และเพิ่มรายได้จากทางอื่นเช่น หาเงินอื่นๆเพื่อเพิ่มรายได้ ฯลฯ แต่ถ้านำเงินจากพันธบัตรออกมาเพื่อใช้จ่าย ผมแนะนำว่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่าเอาไว้ในเงินฝากออมทรัพย์นะครับ เพราะดอกเบี้ยต่ำมาก ทางเลือกที่ดีกว่าคือ กองทุนตราสารตลาดเงิน ซึ่งตอนนี้ได้ดอกเบี้ยอยู่ประมาณ 4.3%-4.4%ต่อปี ซื้อขายได้ทุกวันทำการ รับผลตอบแทนได้ทันทีที่ขายหน่วยลงทุน กองที่แนะนำก็ตามนี้ครับ TMBTM ของ บลจ.ทหารไทย AYFCASH ของ บลจ.AYF เพราะ 2 กองนี้มีสัดส่วนการลงทุนในพนัธบัตรรัฐบาลที่สูง มีความเสี่ยงต่ำที่สุดครับ ยังไงก็เอาใจช่วยนะครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 12 ต.ค. 49 11:51:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าค่าใช้จ่ายเดือนละ 65000 นี่แพงมากเลยนะครับ น่าจะลองหาวิธีลดค่าใช้จ่ายก่อนดีกว่า จากคุณ : KhunGong - [ 12 ต.ค. 49 12:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ และข้อให้น้าชายมีอาการดีขึ้นนะครับ.... การลงทุนในพันธบัตรถือว่าปลอดภัยแล้วครับ เพราะยังไงซะคุณก็ต้องใช้เงินส่วนนี้ หากไปทำอะไรที่มันมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นคงไม่ดีแน่ ๆ เอ...แล้วทาวเฮ้า ย่านลาดพร้าวนั่นล่ะ ถ้าไม่มีคนอยู่ควรหาคนมาเช่านะครับอย่างน้อยก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง....อืมม แล้วอีกอย่างก็ลองลดค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ.... จากคุณ : บอนน์ - [ 12 ต.ค. 49 12:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอแนะนำข้าวของเครื่องใช้ให้ใช้ของhouse brand เช่นของโลตัสจะประหยัดได้มาก จากคุณ : Searchlady (Searchlady) - [ 12 ต.ค. 49 13:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ค่าใช้จ่ายแพงมาก ๆ นะคะ  ลองหาที่ใหม่ดูนะคะคุณแม่ก็เป็นแบบนี้ ตอนนี้พักรักษาตัวที่ร.พ เอกชน เล็ก ๆ ที่หนึ่ง  ค่าใช้จ่ายรวมหมด เหมือนของคุณประมาณ 20,000 กว่า ๆ เอง  อาจจะมากกว่านิดหน่อย   บางเดือน   ถ้าค่าใช้จ่ายแพงแบบของคุณรับรองไม่เกิน 4 ปี  เงินหมดแน่นอน บ้านของท่านควรให้เช่าเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่ง  ดิฉันโชคดี หน่อยที่ซื้อหุ้นเก็บไว้ในราคาพาร์   ก็ได้เงินปันผลค่าหุ้นนี่แหล่ะค่ะ  เป็นค่าใช้จ่าย สำหรับคุณแม่ จากคุณ : ดอกยี่เข่ง - [ 12 ต.ค. 49 13:18:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ลดค่าโครงการผู้สูงอายุ กับ ค่าพยาบาลได้ไหม ถ้าลดได้ก็คงอยู่ได้ แบบ สบายๆ ไปอีกนาน แต่ละปี ก็ กินเงิน ที่เหลือ จาก 3 ล้าน ประมาณ 1 แสน ดังนั้น ปีต่อไป ก็ หายไปอีก 1 แสน บ้านที่ลาดพร้าว หาคนเช่าไม่ได้ ก็ขาย ออกไป แล้ว ไปซื้อกองทุน ส่วนหนึ่ง อีกส่วนเป็น คชจ. ดังนั้น อยู่ไปอีก 15 ปี พอดี เงินหมด ก็พอดีสมควรที่จะ.... จากคุณ : phon77 - [ 12 ต.ค. 49 13:21:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ใช้แพงเกินไป  เองหรือเปล่า จากคุณ : graratea - [ 12 ต.ค. 49 13:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นอัมพฤกษ์ด้านซ้ายมา 4 ปี อยู่โรงพยาบาล ทำกายภาพบำบัด เพื่ออะไร เพื่อหวังว่าจะกลับมาเหมือนเดิมหรือ บอกคำเดียวว่ายากครับ คุณเป็นคนใกล้ชิดที่สุด คุณดูมือกับขาด้านที่เป็นใหม่ๆ กับปัจจุบัน ดูว่ามันมีอะไรที่ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าไม่ดีขึ้น ดีขึ้นหมายความว่าควรจะต้องลุกขึ้นมาเดินได้ด้วยนะครับ มือต้องกำได้ คนที่เป็นนานๆ แล้ว เส้นเอนมันจะยึด นิ้วจะงอ ขาจะแข็ง ไม่มีแรง ยากที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้ ต่อให้ทำกายภาพบำบัดมากขนาดไหน ก็ไม่มีทาง เพราะว่าอะไรรู้หรือไม่ เพราะว่ามันเจ็บสุดๆ จริงๆ คนแก่อายุขนาดนี้ ทนไม่ไหวหรอกครับ เขาจะบอกให้หยุดทำ เท่ากับเสียเงินให้โรงพยาบาลไปฟรีๆ (หน้าบ้านผม คุณแม่ของเขาก็เป็นอัมพฤกษ์เหมือนกัน ผมเห็นเธอร้องลั่นบ้านด้วยควมเจ็บปวดแสนสาหัสทุกคืน วันละหลายรอบ ข้างบ้านใกล้ๆ กันถึงขนาดเคยแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบก็ยังเคยมาแล้ว สำหรับตัวผม ถ้าผมเห็นคุณแม่ต้องทนเจ็บจากการทำกายภาพบำบัด ผมไม่ทำ หรอกครับ ปล่อยไปตามสภาพ อายุมากแล้ว ให้ท่านอยู่อย่างสบายๆ ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานดีกว่า แต่ต้องระวังเรื่องแผลกดทับด้วยทรมานคนแก่จริง แถมเป็นบาปต่อตัวเองไปตลอดชีวิต) ผมสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ให้คนไปสืบมา ได้ความว่าลูกชายของเธอทำกายภาพบำบัดให้กับคุณแม่ โรคนี้คนไทยเป็นกันมาก ข้างบ้านผมก็มีอีกคนหนึ่งที่เป็น เป็นผู้ชายอายุเกือบ 80 ปีแล้ว ลูกชายก็ให้พ่อกลับมาอยู่ที่บ้าน กั้นห้องให้อยู่ข้างล่าง จ้างคนดูแลมาดูจ่ายเดือนละ 14,000 บาท รวมค่าอาหารและ OT เวลาไปหาหมอ ก็ช่วยกันอุ้มขึ้นรถไปโรงพยาบาล ถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาลจะเป็นคนช่วยอุ้มลงจากรถเอง พอดีคุณพ่อของผมท่านไม่มีโรคร้ายแรงอะไร ผมก็กั้นห้องให้พ่ออยู่ข้างล่าง ซื้อเตียงแบบมือหมุนแบบที่โรงพยาบาลมาใช้ (ควรซื้อแบบหมุนขึ้นลงด้วย ของผมไม่ได้ซื้อแบบหมุนขึ้นลง เวลาต้องเช็ดของเสีย ต้องก้มเพื่อทำ ปวดเอว ปวดหลังสุดๆ ไปเลย) อยู่โรงพยาบาลค่าใช้จ่ายมันแพงมาก คุณควรคุยกับน้าชายของคุณว่า เงินที่มีอยู่ในตอนนี้มันไม่พอ ผมแนะนำว่าให้กลับมาอยู่ที่บ้าน โดยจ้างผู้ช่วยพยาบาลให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านครับ ซื้อเตียงให้เธอนอนข้างๆ ซื้อเตียงแบบที่โรงพยาบาลใช้ให้น้าชายคุณนอน ถ้าที่บ้านมียุงมาก ก็ควรจ้างช่างมาทำฉากอลูมิเนียมกั้นห้อง ติดแอร์ด้วยแต่อย่าเปิดทั้งวันทั้งคืน ค่าไฟบานแน่ๆ เปิดเฉพาะกลางคืนเวลานอน เปิดเบาๆ อย่าให้หนาวมากเกินไป (โดยถ้าเธอจะหยุดงาน ก็ขอให้แจ้งล่วงหน้าเพื่อที่คุณจะได้หาคนมาดูแลชั่วคราวได้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมทำเอง) ให้ผู้ช่วยฯ ทำอาหารสำหรับผู้ป่วยกินด้วย คือผู้ช่วยฯ จะทำทุกอย่างที่เป็นเรื่องของคนไข้ ทั้งทำอาหาร ป้อนยา ซักเสื้อผ้า เช็ดตัวและอาบน้ำ ทำกายภาพบำบัดด้วย (เป็นหน้าที่ของเธอ) ซื้อไม้เท้าสามขาหรือสี่ขามาด้วย จับให้คนไข้ลุกขึ้นยืน (ช่วงที่คุณพ่อของผมเป็นใหม่ๆ ผมจ้างหมอที่เป็นนักกายภาพบำบัดจากโรงพยาบาลให้มาทำที่บ้านในตอนกลางคืนเป็นกรณีพิเศษ จ่ายไปชั่วโมงละ 500 บาท เขาจะสอนให้คนไข้ยืนและเดินด้วยตนเอง โดยมีผู้ช่วยคอยพยุงอีกทีหนึ่ง ทำแค่ 3 ครั้งเอง พ่อผมก็ไม่ให้ทำแล้ว เพราะว่าผมไปบอกพ่อว่าต้องจ้างหมอมาให้ทำ เพราะฉะนั้นพ่อต้องให้ความร่วมมือหน่อย จะได้ดีขึ้น พอพ่อผมรู้ว่าต้องจ่าย เขาไล่หมอกลับบ้าน บอกว่าครั้งหน้าไม่ต้องมาอีกแล้ว หมอล่ะเสียหน้าเลยครับ) ช่วงแรกๆ คุณคงต้องมาช่วยด้วย ทำให้เขายืนและเดินบ้างให้ได้คุณพ่อผม ปัจจุบันนี้อายุ 90 ปีเป็นอัมพฤกษ์ด้านขวามา 2 ปี ช่วงแรกๆ ที่เป็น หมอให้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน ผมจ้างเด็กผู้ช่วยพยาบาลจากศูนย์ฯ ในราคา 10,000 บาทรวมค่าอาหารและ OT โดยผมดูแลซ้อนอีกชั้นหนึ่ง ปล่อยให้เด็กผู้ช่วยพยาบาลดูเพียงลำพังไม่ได้ คนที่เป็นโรคนี้เวลานอนในตอนกลางคืนจะกวนมากที่สุด คนกำลังนอน ต้องถูกปลุกขึ้นมาให้ทำโน่นทำนี่ เคยเห็นคนโมโหเวลาถูกปลุกให้ตื่นนอนในตอนกลางคืนหรือไม่ ไม่ได้มีแค่คืนเดียว แต่ถูกเรียกทั้งคืนนะครับ มีอยู่วันหนึ่งผู้ช่วยฯ จับพ่อผมลุกให้นั่งที่เตียง เวลาจับต้องใช้มือซ้ายอุ้มที่คอ แล้วใช้มือขวาอุ้มที่ขา แล้วก็หมุนออกมาให้นั่งที่เตียง มันจะมีแรงเหวี่ยงที่สัมพันธ์กัน จังหวะนั้นผมเข้าไปเห็นพอดี เด็กหมุนแรงไปหน่อย (คงโมโหด้วย) หัวเกือบชนที่กั้นเตียงที่เป็นโลหะ โดนเข้าไปคงเจ็บหน้าดู ผมต้องร้องบอกเด็กว่า หมุนช้าๆ หน่อย ระวังหัวด้วย บางคืนพ่อของผมเรียกเด็ก เด็กก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ (ทั้งเหนื่อยและรำคาญด้วย ตอนผมดูแลคุณแม่ ผมถูกเรียกทุกครึ่งชั่วโมงทั้งวันทั้งคืน เวลานอนต้องฝึกสมาธิหลับให้ได้ในเวลาอันสั้น จนมีอยู่วันหนึ่ง ผมล้าแล้ว ผมก็บ่นกับแม่ ขนาดเพื่อนของผมมาเยี่ยมคุณแม่ ยังด่าผมเลยว่าทำไมพูดกับคุณแม่อย่างนั้น ผมบอกว่าไม่ลองมาทำดูบ้างแล้วจะรู้ว่ามันเหนื่อยอย่างไร พี่สาวผมก็เลยต้องจ้างผู้ช่วยฯ มาดูแล แต่ผมก็ยังต้องดูแลซ้อนอีกชั้นด้วยเหมือนกัน คุณแม่ผมไม่สบายก่อนคุณพ่อครับ) ผมกั้นห้องนอนอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงร้องนานๆ ก็ต้องเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอผมเข้าไป ผู้ช่วยฯ ก็ต้องลุกครับ จากคุณ : mar รุ่นเก๋า - [ 12 ต.ค. 49 13:40:24 A:125.25.128.200 X: TicketID:122020 ]

ความคิดเห็นที่ 9 1. เงินที่ลงทุนในพันธบัตร ได้ผลตอบแทนดี และปลอดภัยดีแล้ว  ดีกว่าของคุณพ่อคุณแม่ของดิฉัน ซึ่ง ก็จะได้จากปันผลปูนซีเมนต์ไทย 2 ล้านบาท  และก็ปันผลพันธบัตร 5.9 % จาก 1 ล้านบาท และมีค่าเช่าที่ต่างจังหวัดอีก เดือนละ 700  บาท สรุปแล้วสองสามีภรรยา จะได้ เดือนละ 15000 บาท  บวกกับบำนาญที่มี อยู่ต่างหาก 20000 ก็เป็น 35000 บาท  2 คน  จริงๆ  2 เดือนไปหาหมอ ทีนึง ก็ ค่ายา 20000 บาทนะคะ(เบาหวาน หัวใจ)  ก็ต้องบริหารให้ได้ในเงินนี้ คุณพ่อก็อยากให้ดิฉันขายปูนขายพันธบัตร มาสัก 1 ล้าน  เพื่อ  จะได้ใช้อย่างมีความสุขเหมือนกัน  แต่ดิฉันจะยืนยันว่า  ไม่รู้วันข้างหน้า มีความจำเป็น  เช่นจะต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า  ผ่าต้อ....ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เราจำเป็นต้องจ่ายเงินก้อน เพราะฉะนั้นดิฉันไม่อยากให้ขาย  ท่านก็เชื่อฟังดีค่ะ  โชคดีที่ท่านยังไม่รู้จักโรงพยาบาลที่ศาลายานี้นะคะ 2. 65000 ต่อเดือน  เพียงคนเดียวนี่แพงมากเกินไปจริงๆค่ะ   เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่มีค่าคนเฝ้าไข้     เป็นไปได้หรือไม่ที่จะ กลับมาอยู่บ้านบ้านคุณ หรือ บ้านท่านเอง ถ้าไม่มีทางขอลดราคาจากให้อยู่ ใน 183000 ต่อปีได้ และถ้าท่านไม่อยู่ที่บ้านจริง แล้วบ้านท่านจะให้เช่าได้หรือไม่ 3. การลงทุนสำหรับผู้สูงอายุนี่ จะลงทุนแบบที่เสี่ยงมากก็ไม่ได้  และยังต้องเตรียมจ่ายเงินสำหรับการรักษาพยาบาลในกรณีพิเศษด้วย  ประมาณได้ว่า ผู้สูงอายุจะอยู่กับเราต่อไป ถึง อายุ 80-85 ปี แล้วค่าใช้จ่ายตอนบั้นปลายก็น่าจะใช้มาก 4. ผู้ใหญ่ของเรา อาจจะชอบโรงพยาบาลศาลายา  แต่ ถ้าชี้แจงกันด้วยเหตุผล และทรัพยากรที่มีอยู่ บวกกับสมมุติฐานว่าเราจะมีชีวิตอยู่ต่ออีก 12 ปี และระหว่างนี้เราอาจจะต้องรักษาพิเศษ  ท่านอาจจะเข้าใจแล้ว ยอมลดมาตรฐานลงมาอยู่บ้าน  หรือ ยอมให้ จัดการเอาบ้านท่านให้เช่า  ถ้าได้เงินค่าเช่าเยอะพอก็ดี ปัญหาก็จบ หรือยอมมาอยู่บ้านเรา  ยังไงต้องหาทางลดค่าใช้จ่าย จากคุณ : kaijae - [ 12 ต.ค. 49 13:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กระทู้นี้คุณ mar รุ่นเก๋า แนะนำดีกว่าหุ้นบางตัวเสียอีก จากคุณ : จุย - [ 12 ต.ค. 49 13:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท. เอาความเห็นในกระทู้นี้ให้ท่านดู แล้วถามว่าจะเอาไง  เหลือเงินอีก 3 ล้าน ถ้าคนแก่ดื้อรั้น นึกว่าเงินตัวเองเยอะไม่ยอมลดค่าใช้จ่ายละก็ บอกว่าถ้าเงินหมดแล้ว ตัวใครตัวมันนะ   หักดิบไปเล๊ย  ไงๆแกก็ตืบเราไม่ได้อยู่แล้ว แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 14:13:37 จากคุณ : klongleg - [ 12 ต.ค. 49 14:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณทุกท่านมากๆ ค่ะ สำหรับกำลังใจ และคำแนะนำที่มีประโยชน์ทั้งนั้น ดิฉันเองก็คิดอยู่เรื่องจะเอาท่านกลับมาอยู่ที่บ้านของท่านเอง แต่ก็หมายความว่า ต้องปล่อยให้คนเฝ้าไข้อยู่กับท่านเพียงลำพัง กลัวค่ะ กลัวเขาจะหงุดหงิดและทำอะไรที่ไม่เหมาะควร เช่น กระแทกกระทั้น หรือ แย่ยิ่งไปกว่านั้น .... ครั้นจะเอามาอยู่บ้านดิฉัน เคยถามแล้ว ท่านเองก็ไม่อยากอยู่ เพราะดิฉันก็มีครอบครัว บ้านก็เล็กชั้นเดียว แถมอยู่ในซอยลึก หากฉุกเฉิน และดิฉันไม่อยู่บ้าน จะไปร.พ.ลำบากมาก ปัญหาก็คึือ บ้านท่านที่ลาดพร้าวสภาพไม่ดีค่ะ ให้เช่าก็คงได้ไม่ถึงหมื่น ฝนตกทีน้ำก็ท่วมชั้นล่างหมด ก่อนที่จะไม่สบาย ท่านก็ใช้วิธีสูบน้ำเอาทุกครั้งที่ฝนตก หากจะไปอยู่จริงๆ ต้องยกพื้นใหม่หมด ซื้อเตียงคนป่วย+คนเฝ้าไข้ ตู้เย็น ท่าทางจะอีกหลายแสน แต่ทำเลเหมาะกับเรามาก เพราะปากซอยเป็นร.พ.ลาดพร้าว นี่ดิฉันเองคิดถึงขนาดว่าจะลาออกจากงานที่ทำมา 15 ปี และชอบมาก เพราะอยากได้เงินเดือนระดับแสน ตอนนี้ได้เพียงแค่ 64,000 เท่านั้น ยังไม่พอค่าใช้จ่ายของท่านเลย หากเงินของท่านหมด ภาระทั้งหมดก็คงตกอยู่กับดิฉันคนเดียว เลยต้องหางานที่เงินเดือนเยอะขึ้นน่ะค่ะ จากคุณ : รางชาง - [ 12 ต.ค. 49 14:14:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้ากลับมาอยู่บ้าน น้าชายของคุณก็เสียค่าใช้จ่ายเริ่มแรกก็คือการกั้นห้อง ให้อยู่ชั้นล่าง ติดแอร์ ซื้อเตียงนอนคนป่วยจะมีฟูกและหมอนมาให้ด้วย ซื้อเตียงนอนเหล็กแบบถอดประกอบได้พร้อมฟูกและเครื่องนอน (ไม่ต้องซื้อของดีมากนักหรอกครับ) ไม้เท้าสามขาหรือสี่ขา (เตียงให้มาซื้อร้านที่อยู่หน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนพระราม 4 ร้านนี้เป็นร้านใหญ่ ผมเช็คราคามา ผมว่าร้านนี้ขายถูกนะ) รถเข็นนั่ง (ซื้อแบบที่เป็นอลูมิเนียม มันจะเบา อย่าซื้อแบบเหล็ก หนักมากครับเวลายกขึ้นกระโปรงหลังแล้วจะรู้ว่าเป็นอย่างไร) คุณจะประหยัดค่าห้องที่โรงพยาบาลและค่ากายภาพบำบัดไปได้รวมแล้วหลายหมื่นบาท ค่าของใช้ส่วนตัว (สำหรับพ่อของผม แต่สำหรับน้าชายของคุณก็แล้วแต่กรณี) ให้ดูว่าคนไข้ช่วยตัวเองได้บ้างหรือไม่ เวลาอยู่บนเตียงจะใช้แผ่นรองซับ (ซื้อได้ตามห้างฯ) ไม่ต้องใส่กางเกง (เวลาจะปัสสาวะ ก็ให้เตรียมกระบอกฉี่แบบ comfort 100 ) เวลาจะอุจจาระ ถ้ารู้สึกตัวเป็นปกติ ก็ให้เรียกผู้ช่วยฯ เพื่อรอทำความสะอาด แต่ถ้าเกิดบังคับไม่ได้ก็ต้องใส่แพมเพิร์ส ผมใช้ยี่ห้อ certainty ซื้อเป็นห่อใหญ่ๆ จะได้ราคาถูกมากๆ ของใช้ทุกอย่างเช่นแป้งทาตัว ครีมทากันผิวแห้ง สบู่เหลว ก็ซื้อขนาดใหญ่ราคาก็จะถูกลงไปอีก อาหารของคนไข้ เน้นไม่กินของเค็ม ยาใช้น้ำปลาหรือเกลือให้ใช้ซีอิ๊วขาวแทน (เพื่อป้องกันการเป็นโรคไต) อย่าให้กินหวานมากเกินไป (เพื่อป้องกันการเป็นเบาหวาน) ให้กินน้ำผลไม้ของ TIPCO หนึ่งแก้วใหญ่ในตอนเช้า หลังกินข้าวเช้า ให้กินน้ำมากๆ ให้กินนมพร่องมันเนยซื้อแบบผง ยี่ห้อแอนลีน กินตอนกลางวัน แล้วก็ซื้อยาเม็ดแคลเซียมพร้อมวิตามินซี เม็ดฟู่ละลายน้ำ กินตอนเย็น ค่ายารักษาโรคทั่วไปก็ต้องพาไปหาหมอตรวจครับเพื่อที่หมอจะได้จัดยามาให้ (สำหรับผมแล้ว พี่สาวรู้จักกับหมอ ผมบอกให้หมอจัดยาเป็นตัวอย่างพอ เดี๋ยวผมไปซื้อที่ร้านขายยาเจ้าประจำเอง ราคาถูกกว่ากันเยอะมากครับ) ถ้ามีเวลาใช้บัตรทอง ถูกเงินดีครับ โรงพยาบาลของรัฐฯ ที่ผมใช้บริการนั้นดียิ่งกว่าโรงพยาบาลใหญ่ๆ ของรัฐฯ เสียอีก อยากได้ยานอก เราก็บอกกับหมอได้ว่าจะจ่ายเพิ่มเอง ลองดูกันไปครับ มีปัญหาอะไรก็เข้ามาคุยกัน ต้องบอกว่าเป็นบุญของน้าชาย ที่มีหลานอย่างคุณเป็นคนดูแล คุณดูโลกภายนอกมีคนแก่อีกเป็นแสนๆ คนที่อยู่อย่างยากแค้น เพราะฉะนั้นต้องเก็บเงินให้มากที่สุดเพื่อใช้ในยามแก่ชรา จากคุณ : mar รุ่นเก๋า - [ 12 ต.ค. 49 14:16:27 A:125.25.128.200 X: TicketID:122020 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องลดค่าใช้จ่ายลงก่อน ลองคุยกับ ร.พ. ลดค่าใช้จ่าย หรือ ร.พ.รัฐ หรือกลับมาบ้าน พันธบัตรน่าจะผลตอบแทนดีสุดแล้วครับ จากคุณ : trakulsom (trakulsom) - [ 12 ต.ค. 49 15:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คิดไปคิดมา อ่านไปอ่านมา ผมว่าค่าทำบ้านใหม่ให้น้าชาย คงไม่ถึง 780,000 บาท มั้งครับ กลับมาอยู่บ้าน ลดค่าใช้จ่ายที่ใช้ได้ แบบเศรษฐกิจพอเพียง ถ้าน้าชายไม่ยอม ลองทำ Cash Flow Projection ให้แกดูว่า แกเหลือเท่านี้ แล้วจะหมดตอนไหน ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง สู้ๆครับ แผ่นดินไทยยังไม่สิ้นคนดีอย่างคุณ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 12 ต.ค. 49 16:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมคิดจะเลิกเข้ามาอ่านกระทู้ในสินธรหลายครั้งแล้ว แต่ก็พบกระทู้ดี ๆ เช่นนี้  จึงอดเข้ามาอ่านไม่ได้  คำแนะนำของหลายท่านมีประโยชน์  อาจจะช่วย จขกท.  มีทางแก้ปัญหาได้  อย่างน้อยสำหรับผมก็ให้ข้อเตือนใจว่า ต้องระมัดระวังไม่ตั้งอยู่ในความประมาท  สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ  และต้องมีเงินออมไว้ พยายามพึ่งตนเองให้ได้มากที่สุด  ผมมีตัวอย่างอาจารย์ที่เคารพ ปีนี้ท่านอายุ ๙๙ ปีแต่ท่านมีลูกชายเป็นนายแพทย์คอยดูแล  ยังเดินและมีชีวิตปกติ  อีกท่านอายุ  ๘๙ ปี  คนโสดอยู่กับลูกจ้าง ท่านระมัดระวังตัวเองมาก โชคดียังไม่เจ็บป่วยขนาดช่วยตนเองไม่ได้และที่สำคัญทั้งสองท่านไม่ขาดแคลนเงินครับ          ผมเคยดูในโทรทัศน์มีนายแพทย์ทำหมู่บ้านเพื่อดูแลคนสูงอายุที่แถวอยุธยา  และอีกแห่งหนึ่งที่ จ.กาญจนบุรี  มีห้องพักรวม  ๔ คน ไม่มีแอร์  พัก ๒ คนมีแอร์  มีคนดูแล  ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากเท่าที่จ่ายอยู่ในขณะนี้ ทั้งสองแห่งนี้มีเวบไซต์  ผมเคยจดไว้แต่ขณะนี้ยังหาไม่ เจอ ไม่ทราบว่าจะหาจากกูเกิ้ลได้หรือไม่  จขกท.ควรลองดูครับ จากคุณ : jinvet - [ 12 ต.ค. 49 16:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าคุณ jinvet  เจอเวบแล้วช่วย post ด้วยนะคะ   น่าสนใจมาก จากคุณ : kaijae - [ 12 ต.ค. 49 16:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เคยเห็นใบที่ได้รับแจกของโครงการนี้ค่ะ อยู่แถวบางไทร โครงการที่พักอาศัยพร้อมบริการด้านสุขภาพ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา www.hospihouse.com/ เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : เอาใจช่วย - [ 12 ต.ค. 49 18:02:42 A:124.121.36.87 X: TicketID:107197 ]

ความคิดเห็นที่ 19 บ้านอุดมสุข  กาญจนบุรี  นายแพทย์สมพงษ์ ศิริรัตน์ ห้องรวม ๕ คน พัดลม คนละ ๓ พันบาทต่อเดือน ห้อง ๒ คน ปรับอากาศ  คนละ  ๑๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ผมจดไว้แค่นั้นเองครับ  สำหรับที่บางไทรไม่ได้แจ้งราคา ไว้  เข้าใจว่า  ต้องซื้อบ้านหรือเช่าลองเข้าเวบที่ คห.๑๘ แนะนำดูครับ จากคุณ : jinvet - [ 12 ต.ค. 49 18:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นใจมากครับทั้งคนป่วยและคนดูแล  แต่ถ้าไม่ทำอะไรตอนนี้อาจสายเกินไปในแง่การเงิน เงิน 3 ล้าน ถ้ามีค่าใช้จ่ายในอัตราที่ว่ามาคือ 65000 ต่อเดือน จะใช้ได้แค่ 46 เดือนหรือ 3.8 ปี ก็หมด นี่ยังไม่รวมค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ กรณีมีปัญหาฉุกเฉินขึ้นมา ซึ่งหากท่านหายจากการป่วยในช่วง 3-4 ปีนี้ก็โอเค แต่ถ้าไม่หาย??? หากคุณต้องการให้เงิน 3 ล้านงอกเงยให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายก็ต้องหาวิธีลงทุนเงินก้อนนี้ให้ได้ดอกเบี้ยอย่างต่ำ 26% ต่อปี ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้ ผมดูแล้วการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดภายใต้เงื่อนไขเงินต้นเสี่ยงน้อยที่สุด อยากมากก็ได้ไม่เกิน 10% ต่อปี ดังนั้นวิธีเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์ยากลำบากนี้ได้ คือ การลดค่าใช้จ่าย ทางแรกเลยก็คือต้องออกจากโรงพยาบาลก่อน (หากไม่มีเงื่อนไขว่าจำเป็นต้องอยู่เพื่อการรักษาทางการแพทย์) ค่าใช้จ่ายอย่างที่กระทู้ข้างบนบอก ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์จำเป็นต่างๆ ค่าเตียง ค่าคนดูแลหรือพยาบาลในระยะยาวผมว่าจะจะประหยัดไปได้กว่าครึ่ง เท่ากับยืดเวลาการใช้เงินไปได้อีกเป็นเกือบ 8 ปี กว่าจะหมด อันนี้ว่าแบบคร่าวๆ นะครับ เมื่อลดค่าใช้จ่ายได้แล้ว ค่อยมาดูต่อว่าจะดูแลท่านอย่างไรต่อไป เมื่อทุกอย่างเข้าที่จากที่เคยจ้างพยาบาลอาจเปลี่ยนมาเป็นคนดูแลธรรมดาที่ได้รับการเทรนมาอย่างดีแทนก็ได้ ก็จะลดค่าใช้จ่ายลงไปอีก ผมไม่แน่ใจว่าหมอมองว่าโรคของคุณอาคุณสามารถหายได้หรือไม่ ใช้ระยะเวลานานแค่ไหน น่าจะปรึกษาหมอในเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน เพื่อจะมาวางแผนอนาคตต่อ ยังไงเอาใจช่วยขอให้โชคดีครับ จากคุณ : ดาบผ่าลม - [ 12 ต.ค. 49 21:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขู่ น้าชายของคุณหน่อยว่า ถ้าเงินหมดแล้ว และหนูก็ไม่สามารถที่จะช่วยได้ จะส่งน้าชายไปอยู่บ้านพักคนชราเอาไหม (พูดเล่นนะ) แถวบ้านผมมีอยู่บ้านหนึ่ง คุณพ่อของเธอเป็นอัมพาตทั้งตัว ถึงขนาดต้องให้อาหารทางสายยาง บ้านเป็นตึกแถว สามชั้น กั้นห้องชั้นล่าง สองด้านด้วยอลูมิเนียมและกระจก พร้อมกับยกพื้น ราคาประมาณ 50,000 บาทครับ (เป็นราคาหนึ่งปีมาแล้ว) มีลูกสาว 3 คนแต่งงานแล้วแต่ไม่เคยเห็นสามีของเขา (หรือว่าหย่าก็ไม่รู้เหมือนกัน) เดิมอยู่ด้วยกันทั้งพ่อแม่ลูกและหลานๆ แต่พอพ่อไม่สบาย ก็กั้นห้องให้พ่ออยู่ และก็จ้างคนมาดูแล โดยให้แม่ดูแลอีกชั้นหนึ่ง ส่วนตัวลูกสาวก็ย้ายไปอยู่ที่อื่น แปลกดีนะบ้านนี้ แต่ก็ดีที่ยังเป็นธุระจ่ายค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ (พ่อของเขาเพิ่งเสียไปเมื่อต้นปี แม่ก็เลยอยู่คนเดียวในห้องนี้ โดยยังจ้างผู้ช่วยฯ ต่อไป แทนที่ลูกสาวจะกลับมาอยู่กับแม่ ก็ปล่อยให้แม่อยู่ตามลำพัง ทุกเช้าจะเห็นคนเป็นแม่ที่แก่แล้ว เดินไปจ่ายตลาด นานๆ จะเห็นลูกสาวมาเยี่ยมแม่ครั้งหนึ่ง สงสัยกลัวบาปที่ทำให้พ่อต้องทนทุกข์ทรมาน ) ถ้าคิดว่าพร้อมที่จะพาน้าชายของคุณกลับมาอยู่ที่บ้านของเขา ก็จัดการยกพื้นเฉพาะที่จะกั้นห้อง ทำทางลาดหน้าประตูทางเข้าห้อง ขยายห้องน้ำด้วยนะให้เข้าออกง่ายๆ ให้ประตูทางเข้าใหญ่ไว้ก่อน ควรให้คนไข้ได้อาบน้ำด้วย เช็ดตัวบนเตียงอย่างเดียวมันไม่สะอาดครับ ที่บ้านผมกั้นห้องให้คุณพ่ออยู่ ด้านเดียวหมดไปประมาณ 17,500 บาท แพงหน่อยช่างมัน (ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงแพงจัง) เพราะว่าต้องการเร็ว ค่าเตียงคนป่วยแบบมือหมุนประมาณ 15,000 บาท รถเข็นประมาณ 7,500 บาท ไม้เท้าก็แค่ 450 บาท ให้มาอยู่บ้านพร้อมกับคนดูแล คุณต้องหมั่นไปเยี่ยมด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้อยู่กันตามมีตามเกิด ทำให้คนดูแลเหมือนเป็นญาติคนหนึ่ง ต้องไปดูว่าน้าชาย ของคุณยังปกติดีอยู่หรือไม่ ที่บ้านผมเอง เป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างแบ่งเป็นสี่ห้อง ห้องหนึ่งผมก็กั้นให้คุณพ่ออยู่ อีกห้องหนึ่งติดกันผมอยู่เอง (เดิมห้องนี้คุณแม่ผมอยู่ แต่ตอนนี้ท่านเสียไปแล้ว) อีกห้องหนึ่งก็เป็นบันไดขึ้นชั้นสองกับห้องเก็บเสื้อผ้า ห้องที่เหลือก็เป็นห้องกินข้าว ไม่มีโต๊ะกินข้าว ตักข้าวและกับข้าวรวมด้วยกัน แล้วก็นั่งกินเอา มีโทรทัศน์ ตู้เย็น พื้นที่แต่ละห้องก็ตก 3.2*3.9 เมตร ส่วนห้องครัวกับห้องน้ำอยู่หลังบ้านครับ ชั้นสองก็กลายเป็นห้องว่างๆ อีกสี่ห้อง เป็นที่เก็บของสมัยคุณพ่อและคุณแม่มากที่สุด ถ้าย้ายมาอยู่ที่บ้านของคุณก็คงต้องกั้นห้องให้เป็นสัดเป็นส่วน ต้องคุยกับแฟนของคุณให้ดีๆ เพราะว่ามันไม่สะดวก และไม่รู้ว่าแฟนของคุณจะรับได้หรือไม่ด้วย อีกอย่างหนึ่งที่ต้องระวัง นิสัยผู้ชายเจ้าชู้ ต้องระวังเรื่องการลวนลามผู้ช่วยฯ ด้วย ตอนผมจ้างเด็กเฝ้าไข้มาดูแลคุณพ่อ ทางศูนย์ฯ ให้ทำสัญญาต้องดูแลพนักงานอย่างดี เหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่ง ในวันสงกรานต์ต้องอนุญาติให้กลับบ้านเกิดได้ ถ้ามีเรื่องการลวนลามทางเพศจะถูกฟ้องร้องเป็นคดีอาญาฯ (พี่ชายผมแต่งงาน อยู่กันคนละหลังแต่ในพื้นที่เดียวกัน ก่อนหน้านี้เคยเรียกคนงานของเขาให้มาช่วยตอนเช้า ทะเลาะกับพี่สะใภ้จะเป็นจะตาย ผมสวนกับไปว่าพี่สะใภ้ควรจะดูแลพ่อผัวตัวเองบ้าง พี่ชายผมบอกว่าสะใภ้สมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกันแล้ว แม่ผมกังวลก็เลยสั่งให้โอนทรัพย์สินทุกอย่างที่อยู่ในพี่ชาย ให้ผมถือแทน) และต้องไปให้กำลังใจกับเขา พอวันหยุดก็ควรพาเขาไปเที่ยวข้างนอกบ้านบ้าง ไปสวนสาธารณะ ไปเที่ยวห้างฯ ลองเช็คดูบ้านของหมอ นั่นก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าราคาไม่แพงมาก ก็สะดวกดี แต่อย่างไรก็ตาม คนแก่เป็นโรคพวกนี้จะเหงามาก เหมือนกับถูกทอดทิ้ง ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องพยายามฝึกให้เขาช่วยตัวเองให้ได้บ้าง เวลาผมแนะนำหุ้น จะให้ดีก็ทำได้ ตัวจริงๆ ของผมเป็นคนใจดีมากนะจะบอกให้ เคยไปงาน SET in the city บางคนคุยกับผมแล้วชอบ ตามตื้อให้ผมสอนเทคนิคฯ ตั้งหลายปี (แถมพูดเกทับอีกนะว่า รู้จักเขาแล้วจะดีมาก ตัวเราก็คิดในใจเพื่อนของฉันใหญ่กว่าแกตั้งเยอะแยะ ฉันยังไม่ค่อยอยากจะสุงสิงเท่าไรเลย) สุดท้ายล่าสุดผมนั่งกินขนมอยู่ที่ food court ห้างสยามพารากอนฯ เข้ามาตื้อผมอีก ผมสอนหลักนิดเดียว เดี๋ยวนี้เจอกันเมื่อไร บอกว่าเล่นหุ้นแล้วได้ขึ้นสวรรค์ ขอบคุณพี่มากจริงๆ จะพาไปขึ้นสวรรค์ ผมบอกว่าให้เอาเงินที่จะเลี้ยงผมไปทำบุญกุศลจะดีกว่านะ ที่อโคจรพวกนั้นผมไม่เข้าไปยุ่งเกียวหรอกครับ จากคุณ : mar รุ่นเก๋า - [ 12 ต.ค. 49 21:44:32 A:125.25.135.33 X: TicketID:122020 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ ตัดสินใจแล้ว จะเกลี้ยกล่อมให้ท่านกลับบ้าน ถ้าท่านตกลง ก็จะให้ช่างเขามาทำบ้านเลย ระหว่างนี้จะให้คนเฝ้าเขาแอบเรียนวิธีทำกายภาพไปพลางๆ คุณ mar รุ่นเก่าพูดถูกแล้วค่ะ ท่านไม่ชอบทำกายภาพเลย บอกว่าเจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งตัว ไอ้เราก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะหมอเขาให้ทำ ทุกวันนี้นั่งได้แค่ 15-20 นาทีก็บ่นเมื่อยทนไม่ไหวแล้วค่ะ เพราะคนเป็นอัมพฤกษ์ แบบนี้ จะไม่มีกล้ามเนื้อท้องที่จะต้องเกร็งเวลาเรานั่ง เราคนธรรมดานึกไม่ออกหรอกค่ะว่ามันยากลำบากยังไง เรื่องยืนหรือพยายามเดิน เป็นอันเลิกพูดได้ คุณน้าท่านไม่ใคร่อดทนด้วยน่ะค่ะ แถมยังติดยาแก้ปวด กินมาตั้งแต่ยังไม่เป็นอะไร คือนิดๆ หน่อยๆ ก็กิน จนขาดไม่ได้ ต้องกินทุกวัน หรือจะเป็นเพราะกระดูกเสื่อมก็ไม่ทราบ คงต้องซื้อเตียงมือหมุน และที่นอนแบบมีปั๊มลมไฟฟ้าเพื่อกันแผลกดทับ เหมือนของร.พ.ที่นี่ และคงต้องจ้างเด็กทำความสะอาดบ้านสักอาทิตย์ละครั้ง ย้ายประวัติมาที่ร.พ.ลาดพร้าว เวลาไปหาหมอ ก็ให้นั่งรถเข็นไป น่าจะพอเป็นไปได้ คงลดไปได้สัก 15,000-20,000 บาท/เดือน เพราะจะมีค่าไฟที่เพิ่มเข้ามาอีก อย่างน้อยก็น่าจะยืดเวลากว่าที่เงินจะหมดไปได้สักหน่อย ขอบคุณเพื่อนๆ อีกครั้งนะคะ สำหรับคุณๆ ที่มีญาติผู้ใหญ่ป่วยด้วยโรคนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ ยังมีดิฉันเป็นเพื่อนนะคะ จะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ท่านมีความสุขให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ด้วยเงินอันไม่มากที่เหลืออยู่ จากคุณ : รางชาง - [ 12 ต.ค. 49 23:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 23 กระทู้แบบนี้แหละ ที่ทำให้ห้องสินธรน่าอยู่ ชื่นชมคุณ mar รุ่นเก๋าที่ให้คำแนะนำอย่างจริงใจ เวลามีประสบการณ์คล้ายๆกัน มันจะเห็นอกเห็นใจกันอย่างนี้แหละ เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ค่ะ จากคุณ : หนูขิง - [ 13 ต.ค. 49 01:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 24 Mar รุ่นเก๋า เปลี่ยนไป ผมนึกว่าจะแค่ปากมอมอย่างเดียว แต่จริงๆ คุณดูเหมือนปากร้ายใจดีนะ ชอบที่คุณกตัญญต่อบิดาอย่างดี จริงๆ ผมว่าคุณจิตใจดีนะ เพิ่งเห็นอีกด้านนึงของคุณก็วันนี้แหละ จากคุณ : คนที่เคยด่าคุณ - [ 13 ต.ค. 49 07:47:28 A:10.7.100.19 X:203.148.187.196 TicketID:115747 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ชอบคำแนะนำคุณ mar รุ่นเก๋าจัง เป็นกำลังใจให้จขกท นะคะ คุณเป็นหลานที่กตัญญูมากคนดีอยู่ที่ไหนก็เจริญค่ะ จากคุณ : หมีสีชมพู - [ 13 ต.ค. 49 12:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านคำแนะนำของคุณ mar รุ่นเก๋า แล้วเป็นประโยชน์ดีจัง แนะนำละเอียดมากๆ ขอให้คุณน้าของเจ้าของกระทู้และคุณพ่อของคุณ mar รุ่นเก๋า มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ จากคุณ : green cup - [ 13 ต.ค. 49 16:10:27 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คนเป็นโรคนี้อยู่ได้ด้วยกำลังใจ จิตใจ และอย่าทำให้ท่านเครียดและเฉา ต้องพยายามทำกายภาพให้ท่านช่วยเหลือตัวเองเล็กๆ น้อยๆได้ ทำให้ท่านอารมณ์ดี อยู่กับธรรมชาติ สวนในบ้าน ต้นไม้ใบหญ้า อยู่กับธรรมชาติดีที่สุด ทำสวนที่บ้านให้ร่มรื่น งดอาหารเค็ม ไขมันสูง พาท่านไปเที่ยวบ้างตามโอกาส ส่วนค่าใช้จ่ายขอให้ลดลงมาให้ได้ก่อนครับ แล้วค่อยคิดหาวิธีหาเพิ่ม จากคุณ : โจ้ - [ 13 ต.ค. 49 17:20:04 A:61.47.104.252 X: TicketID:127485 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณแม่ของผมก็เป็นอัมพฤกษ์ครับ แต่โชคดีที่พี่สาวยอมลาออกจากงานมาดูแลท่าน ตอนนี้พี่สาวและผมทำงานกับกิจการของที่บ้าน ค่าดูแลเดือนๆ นึงไม่กี่พันบาทครับ เพราะท่านอายุมากแล้ว แต่ไม่เคยป่วยเลย ถึงป่วยก็รักษาฟรี ส่วนการกายภาพบำบัดนั้นเห็นด้วยกับคุณ mar ว่า คนสูงอายุแล้วจะรักษาจนกลับมาจ๊อกกิ้งได้นั้นคงแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว คุณแม่ผมก็พยายามอยู่หลายปีหมดเงินไปหลายหมื่นเหมือนกัน สุดท้ายก็เลยทำใจแล้วครับ ถ้าผมเป็นคุณเจ้าของกระทู้ผมจะขอให้น้าชายมาอยู่ที่บ้าน เอาเงินส่วนหนึ่งมาปรับปรุงบ้านของเราให้ท่านเข้าออกสะดวกตามที่คุณ mar แนะนำ เงินสามล้านนั้นทิ้งเอาไว้ในพันธบัตรสิบปีเดิมดีอยู่แล้ว ( พันธบัตรรัฐบาล ล่าสุดที่กำลังจะขายอายุ 3 ปี ดอกเบี้ยแค่ 5.5% เท่านั้น ) แต่อย่าลืมว่าต้นปีไป credit ภาษีจากดอกเบี้ยพันธบัตรให้น้าชายด้วยนะครับ สมมติว่าเงินต้น 2.5ล้านก็ได้ดอกเบี้ยปีละ 122,000 เฉลี่ยปีละ 10,166 บาท/เดือน น่าจะพอสำหรับค่าใช้จ่ายรายเดือนนะครับ ส่วนค่ารักษาพยาบาลใช้หลักประกันสุขภาพครับ คุณหมอมงคลประกาศแล้วว่าจะยกเลิก 30 บาท เป็น ฟรีทุกโรคแล้วครับ เงิน 1 ล้านที่ขายพันธบัตรได้ ห้าแสนแรกคุณเอาไปปรับปรุงบ้านตัวเองและซื้อเครื่องมือสำหรับดูแลท่าน กับเอาไปปรับปรุงบ้านเดิมของท่านเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ( ต้องดูรายละเอียดอีกที ) เหลืออีกห้าแสนที่กันออกมา เอาไปซื้อพันธบัตรอายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 5.5% ครับ บ้านเก่าของน้าชายปล่อยเช่า ถ้าได้เงินมาเดือนละ 7000-8000 เอามาจ้างคนพยาบาลครับ จากคุณ : นิด - [ 14 ต.ค. 49 09:17:04 A:125.25.3.192 X: TicketID:129733 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขออภัยครับ แก้ไขข้อความตามนี้ เงินสามล้านนั้นทิ้งเอาไว้ในพันธบัตรสิบปีเดิมสักสองล้านบาท แต่อย่าลืมว่าต้นปีไป credit ภาษีจากดอกเบี้ยพันธบัตรให้น้าชายด้วยนะครับ พันธบัตรมูลค่า 2 ล้านก็ได้ดอกเบี้ยปีละ 122,000 เฉลี่ยปีละ 10,166 บาท/เดือน น่าจะพอสำหรับค่าใช้จ่ายรายเดือนนะครับ ส่วนค่ารักษาพยาบาลใช้หลักประกันสุขภาพครับ คุณหมอมงคลประกาศแล้วว่าจะยกเลิก 30 บาท เป็น ฟรีทุกโรคแล้วครับ เงิน 1 ล้านที่ขายพันธบัตรได้ ห้าแสนแรกคุณเอาไปปรับปรุงบ้านตัวเองและซื้อเครื่องมือสำหรับดูแลท่าน กับเอาไปปรับปรุงบ้านเดิมของท่านเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม ( ต้องดูรายละเอียดอีกที ) เหลืออีกห้าแสนที่กันออกมา เอาไปซื้อพันธบัตรอายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 5.5% ครับ บ้านเก่าของน้าชายปล่อยเช่า ถ้าได้เงินมาเดือนละ 7000-8000 เอามาจ้างคนพยาบาลครับ พวกนี้เป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ล้วนๆ ญาติพี่น้องผิดใจกันมาเยอะแล้ว คุณคงต้องเปิดอกพูดกับน้าชายเป็นเรื่องเป็นราวและทำให้โปร่งใสที่สุดครับ จากคุณ : นิด - [ 14 ต.ค. 49 09:20:25 A:125.25.3.192 X: TicketID:129733 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ่อันนี้ไม่เกี่ยวกับการลงทุนเพราะไม่มีความรู้ด้านนี้ค่ะ กำลังศึกษาอยู่ แต่เป็นเรื่องของการรักษา ไม่ลองไปรักษาด้วยวิธีทางเลือกอย่างฝังเข็มหรือกดจุดฝ่าเท้าดูหรือคะ เห็นคนเป็นอัมพาตอัมพฤกษ์ไปรักษากันเยอะ อย่างที่ร.พ.หัวเฉียว ถ้าสนใจลองโทร.ไปถามที่ร.พ.ดูนะคะ จากคุณ : n - [ 19 ต.ค. 49 06:46:41 A:203.156.26.91 X:203.130.159.3 TicketID:006169 ]