ความคิดเห็นที่ 1 ผมเองศึกษามาสองเดือนเต็ม  แต่ยังไม่เคยซื้อเลยสักครั้ง มีคนเตือนมาก แต่ผมถือว่าถ้าไม่เป็นต้องศึกษา ไม่รู้ต้องอ่านเยอะๆ ตั้งใจซื้อครั้งแรกถ้ากำไรจะเอาไปทำบุญทั้งหมดเอาฤกษ์เอาชัย และอยากฟังคำแนะนำคนอื่นๆด้วยคนครับ จากคุณ : พลังงานไม่มีวันศูนย์หาย (no_loss_power) - [ 14 ต.ค. 49 19:56:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เข้า web นี้นะครับ www.thaivi.com   แล้วศึกษาวิธีการเลือกหุ้นของแต่ละท่านว่า มันมีต้นตอมาอย่างไร มีอะไรเป็นสมมติฐาน การคิดหาหุ้นลักษณะแบบนั้น  หุ้นที่เขาเชียร์กันหนักๆแล้ว อย่าซื้อ ไม่ว่าจะดีขนาดไหนแต่คนที่กำไรแล้ว คือคนที่ซื้อเมื่อ6เดือนถึง1ปีที่แล้ว ไม่ใช่คนที่ซื้อวันนี้ อยากได้กำไรมากๆ ต้องหาหุ้นเองได้ ต้องเข้าใจปัจจัยเสี่ยงด้วยตัวเองจริง พึ่งคนอื่นคิดไม่ได้ ถ้าเข้าใจในวิธีการหาหุ้นแล้ว ลองหาหุ้นด้วยตัวเอง พอได้มาให้ลอง search หาในwebนั้นว่าเคยมีคนพูดถึง หรือยัง ถ้ามีแล้วให้อ่านความคิดเห็นทุกๆอัน ไม่ว่าทางดีทางร้าย ทำใจให้เป็นกลางแล้วถามตัวเอง ว่าจริงอย่างที่เขาเหล่านั้นออกความเห็นหรือเปล่า แล้วประเมินความเสี่ยงทางขาดทุนว่ามีโอกาสแค่ไหน และที่สำคัญคือ พอได้หุ้นแล้ว ลองหาประวัติผู้ถือหุ้นใหญ่ ทุกๆคนใน google ว่าเคยมีประวัติเลวหรือไม่ ไล่กันตามนามสกุล  โดยเฉพาะอันดับ 1-20 ถ้าเคยมีประวัติเสีย ไม่ว่าจะวิเคราะห์ออกมาแล้วดีแค่ไหน ก็อย่าไปสนใจมัน มันขึ้นได้ แต่ซักวันมันจะลงแรงเพราะการโกง ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ว่าเราจะโดนเมื่อไหร่ ให้หลีกเลี่ยง หุ้นผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่ ขี้โกง เวลาเลือกหุ้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโต ถ้าต้องการกำไรมากๆ และจะเสี่ยงบ้างในกรณีที่ทำไม่ได้ อย่างที่ตั้งเป้าไว้  ส่วนหุ้นปันผลควรเลือกหุ้นที่แข็งแกร่ง มีปัญญารักษาระดับปันผลและกำไรไปอีกนานๆ ไม่ใช่ปันผลแล้วเงินหมด พวกนี้ก็ทำให้ขาดทุนได้มาก เห็นว่าคุณอ่านหนังสือมามากแล้ว ไม่ทราบว่าคุณมีความรู้ ด้านพื้นฐานและเทคนิคถึงขั้นไหน ช่วยอธิบายคร่าวๆด้วย ไม่อย่างนั้นคนอื่นไม่อาจรู้ได้ว่า ความรู้ที่คุณมีเพียงพอหรือไม่และผิดพลาดตรงไหน ถ้าคุณรู้เพียง เครื่องมือเทคนิคพื้นๆ STo. EMA RSI และพวกพื้นฐาน PE P/B D/E  ซื้อ PEต่ำๆเข้าไว้ บอกได้คำเดียวว่าอยู่รอดในตลาดยาก ต้องรู้มากกว่านี้ และช่วยบอกด้วยว่าหุ้นที่คุณเคยซื้อไล่ตามเวลา ตั้งแต่เริ่มเล่นหุ้นจนบัดนี้ที่ทำให้กำไรมากๆ และขาดทุน พร้อมเวลาวันที่เข้าซื้อและขาย ท่านอื่นจะได้ประเมินได้ว่าความผิดพลาดมันมาจากอะไร หนังสือน่าอ่านนะครับ search ใน google ก็ได้ philip fisher - common stock uncommon profit peter lynch - one up on wall street                   learn to earn warran buffet -มีหลายเล่มมาก แต่อ่านเฉยๆ ทำตามยาก ของ2คนแรกจะ applicable ได้มากกว่า ทุกเล่มที่ว่ามามีแปลเป็นไทยหมดแล้ว หาได้ตามse-ed และ kinokuniya ถ้าอ่านแล้ว งงๆ ไปถามที่ thaiviได้ มีผู้รู้พร้อมช่วยเหลือ หนังสือด้านเทคนิค ให้ท่านๆในนี้แนะนำละกันครับ จากคุณ : 2 dogs (Dookdig&Daddy) - [ 14 ต.ค. 49 20:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เหมือนผมตอนเริ่มเล่นหุ้นเลย เริ่มจากนักเก็งกำไร ปีครึ่ง จาก 150000 เหลือ 50000 ตอนหลังเปลี่ยนเป็น Value Investor ปีครึ่ง จาก 50000 เป็น 200000 www.thaivi.com ให้มันรู้ไปว่า มันจะล้มเหลวซะทุกครั้ง จากคุณ : shine-rise - [ 14 ต.ค. 49 20:40:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พยายามซื้อถูกขายแพงให้ได้ อย่าซื้อถ้าไม่แน่ใจ อย่าใจร้อน อย่าโลภ จากคุณ : เก้ - [ 14 ต.ค. 49 20:46:04 A:125.25.130.158 X: TicketID:127485 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านแล้วสงสารคุณมากครับ เงินที่สูญไปแล้วคงต้องปล่อยให้สูญไป อย่าคิดว่าจะเอาคืน อย่าเด็ดขาด หากคิดจะเอาคืน โอกาสเป็นหนี้สูงมาก ทีนี้จะแย่กว่าเวลานี้อีก เก็บเงินห้าหมื่นสุดท้ายไว้ให้ดี ตั้งสติ ทำงานหาเงินต่อไป ผมเคยโพสต์ในนี้ไว้ในหลายโอกาส ว่าการลงทุนในตลาดหุ้น ต้องใช้เงินออมเท่านั้น และลงทุนในหุ้นที่ดี ไม่ใช่หุ้นที่ราคาหวือหวา หุ้นปั่น หากคุณเลือกหุ้นที่ดี โอกาสสูญเสียมีน้อย ถึงจะขาดทุนก็ไม่มากมาย เก็บไว้ยาวๆนานๆ ก็ยังได้ปันผลคืนมาทุกปี ที่คุณเสียหายไปคราวนี้ เพราะคุณเล่นหุ้น ไม่ใช่ลงทุนในหุ้น ผมลงทุนในหุ้นตัวหนึ่ง เมื่อ 7-8ปีทีแล้ว สะสมมาตลอด ไม่เคยขายออกไปจนหมดเลย แม้บางครั้งเอาออกมาช๊อทบ้าง ก็ต้องซื้อกลับคืน เวลานี้มูลค่าหุ้นที่เก็บไว้ เป็น3เท่าของตอนที่ซื้อแล้ว แถมยังได้ปันผลงามๆทุกปี ผมกะเก็บต่อไป จนกว่าจะมีความจำเป็นยิ่งยวดจึงจะนำออกมาขายเอาเงินบ้าง กะเก็บไว้ใช้ยามแก่เฒ่า ทำงานไม่ไหว หรือเป็นมรดกให้ลูกหลานต่อไป ลองคิดดูครับ จากคุณ : นักลงทุน - [ 14 ต.ค. 49 20:57:35 A:58.64.120.56 X: TicketID:128591 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าไม่มีเวลาเฝ้ากระดาน ก็ต้องเล่นเป็นรอบ หรือ ลงทุนในแบบ vi ตามที่หลายความเห็นแนะนำไปก็ดีครับ ขาดทุนมากขนาดนี้คาดว่าน่าจะเล่นหุ้นที่พื้นฐานไม่ดีมากกว่า ถ้าลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี รอซื้อแดงๆขายเขียวๆ ก็ไม่น่าจะขาดทุนมากขนาดนี้ ลองไปทบทวนดูว่าที่ผ่านมาเป็นแบบที่ว่าหรือไม่ จุดอ่อนของคนที่มีเงินไม่มากและอยากให้เงินงอกเร็วๆคือเข้าไปเล่นหุ้นเก็งกำไร/หุ้นปั่น ทั้งที่เราไม่มีวินัย/ไม่มีเวลา/ไม่มีความรู้เพียงพอ จากคุณ : เล่นรอบ - [ 14 ต.ค. 49 20:59:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องของคุณ  เหมือนกับหนังสือ นักลงทุนหน้าใหม่  เลย แรก ๆ กำไรสุดท้ายกลายเป็นขาดทุนอย่างหนัก  แต่ตอนจบหนังสือเล่มนี้ เขาฟื้นตัวได้แล้ว เราเล่นมา 2 ปี  ปีแรกกำไร 5 %                       ปี 2  กำไร  12 % รายได้ 40 % ของเรามาจากเงินปันผล กำไรแค่นี้อาจดูน้อย แต่เราก็พอใจระดับนึง   เราเลือกหุ้นที่เห็นว่าต้องจ่ายปันผลได้สม่ำเสมอทุกปี ต้องจังหวะเข้าซื้อ หุ้นปันผลปีนึงจะมีจังหวะเข้าซื้อของมัน เป็นช่วง จากคุณ : ต้นไม้และทะเล - [ 14 ต.ค. 49 20:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านหนังสือเล่มใหนมาบ้างครับ และปกติแล้วเทรดแบบใหนครับ จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 14 ต.ค. 49 21:17:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีแฮะ  ผมก็เหมือนคุณเหมือนกัน  แต่ผมเพิ่งเล่นหุ้นมาเพิ่ง  2  ปีเอง  ไม่ได้เรื่องเหมือนคุณ  ตำราเต็มบ้านเลย  แีรก ๆอ่านไม่รู้เรื่องเอาไว้นอนหนุนหัวอยู่เป็นปี   พอดีต้องไปขึ้นศาลเพราะไปรับประกันรถเขาไว้   ไอ้คนซื้อมันหนีไป  ผมก็เริ่มคิดว่าชีวิตแย่แล้ว  หุ้นก็เสีย   ต้องไปขึ้นศาลอีก  ก็เริ่มสวดมนต์ทำบุญ ใส่บาตรพระ ทุกวันอธิษฐานให้มันหลุด  ให้มีคนช่วย  ไม่รู้อะไรมีคนช่วยตลอด  ก็เลยใส่บาตรทำบุญเรื่อยมา  สวดมนต์ด้วย   นั่งสมาธิเอาหมด ชีวิตเริ่มดีขึ้น   มองเห็นหุ้นเรียนรู้ด้วยตนเอง  อ่านกราฟเป็นคิดถูกขึ้น   ผมได้หุ้นมาก็ยิ่งทำบุญ  ยิ่งใส่บาตรใหญ่  ใส่วันละ 9  รูป  มันก็ยิ่งได้ตลอด  เห็นช่องต่าง ๆถูกหมด   ไปอ่านอะไรก็อินกับมัน  ซื้อหุ้นไม่ผิดเลย  ผิดอยู่ตัวเดียวคือไอ้  siam  นี่แหละ  ทำให้ผมเสียฟอร์ม  แต่ก็ได้คืนมาเรียบร้อยแล้ว  และต้องเอากำไรมันให้คุ้มก่อนจะขาย   ผมมั่นใจมาก  มันถูกจริง   หุ้นตกผมก็ยังได้กำไร  เออ..ที่เล่ามาคือผมอยากสรุปว่ามันต้องมีดวงด้วย   การเล่นหุ้นนี่มันกิเลสชัด ๆเหมือนเราทำชั่ว  เพราะว่ามันมี โลภ  โกรธ  หลง  เต็ม ๆ     แล้วมันจะดีได้อย่างไรเมื่อเราทำไม่ดีตลอด  เวลาเล่นหุ้นผมจะท่องอยู่เสมอว่าไม่โกรธ  ไม่โลภ  ไม่หลง  เมตตา  ให้อภัย  ปล่อยวาง ชีวิตมันก็เป็นเช่นนั้นเอง  ตามแนวโน้มใหญ่ของกราฟชีวิต  คือเราต้องเจอกับกราฟนี้แน่นอน  ทั้งขาขึ้นและขาลง  คือเกิด  แก่  เจ็บ ตาย ความทุกข์ร้อนใจ  ความไม่สบายกาย  ไม่สบายใจ  เราอย่าวิตกมากจนเครียด  ปล่อยวาง  กลับมามีสติ  เวลาทำบุญก็จะอธิษฐานให้ผมได้ทำบุญเพิ่มขึ้น  เป็นร้อยเท่าพันเท่าและขอให้การเล่นหุ้นผมอย่าเป็นบาป   ขอใช้ปัญญาในการหาทรัพย์   ขอให้ทรัพย์ได้มาโดยง่ายดาย   พอผมมีความรู้บ้าง  คิดว่าพอจะช่วยเหลือคนได้บ้าง  ก็จะแนะนำให้เพื่อเป็นกุศลกับตนเอง  ผมไม่ค่อยแนะให้เพื่อนไปซื้อหุ้นสูงที่เขาจะพากันไปติดดอย  เพราะเขามักจะถอยไม่ทัน   ผมถือคติตอนนี้ว่า  ซื้อหุ้นก่อนใคร ไม่ตามแม้อยู่หน้าจอ   ถ้าคนดูกราฟออก มันมีหุ้นมากมายหลายตัวเหลือเกินที่จะซื้อ   ผมจะซื้อได้ในราคาต่ำทุกครั้ง   เหมือนเราไปซื้อของที่มีตลาดมากมาย เราก็เลือกต่อราคาให้ต่ำที่สุด   ถ้าไม่ได้ก็ไม่เอา   พอซื้อหุ้นปุ๊บ  ส่วนมากมันก็จะจ่อช่องเดียวขึ้นทุกครั้ง  ว่าแต่ คุณ ticket id  ดูกราฟไปถึงขั้นไหนแล้ว   คนเล่นหุ้นก็ยังมีหลายระดับ  บางคนดูกราฟไม่เป็นเลย  พื้นฐานไม่รู้  ตามแห่อย่างเดียว   บางคนดูเป็นแล้วแต่ยังขาดความชำนาญ   ทักษะ และประสบการณ์ skill  ยังอ่อน  เหมือนคนทำขนมทำเป็นแล้ว  แต่ยังทำไปขายไม่ได้   กราฟนี่บางคนก็ว่าไม่สำคัญ  ผมก็เช่นนั้นเหมือนกันเมื่อก่อนนี้  ถ้าตั้งประเทศอะไรขึ้นมาซักประเทศหนึ่งไม่ให้รู้เรื่องกราฟเลย  หุ้นมันคงไม่เดินตามกราฟแน่   มันก็คงเป็นทึ่ตกลงกันโดยปริยาย  นัดแนะกันว่าถ้ากราฟมาตรงนี้และจะซื้อหรือขาย  เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นพ้องมันก็เป็นไปตามกราฟ   มันก็เลยมีผล  คนอ่านกราฟออกก็ได้เปรียบ   แต่ก็มีเซียนอีกพวกหนึ่่งอ่านกราฟเก่งเกินไป  จนคนอื่นตามไม่ทัน  ก็ไม่ได้คิดตามเพราะท่านเหล่านั้น  เก่งเกินไป  มีวิชาการมากเกินไปนั่นเอง   อ่านแล้วผิด  ผมคงไม่ไปเรียนเพิ่มถ้ามันคิดลึกเกินไปอย่างนั้น  เอาละรู้สึกจะเขียนมากเกินไปเหมือนกัน  ผมก็ยังจะต้องเรียนรู้อีกมากมาย   แต่เราก็เป็นเหมือนพี่น้องกันครับ  มีอะไรก็ปรึกษาหารือกันได้  อย่าแบกความทุกข์ไว้คนเดียว  ทุกคนยังให้กำลังใจเสมอ   ถ้ามีอะไรนัดแนะไปคุยห้องสนทนาด้านบนได้ครับ  ผมอยู่หน้าจอตลอด  ถ้าไม่หลับ   อยากช่วยเหลือทุกคนถ้าทำได้ จากคุณ : ไฟเลี้ยว - [ 14 ต.ค. 49 21:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมโชคดีครับ .... เล่นมา 2 เดือน ได้มา 20% อาศัยได้ทำงานเฝ้าหน้ากระดานพอดี .... แต่ความจริงแล้ว การเฝ้าหน้าจอมันไม่ได้ช่วยอะไรครับ ควรดูพื้นฐานเป็นหลัก แล้วก็ตามข่าวบริษัทที่เราซื้อไว้นะครับ แต่ ...... เอาแบบจริงๆ จังๆ เลยคือ ... ผมดวงดีครับ เล่นรอบหุ้นขึ้น รอบใหญ่พอดี จากคุณ : พลพรรคนาซี - [ 14 ต.ค. 49 21:26:12 A:203.107.194.21 X: TicketID:110270 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนเริ่มเล่นหุ้นแรกๆผมก็เป็นเหมือนคุณขาดทุนมากกว่ากำไร เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะว่าหุ้นที่ผมซื้อนั้นผมยังไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมซื้อหุ้นตัวนั้นนอกจากได้ยินคนนั้นคนนี้บอกว่าราคาหุ้นจะขึ้นไปเท่าโน้นเท่านี้ตอนที่เข้าไปซื้อก็ไม่ดูย้อนหลังไปว่ามันมีการไล่ราคาขึ้นมาตั้งมากตั้งมายแล้วพอราคาหุ้นตกจากที่ซื้อไปก็เริ่มมาค้นหาว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้หุ้นตกพอรู้แล้วก็ตกใจและมานึกว่าเรานี่โง่จริงๆ เพราะหุ้นตัวนี้เขาไล่ราคามากว่า 2 สัปดาห์แล้วขึ้นมากว่า 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ขึ้นมาก็เพราะข่าวลือที่ไม่เป็นจริงเลย พอมาดูว่าถ้าเราติดหุ้นอย่างนี้จะมีเงินปันผลให้บ้างไหมเพราะจะ CUT LOSS ก็ทำใจลำบากขาดทุนไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ยิ่งตกใจใหญ่เพราะผลประกอบการมีแต่ขาดทุน และขาดทุนสะสมก็มากด้วย จนมูลค่าทางบัญชีต่ำกว่าราคาพาร์ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจขายขาดทุนกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ไปเลย นี่เป็นตัวอย่างของการซื้อหุ้นที่ไม่ดูตาม้าตาเรือจากผม นอกจากนี้ผมยังมีเพื่อนที่ซื้อหุ้นปั่นและเจ็บกว่าผมอีกเช่นไล่ซื้อ DTM จนติด SP ไล่ซื้อ PICNI เพราะข่าวลือว่าราคาจะไป 30 บาท หลังจากนั้นหันมาศึกษาหุ้นพื้นฐานดีๆราคาที่ต่ำๆถ้า P/E ต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรม และ ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีก็จะดีมาก รวมทั้งมีการจ่ายปันผล ตอนนี้มีอยู่ 1 ตัว คือ SPALI ถือไว้กว่า 1 ปีแล้วราคาที่ซื้อ 2.20 บาท ได้วอแรนท์ฟรี และ รับเงินปันผลมาแล้ว สรุปตัวนี้กำไรเกิน 100 เปอร์เซ็นต์แต่กว่าจะได้ต้องใช้เวลากว่า 1ปี แต่ตอนขาดทุนกว่า 30 เปอร์เซ็นต์น่ะไม่ถึงสัปดาห์ จากคุณ : เพื่อนร่วมชะตา - [ 14 ต.ค. 49 21:33:11 A:202.57.170.195 X: TicketID:010290 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพิ่งจะกลับเข้ามาดูอีกรอบ เห็นความเห็นแล้วดีใจมากเลยครับ ที่อย่างน้อยก็มีคนเข้ามมาให้ความเห็นมากมายขนาดนี้ ขอบคุณมากๆครับ เห็นมีหลายท่านเข้ามาถามผมว่าผมเล่นแบบบไหนและอ่านหนังสืออะไร ก็เลยจะขอมาชี้แจงเพิ่มเติมซะหน่อย อย่างน้อยข้อมูลมากขึ้นเผื่อเพื่อนๆในกระทู้สินธรจะมีความเห็นที่ดีดีเพิ่มขึ้นอีก (จริงๆตอนแรกๆ กะจะอธิบายแล้วอ่ะครับ แต่ว่ากัวว่าจะยาวเกินจนขี้เกียจอ่านกันเลยไม่อยากแจงอะไรเยอะอ่ะครับ) ก็ขอเล่าแบบกึ่งระบาย กึ่งรวบรัดและกันครับ เดิมผมชอบเรื่องหุ้นมานานแล้ว แล้วก็เก็บเงินได้มานานได้มาก้อนนึง ประมาณ 3 แสน ก็รู้สึกว่าเราน่าจะเริ่มลงทุนได้ แรกที่เข้ามาเล่น ก็ซื้อหุ้นพื้นฐานครับ หนังสือ วอเรน บัฟเฟต ดร. นิเวศน์ นี่ก็หาอ่านมาแรกๆเลย ก็ทำตามแนวทางนั้นมาตลอด เน้นระยะยาว เติบโตดี ฯลฯ แต่ทว่า ยุคที่ช่วงตลาดบูม ประมาณเมื่อ 3-4 ปีนี่แหละครับ ที่ว่าดัชนีขึ้น 100 % นั่นอ่ะครับ ช่วงนั้น หุ้นวิ่งกระจุยกระจาย แล้วหุ้นพื้นฐานที่ผมถือมันก้ไม่ขึ้นเลย ผมก็ทนๆๆๆมาตลอดแต่ว่ามันก็มีเหตุครับ คืองานที่ผมทำเงินเดือนมันก้ประมาณ 12000 กว่าบาท กินใช้วันนึงก็เท่าไหร่แล้ว แล้วไหนจะต้องพยายามให้พ่อให้แม่ด้วย บ้านผมไม่ใช่บ้านที่มีรายได้เยอะ ผมก็เลยมาคิดว่า เราน่าจะหาให้ได้เยอะกว่านี้ อยากให้พ่อให้แม่สบายบ้าง (แม่ผมยังต้องโหนรถเมล์ไปทำงานอยู่เลยครับ) แล้วก็อย่างที่หลายๆท่านก็รู้ ค่าครองชีพเดี๋ยวนี้เท่าไหร่แล้ว แล้วไหนจะค่าใช้จ่ายที่เราคิดไม่ถึงอีก เงินได้มาจึงใช้แทบจะชนเดือนเลย ก็เลยมาลองแนวทางด้านเทคนิคดู อย่างน้อยก็น่าจะมีกำไรมาเพิ่มขึ้นเป็นทุนทุกๆเดือน ก็ไปหาอ่านหนังสือทางเทคนิค ที่มีอยู่ ก็ หนังสือเทคนิค สุรชัย ไชยรังสินันท์ กราฟแท่งเทียน แล้วก็คลื่นอีเลียดเวฟ ก็อ่านจบไปบ้างแล้ว แล้วก็เล่นไปตามวอลุ่ม ตัดคัดลอสก็ฝึกบ่อยๆ ถือนานจนติดดอยยอดสูงก็เคย ซื้อจนกำไรเว่อร์โครตๆ ก็เยอะมากๆ สรุปผ่านมาหลายรูปแบบ สรุปแล้วพักหลังๆผมก็พยายามเล่นหุ้นโดยหลักการที่ว่าให้ได้กำไร จึงหมุนไปหมดทั้งหุ้นพื้นฐาน (เช่น ptt bay advance shin ucom sicco scb kbank tmb tuf asian ) ทั้งหุ้นโครตจะเน่า (เช่น picni bnt scib-c1 bland และ w ทั้งหลาย) แต่หมุนไปหมุนมา กำไรมา 10 พอเสียเสีย 100 เป็นแบบนี้ทุกๆรอบ ไหนจะต้องกินใช้มากขึ้นทุกเดือนอีก อะไรๆเดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่ถูกๆ ก็ต้องถอนมากินมาใช้ สรุปเงินทุนก็ร่อยหรอ กำไรไม่ต้องคิดเลย หายไปนานแล้ว ก้เลยลองหันไปลงทุนด้านอื่น ก็พลาดท่า หมดไปอีกแสนนึง สรุปเลยเหลือ 5 หมื่น แทบจะทำไรไม่ได้แล้ว ผมก็หยุดเล่นหุ้นมาพักใหญ่ๆเลย ทำไรไม่ถูก จึงได้มาระบายที่นี่ ก้มีประมาณนี้อ่ะครับ คิดไปคิดมาน้อยใจความโง่ของตัวเอง เพื่อนผมบางคนเค้าเล่นมา 3-4 ปีเค้ายังเล่นจนทำกำไรได้เรื่อยๆ บางคนพึ่งเริ่มก็กำไร(แต่อาจจะนับเป็นฝีมือไม่ได้เพราะพึ่งจะเริ่ม) บางคนเล่นมาปีนึงก็เก่งสุดๆ ผมอยากจะเอาให้ได้แบบนั้นบ้าง ผมอยากจะเก่ง อยากจะได้ขึ้นชื่อว่าเซียน แบบที่เพื่อนๆหลายคนในนี้บอกกัน อยากจะสามารถวิเคราะห์รอบได้ ได้กำไรมีรายได้ทุกเดือนจะได้สะสมเป็นทุนให้ครอบครัว แต่ผมนั่นโง่มาก เล่น 5 ปี มีแต่จมกับจม ทั้งที่มันควรจะนับได้ว่ามีประสบการณ์ที่แข็งมากๆ จนแทบจะมานั่งด่าตัวเอง คิดมาตลอดว่าตนมันคงเป็นคนไร้วาสนา ไร้ความสามารถ ทำไรก็ล้มเหลว นี่แหละครับ คือตัวผมตอนนี้ท้อแท้มาก อยากจะขอคำแนะนำมาไว้เป็นแนวทางให้ชีวิตผมบ้าง อยากจะปฏิวัติตัวเอง แต่ตอนนี้ที่แน่ๆทุนผมเหลือแค่ 5 หมื่นเองครับ ผมจะสามารถสร้างเงินจากทุนก้อนนี้ได้ไหมครับ..... จากคุณ : คนที่โง่ที่สุดในบรรดาแมงเม่า - [ 14 ต.ค. 49 22:05:23 A:203.118.85.148 X: TicketID:128769 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อยากบอกคุณว่าหาหนทางที่เป็นของตัวเองเถอะครับ ผมว่าทุกท่านที่มาโพสท์แนะนำคุณทุกท่านหวังดี แต่จากประสบการณ์ที่เล่นหุ้นมา 2 ปี ถึงแม้ดูไม่มาก แต่ผมลองมาหลายวิธี และหาวิธีที่เหมาะสมสำหรับผมมากที่สุด ก่อนอื่นมาดูเส้นทางหุ้นของผมนิดนึงครับ ........ ช่วงแรก เข้ามาสนใจเล่นหุ้นจากการอ่านหนังสือและแนวทางของ vi(Value Investment) เพราะทุกอย่างที่เป็นแนวทางนี้ดูสมเหตุสมผลและมีความปลอดภัยพอสมควร ผลตอบรับที่ได้ดีพอสมควร แต่เนื่องจากความเป็นคน "ใจร้อน" ทำให้ผมรู้สึกว่าความสงบราบเรียบไม่หวือหวาของหุ้น vi มันไม่สนุกเอาเสียเลย ผมจึงเริ่มมองหาหุ้นที่ตอบสนองอารมณ์ส่วนตัวผม ....... ช่วงสอง หุ้นที่มีการเหวี่ยงของราคาสูงๆ บางคนเรียกหุ้นปั่น แต่ผมขอเรียกว่าหุ้น high beta ละกัน ดูดีขึ้น อิอิ ช่วงแรกผมได้กำไรแบบง่ายๆ ง่ายมากๆ วันนึงได้ 10 กว่าเปอร์เซนต์ ชนิดที่เรียกว่าอาจต้องนั่งรอหุ้น vi เป็นปีถึงได้กำไรขนาดนี้ แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้ก็คือ การได้มาของกำไรจากหุ้นพวกนี้มันเป็นของร้อน อยู่กับเราไม่นาน เพราะการขึ้นลงไม่มีอะไรสนับสนุน เป็นการเล่นเกมส์อย่างหนึ่งโดยบอกตัวเองว่า มีวิชาการอ่านกราฟคอยสนับสนุน สรุปคือ ผมเล่นหุ้นพวกนี้ ไม่ได้-ไม่เสีย คือจะบอกว่าได้มามากก็เสียมาก เพียงแต่ผมมีวินัย คัทคือคัท บวกกับพอดูกราฟเป็นนิดหน่อย จึงทำให้แค่ "พอเอาตัวรอดออกมาได้" ซึ่งการยอมอบตัวต่อหุ้นพวกนี้ ทำให้ผมเห็นว่า การเป็นคนอารมณ์ร้อน ใจเร็วด่วนได้ อยากได้เงินเยอะๆ เร็วๆ โลภมาก ทำให้ผมต้องตกอยู่ในวังวนของความทุกข์ กระสับกระส่าย เหมือนที่คนเรียกว่า "อาการติดหุ้น" ผมจึงคิดว่า ผมมาเล่นหุ้นต้องมีความสุขนะ ไม่งั้นไม่เล่น ผมจึงเลิกจากการเล่นหุ้นแบบนี้ และมองหาวิธีการของตัวเองต่อไป .......... ช่วงที่สาม(ปัจจุบัน) ผมห่างหายจากการเล่นหุ้นมาสักพัก แต่คอยอ่าน คอยพูดคุยกับคนอื่นๆ ทำให้ผมรู้ว่า ไม่มีใครบอกได้แน่ๆ ว่าอะไรจะเกิดหรือไม่เกิด ไม่ว่าทั้งทางด้าน vi หรือเทคนิเคิล เพียงแต่คนที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้าน มีวิธีการทางด้าน"การจัดการความเสี่ยง" หรือที่เรียกว่า RISK MANAGEMENT ที่ดีพอ ซึ่งแต่ละแบบแตกต่างกันด้วยพื้นฐานที่พวกเค้าเชื่อถือและยึดปฏิบัติ เช่น ทาง vi หากพื้นฐานหุ้นเปลี่ยนไป จะมีผลต่อการตัดสินใจ ทางเทคนิเคิล หากเครื่องมือที่ใช้ส่งสัญญาณให้ซื้อ-ขาย ต้องปฏิบัติ แต่หากตัดสินใจผิดต้องจำกัดความเสียหายไว้ก่อนว่ารับได้แค่ไหน และต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ............ สรุป ณ ตอนนี้ ไม่มีวิธีไหนดีกว่าวิธีไหนแน่นอนในมุมมองของผม เพียงคุณต้องถามว่า ทำอย่างไรคุณถึงมีกำไร ในตอนนี้ของผมใช้วิธีผสมผสานในแนวทางที่ผมคิดว่าเหมาะกับตัวผม และลองทดลองใช้แล้วได้ผลดี โดยผมเลิกดูกราฟ เลิกดูพื้นฐาน ผมดูแต่วอลุ่มกับลักษณะการขยับตัวของราคา บวกกับการไล่ดูราคาต่ำสุด-สูงสุดที่ผ่านมา ทั้งระยะสั้น-กลาง-ยาว แล้วผมจะให้คำตอบตัวเองว่า ผมมีโอกาสทำกำไรหรือไม่ ถ้ามีกี่% ผมก็จะตั้งเป็นเป้าหมายในการขายเลย ส่วนหากขาดทุนเพราะราคาตกลงมา ผมจะถามว่า ตกลงมาเพราะอะไร เป็นเพราะผมมองผิดหรือแค่เป็นการรอเวลา หากผมตอบว่าผมมองผิด ผมจะขายทันที หากผมตอบว่าต้องรอเวลา ผมจะตั้งจุด stop ไว้ในใจ หากลงมาถึงผมจะขายทันทีเช่นกัน และหากเด้งขึ้นไป ผมไม่ตาม ผมถือว่าผมดูพลาด จะไม่เข้าไปซ้ำอีก หาตัวอื่นเล่นแทนไปเลย ....... จากวิธีนี้ ตอนนี้ผมทำรายงานทุกเดือน บอกรายละเอียดการซื้อ-ขาย สาเหตุของการขาดทุนในบ้างจุด และปรับปรุงวิธีไปเรื่อยๆ โดยผมมีวิธีเลือกหุ้น คือ 1.หุ้นต้องไม่เน่าจนใครรู้ว่าเข้าไปเล่นแล้วขาดทุน จะมีแต่คนด่าซ้ำ 2.ผมต้องสามารถดูอาการออกพอสมควร(หุ้นแต่ละตัวมีอาการต่างกันพอสมควรในลักษณะของการเก็บของ) ข้อนี้ การจะทำได้ดีต้องเฝ้าติดตามหุ้นตัวนั้นมาระยะหนึ่ง ตอนนี้ผมพอใจกับกำไรของผมที่ได้สุทธิต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 5% โดยได้ติดต่อกันมา 8 เดือนแล้ว(เคยได้ถึง 20% ในเดือนหนึ่ง แต่ตอนนั้นมันบังเอิญจริงๆ) ผมรู้ว่าผมต้องปรับปรุงอะไรอีกมาก แต่อย่างน้อยก็หยุดการขาดทุนมาเป็นกำไร(ถึงไม่มากเท่าท่านอื่นๆ) การเลิกเล่นตามอารมณ์ มีหลักการ ตอบตัวเองได้ว่าเมื่อไหร่ต้องทำอะไร อย่างไร เพราะอะไร และสบายใจจากการเล่นหุ้นมากขึ้นเยอะครับ ผมคงเล่ารายละเอียดมากไม่ได้เพราะบางอย่างต้องขอเกฌบเป็นการเฉพาะตัวครับ หวังว่าคงช่วยให้คุณ จขกท. หาแนวทางของตัวเองได้ในที่สุดนะครับ สู้ๆๆ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 14 ต.ค. 49 22:26:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็น...น่าจะสามารถสร้างเงินจากทุนก้อนนี้ได้ แต่สภาวะการณ์ เศรษฐกิจ ในขณะนี้น่าหนักใจพอควร เพราะแม้แต่หุ้นสำหรับลงทุนก็หายากพอควร หลักการเลือกหุ้นลงทุน (ตามขั้นตอน) 1 หาหุ้นที่เป็น value stocks แล้วเข้าซื้อ 2 รอเวลา เพื่อให้ value stocks กลายเป็น growth stocks 3 สำหรับหุ้นที่เป็น growth stocks  เราสามารถหาจังหวะเข้าซื้อได้ตามสัญญาณแท่งเทียน (เล่นรอบตามแนวโน้ม) 4 เก็บหุ้นต้นทุนเป็นศูนย์ (0) ในแต่ละข้อ จะมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย สำหรับผู้ที่อ่านหนังสือมามากพอควรก็น่าจะเข้าใจโดยง่าย เช่น ข้อ 3 อาจซื้อตอนแท่งเทียนกลับตัว แล้วซื้อ call วันที่ 2 (รอยืนยันวอลุ่ม) -----> ตอนเช้าวันที่ 3 ก็น่าจะขายได้กำไรแล้ว หรือไม่ก็ถือตามแนวโน้ม โชคดีก็กำไรมากหน่อย โชคไม่ดีก็กำไรน้อยหน่อย (ขึ้นอยู่กับประสบการณ์) + ขาดทุนก็ stop loss (วิธีการ stop มีมากมาย) + กำไรที่ได้ไม่นำไปทบต้น (แต่ให้เก็บเป็นหุ้น ต้นทุนเป็นศูนย์) ผิดตกอย่างไรขอภัยด้วยครับ เป็นเพียงความคิดเห็นหนึ่ง ................................................................................................................................ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 22:54:19 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 22:52:38 จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 14 ต.ค. 49 22:50:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ปรบมือให้เจ้าของกระทู้ครับ ..... ที่เงินเดือน 12000 เก็บได้ถึง 3 แสน ... ผมนับถือเรื่องนี้ของคุณมากๆ เลย จากคุณ : พลพรรคนาซี - [ 14 ต.ค. 49 22:52:50 A:203.107.194.21 X: TicketID:110270 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถูกแล้วครับ                                                     w                 w                              w o                  o                               o w                 w                              w ปัญหาคอร์รัปชั่น !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! -การฮั้วจะหมดไป -สนามบินจะสร้างรายได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเศรษฐกิจ -น้ำมันจะอยู่กรอบ 60 เหรียญ -เซ็ทจะเกิน 725 ก่อนเดือนพฤศจิกายน -เอโอที จะขึ้น 65 ก่อนสิ้นเดือน ล็อคกระทู้ไว้นะครับ ถ้าไม่เป็นตามนี้ จะไม่มาโพสให้เห็นอีกครับ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 23:24:12 จากคุณ : เสี่ยปู่ (sea_poo) - [ 14 ต.ค. 49 23:22:41 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จากที่อ่าน เชื่อว่าหากทำตามที่คุณนกเพนกวินอ้วน แนะนำ เป็นทางเลือกที่แข็งแกร่งและชาญฉลาดครับ จากคุณ : ว่าวน้อยลอยชมสวน - [ 14 ต.ค. 49 23:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หุ้นที่คุณเจ้าของกระทู้เรียกว่าหุ้นพื้นฐาน ทั้งหมดนั้นเป็นแค่หุ้น bluechip ที่มีขนาดใหญ่และเป็นที่รู้จัก มีgrowthบ้าง แต่น้อย ไม่ใช่หุ้นที่จะซื้อแล้วกำไรมากๆ มันผิดตั้งแต่นิยามตรงนี้ที่คุณให้กับหุ้นพื้นฐานแล้ว ต้องศึกษามากกว่านี้ครับ แบบ TMB คุณยังจัดเป็นหุ้นพื้นฐานได้ แปลได้ว่าคุณไม่ได้มองลงไปถึงระดับพื้นฐานจริงเลย ว่ามีความสามารถในการแข่งขันเทียบกับbank ตัวอื่น แล้วสู้ได้หรือเปล่า การเพิ่มทุนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ควบคุมค่าใช้จ่าย จำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กำไรต่ำหุ้นก็ยิ่งลดลง เพียงเท่านี้ หุ้นตัวนี้ก็แทบจะพ้น list หุ้นที่ซื้อเพื่อเติบโตได้แล้ว TUF ยอดขายโตแต่ margin ต่ำลงเรื่อยๆ มีการแข่งขันสูง หุ้นตัวนี้โดยธรรมชาติปัจจุบัน ไม่อาจจะทำให้คุณกำไรได้มากเลย ถ้าไม่ได้ซื้อที่ peต่ำ มากๆ เช่นต่ำกว่า4หรือ5  ถ้ายอดสั่งซื้อที่เพิ่มมาตลอด ตกลงเพราะเศรษฐกิจคู่ค้าเช่นอเมริกาถดถอย กำไรก็จะลดลงทันที   ถ้ายอดการผลิตตกลงถึงระดับหนึ่ง economy of scale หายไป กำไรจะยิ่งทรุดตัวเร็วกว่าปกติเพราะค่าใช้จ่ายคงที่ ยังคงเดิม ไม่ได้ลดตามจำนวนผลิตที่ลด ต้องเพิ่มพูนความรู้และวิธีวิเคราะห์ก่อนครับ ไม่งั้นการเลือกหุ้นแบบผิวเผิน ไม่อาจจะทำกำไรให้ได้ แบบเป็นชิ้นเป็นอัน และถ้าพลาดจะยิ่งขาดทุน หางานที่เงินเดือนเยอะขึ้นด้วยครับ สมัยนี้ไม่ถึง 20000 ถ้ามีภาระเลี้ยงดูพ่อแม่ ยากที่จะเหลือเก็บ เท่าที่ดูน่าจะมีประสบการณ์ทำงานมาบ้างแล้ว อย่างน้อย2-3ปี น่าจะหางานได้นะครับ2หมื่นต่อเดือน จากคุณ : Dookdig&Daddy - [ 15 ต.ค. 49 00:03:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 มาให้กำลังใจครับ จากคุณ : dia_rtn - [ 15 ต.ค. 49 00:51:23 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เพราะว่าเวลาคุณเล่นหุ้น คุณไม่รู้จักการใช้ค่า PE ผมยกตัวอย่างหุ้น EVER ที่ผมชอบลงทุนมากที่สุด หุ้นนี้ครึ่งปีแรกมีกำไร 0.25 บาท รอบก่อนผมซื้อมาในราคาแถวเกือบ 5 บาท ที่ค่า PE 10 เท่า มี NAV อยู่ที่ 5.50 บาท (ขึ้นมาจาก 4 บาท เหตุก็มาจากค่า PE ที่มีค่า PE 10 เท่า คำนวนได้จากครึ่งปีมีกำไร 0.25 บาทถ้าครึ่งปีหลังยังคงทำกำไรได้เท่ากับครึ่งปีแรก ก็เท่ากับทั้งปีมีกำไร 0.50 บาท เพราะฉะนั้นการที่ผมซื้อมาในราคา 5 บาทนั้นไม่แพงเลย) และเมื่อผมซื้อมาแล้วผมก็นั่งดูเฉยๆ ปล่อยให้หุ้นมัน let profit run ขึ้นไป โดยผมดูที่หุ้น LH มันยังสามารถขึ้นไปเล่นในระดับ PE 20 เท่าได้ แล้วทำไมหุ้น EVER จะขึ้นไปในระดับนั้นไม่ได้ เคยมีคนขึ้นกระทู้บอกว่าหุ้น EVER ขึ้นมาในระดับราคา 7 บาทว่าแพง ผมก็ตอบไปว่ายังขึ้นไปได้อีก ให้ดูจากหุ้น LH เป็นหลัก และเมื่อราคาหุ้นขึ้นไปในระดับ 10 บาทซึ่งเป็นค่า PE 20 เท่าเป็นไปตามเป้าหมายที่ผมต้องการแล้ว ผมก็ยังไม่ขายออก แต่จะขายเมื่อมีสัญญาณขายเกิดขึ้น ซึ่งผมก็ขายออกไปในระดับราคาเกือบ 12 บาท ต่อมาหุ้นนี้ถูกป้ายอาญาสิทธิ์จากตลาดฯ ทำให้หุ้นปรับฐานลงมาในระดับเกือบ 5 บาทต้นๆ ผมก็ซื้อเข้ามาใหม่ แล้วผมก็รอให้มันขึ้นกลับไปข้างบนใหม่ ไปขายข้างบนใหม่อีกรอบหนึ่ง จนกระทั่งมันเริ่มลงใหม่ ผมก็ได้บอกในบางกระทู้ว่าให้รอซื้อที่ราคา 4 บาทต้นๆ ซึ่งในวันเปิดทำการซื้อขายหลังจากวันที่มีการปฏิรูปฯ ราคาหุ้นเกิดการ panic sell ลงมาในระดับราคา 4 บาทต้นๆ อีก ผมก็เข้าซื้อใหม่อีกรอบหนึ่ง ก็ราคา 5 บาทยังเคยซื้อมาแล้ว แล้วทำไมลงมาต่ำกว่า 5 บาทจะไม่กล้าซื้อกันเล่า พื้นฐานของตัวบริษัทฯ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพียงแต่ราคาหุ้นเท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลง ประวัติฯ มันซ้ำรอยเดิมเสมอ ซึ่งผมก็ขายออกไปที่ราคา 10 บาทต้นๆ ในวันที่ลงแรงตามสัญญาณการขายหุ้นเช่นเดิม รอบนี้น่ะหรือ ก็นั่งรอมันใหม่ ไม่ซื้อตอนนี้เพราะว่าถาม mar ลูกน้องเก่าบอกว่ากลุ่มทางเขากำลังระบายขายหุ้นตัวนี้อยู่ ขณะเดียวกันหุ้นที่ถูกป้ายฯ จะถูกเช็คชื่อจากตลาดฯ รายใหญ่บางกลุ่มไม่อยากมีชื่อปรากฏในบัญชีรายชื่อหุ้นที่ตลาดฯ จับตาเป็นพิเศษ จากคุณ : mar รุ่นเก๋า - [ 15 ต.ค. 49 02:04:42 A:221.128.109.202 X: TicketID:122020 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สรุปก็คือเล่นหุ้น ต้องดู PE NAV มูลค่าหุ้นทางบัญชีให้เป็น หุ้นบางตัวค่า PE สูงมากๆ เราก็อย่าไปเล่นกับมัน ต่อให้มันขึ้นได้อีก เราก็ไม่ควรจะไปยุ่งกับมัน ยกเว้นคุณมีเงินถุงเงินถังจำนวนมากที่พร้อมจะตัดขายเพื่อหยุดการขาดทุน แต่ถ้าคุณต้องตัดขาดทุนบ่อยๆ แค่ไม่เกินสิบครั้ง เงินที่คุณมีอยู่จะหายไปในพริบตา เวลาผมชวนบรรดาโบรกเกอร์บางแห่ง ให้เล่นหุ้นบางตัวเขาจะร้องยี้เลยว่าค่า PE สูงมาก ไม่เอาดีกว่า แต่สำหรับผมแล้วที่เป็นนักเทคนิคฯ ผมกลับกล้าเล่น เพราะว่าผมพร้อมที่จะขายเพื่อหยุดการขาดทุน คุณมีกราฟ efinance ไทยก็ใช้ให้มันมีประโยชน์ ผมก็ใช้กราฟเหมือนกัน ผมไม่ได้ดูกราฟแค่ปีนี้หรือปีก่อน บางหุ้นผมย้อนกลับไปดูการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นย้อนหลังกลับไปถึงปี 2000 ก็ยังมี และผมก็จำรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเปรียบเทียบกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ต่างๆ เมื่อในเวลาปัจจุบันผมเห็นรูปแบบการเคลื่อนที่แบบเดียวกัน มันก็จะขึ้นในรูปแบบเดียวกันได้เช่นกัน จากคุณ : mar รุ่นเก๋า - [ 15 ต.ค. 49 02:16:35 A:221.128.109.202 X: TicketID:122020 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คคห.ของผมนี้ อาจจะไม่ได้แนะนำวิธีการเล่นหุ้นละกัน ผมบอกได้เลยว่าสภาพจิตใจของคุณตอนนี้ไม่เหมาะกับการเล่นหุ้น ถึงจะมีเซียนมาสอนก็เถอะ เจ๊งแน่ๆ เก็บเงิน5หมื่นไว้ก่อน คุณยังโชคดี เหลือ5หมื่น ผมสิเข้าตลาดมาช่วงแรกๆ ไม่ถึงปีจากเงิน2แสน เหลือหมื่นเดียว แหม่ทำไปได้ ก็เข้าตลาดมาคล้ายๆกับหลายๆคนนะแหละ อยากรวย เป็นไงละ ไอเพราะอยากรวยนี่แหละ ทำให้ผมเจ๊งหุ้นยับเยิน เป็นเหมือนกันทุกคนแหละ นี่ถ้าตอนนั้นมีอีกเท่าไร ก็คงหมด จริงๆ คือว่าผมมันชอบทดลองวิธีใหม่ๆที่เจอ แล้วคิดว่ามันดี ถ้ามีเงินก็คงมาถมอีก แต่ดี ที่เงินมันหมด เลยไม่ได้เล่น เพียงแต่เล่นในกระดาษ ในใจ ทำบัญชีซื้อ-ขายจริงๆเลย ทดลองระบบที่คิดขึ้น ตอนนั้นมันไม่โลภแล้วเพราะไม่มีเงินมาเล่นแล้ว เพียงแต่มันอยากเอาชนะ แล้วมองเห็นอะไรบางอย่างที่เราคิดว่าน่าจะเอาชนะ ตลาดหุ้นได้ ลองระบบเกือบปี นั่งดูหุ้นทุกวัน จนวันนึงคิดว่าแน่ใจ จึงค่อยนำเงินที่เก็บมาได้ใหม่ มาลงหุ้นอีกครั้งหนึ่ง ทุกวันนี้ก็ถือว่าพอใจ คุณเลิกโทษตัวเองได้แล้ว ทุกคนมันผิดพลาดได้ ยังมีพ่อมีแม่อยู่ ตอนผมเล่นหุ้นเงินหมด ก็เครียดแบบนี้แหละ แต่พอได้บอกความจริงแม่ แม่ผมเข้าใจ และก็ไม่ด่า ก็เป็นกำลังใจกันไป ขึ้นชื่อว่าพ่อ แม่ ยังไงก็รักลูกอยู่แล้วละ ก็พยายามประหยัดไปก่อน ใจเย็นๆ เป็นกำลังใจให้ ถอยออกมาก้าวนึงก่อน แล้วก็ใช้สติค่อยๆคิดนะครับ จากคุณ : ไอเลิฟยูเบบี๋ - [ 15 ต.ค. 49 03:17:11 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เค้าว่าคนเล่นหุ้นเจ๊งเก้าคน อีกคนกำไรนะ อย่างคุณก็แค่ปกติแหละ เคยได้ยินคนที่เป็นเจ้ามือกำไรเป็นร้อยเป็นพันล้านไม๊ล่ะ เค้ากำไรก็เพราะพวกเราขาดทุนไงครับ ส่วนพวกเพื่อนๆคุณที่ว่ากำไรน่ะ เค้าก็มีขาดทุนบ้างแหละแต่ไม่พูด เวลากำไรโม้แหลกแต่เวลาขาดทุนเงียบ จากคุณ : papa - [ 15 ต.ค. 49 07:40:34 A:61.47.99.243 X: TicketID:128066 ]

ความคิดเห็นที่ 24 นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของรายย่อย ที่ตามความคิดของนักลงทุนไม่ทัน ความเสียหายของรายย่อยในช่วง 2-3 ปี ที่ว่านั้น เกิดจากการ short against port. และความเสียหายจากการขาดทุนสะสม dilution จากการเพิ่มทุน ที่สำคัญก็คือความเสียหายจากมีผู้ใช้ข้อมูลภายในทุบหุ้นแล้วรอช้อนซื้อเอาคืนภายหลัง ถ้ารายย่อยจะสู้จริง ๆ ต้องศึกษากระบวนยุทธมากกว่านี้ครับ  ตำราที่เขียนขายกันนั้นตามไม่ทันพวกนักลงทุนที่หากินกับตลาดอย่างนี้ได้เลย เพราะพวกนี้จะมีวิธีคิดใหม่ ๆ เสมอ ที่เขียนมานี้ไม่ได้ช่วยปลอบใจนะครับ  เพราะผมเองก็เป็นหนึ่งในแบบที่คุณเป็น เราจะพกมีดทำกับข้าวไปรบกับพวกมีปืน คงจะไม่มีโอกาสที่จะมองเห็นชัยชนะ ควรหลบออกไปจะดีกว่า หรือไม่ก็ต้องรออีกซักรอบ ตอนนี้ก็ฝึกจำลองไปก่อนก็แล้วกัน จากคุณ : jonathan w. - [ 15 ต.ค. 49 07:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มีบางคนแนะนำให้เลือกหุ้นในเว็บแห่งหนึ่ง ผมเห็นด้วยแต่ไม่ทั้งหมด ต้องเลือกด้วยตนเองด้วย ผมไปดูที่เขาโพสต์ในเว็บบอร์ดบางทีอ่านเหตุผลทำให้เคลิ้มอยากคล้อยตาม แต่บางครั้งทำให้ผมเจ็บตัว แต่ในบางครั้งที่ผมไม่ตามเขาทำให้ได้กำไรก็มี อย่างเช่น หุ้นกระเบื้องตัวหนึ่ง ตอนที่ราคา 11 บาทกว่าๆ คนในบอร์ดนั้นเขาบอกว่าราคานี้แพงเกินไปโดยอ้างถึงเพื่อนเขาบอกว่างานก่อสร้างไม่ค่อยมี ราคาจะตกไปอีก ลังเลพอสมควร แต่ก็ได้วิเคราะห์ด้วยตนเองหลายๆครั้ง ตัดสินใจเข้าซื้อทันที สำหรับผม ณ ปัจจจุบันได้กำไรพอสมควร แต่สำหรับคนที่มีหุ้นตัวนี้ถ้าเกิดไปอ่านเจอแล้วปล่อยคัทลอสไปคิดว่าน่าจะขาดทุนมหาศาล เพราะราคาในขณะนี้มันกลับมาที่เดิมในระยะเวลาไม่ถึงถึง 2 เดือน และอีกตัวหนึ่งที่ผมซื้อก็เอาจากเว็บนี้แหละ ชอกช้ำพอสมควร อุตสาหกรรมผลิตแผ่นฟิลม์จากแดนภารตะ ตัดใจขายไป ขาดทุนพอสมควร ดังนั้นอยากให้เพื่อนใช้วิจารณาญานให้มากในการอ่านความเห็นต่างๆอย่าเชื่อโดยไม่วิเคราะห์ด้วยตนเอง ไม่งั้นเจ็บตัวครับ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 49 09:11:14 จากคุณ : เม่ามีชัย - [ 15 ต.ค. 49 08:25:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คุณลองย้อนไปดู SET เมื่อวันที่ 16/08/2006 แล้วเทียบกับวันนี้สิ ลองเอาราคาของหุ้นกลุ่มต่าง ๆ มาเทียบกันดูจะเห็นว่า ณ.วันนี้บางตัวราคาถูกกว่าตอนนั้น บางตัวราคาแพงกว่าตอนนั้น ถ้าหากใครไม่ทราบคำตอบว่า ทำไมหุ้นบางตัวถูกกว่า บางตัวแพงกว่า ทั้ง ๆ ที่ SET ที่อยู่ระดับ 715 เหมือน ๆ กัน ขอแนะนำว่าให้เลิกเล่นหุ้นไปเถอะ จากคุณ : 555 - [ 15 ต.ค. 49 08:54:36 A:58.64.87.153 X: TicketID:127640 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เล่นหุ้น เจ๊ง ลงทุนในหุ้น กำไร จากคุณ : นลท - [ 15 ต.ค. 49 10:09:32 A:58.64.120.146 X: TicketID:128591 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สวัสดีครับ ได้อ่านข้อความของคุณแล้วเชื่อว่าหลายๆคนก็เจอเหมือนกัน ผมเองก็เจอครับ(ในอดีต)  ในสภาวะที่ผ่านมาหุ้นมีความผันผวนมากโดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่มีแฟชั่นถ่ายรูปกับรถถัง ผมเชื่อว่าหากเรามีวินัยในเรื่องของการจำกัดการขาดทุน(Stop loss) ก็จะทำให้เงินยังคงอยู่กับเราได้  ผมกับคุณและทุกๆคนต่างมีความต้องการอย่างเดียวกัน และที่สำคัญก็คือผมเข้าใจว่าคุณยังหลงใหลในตลาดหุ้นเหมือนๆกันกับผม มีข้อคิดเล็กๆฝากให้ก็แล้วกัน 1. อย่าท้อถอย ความสำเร็จมันรอคอยผู้ที่มีความมุ่งมันและขยัน ผมเชื่อว่าตลาดหุ้นรอคอยคนอย่างนี้ 2. คุณเชื่อหรือไม่ว่า คนที่ขาดทุนมักจะไม่เล่าให้คนอื่นฟังหรอกว่าขาดทุน แต่ถ้ากำไรมาแม้แต่น้อยนิดดันเล่าซะยกใหญ่ ดังนั้นคนที่คุณได้รับทราบมาว่ากำไร คุณได้ฟังจริงแต่เขาเล่าให้ฟังไม่หมดหรอกครับ ดังนั้นอย่าอิจฉาและหมดกำลังใจ 3. เมื่อคุณศึกษาเทคนิคมาแล้ว คุณเคยปริ้นกราฟออกมาพิจารณาอย่างละเอียดหรือไม่ ผมหมายถึง เมื่อได้กราฟแล้ว ลองเอากระดาษมาปิดแท่งเทียน แล้วพิจารณาดูว่าวันต่อๆไปทีละแท่ง ราคาหุ้นจะไปทางไหน และผลลัพท์ตรงกับที่คิดหรือไม่ โดยใช้ความรู้ทางเทคนิคมาประกอบการตัดสินใจ  วิธีนี้ผมฝึกแทบทุกวัน หากคุณได้ลองทำแล้วคุณจะเห็นประโยชน์อย่างใหญ่หลวงและมีความสำคัญต่อเงินในกระเป๋าคุณอย่างแน่นอน...ขอย้ำ 4. Day trader หรือ Net settlement ขอแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้อย่าไปยุ่งเลย เทคนิคอลจะเหวี่ยงไปตามอารมณ์ของผู้มีเงินเท่านั้น ผมนั่งมองและนั่งลองหลายครั้งแล้ว เทคนิคอลสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หรือผมอาจจะใช้ไม่ถูกก็ไม่ทราบเหมือนกัน 5. อย่าลืมดูกราฟในระดับ week - month ด้วยครับ 6. ข้อสุดท้าย อย่าลืมดูปัจจัยพื้นฐานหุ้นนั้นๆ ด้วย หรือเอาแค่ง่ายๆที่สุดก็ดูผลประกอบการก็ยังดี ก่อนที่จะซื้อหุ้นด้วยเทคนิคอล ฝากถึงผู้อ่านคนอื่นๆด้วยก็แล้วกันครับ ขอให้รวยครับ จากคุณ : ฎ-ชฎา - [ 15 ต.ค. 49 10:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 29 น้ำใจที่ไม่เคยเหือดหายไปจากห้องสินธร ที่ยังมีอยู่และของแท้แน่นอน ดีใจมากครับตลาดทุนของไทยจะได้พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : phabat77 - [ 15 ต.ค. 49 10:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เปลี่ยนแนวการเล่นครับ หยุดเล่นแบบเกร็งกำไรรายวัน หันมาเล่นแบบ VI ครับ เมื่อคุณเริ่มได้กำไร ถ้าอยากสนุกแบ่งเงิน 20 % เล่นเกร็งกำไรได้ แต่ต้องเลือกที่มีพื้นฐานนะครับ (ผมว่ามันก็สามารถเล่นได้) จากคุณ : pojta - [ 15 ต.ค. 49 11:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ได้เก่งอะไรมือใหม่เหมือนกัน แต่จากการศึกษามาบ้างและเคยเจ็บตัวเล็กๆน้อยๆมาแล้ว ทำไมไม่ลงทุนในกองทุนล่ะครับ โดยเฉลี่ยแล้วเค้าคิดค่าบริหารประมาณ 1.5-2 % ต่อปีเองครับบางกองทุนได้กำไรต่อปี 10% ก็มี มีทั้งกองทุนปันผลและไม่ปันผล ข้อดีที่ผมเห็นคือ 1.กองทุนบางกอง(SCBAM)สามารถโยกกองทุนโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเลย ทำให้แค่เรารู้แค่แนวโน้มเศรษฐกิจ(ตลาดหุ้น)ที่จะเกิดล่วงหน้า เราก็ย้ายกองทุนจากหุ้นไปตราสารหนี้ได้ หรือตราสารหนี้ไปกองทุน แล้วแต่สภาวะเศรษฐกิจช่วงนั้น เช่นเมื่อ 6 เดือนก่อนผมจะโยกกองทุนหุ้นไปลงตราสารหนี้ และอาทิตย์หน้า ผมจะโยกกองทุนตราสารหนี้ไปกองทุนหุ้นให้เยอะๆ โดยผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องขายแพงสุดและซื้อถูกสุด แต่ขอให้อยู่ในช่วงขึ้นหรือลงแน่ๆก็พอ (กองทุนบางกองทุนก็เสียค่าธรรมเนียม ในการโยกกองทุน แต่ก็เสียค่าธรรมเนียมแค่ ประมาณ 0.05 % เท่านั้น) 2.ไม่เครียดเลย ไม่ต้องนั่งเช็คสภาวะเศรษฐกิจตลอดเวลา แค่อาทิตย์ละครั้งหรือรอพวกสรุปสภาวะเศรษฐกิจของพวกโบรกเกอร์เดือนละครั้งก็พอ 3.หากหุ้นตัวไหนโดนข่าวแล้วเราไม่ทันหรือรู้ช้าราคาอาจร่วงไปไกลแล้วขายไม่ทัน ทำให้ซวย แต่ หากเป็นกองทุนมีหุ้นตัวนั้นอยู่ เค้าจะจัดการบริหารได้ดีกว่าเรา(มือใหม่)ว่าควรขายไหม ควร.....ไหม เป็นต้น 4.สุขภาพจิตดี 5.ส่วนผมเองนั้นก็(กะว่า)แบ่งเงินเล่นกองทุนหลากหลายซัก 80 % และเล่นเอง 20 % น่ะครับ โดยที่เล่นเอง 20 %นี่เล่นเป็นช่วงน่ะครับไม่ได้เล่นรายวันโดยเลือกหุ้นที่เล็กหน่อยเพราะกองทุนไม่เล่นถึงจะดีก็เล่นไม่ได้ โดยกะว่าอีก 6-12เดือนหาจังหวะขายเช่น พวกอสังหาเป็นต้น ยังไงก็แค่อ่านเป็นข้อมุลประกอบนะครับเพราะผมเองก็มือใหม่ แต่ก็หวังดีน่ะครับ แชร์ประสบการณ์กัน จากคุณ : eak1111 - [ 15 ต.ค. 49 11:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มีคนเก่งเข้ากระทู้นี้เยอะ อ่าน ๆ ไป ก็เห็น คห ที่เล่าเรื่องจริงบ้าง เรื่องไม่จริงบ้าง หลาย คห ดี กับการแก้ปัญหาของคนทุกข์อีกแบบ ไม่ใช่คุณ เรียกว่า กว่าถั่วจะสุก งาก้ไหม้หมดแล้ว ผมไม่ได้รวย ไม่ได้เป็นเซียน เคยได้ เคยเจ๊งเหมือนๆ กัน แต่การเข้ามาในตลาดหุ้น ในตำราเล่มไหนๆ ก็ไม่เคยมีใครบอกว่า สัจจะธรรมคือความเสี่ยง แปลว่า คุณงัดตำราและวิธีการต่างๆ ออกมาใช้ มันคือความเสี่ยง ที่สำคัญ คือ ความเสี่ยงบางอย่างเขาแฝงลดด้วยการให้เวลาเป็นตัวละลายความเสี่ยง เวลาเป็นเรื่องใหญ่ที่คนมองข้าม คนเรามักฝันเสมอว่า จะได้ กำไร 1 เท่า 2 เท่า แต่ลืมไปว่า ใครรับประกันวิธีการนั้นๆ ว่า วิธีนี้ ได้ 1 เท่า ใน 1 ปี คนที่ได้แบบนั้นเขาลืมว่า มีคนใช้วิธีเดียวกันและได้ 1 เท่า ใน 1 ปี แต่เขาลงทุนหุ้นตัวนั้น 5 หมื่นบาท หนึ่งปี ได้ อีก 5 หมื่น ฝากให้แม่ใช้ 90 % ส่วนที่เหลือเอามากินข้าวได้ไม่กี่มื้อก็หมดแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งลงเงินซื้อหุ้นตัวนั้น 4 ล้านบาท 1 ปี ได้ทาวน์เฮ้า 1 หลัง ทั้งที่ 2 คนนี้เอาเงินมาลงทุน 4 ล้านเท่ากัน ความแตกต่างคืออะไร ก็คือใครใจถึง ใครมั่นใจวิธีการของตนเองก็โปะตัวเดียว คนไม่มั่นใจก็กระจายความเสี่ยง (ความจริงผิดหลักการพนันของชาวสวิซ) ในทาง vi เขาจะเอาเวลาเป็นตัวละลายความเสี่ยงเสมอ เป็นเรื่องหลัก คนที่กล้าโปะหุ้นตัวเดียว แบบให้เห้นเนื้อๆ ต้องเขาพบเยี่ยมชมกิจการ รู้จักกับเจ้าของ ไปดูถึงห้องน้ำเขาบริหารอย่างไร เพราะทุกธุรกิจมีความเสี่ยง มากน้อยตามขนาดและภาวะตลาด(เมืองไทยยังต้องเพิ่มอีกปัจจัย คือการเมือง) จู่ๆ หุ้นที่ไม่มีคนรู้จักและซื้อขายกันไม่กี่สิบล้านบาทต่อวัน ราคาพุ่งขึ้น 1 เท่าใน 1 ปี แล้วบอกว่าวิเคราะห์แล้วใช่เลย คุณจะเชื่อหรือว่าคนนั้นเก่งวิเคราะห์ (เขาโชคดีส่วนหนึ่ง) ผมจะมาเล่าเรื่อง อยากเชือก จำปีไม่ได้ แต่รู้ว่าก่อนสงครามอ่าวครั้งหลัง ประมาณ กลางปีกระมัง เขาบอกให้ผมซื้อ tta ราคาตอนนั้น ป้วนเปี้ยน ที่ 3 บาท เขาบอกว่า ไม่มีใครเอาเรือขับไปที่มีสงครามหรอก เรือต้องอ้อมเส้นทางห่างออกไป การค้ายังต้องมี ย้ำว่าต้องมี เมกาจะสู้กับอีรัก จีนไม่เกี่ยว ไทยไม่สน คนอื่นยังค้าขายข้ามทวีปกัน เรืออ้อมทางก็คิดค่าระวางเพิ่ม ไม่จ่ายก็ไม่ต้องส่งสินค้า เขาเก็บหุ้น ที่ เฉลี่ย 3 บาทอยู่ ล้านกว่าหุ้น ก่อนหน้าก็มี วอแร้นอีกไม่กี่แสน ผมก็ซื้อตามที่เขาบอกมา แต่ไม่กี่หมื่นหุ้น (ข้อนี้ถือว่า เขามีความคิดเรื่องวิเคราะห์ดี และกล้าซื้อทีเดียวมาก ๆ ) ผ่านไปไม่ถึง ครึ่งปี ราคาพุ่ง มาถึง 6 - 7 บาท ผมอยู่ตลาดได้มา 1 เท่าในเวลาไม่กี่เดือน ก็ดีใจแล้ว(ถือเป้นโชคของตัวเอง)รีบขายไปกำไร 1 เท่าตัว ส่วนอยากเชือก เขามีโชคมากกว่า คือ เขาไปทำธุรกิจต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง หายไปเกือบ ปี เขาไม่ได้ดูหุ้นเลย เพราะตอนนั้นเขางานยุ่งมาก ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญอื่นๆในทางการค้าที่มีมูลค่าน้อยกว่าที่เขากำไรจากหุ้นเสียอีก(มาบอกผมทีหลัง) เขากลับเมืองไทย มาก็ดไม่ได้ดูหุ้น แต่ดันเข้ามาดูห้องสินธรตอบปัญหาคนโน้นคนนี้ แล้วก็ไปนอกอีก ครั้งหลังที่กลับมา เขาเปิดพรอทดู แทบตกเก้าอี้ ราคาtta 44 บาท กำไร 41 บาท ล้านกว่าหุ้น ได้มากกว่า 43 ล้าน ตอนที่ขาย อย่างงี้คุณทั้งหลายจะตอบว่าอย่างงัยดี เก่งหรือเฮง หลังจากขายเขามานั่งคุย เราคุยกันและลงมติว่า เขาเฮงบรมเฮง เพราะเขาบอกว่านิสัยอย่างเขาถ้าอยู่ห้องค้าอย่างเก่งก็ 8 - 10 บาทขายไปนานแล้ว และหากวิเคราะห์โดยปัจจัย ไม่มีธุรกิจใด(เรียลเซกเตอร์) จะกำไรงาม 2 เท่าใน 8 - 9 เดือน แต่เขาถือต่อเพราะไม่มีเวลา และเชื่อว่าราคาหุ้นขึ้นเพราะ อินไซค์จะเพิ่มทุนหรือลดพาร์หรือเหตุอื่นๆ มากกว่าพื้นฐานของกิจการ ราคาหุ้นจะพุ่งหรือลงเป็นสัดส่วนรุ่นแรงเมื่อมีข่าวว่าจะเพิ่มทุน หรือลดพาร์ เพิ่มแจกวอแร้นต์ทั้งน้าน หากแค่วิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐาน เซียนหรือผีคนไหนจะกล้าวิเคราะห์ว่า แค่กิจการเรือจะดีกว่าเกษตร จะดีกว่า พลังงาน(ขณะนั้น) บ้าบอสิ้นดี การวิเคราะห์หุ้นบ้านเราต้องรู้จักกับเจ้าของก่อน รู้ว่าเขาต้องการเงินเพิ่มทุนจริง หรือเพิ่มทุนเอาไปให้ใครพลาน นั่นสำคัญกว่า ได้กำไรหุ้นเป็นเนื้อเป็นหนังในเวลาสั้นๆ อย่างงี้เทคนิคก็อ่านไม่เจอชาตินี้หรือชาติไหน 5566 5566 แต่เมื่อคนเล่นไม่มีทางเข้าถึงอินไซค์ สิ่งหนึ่งที่ต้องพึ่งคือ โชคดี ดวงเฮงอะไรประมาณนั้น แต่หากพูดถึงโชคดี ดวงเฮง ผู้คนก็จะมาก่อนด่า หาว่าเหลวไหลเชื่อในสิ่งที่ไร้สาระ อย่างงี้จะทำไงดี ก็ต้องกลับสู่สามัญ คือ เล่นหุ้นไม่รู้อินไซค์ ไม่รู้โชควะตา ก็ต้องพึ่งความคิดที่สามารถ นั่นคือการค้นหากลวิธีการลงมือ ทั้งขายทั้งซื้อให้จงได้ วิธีการแบบเงินสดแฝงของคุณ เด่นศรี นั้น ผมกับ อยากเชือกใช้มานานแล้ว ก็ได้ผลระดับหนึ่ง แต่เมื่อผมให้คอนเซบกับอยากเชือก เขาเอาไผให้โปรแกรมเมอร์เขียนเป็นโปรแกรม ทำให้การเล่นแบบ เด่นศรีคือการเล่นขาลงและต้องอดทนกัดฟันถือรอ รอ รอ ให้เป็นขาขึ้นรอบ ให้ได้จึงทำกำไรเป็นเงิน เงินสด สด มาใช้จ่ายได้ ในตลาดหุ้นไม่ว่าดัชนีจะ 1700 จะ 300 มีหุ้นบวกและลบ เราไม่มีทางรู้ว่าตัวไหนจะบวก ตัวไหนจะลบ คนที่พูดคือเดาไปวัน ๆ ให้มันสนุกไปวัน ๆ เท่านั้น หากมีเดิมพัน คำพูดเดาหุ้นคงหดหายไปเยอะ ในตลาดหุ้นมีความจริงที่ซ่อนเร้นอยู่มากๆ คนที่ดูละเอียด คนที่มองลึกจะค่อยๆ ร้องอ๋อ แล้วในที่สุด คุณจะเล่นง่ายขึ้น ใคร ๆ ก็มักออกมาเตือนว่า เล่นหุ้นไม่โลภได้เงิน แต่ทำยังงัยล่ะจึงไม่โลภ เล่นรอบรึ ก็ถูก เล่นตามกราฟรึ มีตั้ง 44 กราฟ จะดูหมด 44 กราฟตัดสินหรือ สงสัยเป็นบ้าก่อนใช้เงิน 5566 5566 คำว่าไม่โลภคือ ค่อย ๆ เก็บไม่เอามาก แล้วเมื่อไรจะได้มากจุใจ ก็ต้องเอาเล่นรอบมารวม แล้วเมื่อไรจะเข้าข่ายเริ่มรวยตามใจคิด ก็ต้องไล่ตามขาขึ้น ช่วยทุบขาลง นั่นวิธีเด่นศรีมาใช้แล้ว กลยุทธผสานต่างๆ รวมกันมันก็เหนื่อย ก็ต้องมีโปรแกรมมีผู้ช่วยมาเสริม แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีเอง แต่อย่าลืมว่า การจะได้สิ่งที่หวัง ทุกคนไม่สามารถทำได้หมด และต้องกินเวลาด้วย ไม่ใช่ลงทุนวันนี้ 10 ล้าน ขอกำไร 10 ล้านใน 2 เดือน นั่นคุณต้องเข้าข่าย คุณสมบัติ 3 ข้อที่รายย่อยไม่มี ตามที่ผมเคยมาเล่า นานมาแล้ว ไปค้นเอาเอง 5566 5566 เมื่อยมือตามภาษาคนแก่ เลยขอไปก่อน ขอให้โชคดี จากคุณ : nowya - [ 15 ต.ค. 49 11:45:48 A:202.57.183.50 X: TicketID:112031 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อ่านทวน มีพิมพ์ผิดมาก ไปให้ใครพลาน แก้ เป็น ไปให้ใครผลาญ ก่อนด่า แก้เป็น ก่นด่า ขออภัยพิมพ์ผิด แต่เอาสาระหลักก็พอ ขอบใจมาดูคนแก่บ่น 5566 5566 จากคุณ : nowya - [ 15 ต.ค. 49 12:05:57 A:202.57.183.50 X: TicketID:112031 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าคุณใช้ เทคนิค อยู่ แนะนำให้ลองใช้ MS Simulator for MetaStock http://www.savefile.com/files/41771 โปรแกรม Meta Stock และ ข้อมูล http://stockdownload.tk/ แล้วลอง sim ดูซิว่า ทำไมเวลาซื้อหุ้นพื้นฐานดี แล้วยังขาดทุนอยู่ หาคำตอบตรงนี้ ออกมาให้ได้น่ะครับ (ระบบ sim มีคำสั่ง ซื้อขาย อยู่ในตัว พยายามซื้อขาย แบบที่เป็นตัวของเราเองก่อนให้เยอะที่สุด เพื่อหาสาเหตุก่อนน่ะครับ) ถ้าหาได้แล้ว เดี๋ยวค่อยมาคุยวิธีการต่อไปกัน You never fly alone. ^^" จากคุณ : dollarkit - [ 15 ต.ค. 49 13:17:47 A:124.120.241.54 X: TicketID:027093 ]

ความคิดเห็นที่ 35 หยุดเล่นและงดลงทุนทุกชนิด (เคยรู้สึกมั้ยคะ ช่วงไหนที่รู้สึกเหมือนดวงตก ทำอะไรก็แย่ไปหมด) จนกว่าสภาพจิตจะเป็นปกติ (เหตุแห่งจิตใจส่งผลกระทบต่อการกระทำโดยตรง มากกว่าเหตุอื่นทั่วไป) เมื่อเป็นปกติดีแล้ว ค่อยกลับมาศึกษาใหม่อีกครั้ง(ยังไม่ต้องลงมือ) ย้อนเอาบทเรียน ประสบการณ์ต่างๆ ที่เคยผ่านมา มาพิจารณา ไม่มีคำว่า สายไป สำหรับผู้ที่เข้าใจ เป้าหมายการเอาชนะ อาจก่อกำเนิดขึ้นจากความปราถนาจะเอาชนะในเบื้องแรก แต่จะชนะได้แท้จริงนั้น ต้องดำเนินการด้วยความเข้าใจ และในแต่ละย่างก้าวนั้น จิตใจที่ไม่สั่นไหวอ่อนแอ คือหัวใจหลักที่สำคัญที่สุด หาก มีความเข้าใจแล้ว พร้อมทั้งยังมีจิตใจที่กลับเป็นปกติแล้ว...แต่ยังไร้ความมั่นใจ ให้ฝึกฝน จนกว่าจะมั่นใจ จะใช้เวลาแค่ไหน คุณเท่านั้นที่รู้สึกได้เอง ซ้อม กี่วัน กี่เดือน กี่ปี ก็ไม่มีวันสายเกินไป ลองเล่นในกระดาษก่อนก็ย่อมได้ (ไม่ว่าจะเล่นสั้น กลาง ยาว ซ้อมไปตามนั้น ให้เสมือนจริง) ทำความเข้าใจในบทเรียนที่ฝึกซ้อม ไม่ว่า ขาขึ้น ขาลง รอบใหญ่ เล็ก อาจฝึกฝน จนกว่า จะสอบผ่าน ซัก 70% ขึ้นไป(เช่น ตั้งโจทย์ไว้ 10ตัว ถูกซะ 7 หรือ ผลตอบแทนรวมแต่ะละรอบปี ทำได้กำไรผ่าน 10-20% ขึ้นไป ,ก็แล้วแต่จะกำหนดมาตรฐานขึ้นมาวัด) และอย่างเชื่อได้ว่า มันจะสม่ำเสมอ ....ค่อยลงมือ ไม่มีคำว่าสายไป สำหรับผู้ที่พร้อม ถ้าไม่มั่นใจว่าพร้อม มันสายไปตั้งแต่เริ่มคิดจะลงมือ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : 007-s - [ 15 ต.ค. 49 14:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ยังมือใหม่ครับ ไม่สามารถออกความเห็นได้เนื่องจากยังไม่เคย ขาดทุนกับกำไรจริงๆซักที  ศึกษามา ครึ่งปีกว่ายัง ซื้อในเกมหุ้นอยู่เลยครับ   เลยมาให้กำลังใจอย่างเดียวว จากคุณ : ชีวิต150เซ็น - [ 15 ต.ค. 49 15:36:11 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ใจเย็นๆ ค่ะ เห็นด้วยกับหลาย ๆ คนว่าให้หยุดเล่นก่อน อย่าเพิ่งคิดเอาคืน ลองหางานใหม่ ที่ได้เงินเดือนดีกว่านี้ จะได้ไม่เครียด เข้าวัดเข้าวา ทำจิตใจให้สงบ มีสมาธิ นอนหลับได้สนิท จิตใจสบาย เก็บเงินเย็นๆ ได้แล้วค่อยมาเล่น สบายๆ จากที่ดูถ้าคุณ จขกท. ไม่มีเวลาเฝ้าหุ้นระหว่างวันแน่ๆ อย่าไปเล่นหุ้นปั่นเลยค่ะ  ซื้อพวกพื้นฐานดี ถือยาวๆ ดีกว่า แต่ก็อีกแหละค่ะ ตีความคำว่าหุ้นพื้นฐานดีก่อนนะคะ แบบง่ายๆ ก็ - รายได้มั่นคง + มีโอกาสเติบโต แบบว่า ดูกิจกรรมหลักของบริษัทแล้วรายได้ไม่น่าจะหดไปไหน และมีโครงการที่จะสร้างรายได้ในอนาคตได้อีก - เจ้าของ/ CEO เก่งมากๆ + มีจริยธรรม พวกเซียนนักบริหาร มักจะได้ลงหนังสือ นิตยสารบ่อย ๆ ว่าเป็นสุดยอดเจ้าสัว สุดยอดนักบริหาร อะไรเทือกๆ นี้อ่ะค่ะ - การทำงาน (operation) ของกิจการ มีประสิทธิภาพ พนักงานไม่ห่วยจนเกินไป ดู operating cash flow เป็นบวกดีมั๊ยคะ ก็แค่ความคิดเห็นของคนธรรมดา ที่ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : ar-may - [ 15 ต.ค. 49 15:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หลายความเห็นให้ข้อคิดที่ดีแก่คุณ จขกท ครับ  ลองกลับไปทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา  ว่าผิดพลาดตรงไหน ? อย่างหุ้นพื้นฐานดีนั้นต้องมีลักษณะอย่างไร ? หุ้นตัวไหนจัดเป็น Growth Stock  หรือ  Value Stock ? ราคา (มูลค่า) ที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่ ? ราคา ณ ปัจจุบันซื้อแล้วมีความปลอดภัยหรือไม่ ?  ที่ว่าปลอดภัย  คือราคาตลาดต่ำกว่าราคาที่เหมาะสมมากๆ  ยิ่งมาก  ยิ่งดีครับ  หลายคนบอกว่าหุ้นตัวนี้พื้นฐานดี  และเข้าไปซื้อมันมาถือไว้  โดยไม่ได้ประเมินเลยว่าราคาที่ซื้อนั้นแพงไปหรือไม่ ?  การซื้อแพงแล้วหวังจะให้ราคาหุ้นมันขึ้นไปอีกก็เป็นเรื่องยากครับ   การลงทุนสร้างผลตอบแทนที่ดี  นอกจากซื้อหุ้นบริษัทที่ยอดเยี่ยมแล้ว  ราคาหุ้นต้องน่าสนใจเข้าไปซื้อด้วย  ไม่อย่างนั้นการลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยมก็อาจกลายเป็นฝันร้ายได้เช่นกันครับ ต้องตีให้แตกครับ  แล้วคุณจะตีแตก (หุ้น) แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 49 16:07:40 จากคุณ : GS Mobile - [ 15 ต.ค. 49 16:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เคยเป็นแบบเจ้าของกระทู้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นมีเวลาว่างมากๆๆเลยทำให้ปรับสภาพ หยุดtradeไปหนึ่งเดือน พักสมอง ดูแต่ไม่ซื้อ ปล่อยมันไป จากนั้นก็กลับมาtradeขาดทุนกำไรบ้างแต่กำไรมากกว่าขาดทุน ทำไมหรือครับ อันนี้ต้องไปสวดมนต์ เอาพระคาถาชินบัญชร วันละ 9 รอบ สวดจบแล้วภาวนาครับ ทำให้มีสติแล้วสมาธิมันจะเกิดเอง จากนั้นก็เปลี่ยนแถวการเล่น ไปสู่จุดเริ่มต้นคือ ถือแบบVI มองอะไรมองให้ออกว่า หุ้นมันปัจจัยอะไรบ้าง ต้องศึกษาให้เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพหรืออะไรก็ตามต้องรู้ และจำ เมื่อมีอะไรมากระทบก็จะได้วิเคราะห์ได้ถูกต้อง ตอนนี้เราสนใจแต่หุ้นที่ 1. ราคาร่วงมาแบบไม่มีเหตุผลที่ควรจะเป็น ในเมื่อธุรกิจมันก็เดิมๆๆ ยังทำกำไรได้ ร่วงมาเพราะเหตุผลระยะสั้น มีหลายตัวที่เป็นแบบนี้ (มีคนถือหุ้นใหญ่ก็shortผสมโรงด้วย ตอนนี้สภาพคล่องแถบจะไม่มีเหมือนเดิม) 2. ไม่มีใครเขามองกัน แต่เมื่อเรามองเราเห็นของดีนี่น่า ก็นั่งเฝ้ารอเวลาเก็บ ลงมาเมื่อไร เสร็จล่ะกัน (หรือถ้าเป็นพี่เฟยฟงจะเรียกคือ หุ้นเงา) 3. หุ้นที่ประสบการณ์โดยตรง อันนี้เป็นเรื่องของแล้วแต่บุคคล อันนี้ใช้พวกสัมผัสที่ 6 หรือแบบไม่ต้องคิด เห็นปุ๊บถามเลยว่า จะเอาหรือไม่ ถ้านิ่งหรือคิด ก็ไม่ซื้อ (อันนี้ไว้เมื่อจะลงแดงตายจะเล่นแบบนี้) สุดท้ายคือ ถ้าหุ้นดี ถ้าติดดอยถือยาวมันก็ต้องกลับมา (ตัวธุรกิจเหมือนเดิมน่า ไม่มีคนโกงหินโกงปูนโกงเหล็ก โกงก๊าซน่าครับ) แต่หุ้นเลว โกงหมดทุกอย่างกินได้หมด ไม่เว้นถึงคนและคุณงามความดี ก็เผาผีไปเลย พวกนี้ :) ส่วนคือ ต้องมีสติและสมาธิครับ :) จากคุณ : Myth&Miracle - [ 15 ต.ค. 49 16:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มาเป็นกำลังใจให้ครับ สู้ต่อครับอย่าท้อ ผมก้อเคยทุกข์ใจทุกข์กายมาหนักๆเช่นกันครับ ตอนนั้นพ่อล้มละลาย กัดฟันเรียนจนจบ ทำของหวานขาย จบมานึกว่าสบายแล้ว เข้าทำงาน ซีพี นายชวนออกมาตั้งบริษัท โดนนายโกง โดนแฟนทิ้ง(คบมา 12ปี) ส่วนตอนนี้สบายแล้วครับ แม้จะเคยโดนตลาดหุ้นทำร้ายไป 1.4-1.5 ล้าน ทุกวันนี้ก้อไม่พยายามยุ่งกะมันอีกครับ ทำมาหากินเองดีกว่าครับ สู้ๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 49 19:40:43 จากคุณ : พ่อฟ้าใส - [ 15 ต.ค. 49 18:03:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เท่าที่อ่านมาทั้งหมดก็ดีๆทั้งนั้น น่ารักทุกท่านนะ แต่เราว่าเจ้าของกระทู้ตอนนี้คงทุกข์ใจมาก ขอแนะนำว่าลองตั้งไว้ในใจว่าเลือกหุ้นอะไรก็ได้สัก 1 ตัว สำหรับเงิน 50,000 บาทสุดท้ายคิดว่ามันจะ ไม่ถูก delist ออกจากตลาดแล้วตั้งมั่นไปเลยว่า ฉันจะถือมันให้ได้ 5 ปีเป็นอย่างต่ำ ขอเน้นนะว่า 5 ปี เป็นอย่างต่ำเลือกแค่ตัวเดียวมันคงไม่ซวย จนถูก delist ออกจากตลาดหลอกนะ ถ้ามันจะซวย จริงๆ ก็ยอมมันเถอะไหนๆก็เสียมาแล้วตั้ง 250,000 นี่นะ อาจจะเป็นหุ้นปั่นก็ได้นะไม่เกี่ยงอยู่แล้ว gen, de,singha,power,win ฯลฯ นับไม่ถ้วน ขอโทษนะที่แนะนำแบบนี้อาจดูบ้าบิ่น ไม่เหมือนใครสักเท่าไร ความเจ็บปวดในอดีต ของเรามีมากมายเหมือนกัน แต่สู้ และขอบอกก่อนนะ อย่าเชื่อเรามากนักประสบการณ์บนสังเวียนนี้ที่ผ่านมา ของเราไม่นานเหมือนคนหรอกนะ หวังว่าเพื่อนจะ ผ่านวิกฤตในใจ ณ เวลานี้ไปได้ ขอให้โชคดี จากคุณ : ปั่น - [ 15 ต.ค. 49 19:13:40 A:203.150.85.193 X: TicketID:125310 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมไม่รู้จะให้คำแนะนำยังไงดีเพราะผมก็ไม่เก่งเหมือนกัน...และก็เล่นจริง ๆ จัง ๆ ไม่นานนัก.... ผมจะให้ทัศนะตามแบบของผมนะครับ.... หุ้นก็เหมือนนักฟุตบอลนั่นแหละ...นักฟุตบอลที่เทคนิกดี ทักษะเยี่ยม อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในสนามหากไร้ซึ่งพละกำลังและโค้ชที่มองเห็นคุณค่า.... คุณอย่าไปยึดตำราเป็นสารณะในการเล่นหุ้นเลย....แค่นำมาดู มาอ่าน แล้วก็หัดประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์ของคุณให้ได้...ก็คงพอ...บางทีการวิเคราะห์ที่น่าเชื่อถืออาจจะดูไร้สาระด้วยซ้ำไป...เพราะตลาดหุ้นถูกควบคุมไว้ด้วยเหตุผลและอารมณ์ของผู้เล่น อย่าเล่นแบบการพนันครับ เพราะคุณจะยิ่งรู้สึกแย่กับมัน....คุณลองเอาความล้มเหลวที่เคยผ่านมา มาเรียนรู้นะครับ... ผมก็จำ ๆ เขามาเล่าให้ฟังต่อ เพราะผมก็ไม่ได้เก่งและพึ่งเริ่มเล่นไม่นาน อันไหนดีเก็บเอาไปคิดนะครับ....ด้วยความเคารพครับ.... จากคุณ : บอนน์ - [ 15 ต.ค. 49 19:14:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านแล้วเหนื่อยเลย คห 18 สรุปไว้หมดแล้ว จขกท รู้เยอะแต่ไม่ถึงแก่น หลักการไม่มั่นคง ทำตามพี่ 007 คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด จากคุณ : house (panote_saechiew) - [ 15 ต.ค. 49 19:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คุณก็ยังนับว่าโชคดีที่ยังมีรายได้ประจำคือเงินเดือน ไม่ใช่โชคร้ายไปเสียหมด ช่วงนี้ก็คงต้องอยู่ห่างตลาดไว้ก่อนแบบ wait & see เก็บสะสมเงินสดไว้ดีกว่า แล้วค่อยหาจังหวะที่เหมาะสมเข้าตลาด ที่เสียแล้วก็แล้วกันไป นึกว่าเงินทองไปเที่ยวเดี๋ยวเดียวก็มา แต่คราวนี้กว่าจะมาคงนานหน่อย แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 49 21:03:21 จากคุณ : ขอให้โชคดีกะเขาบ้าง.. (Green Turbo) - [ 15 ต.ค. 49 21:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 45 มาให้กำลังใจครับ สู้ๆ ตอนนี้ผมฝึกเล่นในเกมอยู่ ก่ะว่าอิกไม่นาน เข้าใจหุ้นแล้ว จะแปลงร่างเป็นแมงเม่าเสียที จากคุณ : ninnea - [ 15 ต.ค. 49 21:06:17 ]

ความคิดเห็นที่ 46 วันนี้ คุณ mar รุ่นเก๋า ให้แนวทางที่ดีครับ ผมก็ได้จาก ever แบบนี้เหมือนกันแต่ขายที่ 9 บาทกว่าๆ เองใจไม่แข็งพอ จริงๆแล้วเล่นหุ้นต้องอดทนครับ เพราะหลายๆครั้งเราคิดดีแล้วแต่ไม่อดทนพอ มันก็ไม่ได้อะจากที่เราคิดได้ สองเดือนก่อน ซื้อ PF ไว้ที่ 2 บาทปลายๆ ถือมาเป็นอาทิตย์มันก็ไม่วิ่งพอหมดความอดทนก็ขาย สุดท้ายพอมันวิ่งไปที่ 4 บาทกว่าๆ ก็มานั่งเสียดาย อดทนครับ ถ้าซื้อได้ที่ราคาต่ำ ถ้าไม่วิ่งก็รอปันผล ถ้าวิ่งค่อยทำกำไรครับ จากคุณ : Kitcat - [ 15 ต.ค. 49 22:22:09 ]

ความคิดเห็นที่ 47 EVER ค่ะ ซื้อตอนนี้ 11 บาทน่าจะเห็น EMC ,EMC-W1 ตอนนี้เสี่ยงนิดหน่อย แต่น่าจะไปได้ DE น่าจะไปปริ่ม ๆ 1.50 ยังมีลมหายใจ ก็ต้องสู้กันไปนะค่ะ จากคุณ : แมงเม่าปีกทอง - [ 15 ต.ค. 49 22:59:50 A:58.8.9.240 X: TicketID:128596 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แบ่งเงินซื้อของไปใส่บาตรพระตอนเช้า รักษาศีล นั่งสมาธิให้ใจใส ๆ แล้วอธิษฐาน ให้เจอคนเก่งจริง ๆ คนใจดีจริง ๆ ในเรื่องที่คุณต้องการความช่วยเหลือ แล้วรอคอยโดยการปฎิบัติดังกล่าว คือ ให้ทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ แล้วอธิษฐาน สั่งสมบุญเรื่อยไป เมื่อ..เวลาแห่งความสำเร็จมาถึง เงินสามแสนบาท ก็แค่เศษสตางค์ นี่พูดจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ผมเอง จากคุณ : โคมส่องทาง - [ 15 ต.ค. 49 23:36:09 A:58.8.9.240 X: TicketID:128596 ]

ความคิดเห็นที่ 49 TicketID 128596 การอธิษฐานไม่ได้ช่วยอะไรได้หรอกครับ ลองถามคุณ แมงเม่าปีกทองดูซิค่ะ แซวๆ ขำๆ จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 16 ต.ค. 49 00:23:34 ]

ความคิดเห็นที่ 50 มาให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ค่ะ เล่นหุ้นมันก็มีทั้งได้และเสียอย่างนี้แหละค่ะ ตอนไหนที่เราเสียมากๆ ขอแนะนำให้หยุดเล่นไปก่อนนะคะ อย่าพึ่งรีบร้อนคิดจะเอาคืน เพราะเราก็เคยผ่านประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้วค่ะ ถ้าจิตใจเราไม่นิ่งพอ หรือมีความกระวนกระวายอยากจะเอาคืนมาก ยิ่งเล่น ก็จะยิ่งเสียค่ะ จริงๆเลยนะคะ ตลาดหุ้นไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ รอเอาคืนเมื่อไหร่ก็ได้ ไปพักใจให้สงบก่อน แล้วก็นั่งทบทวนความผิดพลาดที่ผ่านมาของตนเอง ไปหาความรู้ ความเข้าใจเพิ่มเติม มั่นใจแล้วเมื่อไหร่ ค่อยเริ่มใหม่ แล้วก็อย่าเล่นแบบวัดดวงอีกเด็ดขาด (ถ้าคุณเคยทำแบบเรา) เพราะถ้าเล่นแบบวัดดวงแล้วเจ๊งเป็นส่วนใหญ่ แปลว่าดวงไม่ถูกกับการพนันค่ะ ควรเลิก จากคุณ : หนูขิง - [ 16 ต.ค. 49 00:54:23 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ผมยังไม่เก๋าพอจะแนะนำอะไรได้มาก เขียนดีหลายท่าน สวนตัวเห็นด้วยกับ  ขอให้อ่านคห 22 24 32 35 อีกครั้งละกันครับ การฝึกฝนตัวเองและเรียนรู้ในตลาดเป็นสิ่งสำคัญ ระยะเวลาอยู่ในเทรดตลาดไม่ใช่ตัวตัดสินความอยู่รอด บางคนเจ๊งเร็ว บางคนเจ๊งช้า แต่สุดท้ายก็เจ๊งเหมือนกัน   เล่นหุ้น ลงทุนหุ้น ทำธุรกิจเอง ทุกอย่างเราแข่งกับคน เมื่ออยากชนะก็ต้องสู้ ต้องฝึกหนัก ต้องวางแผน  ล้มครั้งแรกล้มตอนเริ่มต้นของชีวิต ยังมีแรงยังไม่มีภาระ ถือว่าได้บทเรียนที่มีค่าแล้ว แต่ก็ต้องลุกขึ้นให้ได้ ขอให้ประบความสำเร็จครับ จากคุณ : utto (UTTO) - [ 16 ต.ค. 49 01:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมเริ่ม เท่าคุณเลย และก็เริ่มเหมือนกัน คือ ชอบหุ้นถูกนะครับ ทำให้ได้ แก๊ส จนอึดอัด และมีติดขาดทุน หลายตัว โดยเฉพาะ เมื่อท่าน คปค มาไม่ให้สุ่มให้เสียง  แต่ผมคิดว่าผมบริหารหุ้นแบบนี้ นะครับ ไม่รู้ถูกหรือเปล่า (แต่คุณโชคดีกว่าผมนะที่ยังมีงานทำ แต่ผมนะตกงานอยู่) คือ 1 จำแนกหุ้น เป็น เน่า ไม่เน่า . ปั่น  ไม่ปั่น 2 กำหนดจำนวนที่มี ราคา  และยอดขาดทุนไว้ ดูต่างหน้า 3 หาหุ้น พื้นฐาน ราคาต่ำกว่าตัวเน่า หรือตัวที่จะสับเปลี่ยน หุ้นพื้นฐานที่ผมดู ก็คือ ราคาไม่แพง กิจการมีตัวตน (เคยมีคนเขียนในเวป หรือหนังสือว่า ถ้าคุณจะซื้อหุ้นของอะไรก็ไปลองใช้บริการของเจ้านั้นดู ) มีวอลุ่ม มีความเคลื่อนไหว มีปันผล เช่น ผมดู qh เพราะมีปันผล เพื่อถือระยะยาว แต่มันไม่ค่อยเคลื่อน ก็ไม่เป็นไร ถือว่ากินปันผล แต่ถ้าเคลื่อนเมื่อไหร่ ก็จะยิงเป็นชุดๆ  ผมแบ่งไว้ 3 ชุด (ประยุกต์มาจากเวลาเรียน รด. นะครับ อิอิ) 4 ดูจังหวะที่หุ้นเน่าขึ้น ได้ราคา กลั้นใจขาย และรีบซื้อหุ้น ดี เพื่อสับเปลี่ยนในจำนวนเดิม แต่ได้ราคาต่ำกว่า  ดังนั้นก็จะมีเงินเหลือไว้หมุนเป็นกองหนุน  ส่วนตัวที่ดีที่พึ่งสับเปลี่ยนก็ทำเป็นลงทุนมีระยะยาวไป ไม่ต้องเครียด แต่ถ้ามีจังหวะ ก็ยิง ถ้าไม่มีก็ถือ 5 เงินที่หมุนได้ก็หมุนอย่างระมัดระวัง โดยลงทุนในหุ้นที่มีการวอลุ่มและราคาถูกให้ซื้อได้ และแพงให้ขายได้ ผมลองเล่นหุ้นปั่น ช่วงนี้ เพื่อฝึกวิทยายุทธ ดู ก็ลอง ประมาณ 1000 หุ้น - 2000 หุ้น และถ้ามันขึ้นสัก 2 - 3 ช่อง ผมก็ปล่อยแล้ว ได้ครั้งละ 30 บาท ผมก็ภูมิใจแล้วครับ ในยุค เศรษฐกิจพอเพียง   6 ทำใจ และใช้เงินอย่างประหยัดครับ พยายามกินข้าวบ้าน  อย่าไปเอาชนะมันเลยครับ  ถือเสียว่าลงทุนระยะยาว เพิ่มขึ้น  ผมถือว่าห้างใหญ่ๆ เขาก็หนี้เยอะเหมือนกัน เขายังกำหนดเลยว่า ปีนี้จะเป็นหนี้เท่านี้ ปีต่อไปหนี้เท่าไหร่ จนกระทั่งเท่านี้ปีก็จะไม่มีหนี้ แต่ไม่มีหนี้ก็ไม่ได้เดี๋ยวไม่มีเครดิตอีก ฮะฮะฮะ ไม่รู้ถูกต้องเปล่า ดังนั้น ต้อง ใช้ความคิด วิจารณญาณ เหมือนกับหลายๆ จารย์ในนี้ บอกให้มีสติ นะครับ สุดท้าย อย่าโดดตึก หรือไปฆ่าตัวตาย นะครับ  ตัวเองตายไม่เป็นไร ยังทำคนอื่นเดือดร้อน กลางค่ำกลางคืน ก็ไม่กล้าจะไปแถวนั้น คุณโชคดีกว่าผมอีกที่มีงานทำนะ จากคุณ : หมูทุบ (pork) - [ 16 ต.ค. 49 01:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ช่วยทิ้ง อีเมล์ไว้ครับ เผื่อผมจะช่วยคุณได้บ้าง จากคุณ : TER2000 - [ 16 ต.ค. 49 01:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เลือกกลุ่มธุรกิจที่คิดว่ามั่นคงก่ิอนครับ แล้วเลือกบริษัืทที่มีธรรมาภิบาล แล้วดูต่อว่าราคาเหมาะสมหรือไม่ จากคุณ : pocketeer (pocketeer) - [ 16 ต.ค. 49 10:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกว่าโลกนี้ยังน่าอยู่ เพราะมีคนมีน้ำใจอยู่เยอะๆเลย(โดยเฉพาะคุณ TER2000 ขอบอกว่าเจ๋งมาก) โดยส่วนตัวแล้ว อยากจะเล่าว่า ครั้งหนึ่งเคยดูหนัง sci-fi เรื่องหนึ่ง ตอนนั้นมีบทสนทนาระหว่างคนสองคน และคนหนึ่งก็ถามอีกคนว่า อะไรคือจุดมุ่งหมายในการดำรงชีวิตอยู่ของคุณ อีกฝ่ายตอบว่า " พัฒนาตนเอง" "พัฒนาตนเอง" คำนี้มีความหมายมากมาย ครอบคลุมทุกสิ่งอย่าง ที่จะนำไปสู้การยกระดับ ความรู้สึกนึกคิดและภูมิปัญญา ก็ขอฝากให้จขกทนะ ขอให้โชคดี .... จากคุณ : MONOion - [ 16 ต.ค. 49 13:21:18 A:158.108.196.74 X: TicketID:040891 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อยากแนะนำให้คุณ จขกท ได้ลองอ่านหนังสืมเล่มหนึ่งชื่อ How Buffet dose IT (ชื่อภาษาไทยรู้สึกว่าจะเป็น ตามรอยวอเรน บัฟเฟต อะไรประมาณนี้) เป็นหนังสือเล่มเล็กๆ ราคาแค่ร้อยกว่าบาท แต่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการลงทุนในหลายๆ อย่างที่ดีมาก และเป็นแนวคิดแบบง่ายๆ ทีใช้ในทางปฏิบัติได้จริง ลองไปหาดูที่ร้าน Settrade.com ที่อยู่ตรงตลาดหลักทรัพย์แห่้งประเทศไทยดูนะครับ อยากให้คุณหามาอ่านให้ได้ ผมเชื่อว่าคุณจะมีมุมมองใหม่ต่อโลกของการลงทุน เหมือนที่ผมเคยอ่านมาแล้ว จากคุณ : Chanwit (chwpenguin) - [ 17 ต.ค. 49 08:46:31 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เพิ่มอีกนิด ถ้าทำได้อยากให้หาหนังสือในชุดพ่อรวยสอนลูกมาอ่านเยอะๆ โดยเฉพาะเล่มที่ชื่อว่า "พ่อรวยสอนลงทุน" และ "ใครเอาเงินของฉันไป" เพราะว่า 2 เล่มนีจะสอนพื้นฐานที่ถูกต้องของการเป็นนักลงทุนให้คุณ ในหนังสือพ่อรวยมักจะพูดไว้เสมอว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นนักลงทุนคือการมีความรู้ด้านการเงิน ซึ่งจะทำให้เราเป็นนักลงทุนที่ดี ซึ่งนักลงทุนระดับโลกทุกคนก็มีแนวคิดลักษระนี้เหมือนกัน อีกอย่าง การลงทุนไม่ได้จำเป็นว่าต้องอยู่ในตลาดหุ้นนะครับ ยังมีทางเลือกอื่นๆ อีกหลายๆ ทาง เช่นการซื้อกองทุนหุ้น ตราสารหนี้ หรือกองทุนทองคำ (ตัวนี้ผมซื้อไว้อยู่) หรือแม้กระทั่งการทำธุรกิจส่วนตัวขนาดเล็กๆ ก็ถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเหมือนกัน แน่นอนว่าการลงทุนแต่ละแบบก็จะมีความเสี่ยงและผลตอบแทนต่างกัน อยากให้ จขกท ลองพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ดูด้วย และเลือกประเภทของการลงทุนที่เหมือสำหรับเราที่สุด จากคุณ : Chanwit (chwpenguin) - [ 17 ต.ค. 49 09:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เรากำลังเจอสถานการณ์เดียวกับเจ้าของกระทู้เลย ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ  ตื่นมาก็กินข้าวไม่ลง วันๆได้แต่นั่งปลง  นั่งคิดว่าเล่นหุ้นแล้วมีอะไรดีกับชีวิตบ้าง จากคุณ : Jibako - [ 17 ต.ค. 49 11:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 59 หยุดเล่นหุ้นเถอะครับ แล้วลองมานั่งคิดทบทวนหาอะไรที่เหมาะสมกับตัวเองทำดีกว่าครับ ค่อยๆทำเล็กๆทำไปเรื่อยๆก่อน ลองปรับเปลี่ยนไป แล้วจะรู้ว่าอะไรเหมาะสมกลับคุณ  เล่นหุ้นอาจจะไม่เหมาะสมกับคุณก็ได้ ยอมรับความจริง ผมเล่นหุ้นมาเกือบ 4 ปี กำไรบ้างขาดทุนบ้าง แต่สรุปแล้วก็ยังขาดทุน เลยกลับมานั่งคิดทบทวน แล้วก็ได้รับคำตอบว่าผมไม่มีทางสามารถเอาชนะตลาดได้ เพราะ ปัจจัยหลายๆอย่างที่ผมไม่สามารถควบคุมได้ หยุดเล่นแล้วครับ ตอนนี้เจอแนวทางที่ดีกว่าทำได้3เดือน กำไร 7 หมื่น สบายใจกว่าอาจจะเครียดบ้างแต่น้อยกว่าตอนเล่นหุ้นครับ เพราะผมสามารถควบคุมสิ่งที่ทำได้ จากคุณ : t_n_s - [ 17 ต.ค. 49 12:05:33 ]