ความคิดเห็นที่ 1 ช่วงที่พวกนักวิเคาะตามโบรคมักจะพยามเสาะแสวงหาพวกหุ้นที่มีปันผลมาเชียร์ ถ้ามีคนเชื่อเยอะๆหุ้นก็ขึ้นไปรอประมาณเดือนมีนาเมษาก็จะจ่ายปันผลแล้วก็ลง แต่ถ้าตลาดไม่ดีคนไม่เชื่อหุ้นก็นิ่ง แล้วก็ตกตอนมีนาเมษาหลังปันผลแล้วอยู่ดี จากคุณ : papa - [ 22 ต.ค. 49 13:36:16 A:61.47.116.249 X: TicketID:128066 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วงฝรั่งลุย!!!!!!!!! จากคุณ : x - [ 22 ต.ค. 49 16:08:20 A:127.0.0.1 X:203.113.17.149 TicketID:130299 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วัฏจักรของต่างชาติ - ปลายปีก่อนคริสมาสต์ ขายหุ้นทิ้ง Safety ก่อนจะหยุดยาว - คริสมาสต์-ปีใหม่ฝรั่งหยุดยาว - ต้นปี January กลับมาซื้อหุ้นเข้าพอร์ต This is January effect จากคุณ : kiatte - [ 22 ต.ค. 49 18:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากฝรั่ง ขายทำกำไร และปรับพอร์ต   เขาก็กลับมาซื้อใหม่  ต้นทุนก็จะเปลี่ยนด้วยครับ จากคุณ : Duo-Core - [ วันปิยมหาราช 01:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 January Effect จริงๆแล้ว complicated กว่าที่เราเข้าใจกันนะครับ ขอเล่ายาวนิดนึง จริงๆมันเริ่มจาก Banz (1981) พบ Small-Firm Effect ก่อนครับ Banz พบว่า Small Firms โดยเฉลี่ยแล้ว return สูงกว่า Large Firms อย่างมาก แม้ว่าจะ adjust for risk ตาม CAPM แล้วก็ตาม (ตรงนี้ Fama แย้งว่าโมเดลดั้งเดิมไม่ถูกต้องต่างหาก) Keim et al (1983) มาค้นพบว่า Small Firms กำไรหนักๆจริงๆแค่ช่วงต้นๆของเดือนมกรา เขาก็เลยเรียกว่า Small-firm-in-January Effect. หรือสั้นๆว่า January Effect นั่นแหละครับ มีหลายคนพยายามจะอธิบายว่า Effect นี้เกิดมาจากการขายปรับพอร์ตในเดือน December แล้วกลับเข้ามาซื้อใหม่ในเดือน January แต่การวิจัยก็พบว่า ปริมาณขายใน December กับ ซื้อในเดือน January นั้นมันต่างกันอย่างมาก จึงทำให้ยังน่าสงสัยว่าทฤษฎีนี้จริงแค่ไหน จากคุณ : DoE - [ วันปิยมหาราช 05:26:33 A:172.159.216.188 X: TicketID:130277 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในตลาดหุ้นสหรัฐมีกฎว่า ถ้าขายหุ้นขาดทุนสามารถนำผลขาดทุนมาลดหย่อนภาษีได้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามซื้อหุ้นนั้นคืนภายใน๓๐วัน ดังนั้นช่วงเดือนdecember ในตลากหุ้นสหรัฐจึงมีการปรับพอร์ด ขายหุ้นขากทุนทิ้งเพื่อนำไปลดหย่อนภาษี แล้วต้องรอ๓๐ วันจึงสามารถซื้อหุ้นนั้นคืนกลับเข้าพอร์ดได้ ซึ่งตรงกับเดือนมกราคม ดังนั้นเมื่อทุกคนหันมาซื้อพร้อมกันราคาหุ้นจึงปรับสูงขึ้นในช่วงเดือนมกราคม จึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า january effect ซึ่งเมื่อตลาดหุ้นสหรัฐขึ้นก็จะมีผลกระทบกับตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ระยะหลังก็ไม่ค่อยมีผลกระทบมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว จากคุณ : wichien97@hotmail.com - [ วันปิยมหาราช 10:16:58 A:71.247.251.118 X: TicketID:130352 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ตอนแรกขี้เกียจโพสท์ แต่เห็นแต่ละความเห็นแล้ว ผมโพสท์ให้ละกัน คห.6 ใกล้เคียงสุดครับ... ในสหรัฐอเมริกา Capital Gain จากการลงทุนในตลาดหุ้น "ต้องเสียภาษี" (เฉพาะกำไรที่รับรู้แล้ว ขายไปแล้ว ส่วนกำไรเฉพาะตัวเลข แต่ยังถืออยู่ ไม่ได้ขาย อันนี้ไม่นับ) ดังนั้น นักลงทุนจึงขายหุ้นที่ขาดทุนอยู่ควบคู่ไปด้วย เพื่อลด Capital Gain ตรงนี้ ทำให้เสียภาษีน้อยลง ก่อนที่จะนำเงินนั้น กลับมาซื้อหุ้นคืนในภายหลัง ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติ ผมเล่นหุ้นทั้งปี กำไร 2 แสน แต่ในพอร์ทผมมีหุ้นตัวนึงขาดทุนอยู่ 1 แสน (แต่ยังไม่ได้ขาย) ถ้าผมไม่ทำอะไรเลย ปลายปีผมต้องยื่นเสียภาษีในส่วนของ capital gain เป็นเงิน 4 หมื่นบาท (สมมุติให้ภาษี capital gain เท่ากับ 20%) แต่ถ้าผมขายหุ้นที่ผมขาดทุนอยู่ 1 แสนทิ้งซะ ก็จะทำให้ capital gain ผมลดลงเหลือ 1 แสนบาท ผมจึงเสียภาษีแค่ 2 หมื่น (ประหยัดไปสองหมื่น) พอมกราคมผมก็นำเงินที่ได้จากการขายหุ้นตัวที่ขาดทุนไปซื้อหุ้นตัวอื่น ก็เท่านั้น หรือ จะรอซื้อหุ้นตัวเดิมก็ได้ แต่ระยะเวลาที่ต้องเว้นก่อนซื้อหุ้นตัวเดิม ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน จากคุณ : Resurrection - [ วันปิยมหาราช 13:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณทุกๆท่านเลยครับ เพราะเพิ่งรู้เหมือนกัน นึกว่า มันขายเพราะ คริสตมาส ซะอีก จากคุณ : พลพรรคนาซี - [ วันปิยมหาราช 19:15:16 A:203.107.194.106 X: TicketID:110270 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ความเห็นที่ 5 (ของผมเอง อิอิ) ใกล้เคียงสุดนะครับ อย่างที่ผมบอกไปแล้วน่ะแหละครับว่าจริงๆมันเริ่มจากการค้นพบกว่าว่า Small stocks นั้น return มากกว่า Large stocks แล้วต่อมาก็มีคนพบว่า return นั้น realize หนักๆแค่เดือนมกราคม ก็เลยเรียกกันว่า January Effect มีหลายคนพยายามจะอธิบายว่า ตรงนี้เกิดจาก "create tax losses to offset capital gains" อย่างที่คุณ 6 และ 7 บอก และก็มีคำถามตามมาว่า แล้วไหง "ปริมาณขายใน December กับ ซื้อในเดือน January นั้นมันต่างกันอย่างมาก" อีกอย่างนึงก็คือ ทำไมเกิดเฉพาะหุ้นเล็ก แต่เรื่องนี้ก็ไม่กระจ่างแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นักวิชาการมักจะอธิบายให้นักเล่นหุ้นทั่วไปเข้าใจอย่างที่คุณ 6 กับ 7 เข้าใจน่ะแหละครับเพราะดูเข้าท่าที่สุด แต่ในวงการ Academics นั้น ยังถือว่ายังสรุปไม่ได้ครับว่า January Effect เกิดจากอะไร ถ้าสนใจเรื่องนี้เพิ่มเติม แนะนำให้ไปอ่าน Keim, Donald B., "Dividend Yield and the January Effect," The Journal of Portfolio Management, Winter 1986a ครับ จากคุณ : DoE - [ วันปิยมหาราช 19:50:13 A:172.159.216.188 X: TicketID:130277 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ้อ เพิ่มเติมอีกข้อนะครับ นอกจากเรื่องปริมาณการขายกับซื้อในเดือนธันวา/มกรา ที่ไม่สมดุลกัน เรื่องทำไมเฉพาะหุ้นเล็ก แล้ว ทฤษฎีที่ว่า January Effect เกิดจาก "create tax losses to offset capital gains" อย่างที่คุณ Resurrection เข้าใจ ยังมีจุดอ่อนอีกอันก็คือ การทำอย่างนั้นแล้วจริงๆไม่ได้ช่วยประหยัดภาษีแต่อย่างไรเพราะในที่สุดแล้วนักลงทุนทุกคนก็เสียภาษีเท่ากันน่ะแหละครับ (ถึงไม่ realize loss ปีหน้า ก็ไป realize loss ปีหน้าได้เหมือนกัน ถ้าหุ้นมันเกิดขึ้น ปีหน้าก็ต้องเสียภาษี capital gain เหมือนกัน) การขายแล้วซื้อคืนก้อนใหญ่ๆนั้นจะเสีย transaction cost ก้อนโตทีเดียว จากคุณ : DoE - [ วันปิยมหาราช 20:01:45 A:172.159.216.188 X: TicketID:130277 ]

ความคิดเห็นที่ 11 จำง่ายๆ ครับ ฝรั่ง สะสางพอร์ตช่วงคริสมาส์ ผู้จัดการกองทุนรีบขายทำตัวเลขกำไรในช่วงนี้ เพราะเตรียมแถลงผลการทำงาน คนไทยเข้าซื้อเก็บ เพื่อจะรอเมื่อผ่านปีใหม่ ช่วงมกราคม ฝรั่งเข้ามาซื้ออีก ก็ขายทำกำไรได้ นี่ล่ะครับ January Effect ผมเรียกว่า มกราหรรษาครับ จากคุณ : ผู้นำแสง - [ 24 ต.ค. 49 17:09:11 A:168.120.31.102 X: TicketID:046792 ]