ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าใจโอนเอนมาทาง LTF ก็ซื้อ LTF สิครับ ไม่ต้องคิดมาก...อิอิ... มีเวลาอีก 2 เดือน ก็ค่อย ๆ ทยอยลงทุกอาทิตย์หรือทุกครึ่งเดือนก็ได้ จะได้เฉลี่ยต้นทุนได้ด้วยครับ การลงทุนในกองทุนหุ้นทั้งแบบปกติ RMF & LTF ในปีนี้ ถือว่าท้าทายผู้ถือหน่วยลงทุนด้วยครับ เพราะต้องรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจที่เติบโตแบบลดลง ดังนั้นการลงทุนในกองทุนหุ้นทุกประเภท จะต้องเน้นลงทุนในกองทุนหุ้นที่มีคุณภาพสูงเท่านั้นครับ จึงจะได้ผลตอบแทนที่ดีมากครับ (บางกองทำผลงานชนะดัชนีชี้วัดเกิน 10 กว่าเปอร์เซ็นต์) จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 15 พ.ย. 49 16:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ... จากคุณ : ellipsis - [ 15 พ.ย. 49 18:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เราว่าซื้อLTFดีกว่านะ รอแค่5ปีปฏิทินก็ได้เงินคืนแล้ว ไม่ต้องรอนานเหมือนประกัน จากคุณ : nameshiro - [ 15 พ.ย. 49 21:17:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะซื้อ LTF หรือประกันควรดูที่ความเหมาะสมและวัตถุประสงค์ของตัวเองเป็นอันดับแรก ถ้าเป็นคนโสดไม่มีภาระอะไร ไม่มีใครที่ต้องเป็นห่วงใยข้างหลัง ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันชีวิต ถ้าจะซื้อก็ซื้อแบบสะสมทรัพย์แบบมีระยะเวลาไม่นานนักดีกว่า แต่ถ้าคิดจะลงทุนการซื้อประกันก็ไม่ใช่ทางเลือกในการลงทุนที่ดีนัก (การซื้อประกันชีวิต ควรซื้อเพื่อความคุ้มครองมากกว่าการลงทุนหรือการออมหรือลดหย่อนภาษี) ดังนั้นถ้าคิดจะลงทุนหรือลดหย่อนภาษีมากกว่าการเน้นเรื่องความคุ้มครอง พิจารณา LTF ดีกว่า และถ้าจะซื้อ LTF ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะประเมินว่าตลาดคงลงไปกว่านี้ไม่มาก แต่โอกาสขึ้นในปลายปีและปีหน้ามีมากกว่า การลงทุนมีความเสี่ยงห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด เอ้ย โปรดอ่านหนังสือชี้ชวนและใช้ดุลยพินิจส่วนตัวจากข้อมูลรอบด้านในการตัดสินใจ จากคุณ : ดาบผ่าลม - [ 15 พ.ย. 49 21:57:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ประกันดีกว่า ถ้าซื้อกับผม จากคุณ : KC - [ 15 พ.ย. 49 23:41:06 A:58.136.228.102 X: TicketID:131862 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขออธิบายตั้งแต่ concept การลงทุนของ LTF เลยนะครับ กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) คืออะไร เป็นกองทุนรวมตราสารทุนประเภทหนึ่ง ที่รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการลงทุนในตราสารทุนระยะยาว และเป็นการพัฒนาตลาดทุนของประเทศไทย โดยผู้ลงทุนที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เงื่อนไขการลงทุนของ LTF : ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้สิทธิประโยชน์ดังกล่าว เมื่อลงทุนใน LTF ไม่ต่ำกว่า 5 ปีปฏิทิน โดยที่กองทุน LTF ไม่มีการผูกมัดให้ผู้ลงทุนต้องลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกๆปี สิทธิประโยชน์ทางภาษีของ LTF : 1) เงินลงทุนใน LTF สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเป็นจำนวนเงินเท่ากับ 15 % ของเงินได้ หรือ 300000 บาท (จำนวนที่ต่ำกว่า) โดยสิทธิประโยชน์นี้เป็นส่วนเพิ่มเติมจากเงินลงทุนใน RMF, เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกบข. 2) กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนเมื่อลงทุนครบ 5 ปีปฏิทินจะได้รับการยกเว้นภาษี ------------------------- ส่วน Critiria ในการเลือกลงทุนกับ LTF ดีหรือไม่นั้นดูที่ 3 อย่างหลักๆครับ 1. รับความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาหุ้นได้หรือไม่ 2. ฐานภาษี ของนักลงทุนแต่ละคนไม่เท่ากัน ทำให้ถึงแม้จะลงทุนใน LTF กองเดียวกัน แต่ให้ผลประโยชน์แก่นักลงทุนไม่เท่ากัน 3. ผลตอบแทนจากการดำเนินงานของกองทุนที่เลือกเลือกลงทุน สุดท้ายเรื่องความสะดวกในการลงทุน ผมอยากให้มองเป็นประเด็นรองนะครับ เพราะถึงช่องทางจะสะดวกให้ตายยังไง แต่กองทุนผลตอบแทนไม่น่าพอใจ แล้วจะสะดวกไปเพื่ออะไรครับ ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 16 พ.ย. 49 09:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ แล้วถ้าลงทุนในกองทุนโดยแบ่งซื้อเป็นช่วงๆ กับซื้อก่อนเดียวกัน มันได้ผลเหมือนหรือต่างกันอย่างไรค่ะ แล้วถ้าต่าง แบบไหนดีกว่า หรือน่าสนใจมากกว่ากันค่ะ จากคุณ : น้องตาใส - [ 16 พ.ย. 49 13:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 การลงทุนแบบทยอยลงทุน เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Dollar Cost Average (DCA)  นะครับ วิธีการก็คือ ลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่าๆกันทุกงวด จะเป็นทุกไตรมาส ทุกเดือน หรือ ทุกสัปดาห์ก็ได้ครับ โดยไม่สนใจภาวะตลาดว่าจะมีความผันผวนแค่ไหน ขอแค่มีวินัยในการลงทุนสม่ำเสมอก็พอ ข้อดีก็คือ 1. เราไม่จำเป็นต้องลงทุนทั้งก้อนในครั้งเดียว (ยังมีสภาพคล่องอยู่บ้าง 2. มีโอกาสได้ต้นทุนของหน่วยลงทุนถูกกว่าการลงทุนแบบซื้อทีเดียว 3. ไม่จำเป็นต้องติดตามภาวะตลาดบ่อยๆด้วยตัวเอง ข้อเสียก็คือ 1. หากเป็นนักลงทุนที่ชำนาญในการหาจังหวะ การลงทุนแบบครั้งเดียว อาจให้ต้นทุนที่ต่ำกว่า ในขณะที่การเข้าลงทุน วิธี DCA มีโอกาสได้ต้นทุนแพงกว่า เช่นกัน 2. ในช่วงตลาดหุ้นขาขึ้นระยะเวลายาวๆ วิธี DCA ไม่ช่วยเฉลี่ยต้นทุน เท่ากับการซื้อแบบครั้งเดียว ------------------------- ถ้าจะให้แนะนำ ผมขอแนะนำให้ลงทุนแบบ DCA นะครับ เพราะช่วงนี้ ตลาดหุ้นแกว่งไปแกว่งมา ไม่แน่นอน ค่อยๆทยอยซื้อ น่าจะทำให้เราได้ต้นทุนที่ต่ำกว่าซื้อแบบครั้งเดียวทั้งก้อนครับ ----------------------- โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 16 พ.ย. 49 13:54:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มีพี่ที่เรียนด้วยกันเขาแนะนำอย่างนี้ค่ะ ซื้อกลางปี จะได้ราคาต่อหุ้นดีกว่าปลายปี (เงินจำนวนเท่าเดิมแต่ได้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น) และสามารถลดหย่อนได้ ประมาณ 20-30% ของเงินที่ซื้อ และไม่เกิน 300,000 บาท (แล้วแต่ระดับขั้นของเงินเดือน) ข้อได้เปรียบของการซื้อปลายปี คือ เงินลงทุนอันนี้ เขานับเป็นปี นั่นคือ ถ้าซื้อ ปลายปีนี้ วันที่ 1 มค 53 สามารถนำเงินออกได้ (ระยะเวลาถือกองทุนแค่ ประมาณ 3 ปี นิดๆ 49 50 51 52 53) เงินไม่ต้องแช่ไว้นาน ที่เราเคยซื้อนะ ว่า ซื้อ 100,000 ตอนภาษีจ่ายคืน จะจ่ายคืนให้เรา 30,000 นั่นก็คือ เราลงทุนแค่ 70,000 พอถึงเวลาไถ่ถอน ก็แล้วแต่ตลาดขณะนั้น ว่าเป็นอย่างไร พูดตรงๆ ว่า ถ้าฐานเงินเดือน แค่ 10 - 20 เปอร์เซนต์ ยังไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เท่าที่เห็นตัวเลขนะ ฐานที่ 30% เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ .... หรือซื้อประกันชีวิตดี แต่ระยะเวลาชำระเบี้ยพอๆกัน แต่กว่าจะได้เงินคืนก้โน้น สิ้นสุดอายุกรมธรรม์ .... ว้า แล้วจะยังงัยดีเนี่ย จากคุณ : น้องตาใส - [ 17 พ.ย. 49 23:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถามบ้างค่ะ ดิฉันปีนี้ต้องเสียภาษีราวๆ 2 หมื่นบาท ต้องซื้อ LTF เท่าไหร่ ถึงได้ตังค์คืนคะ -โสด -พ่อแม่ยังไม่60 -ไม่มีภาระผ่อนบ้าน -ไม่ทำประกันชีวิต จากคุณ : nog101 - [ 25 พ.ย. 49 21:59:52 ]