ความคิดเห็นที่ 3
23 ตค.49 .... จะเล่นฟิวเจอร์ดีใหม?(ตอนที่4)
เมื่อเรารู้แล้วว่าราคาซื้อขายของฟิวเจอร์นั้นขึ้นอยู่ที่ใจของนักเล่น ฟิวเจอร์ระยะสั้น(0-5 วัน) เราก็ต้องมาเดาว่าพวกเขาคิดกันอย่างไร
ผมขอย้อนไปดูที่นักเล่นหุ้นระยะสั้นเสียก่อน พวกเขาซื้อขายหุ้น พวกเขาต้องดูที่ราคาหุ้นและข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบริษัทผู้ออกหุ้นตัวนั้นๆ เมื่อมีข่าวดี หรือหุ้นราคาขึ้นไปได้สักหน่อยหนึ่ง ซึ่งก็อยู่ในระดับแค่ 1-2 เปอร์เซนต์เท่านั้น พวกเขาก็เข้ามาซื้อแล้ว ทั้งนี้เพราะเขาเห็นว่าแนวโน้มมันเป็นขาขึ้น แต่ถ้ามีข่าวร้าย หรือราคาหุ้นลดลง ซึ่งก็มีระดับแค่ 1-2 เปอร์เซนต์เช่นกัน พวกเขาก็จะเทขายเอาตัวรอด ทั้งนี้เพราะเขาเห็นว่าแนวโน้มมันเป็นขาลง ในกรณีที่ซื้อมาแล้วราคาขึ้นต่อ พวกเขาก็จะถือไว้ก่อน เมื่อใหร่มีข่าวร้าย หรือราคาลดลง เขาก็จะขายออกไป แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าราคาหุ้นมันขึ้นมาถึง 4-5 วันแล้ว พวกเขาก็จะขาย ทั้งนี้เพราะเขารู้ดีว่าราคาหุ้นจะไม่ขึ้นติดต่อกันนานๆ
ครับ, ราคาหุ้นนั้นจะแกว่งตัวแคบๆ(1-4เปอร์เซนต์) เป็นเวลาแค่ 5-10 วัน เมื่อมีแต่นักเก็งกำไรระยะสั้น แต่หุ้นบางตัวนั้นมีเจ้ามืออยู่ด้วย คนพวกนี้ปั่นให้ราคาขึ้น เมื่อขึ้นแล้วจะรับซื้อคืนจากนักลงทุนระยะสั้น ราคาจึงสดุดแค่ 1-2 วัน เมื่อไม่มีเหตุร้ายอะไรนักลงทุนระยะสั้นก็จะกลับเข้ามาซื้ออีก ราคาก็จะไต่ขึ้นไปอีก มันอาจขึ้นแบบเป็นพักๆอย่างนี้ไปได้ไกล คือรวมแล้วอาจขึ้นถึง 50-100 เปอร์เซนต์ได้ การไต่ขึ้นของราคาหุ้นนี้แทบจะไม่มีขีดจำกัดเพราะไม่มีใครสนใจตัวบริษัท อย่างแท้จริงเลย นักลงทุนระยะสั้นจะสนุกกับหุ้นชนิดนี้ หุ้นอาจขึ้นทั้งหมดถึง 100 เปอร์เซนต์ แต่พวกเขาเข้ามาถือเป็นระยะสั้นๆถึง 10 ครั้ง โดยได้กำไรครั้งละ 1-2 เปอร์เซนต์ รวมแล้วได้แค่ 10-20 เปอร์เซนต์ แต่หุ้นแบบนี้มีไม่กี่ตัว เวลาที่เจ้ามือเขาขายเอากำไร ราคาจะใหลลงไปอย่างช้าๆ และผู้ที่ขาดทุนก็คือนักลงทุนระยะสั้นนั่นแหละ คือ ซื้อแล้วก็ต้องขายคัทลอสไปเรื่อยๆ ลงท้ายนักลงทุนระยะสั้นจึงขาดทุนกันโดยถ้วนหน้า และนี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมราคาหุ้นส่วนใหญ่จะแกว่งตัวแคบๆ แต่จะมีหุ้นอยู่จำนวนหนึ่งที่แกว่งขึ้นได้นานๆ แล้วก็แกว่งลงได้นานๆ
ที่ควรสังเกตุมากคือ พวกเขาไม่ได้สนใจในเรื่องของความมั่นคง หรือข้อมูลด้านพื้นฐานเลย พวกเขาเห็นว่ามันไม่มีความเสี่ยง เพราะพวกเขาถือไว้แค่ 1-5 วันเท่านั้น พวกเขาจึงกล้าเล่นกับหุ้นทุกตัวบนกระดาน พวกเขาเชื่อว่าบริษัททั้งหมดจะไม่เจ้งภายใน 1-5 วันนั้น
แต่เมื่อมามองในตลาดฟิวเจอร์ เราจะพบว่า เรามีตัวเลือกน้อยมาก คือมีแค่ 4 ตัว และตัวที่นักเล่นฟิวเจอร์ระยะสั้นจะเล่นได้ก็น่าจะเป็นตัวที่มีอายุสั้นที่ สุดเท่านั้น(จริงๆแล้วพวกเขาสามารถเล่นเก็งกำไรระยะสั้นได้ทุกตัว แต่ความกลัวที่จะต้องปิดสถานะในราคาที่เสียเปรียบมาก หรือปิดสถานะไม่ได้เพราะไม่มีใครเข้ามาซื้อขายในฟิวเจอร์ที่มีอายุเหลือยาวๆ ทำให้เขาไม่กล้าเล่น)
ยิ่งไปกว่านั้น เราจะพบว่า SET50 ไม่ใช่บริษัท มันเป็นสิ่งสมมุติ มันไม่มีข้อมูลข่าวสารที่จะมากระทบโดยตรงในระยะสั้นๆ สิ่งที่นักเก็งกำไรระยะสั้นจะใช้ได้ก็มีอยู่อย่างเดียว คือ การขึ้นลงของราคาที่ใช้ชำระราคากัน
ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น เจ้า SET50 นั้นก็เป็นตัวยืนค้ำหัวอยู่ เพราะถึงวันปิดสัญญาเราต้องเอาค่าเฉลี่ยในช่วง 16.00-16.30 ของ SET50 มาใช้เป็นราคาชำระกำไรขาดทุน ดังนั้น นักลงทุนฟิวเจอร์จึงไม่กล้าเสนอราคาที่แตกต่างจาก SET50 มากนัก และตัวนี้ทำให้ผมเชื่อว่าจะไม่มีใครเข้ามาปั่นราคาฟิวเจอร์ได้
โดยสรุปแล้ว ตลาดฟิวเจอร์จะมีแต่นักลงทุนทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น และพวกเขาจะตั้งราคาโดยดูแค่ทิศทางระยะสั้นๆของ SET50 เท่านั้น เรื่องนี้จะจริงหรือเท็จก็ต้องดูที่สถิติย้อนหลัง
ครับ, ผมกลับไปดูข้อมูลของฟิวเจอร์รุ่น S50M06 แล้วก็พบว่า
ราคาที่ใช้ชำระ=536.00,536.10,538.50,535.70,541.00,543.30,543.40,543.70,535.50, 530.30,531.00,518.70,518.00,505.10,506.90,496.30,488.50,497.00,497.10,491.40, 492.30,490.90497.50,495.30,490.10,479.30,467.00,463.00,443.10,448.60,459.20, 455.20,444.50,446.00,457.70,453.70,454.00,454.60,459.80,466.06,
เปลี่ยนแปลงของราคาที่ใช้ชำระ=0,0.10,2.40,-2.80,5.30,2.30,0.10,0.30,-8.20,-5.20,0.70, -12.30,-0.70,-12.90,1.80,-10.60,-7.80,8.50,0.10,-5.70,0.90,-1.40,6.60,-2.20,-5.20, -10.80,-12.30,-4.00,-19.90,5.50,10.60,-4.00,-10.70,1.50,11.70,-4.00,0.30,0.60,5.20,6.26,
SET50=533.89,534.05,539.40,533.79,545.51,547.53,546.14,544.68,531.05,528.21, 528.11,518.01,516.61,501.08,504.03,493.36,482.89,495.93,499.74,494.09,492.52, 493.06,502.47,495.30,486.83,476.06,466.93,462.23,444.27,446.22,460.00,455.56, 446.06,448.17,455.90,456.01,456.12,456.51,462.27,465.74,
เปลี่ยนแปลงของ SET50=0.00,0.16,5.35,-5.61,11.72,2.02,-1.39,-1.46,-13.63,-2.84,-0.10, -10.10,-1.40,-15.53,2.95,-10.67,-10.47,13.04,3.81,-5.65,-1.57,0.54,9.41,-7.17,-8.47, -10.77,-9.13,-4.70,-17.96,1.95,13.78,-4.40,-9.50,2.11,7.73,0.11,0.11,0.39,5.76,3.47,
ผลต่างระหว่าง ราคาที่ใช้ชำระ กับ SET50=2.11,2.05,-0.90,1.91,-4.51,-4.23,-2.74,-0.98, 4.45,2.09,2.89,0.69,1.39,4.02,2.87,2.94,5.61,1.07,-2.64,-2.69,-0.22,-2.16,-4.97,0.00, 3.27,3.24,0.07,0.77,-1.77,2.38,-0.80,-0.36,-1.56,-2.17,1.80,-2.31,-2.12,-1.91,-2.47,0.32,
จากตัวเลขข้างบนนี้ผมมีข้อสังเกตุดังนี้ 1. ราคาที่ใช้ชำระนั้นขึ้นลงตรงกับ SET50 เกือบจะทุกวัน หรือคือมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น(highly correlated) มันจึงตรงกับที่ผมคาดเดาว่านักเล่นฟิวเจอร์ระยะสั้นนั้นดูที่ SET50 เป็นหลัก พวกเขาไม่มีอะไรเป็นตัวชี้นำเลย 2. แต่การแกว่งตัวของราคาที่ใช้ชำระ(คอลัมน์ที่2) เมื่อเทียบกับการแกว่งตัวของ SET50(คอลัมน์ที่4) แล้วจะพบว่า ราคาที่ใช้ชำระแกว่งตัวแคบกว่า นั่นแสดงว่า นักเล่นฟิวเจอร์ไม่กล้าตั้งราคาที่หวือหวา พวกเขาไม่แน่ใจว่าฟิวเจอร์จะขึ้นหรือลงกันแน่ พวกเขาไม่กล้าเสี่ยง เรื่องนี้อาจเปลี่ยนไปในอนาคต เพราะโดยธรรมชาติแล้วนักเก็งกำไรจะต้องตั้งราคาที่ผลักดันให้แกว่งมากๆ 3. จากข้อมูลในข้อที่ 2 นั้น มันแสดงว่าในตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามาปั่นราคา 4. ในช่วงเวลา 2 เดือนกว่าๆนั้น SET50 ลดจาก 533.89 ลงมาเหลือ 465.74 จุด หรือคิดเป็นเปอร์เซนต์ได้=100*(533.89-465.74)/533.89=12.76 เปอร์เซนต์ แต่ดูในคอลัมน์ผลต่างระหว่างราคาที่ใช้ชำระกับ SET50(คอลัมน์สุดท้าย) แล้วมีทั้งบวกและลบ นั่นแสดงว่านักลงทุนฟิวเจอร์ส่วนใหญ่ไม่รู้ล่วงหน้าว่า SET50 จะลดลง คนที่รู้ล่วงหน้า หรือทำนายทิศทางระยะยาวของ SET50 ได้จึงมีโอกาสทำกำไรได้
ครับ, จากข้อสังเกตุต่างๆที่กล่าวมาข้างบน ผมเชื่อว่า SET50 Index Futures นั้นเป็นสิ่งที่เล่นได้ง่ายกว่า และคนที่จะทำกำไรได้นั้นต้องสามารถทำนายทิศทางของ SET50 ได้ดี และต้องเล่นระยะยาว
จากคุณ :
mr.stock
- [
17 พ.ย. 49 02:23:52
]
|
|
|