ความคิดเห็นที่ 1 สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) เป็นข้อตกลงหรือสัญญาที่มูลค่าของมันอ้างอิง หรือขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์ / สินค้าที่ใช้อ้างอิง (Underlying Asset) เป็นเครื่องมือที่ใช้ลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของสินค้าอ้างอิง และผู้ลงทุนสามารถหวังผลกำไรจากการเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าอ้างอิงนั้นได้ ปัจจุบันในบ้านเรามีผลิตภัณฑ์ที่เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพียงผลิตภัณฑ์เดียว คือ SET50 Index Futures ซึ่งเป็น Futures ที่มูลค่าของมันขึ้นอยู่กับ SET50 Index แต่ด้วยตัว SET50 Index เป็นค่าของดัชนีที่ไม่สามารถจับต้องได้ ส่งมอบกันไม่ได้ และไม่มีตัวตน ดังนั้นการซื้อขายจึงจำเป็นต้องแปลงค่าดัชนีให้เป็นจำนวนเงิน และเมื่อส่งมอบกันไม่ได้จึงต้องจ่ายชำระเงินกำไร-ขาดทุนจากส่วนต่างของราคาแทน โดยการแปลงค่าจาก SET50 Index ให้เป็นจำนวนเงินนั้น ง่ายมาก เขาจะเทียบค่าดัชนี SET50 ที่จุดละ 1,000 บาท เช่น ถ้าสั่งซื้อที่ดัชนี 495 จุด มูลค่าของสัญญา = 495 x 1,000 = 495,000 บาท แต่อย่าเพิ่งตกใจค่ะ แม้ว่าสัญญาจะมีมูลค่าสูงถึงสัญญาละ 4-5 แสนบาท แต่เนื่องจากการซื้อขาย Futures ยังไม่ได้มีการส่งมอบของกันในวันนี้ ดังนั้นจะยังไม่ต้องจ่ายค่าสัญญาทั้งหมด จะจ่ายเพียงบางส่วนเท่านั้น เพื่อป้องกันการเบี้ยวไม่ยอมทำตามสัญญา ซึ่งเราเรียกว่า “ หลักประกันขั้นต้น ” โดยการวางหลักประกันขั้นต้นนั้นท่านจะต้องนำเงินมาวางไว้ที่ Broker ก่อนส่งคำสั่งซื้อขาย ซึ่งได้กำหนดหลักประกันขั้นต้นไว้ที่ 50,000 บาท ต่อสัญญา และหากท่านต้องการส่งคำสั่งก็ส่งคำสั่งซื้อขายผ่าน Broker ซึ่ง Broker จะทำการส่งคำสั่งผ่านระบบ electronic เหมือนๆกับการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น และจะเห็นจากหน้าจอ Trade เป็นการตั้ง Bid - Ask เช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้น เมื่อท่านสามารถซื้อหรือขายตามคำสั่งที่ส่งผ่าน Broker ได้แล้วนั้น Broker จะทำการคิดกำไร-ขาดทุนให้ท่านทุกๆวัน โดยนำราคาที่ท่านซื้อหรือขายไว้มาเทียบกับราคา SET50 Index Futures ที่ตลาดอนุพันธ์คำนวณแล้ว แจ้งมายัง Broker ในแต่ละวัน ซึ่งกรรมวิธีนี้เขาเรียกว่า การ Mark to Market จากคุณ : mr.stock - [ 17 พ.ย. 49 02:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Mark to Market ก็คือ การที่ท่านได้ทำการซื้อหรือขาย Futures เอาไว้ แล้วยังคงมีสถานะอยู่ โดยที่ท่านยังไม่ได้ทำการปิดสถานะ Broker จะทำการคิดกำไร-ขาดทุนให้ท่านทุกๆ วัน โดยในวันแรกที่ท่านซื้อหรือขายจะใช้ราคาที่ท่านซื้อ หรือขาย มาเทียบกับราคา SET50 Index Futures ที่ตลาดอนุพันธ์คำนวณแล้วแจ้งให้ Broker ทราบในทุกๆสิ้นวัน (Settlement Price) หรือหากท่านยังไม่ทำการปิดสถานะอีก ในวันถัดๆไปจะเป็นการเทียบราคาจาก ราคาของ Futures ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน ซึ่งส่วนต่างของราคานี้เองที่ทำให้เกิดผลกำไร หรือขาดทุน ที่จะไปกระทบต่อมูลค่าหลักประกันขั้นต้นที่วางไว้ และเมื่อใดก็ตามที่หลักประกันลดลงจนมีมูลค่าต่ำกว่า 35,000 บาท ต่อสัญญาแล้ว ท่านจะต้องนำเงินมาเติมในวันรุ่งขึ้นให้ไม่น้อยกว่า หลักประกันขั้นต้นที่วางไว้ (50,000 บาทต่อสัญญา) แต่หากยังไม่ต่ำกว่า35,000 บาทต่อสัญญา ก็ยังไม่ต้องเติมเงิน ตัวอย่างการคิดกำไร-ขาดทุน วันที่ รายการ ราคา Settlementสิ้นวัน กำไร / ขาดทุน วางเงินเพิ่ม ยอดเงินในบัญชี 1 ซื้อ Futures ที่ 498 จุด 50,000 คำนวณกำไร - ขาดทุน 490 จุด (498-490) x 1,000 = -8,000 42,000 2 คำนวณกำไร - ขาดทุน 482 จุด (482-490) x 1,000 = -8,000 34,000 วางเงินเพิ่ม 16,000 50,000 3 คำนวณกำไร - ขาดทุน 494 จุด (494-482) x 1,000 = 12,000 62,000 4 ขาย Futures ที่ 499 จุด 499 จุด (499-494) x 1,000 = 5,000 67,000 ปิดสถานะ ได้เงินคืน กลยุทธ์ ที่ใช้ในการซื้อขาย Futures เหมือนการซื้อขายหุ้น คือ “ ซื้อถูก ขายแพง ” ข้อดีมากๆ ของ Futures ก็คือ สามารถขายก่อนแล้วค่อยซื้อก็ได้ ดังนั้นแม้ Index ขาลงก็สามารถทำกำไรได้โดยทำการขายก่อน แล้วจึงซื้อคืนตอน Index ตก จากคุณ : mr.stock - [ 17 พ.ย. 49 02:26:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อนุพันธ์ ทำกำไร ได้ทั้งขาขึ้น และขาลง เป็นความจริงครึ่งเดียว เพราะ อนุพันธ์ ทำให้ขาดทุน ทั้งขาขึ้น และ ขาลง เช่นกัน คนเล่นหุ้น ขาดทุนมาก เมื่อหุ้นตกหนัก คงเข้าใจไม่ยาก แต่ขาดทุนมาก เมื่อหุ้นขึ้นแรงๆ เป็นอย่างไร ท่านหาประสบการณ์ได้ จากอนุพันธ์ จากคุณ : . - [ 17 พ.ย. 49 07:13:51 A:58.9.56.180 X: TicketID:127369 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณครับ จากคุณ : เล่นรอบ - [ 17 พ.ย. 49 08:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ... จากคุณ : ellipsis - [ 17 พ.ย. 49 09:44:39 ]