ความคิดเห็นที่ 6
กลยุทธ์ที่ 4 ทุกสถานที่มีดาวเด่น พอดีพิมพ์ไปแล้วครั้งหนึ่งตอนเช้า พอจะ Send กลับ Error เลยว่าจะพิมพ์ใหม่คืนนี้ แต่อยากรู้ว่าใครจะเดาความหมายของกลยุทธ์นี้ได้บ้าง ช่วยๆกันหน่อยนะครับ คืนนี้จะมาเฉลย (กลยุทธ์นี้ Set ขึ้นก็ได้ตังค์ Set ลงก็ได้ตังค์ Set อยู่เฉยๆก็ได้ตังค์ครับ)
จากคุณ : ชอบอ่าน - [ 30 ต.ค. 46 13:50:49 A:210.1.6.101 X: ]
ก่อนอื่นต้องขออภัยครับ ไม่รู้เป็นไง ครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ เลยกินยาลดไข้แล้วกะจะพักสักงีบ ปรากกฏว่าตื่นอีกที่ตีสี่กว่าๆ เลยนอนต่อเลย 5555
คุณชาเขียวตอบได้ถูกมากที่สุดครับ คุณ scharn คงน่าจะหมายความในทำนองเดียวกัน ขอบคุณมากครับ และขอบคุณทุกท่านที่ลองตอบมาด้วยครับ นี่ถ้าเป็นเวทีต้องชี้ไปที่คุณชาเขียวแล้วก็พูดว่า ถูก...ถูก....ถูก....ถูกต้องครับ 5555
การประกอบธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมต้องมีคู่แข่งขัน และตัวที่บอกว่าใครมีศักยภาพเพียงใด ก็เป็นตัวที่เราสามารถรู้ได้ว่า ในธุรกิจนั้นใครเป็นอันดับหนึ่ง สอง สาม.... เช่น ใครมี Market Share สูงสุดในธุรกิจนั้น ใครมีความสามารถกำไรมากที่สุด (บางที Market Share สูงแต่ได้กำไรต่ำกว่าก็มีนะครับ) ฯลฯ เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ผมคิดว่า ทำไมต้องลงทุนในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเท่านั้น
ตอนนี้ถ้าแบ่งหมวดหมู่ตามกลุ่มธุรกิจ จะแบ่งได้ประมาณ 33 กลุ่ม เริ่มต้นก็พิจารณาว่า กลุ่มธุรกิจใดไม่สมควรลงทุน ตัดทิ้งไปเลยครับ สมมติว่าเหลือ 25 กลุ่มธุรกิจ ผมจะดูว่า ในกลุ่มธุรกิจนั้นใครเป็นดาวเด่น ติดอันดับ Top 3 เมื่อได้ครบ ก็จะเอามาสร้างตาราง โดยยึดกลยุทธ์ที่ 2 "รู้จักเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล" ดังนั้นในหุ้นประมาณ 75 ตัวคือหุ้นที่ผมจะเลือกเล่นหมุนวนกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อมูลอื่นๆประกอบกันไปด้วยเช่น ค่า P/E, P/BV, EPS, ROA, ROE และ Net Profit Margin ฯลฯ
แต่โดยปกติแล้วผมจะมีหุ้นในพอร์ทประมาณ 30-40 ตัว (พอๆกับที่กองทุนใหญ่ๆซื้อเลยนะครับเนี่ย) หลายๆท่านคงสงสัยว่าผมจะเอาข้อมูลมาจากไหน และจะทำการบ้านไหวหรือ มีเคล็ดลับดังนี้ครับ
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า กลุ่มคนที่ทำงานทางด้านการเงิน จะมีความสามารถวิเคราะห์ธุรกิจได้ดีกว่าผม ดังนั้นข้อมูลที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ข้อมูลที่วิเคราะห์จากศูนย์วิจัยต่างๆ เช่น ศูนย์วิจัยกสิกร ฯลฯ ข้อมูลพวกนี้จะออกประมาณปลายปีถึงต้นปี จะบอกว่าธุรกิจใดเป็นดาวรุ่ง และธุรกิจใดเป็นดาวร่วง เอามาเป็น Road Map สำหรับการลงทุน ส่วนข้อมูลประจำเดือน , อาทิตย์ หรือ วัน ขอจากหน่วยงานดำเนินการลงทุนด้านหลักทรัพย์ เช่นของกองทุน RMF ฯลฯ ข้อมูลเหล่านี้ ผมเสียเงินขั้นต่ำปีละ 5000 ก็ได้แล้ว (จริงๆแล้วไม่ได้เสียนะครับ ถือเป็นการออมอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีประโยชน์มากด้วย) โดยปกติข้อมูลเหล่านั้น จะบอกเราด้วยว่า เงินที่เราเอาไปให้เขาลงทุนนั้น เขาเอาไปลงทุนในหลักทรัพย์ใดบ้าง สัดส่วนเท่าใด เราก็เอาของเขาที่ผ่านการกรองจากคนระดับที่คัดสรรแล้วจากองค์กรของเขามาเป็น Road Map ในการลงทุนเพิ่มในช่วง Period ต่างๆ (พวกนี้เขาก็ลงทุนกันประมาณ 30-40 หลักทรัพย์เท่านั้น และเชื่อได้เลยว่าเขาได้ข่าวก่อนเราเป็นเวลานานๆด้วย) ตัวอย่างเช่น ถ้าเรารู้ว่ามีกองทุนใดเข้าไปซื้อลงทุนหุ้น เต้าฮวยร้อน และถ้ากองทุนนั้นมีส่วนในการให้ เต้าฮวยร้อน กู้เงินลงทุนด้วย เราจะคิดอย่างไรละครับ 5555
ข้อมูลจากสินธรสถาน จากกระทิงเขียว ฯลฯ เป็นอีกข้อมูลหนึ่ง ถ้าลองนำมาสร้างสถิติดู เช่น มีคนพูดถึงหุ้นตัวนั้นในทางบวกกี่คน ในทางลบกี่คน จับตัวเลขเหล่านี้มาบวกลบกันแล้วสังเกตพฤติกรรมตอบสนองของหุ้นเหล่านั้นดูสิครับ จะรู้อะไรดีๆบางอย่าง แต่ถ้าเทียบข้อมูลเหล่านี้กับข้อมูลข้างต้นที่กล่าวมา ถือเป็นองค์ประกอบส่วนย่อยเท่านั้นนะครับ
โดยปกติผมจะแบ่งการลงทุนเป็น 2 พอร์ท พอร์ทถือยาวๆๆๆ กับพอร์ทเก็บเกี่ยวตามฤดูกาล ดังนั้น ในทุกๆครั้งที่ผมเข้ามาดูสวนดอกไม้แห่งนี้ จึงได้พบดอกไม้สีเขียว สีแดง สีเหลือง สลับกันชูซ่ออวดโฉมให้ผมได้ยล หากวันใดดอกไม้สีแดงทำถ้าจะหลุดจุด Keep Profit ที่ตั้งไว้ ผมก็ตัดมันออกมาเพื่อนำผลกำไรที่ได้ตามจุด Keep Profit ไปเก็บไว้เป็นเงินทุนเพิ่มเติมครับ ด้วยเหตุนี้แหละ ผมจึงบอกไว้ว่า Set จะขึ้น Set จะลง หรือ Set จะคงที่ ผมก็ยังคงมีกำไรอยู่เสมอๆครับ
ปล. เพื่อนๆผมถามว่า ทำไมต้องเปิดเผยกลยุทธ์ให้คนอื่นๆรับรู้ ไม่กลัวว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมากหรือ การลงทุนก็จะยากขึ้นไปอีกนะ ผมตอบเขาว่า คู่แข่งผมมีกลุ่มเดียวครับ คือ กลุ่มต่างชาติที่กระหายผลประโยชน์จากพวกเราคนไทย ดังนั้นผมจะค่อยๆถ่ายทอดกลยุทธ์ของผมเรื่อยๆไปถ้ามีโอกาส และถ้ายังมีคนรับฟังอยู่ ส่วนเมื่อรับฟังไปแล้ว ผมไม่อยากให้เชื่อตามนะครับ แต่อยากให้นำไปพินิจพิเคราะห์และปรับใช้กับตนเองให้ตรงตามบุคลิคนิสัยด้วยครับ
ปล.2 หากไม่มีเหตุร้ายอย่างสงครามหรือโรคติดต่อร้ายแรงมาเยือนชาวโลก และดูท่าเศรษฐกิจอมาเกอาจฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ปัจจัยทางบวกมีมากพอที่จะทำให้ผมคิดว่า อนาคตเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นอีกมาก ดังนั้น ถ้าทิศทางการเดินไปของเศรษฐกิจไทยยังเป็นแนวนี้ต่อไป ผมก็มั่นใจว่า เรามีโอกาสได้เห็นดัชนียืนเหนือ 800 ในปีหน้าแน่ครับ
จากคุณ : ชอบอ่าน - [ 31 ต.ค. 46 09:02:30 A:210.1.6.101 X: ]
จากคุณ :
no_lagging
- [
19 พ.ย. 49 18:53:31
]
|
|
|