สมัยแรกๆของตลาด หุ้นดีๆมีอัตราส่วนอยู่ในตลาดเยอะเพราะรัฐต้องการสร้างตลาดทุน หุ้นพื้นฐานดีมาก ปูนเอย น้ำอัดลมเอย และอีกหลายบริษัทที่ออกไปพอประมาณ ผมยังไม่ได้เข้าตลาดเลยตอนนั้น ยังเรียน และผู้ใหญ่ก็ฝากไปฝึกงานที่โบรกเกอร์ แต่ก็ไม่ได้เข้าไปเพราะไม่ชอบการเป็นเด็กฝาก และไม่รู้จะไปทำอะไรให้เขาได้ นอกจากยกกล่องเอกสาร ญาติผู้ใหญ่ท่านมองการณ์ไกล แต่เรามันแย่เองที่ไม่สนใจ ตามตลาดตั้งแต่เคาะโป๊กๆ.. มีนักลงทุนส่องกล้องแบบที่ใช้ดูม้าแข่ง.. ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะไม่รู้อะไร และที่แน่ๆ no money ได้แต่ดูๆๆ สังเกตุ แล้วก็เห็นอะไรๆบ้างแบบเด็กๆนักศึกษา ความจริงก็คือไม่รู้อะไรเลย นอกจากตามตำราที่เรียน เริ่มเล่นครั้งแรกก็ฝากเขาเล่นเพราะเริ่มมีเงินนิดหน่อยจากการทำงานสั้นๆ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้อะไรอีกน่ะแหละ ตอน พค ทะมึน ก็กะเข้าเต็มตัว เพราะ เหมือนชะตาลิขิตให้ชีวิตมันต้องอยู่กับหุ้น แต่ก็ไม่ได้เข้า เพราะคิดว่า เอาการศึกษาต่อก่อนดีกว่า แต่สุดท้ายก็มาอยู่กับมันแล้ว

เท่าที่จำได้เร็วๆนี้ ตลาดมันมียุคสมัยของมัน เช่น ยุคเห่อหุ้นจองและมันก็มักจะมาเป็นรอบๆเป็นปีๆ หรือเป็นช่วงๆไป
จำได้สมัย กสิกรเพิ่มทุน 20 บาทที่ศูนย์ประชุม คนเข้าคิวยาวออกมานอกอาคาร ตากแดดหลายชั่วโมงกว่าจะถึงคิว พอเข้าตลาดได้ราคา 40 ในวันแรก ก็ส่งผลให้กระแสหุ้นจองต่อเนื่องมาอีกระยะเวลาหนึ่ง เรียกว่าหุ้นจองให้กำไรกันเป็นกอบเป็นกำทีเดียวทุกตัว น้อยๆก็ ห้าเปอร์เซนต์ สิบเปอร์เซนต์
แล้วก็ทิ้งช่วงกันไปนาน
ต่อมา สองปีนี้เอง ก็ถึงหุ้นจองรอบ top สุดฮิต ความจริง aot มาก่อน ก็ไปจองเหมือนกัน ขนเงินสดไปจองแบงค์กรุงไทย ได้เต็มใบจองแบบสบายๆไม่ต้องคิว ไม่ต้องแย่ง จอง 42 เข้าวันแรก 45 ไม่กี่วันไปแถว 60 ยุค top ที่เห่อมาก แย่งกันมาก แล้วมันก็เหมือนจุดพลุกระแสหุ้นจอง ทำให้หุ้นจองไม่ว่าดีไม่ดี เข้ามาได้กำไรหมด ถ้าไม่ใช่ลูกค้าใหญ่ ก็ไม่ได้แบ่งในจำนวนที่มากๆ เรียกว่า มีเท่าไหร่ก็หมด ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง
แล้วก็หมดยุคหุ้นจอง
แล้วก็ยุคหุ้นจอง ตกต่ำ มากี่ตัว กี่ตัว ต่ำจองแทบทั้งนั้น คงพอจำกันได้ ไม่นานนี้เอง อย่าง KH ของดร. ดอกเตอร์ยังบ่นอุบออกทีวีว่าราคาเนี่ยะสุดแสนจะสมเหตุสมผลแล้วนะ ไม่เข้าใจนักลงทุนจริงๆ ทำไมร่วงไปหลุดจองได้ ก็เพราะมันเป็นกระแสมั้ง บางทีกระแสนี่แหละที่ทำให้ คนลืมพื้นฐาน

ตอนนี้เหมือนว่า จะเป็นกระแสหุ้นปั่นงอกงาม แต่อาจไม่ค่อยเหมือนอดีตตรงที่เมื่อก่อน ถ้าเขาจะปั่น ก็อาจไม่สนใจพื้นฐานนักว่ามันพอไหวไหม P/E จะสูงปรี๊ด งบจะขาดทุน เอาข่าวนู่นนี่มาปั่นลูกเดียว ปั่นพรวดไปหลายเท่าก็ได้ แต่หุ้นปั่นก็มาชะงักไปพักใหญ่ตอนที่เสี่ยคนดังมีคดีเป็นข่าวใหญ่
แต่เดี๋ยวนี้ หุ้นปั่นถ้าพื้นฐานแย่ นักเล่น นักลงทุน เหมือนไม่ค่อยเอาด้วย หุ้นปั่นที่ดีก็เลยต้องพอมีอะไรอวดสักหน่อย "หุ้นปั่นที่ดี" พิมพ์แล้วตลกดีเหมือนกัน

นอกจากจะเกาะ trend แบบ เทคนิค แล้ว อาจจะต้องเกาะกระแส

แล้วกระแส day trade ที่เกิดขึ้นมาหลายปี จากระบบ net settlement เพื่อช่วยผู้ประกอบการณ์ในช่วงแย่ แต่ดูดกลืนนักจับเสือ จะอ่อนแรงลงไปไหม ถ้าผู้คนเริ่มเข้าใจว่า มันเป็นการเพื่มความเสียเปรียบในการลงทุน (หรือ รู้เขาหลอก แต่ยังยอมให้หลอก เพราะขี่เก่ง โดดหลบเก่ง) และถ้า กระแส day trade ที่เกิดขึ้นจากระบบ net นี้ หมดไป หรือ ถูกยกเลิก หุ้นอาจจะเริ่มขึ้นอย่างจริงจังมั้ง แล้วยุคหุ้นปั่นรายวัน รายเดือน ก็จะซาไปบ้าง "มั้ง" หุ้นพื้นฐานก็จะเริ่มเป็นที่สนใจอย่างจริงจัง และตลาดทุนก็เข้าสู่ยุคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นไปตามความประสงค์ของการระดมทุน เพิ่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบ ศก.
อย่างน้อยก็มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนที่มีเงินจริงๆ
ลงทุนจริงๆ ก็จะกล้าเข้าตลาด ทุกวันนี้ ชื่อเสียงตลาดไม่ดีนัก คนออมเงินส่วนใหญ่ กลัว ไม่กล้าเอาเงินมาลงทุนในตลาด เพราะมันมีภาพที่ไม่ดีออกมาบ่อยๆ
กระแสนี้ผมจะได้เห็นไหม ในฐานะนักลงทุน หรือ ต้องกระโดด ออกไปนอกบ้านซะที ไม่งั้นก็ต้องบังคับตัวเองเล่นหุ้นปั่นไปด้วย เป็นครั้งคราว ไม่งั้น อดตาย 5