ความคิดเห็นที่ 1 เงินที่เอาไปซื้อที่ดินบางส่วนก็มาจากเงินในบัญชี OD (โดยเอาตึก 2 ห้องที่ค้าขายไปเปิด OD วงเงิน 4 ล้านบาท) ก็หมุนเงินค้าขาย จ่ายดอกใน OD มีกำไรก็โปะยำไปยำมาใน OD นั่นหละครับ ทีนี้ปัญหาเกิดตอนช่วงเศรษฐกิจพังคราวก่อน ร้านอาหาร โรงแรม คู่ค้าตามต่างจังหวัด ที่ค้าขายกันแบบเครดิต ก็ล้มหายตายจากเยอะ ทิ้งหนี้ค่าของที่ต้องชำระกับ suppliers จำนวน 2 ล้าน ซึ่งทางน้องชายผม(กับผมบางส่วน บางเจ้าผมก็ค้าด้วย) ต้องชำระแทน การชำระก็ผลัดจ่ายเป็นงวด ๆ เอา ผ่อนส่งให้ทางเจ้าหนี้ ซึ่งเขาก็ไม่ว่าอะไรเพราัะค้าขายกันมานาน วงเงินที่ใช้ใน OD อยู่ที่ 3.7-3.9 ล้าน มาตลอด มีก็จ่ายไปเหลือพอกไว้ เป็นมาหลายปีแล้วยังไม่มีทีท่าจะลดลง (ดอก OD ตอนนี้ 3 หมื่นกว่าแล้วจาก 2.7 หมื่น เพราะดอกขึ้น) กำไรที่ได้ต่อเดือนหักค่าใช้จ่าย หักค่าลูกน้องเหลือเก็บไม่เท่าไหร่ บางเดือนค่าใช้จ่ายเยอะยอดขายตกก็แทบไม่มีเก็บ จากคุณ : แคนนอน - [ 21 พ.ย. 49 23:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนนี้ผมมานั้งปรึกษากับน้องดูแล้วว่าจะหาทางออกยังไงเพราะอยู่ไปแบบนี้คงไม่มีความสุข ทำงานตั้งแต่เช้ามืดถึง 3 ทุ่ม เจ็ดวันไม่มีหยุด หยุดก็ขาดเงินส่งเข้า OD ดอกก็จะเยอะตาม ทรัพย์สินแกก็มีอยู่พอสมควร 1.บ้านติดมหาลัยมูลค่า 3 ล้าน 2.ตึกแถว2 ห้องกลางตลาด มูลค่าปัจจุบัน 10-14 ล้าน (เคยมีคนเสนอมา 11 ล้าน) 3.เงินฝากบัญชีออมทรัพย์ ที่ดึงเงินออกมาจากกำไรนิดหน่อย 7 แสน 4.รถ 2 คัน 5.ที่ดินในหมู่บ้านติดริมดอย เส้นที่มีงานพืชสวนโลก มูลค่า 3 ล้าน 6.ที่ดินรอบวงแหวนนอก 1.5 ล้าน 7.ที่ดินตามรอบนอกต่างอำเภอ 5 แสน 8.ที่ดิน 8 ไร่รอบนอกมูล่าประเมิน ไร่ละ 5 แสน 9.แผงลอยเซ้งตลอดชีพที่ตลาดหลวงเชียงใหม่ 1 แผง (ปัจจุบันให้ญาติดูแล) ตอนนี้ปัญหาคือแกไม่อยากติดอยู่กับการใช้หนี้ที่ไม่รู้จะหมดเมื่อไหร่ เพราะทุกวันนี้่ทำงานเพื่อค่าใช้จ่ายกับกินอยู่ไปเรื่อย ๆ ยังไม่มีทีท่าจะงอกเงย เงินไม่พอกพูนในบัญชี ยังคงอยู่ที่ยอก 3.7-3.9 มาหลายปีแล้ว ผมก็ต้องหาทางทำอะไรซักอย่างเหมือนกันเพราะบางส่วนก็ผูกพันมาถึงผมด้วย น้องชายผมน่าจะทำอย่างไรดี หรือจะล้างไพ่ขายตึกทิ้งใช้หนี้ให้หมดแล้วไปทำกิจการใหม่ (ระหว่างนั้นให้เขามาทำงานกับผมก่อน) หรือยังไงดีครับ ขอคำปรึกษาหน่อยครับ จากคุณ : แคนนอน - [ 21 พ.ย. 49 23:29:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ประเมินจากทรัพย์สินแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน แล้วเป็นหนี้อยู่แค่ประมาณ 4 ล้าน เอาเป็นว่าผมแนะนำอย่างนี้นะครับ 1.ถ้าทรัพย์สินของคุณไม่มีภาระผมแนะนำให้ขายตึกแล้วนำกำไรที่หักหนี้แล้วมาเริ่มทำธุรกิจใหม่ เพราะคุณบอกว่ามีคนมาเสนอ 11 ล้านหักหนี้ 4 ล้านแล้วยังเหลืออีก 7 ล้าน นำ 7 ล้านมาหาซื้อตึกแถวที่อยู่ใกล้วชมชนซัก 2-3 ตึก แล้วก้มาปล่อยเช่า เดือนละ 5000 - 7000 แค่นี้คณก็จะมีรายรับเดือนละ 15000 - 21000 โดยไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยอีก ไม่ต้องเสียภาษีด้วย คนรวยๆส่วนใหญ่เค้าก้ทำกันแบบนี้ครับ ผมเองก็มีอยู่ที่กรุงเทพ 7 ตึกครับ ปล่อยเช่า 10000-17000 ครับ รับเดือนนึงก็เกือบแสนครับไม่ต้องไปทำงานให้เหนื่อย ลองคิดดูครับ ส่วนที่ดินไม่แนะนำให้ขายครับเพราะมูลค่าของที่ดินในอนาคตมีแต่จะเพิ่มขึ้นครับไม่มีลดลงแน่นอน ส่วนรถถ้าไม่จำเป็น คันเดียวก็พอครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 49 00:12:36 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 49 00:10:50 จากคุณ : ปู่ตึ๋ (ปู่ตี๋) - [ 22 พ.ย. 49 00:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คิดเหมือนกันครับ ขายทรัพย์สินบางส่วนชำระหนี้ครับ ทำได้สองทางคือ 1 ขายตึกทิ้ง เหลือเงินหลังปิดหนี้ทั้งหมด หาอะไรทำเล็กๆน้อยๆเลี้ยงตัวเอง รอราคาที่ดินขึ้น หรือพัฒนาที่ขายซะเลย 2 เก็บตึก แต่เลือกขายสินทรัพย์อื่น แล้วเอามาโปะ โอดี จากนั้นก้อทำงานเดิมไปแล้วเลิกเครียด ทำสบายๆ เพราะดูแล้วสร้างรายได้ให้พอสมควรครับ จากคุณ : พ่อฟ้าใส - [ 22 พ.ย. 49 00:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณพี่ทั้ง 2 ให้ความคิดเห็นที่ดีมากครับแต่ลองมองอีกทางบ้าง 1. คุณแคนนอนมีรายรับต่อเดือนที่แน่นอนเท่าไหร่ สามารถส่งแบงค์ได้มากที่สุดเท่าไหร่ และอีกกี่ปีจึงจะจบลองคิดดู 2. การค้าขายที่คุณทำโดยใช้ตึกตรงนั้นนี่กำไรต่อเดือนเน็ตแล้วจะมากก่าการขายตึกไปแล้วซื้อตึกรอบๆทำมาหากินแทนหรือใช้เช่าหรือป่าว 3. ถ้าไม่คิดว่าลำบากเกินไปหรือไม่จำเป็นต้องมี รถคันเดียวน่าจะพอ 4. ถ้าคุณพี่แคนนอนคิดจะขายตึก ผมว่าน่าจะเอาเงินส่วนที่เหลือลองมานั่งคำนวณดูว่าเอาไปทำไรได้ประโยชน์มากสุด หลังจากจ่ายแบงค์ไปแล้ว โดยส่วนตัวผมว่าน่าจะไปทำอพาร์ตเม้นในที่ของพี่แคนนอนสักแห่งใกล้เหล่งชุมชนน่าจะดี 5. อย่าเพิ่งซื้อหรือลงทุนมากๆเพิ่มเพราะจะล้างหนี้ไม่ทันและเสียดอกโดยปล่าวประโยชน์ 6. ผมวิเคราะห์ว่าพี่แคนนอนคิดจะขายตึกแต่ยังลังเล ลองดูลู่ทางต่างๆว่าเหมาะสมมากแค่ไหน 7. ถ้าพี่แคนนอนยังพอมีกำลังทำงานเก็บตังส่งจนครบโดยที่คิดว่าจะไม่มีหนี้สินถึงลูกหลานแล้วละก็ อย่าเพิ่งขายเพราะที่และตึกราคาขึ้นดีกว่าทองเป็นไหนๆ 8. ทว่าพี่ต้องลองดูด้วยว่าเงินในแบงค์ที่เรามีพอเพียงฉุกเฉินหรือป่าว ถ้าเกิดว่ามีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นเราต้องมีเงินเย็นไว้บ้าง ผมอาจจะเขียนไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ท่านพี่ลองจับประเด็นดีดีแล้วคิดดู ลองคิดดีดีก่อนตัดสินใจนะครับ จากคุณ : ฮกหลงน้อย - [ 22 พ.ย. 49 03:15:09 A:71.106.211.70 X: TicketID:132280 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมว่าเฮียแคนนอนขายทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทิ้งก่อน อันที่ก่อให้เกิดรายได้เช่น ตึกนั้น ผมว่าเก็บไว้ค้าขายดีกว่าครับ จากคุณ : GABLIEL - [ 22 พ.ย. 49 06:04:11 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มองแล้วหนี้ไม่ยุบ  เพราะท่านหาเรื่องซื้อเข้าตลอด พอ  โอดี  ยุบก็ไปดาวน์ไปผ่อนเพิ่มหรือเปล่าครับ หากที่ทำเลทอง2คูหา  ขายได้เอาแค่10ล้านก็พอ หากทำเลได้10ล้านคนที่จะมาซื้อ  ซื้อไปทำอะไรถึงจะได้ทุนคืน10ปีข้างหน้าครับ ถ้ากู้มา10ล้านซื้อ2ห้อง  ดอกเบี้ยเดือนละเป็นแสน คิดว่าคนมีเงิน10ล้านคงหาช่องทางทำเงินได้มากกว่าจะมาซื้อเพื่อค้าขาย คงต้องสร้างระบบคิดก่อนลงมือล่ะครับว่าพลาดตรงไหน? เพราะเงิน10ล้านวันนี้ฝากสัก4.75%  หักภาษีแล้วก็ได้ล้านละ3พัน3ร้อยกว่าบาท คนมีเงิน10ล้าน  ก็ได้ดอกเดือนละ3หมื่นกว่าบาท  ไม่ต้องอดตาหลับขับตานอนมาค้าขาย ฝากกินดอกไม่ต้องเสียอารมณ์กับการบริหาร  กลุ้มใจกับลูกน้อง+ลูกค้า จากคุณ : P_ปรัชญา - [ 22 พ.ย. 49 09:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ ส่วนตัวผมมีตึก 2 ห้องเหมือนกันแต่อยู่คนละที่ ทำธุรกิจเดียวกันแต่ตึกผมไม่มีภาระ แกซื้อเปิดมาทีหลัง(ตึกนั้นก็สร้างทีีหลังผม) แกมาบ่นประจำว่าเหนื่อย อยากไปพักผ่อนบ้าง ก็เลยคิดว่าถ้าแกจะขายก็จะให้แกมาอยู่ที่ร้านผมไปก่อน ส่วนลูกน้องก็ย้ายมาแต่คนที่ดี ๆ (จ้างไ้ว้นานไม่อยากทิ้งเขา) ใจจริงก็ไม่อยากให้แกขายทำเลหากินน่ะครับ คิดว่าจะให้แกขายทรัพย์สินอื่นมาโปะลดดอกเอา ขอบคุณสำหรับความคิดนะครับ จะลองเอาไปคุยกับแกดู **ปล. ไอ้หนุ่มกลับบ้านไปแล้ว ไว้ไปรอรับกลับอีกที อิ อิ จากคุณ : แคนนอน - [ 22 พ.ย. 49 15:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สวัสดีครับ คุณแคนนอน มาพร้อมน้องซินเลยนะครับ ไม่ได้คุยกันนานเลย ( ผมหายไปนานเองแหละ) ข้างบนเขาแนะนำกันหมดแล้ว ผมว่ายึดหลัก อันไหน ทำกำไรให้น้อยสุดตัดอันนั้น น่าจะตัดสินใจได้ไม่ยาก จากคุณ : Mudady - [ 22 พ.ย. 49 23:19:18 ]