ความคิดเห็นที่ 15
"ประชัย" ยิ่งรุก : งานนี้ยิ่งเจอตอ! **เรื่องของ บมจ. อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย หรือ ทีพีไอ ที่ปัจจุบันแปลงร่างมาเป็น บมจ.ไออาร์พีซี IRPC ยังมุมให้กล่าวถึงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด *แม้ว่าปัจจุบัน ไออาร์พีซี (IRPC) หรือ ทีพีไอ เดิมมี กระทรวงคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ผ่านพันธมิตร นำโดย บมจ.ปตท. ได้มีการเปลี่ยนผู้บริหาร จากกลุ่มของ"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" มาเป็นผู้บริหารชุดใหม่ นำโดย ปิติ ยิ้มประเสริฐ *ภายหลังการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ปัจจุบันโครงสร้างการถือครองหุ้นของบริษัท IRPC สูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการถือหุ้น 31.60% , ธนาคารออมสิน สัดส่วนการถือหุ้น 10% , กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสัดส่วนการถือหุ้น 8.6% , กองทุนรวมวายุภักษ์1 โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด(มหาชน) สัดส่วนการถือหุ้น 5% และกองทุนรวมวายุภักษ์1 โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด(มหาชน) สัดส่วนการถือหุ้น 5% ตามลำดับ *อย่างไรก็ตามยังมีความพยายามออกมาจกฝั่งของกลุ่มผู้ถือหุ้นดั้งเดิมของทีพีไอ จาก"กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์" กล่าวคือ ภายหลังที่มีการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล"ทักษิณ ชินัวตร" **ทำให้ดูเหมือนว่า "กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์" ดูจะเห็น "แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์" ขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ค่อนแคะรัฐบาลทักษิณว่า มีแผนที่ฮุบ! กิจการทีพีไอเป็นไปของตัวเอง *แผน"ทวงคืน" ทีพีไอ ให้กลับมาอยู่ในอ้อมอกของกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ เริ่มขยับอีกครั้ง เมื่อ "ประชัย" นำเรื่องการ"ยึด" ทีพีไอ ไปร้องต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา รวมทั้งเข้าร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) พร้อมกับประกาศว่าจะขอรับซื้อหุ้นคืนจากกลุ่มพันธมิตรในราคา 3.30 บาท เท่ากับราคาที่กลุ่มพันธมิตร ซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งที่ผ่านมา **ทั้งนี้ เพื่อเป็นการคืน"ความชอบธรรม"ให้กับกลุ่ม เลี่ยวไพรัตน์ ผู้ก่อตั้ง และปลุกปั้น ทีพีไอมากลับมือ *หากแต่ในเรื่องนี้ มีเสียงดังมาจากฟากของกระทรวงการคลัง โดย"คุณชายมอุ๋ย" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกานคลัง บอกว่า ... **หากในประชัยจะขอซื้อหุ้นคืน ก็ต้องมาคุยกันก่อน ที่สำคัญ เงื่อนไขแรกที่"คลัง" จะพิจารณาก็คือ กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์จะต้อง เสนอราคาซื้อมากกว่า ราคาใน บุ๊คแวลู่ ที่ 5.50 บาท หลายเท่า คลังถึงจะมาพิจารณาเรื่องดังกล่าวนี้ *ส่วนผู้บริหารปัจจุบันของทีพีไอ หรือ IRPC บอกว่า หากได้หุ้นคืนก็ต้องไปไล่ซื้อบนกระดานเอาเอง .... *เมื่อเจอ "กระบวนท่าแบบนี้เข้าไป "ประชัย" ก็ต้องถอยไปตั้งหลักก่อนจะหากลยุทธ์ใหม่มาสู้ **ล่าสุด "ประชัย" หรืออ "อาซวง" เดินหน้า เปิดเกม"ไล่" คณะกรรมการบริการบริษัท ทีพีไอ หรือ IRPC ที่มี "พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์" หรือ "บิ๊งหมง" นั่งเป็นประธานบอร์ด ***ด้วยขอหาเป็น "มรดก" ของระบอบทักษิณเห็น! *นอกจากนี้ การเร่งย้ายสำนักงานใหญ่จากอาคารทีพีไอ ไปอยู่ที่อาคารซัน ทาวเวอร์ และเร่งเปลี่ยนชื่อทีพีไอเป็น "ไออาร์พีซี" เป็นการกระทำที่ไม่โปร่งใส และส่อพิรุธ! **แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะกลายเป็นการ"แหย่เสือหลับ" เมื่อผู้บริหาร IRPC งัดแผน"ตลบหลัง" ประกาศเรียกประชุมบอร์ดบริษัทเข้าวาระพิเศษในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ***หลักใหญ่ใจความในการประชุมบอร์ดครั้งนี้ก็คือ การ"ปลด" พี่น้องตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ทั้ง "ประทีป-ประมวล มาลินี" เนื่องจากถูก"แบล็คลิสต์" จาก ก.ล.ต. ในข้อหา "ยักยอกทรัพย์" กรณีเช่าตึกทีพีไอ 90ปี *งานนี้หาก "เลี่ยวไพรตัน์" ทั้งสาม 3 ถูกปลดจริง ก็จะส่งผลให้กรรมการชุด"ประชัย" เหลือ เพียง 6 คนเท่านั้น ซึ่ง 1 ในนั้นมีชื่อ พลเอกพรชัย กรานเลิศ รองผบ.สส. (เตรียมทหาร10 รุ่นเดียวกับพ.ต.ท.ทักษิณ) อยู่ด้วย ***นอกจากนี้ กลุ่มผู้บริหารยัง"รุกกลับ" ด้วยการ"ซื้อหน้า" สื่อชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นในเรื่อง "ค่าตอบแทน" ของบอร์ด รวมทั้ง การเสนอซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 3.30 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาที่ "ประชัย" เสนอซื้อ ( 5.50บาท ) ทำให้ต้องเสียผลประโยชน์ไปกว่า 2 แสนล้านบาทว่าเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง **เมื่อเจอรุกกลับเข้าไปแบบนี้ "ประชัย" คงสะอึก ก่อนที่จะไปนั่งคิด งัดแผนเด็ดมาสู้ เพื่อให้ฝันกลับมาเป็นจริงให้จงได้
"ทีมข่าวคอหุ้น"
ข่าวนี้ออกมาก่อนหน้าค่ะ จะเห็นว่ามีการพูดถึงราคาที่สูงกว่าบุ๊คแวลู 5.50 บาท ไม่ได้พูดแต่ราคา 3.30 บาทนะคะ
จากคุณ :
มือใหม่เล่นหุ้น
- [
29 พ.ย. 49 01:07:06
]
|
|
|