ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตนำเสนอครับ โดยการจับเส้นดัชนี SET มาแปลงเป็นกองทุน ด้วยกองทุน SCBSET โดยที่ SCBSET ไม่ได้ทำตัวให้ชนะตลาด แค่เดินไปตามเส้นดัชนีตลาดที่ควรจะเป็น เมื่อดัชนีตลาดขึ้น จากภาพรวมของหุ้นทั้งตลาด SCBSET ก็จะขึ้นในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เมื่อดัชนีตลาดลด จากภาพรวมของหุ้นทั้งตลาด SCBSET ก็จะลดในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ถ้ามอง SET INDEX เป็นหุ้น ก็จะสามารถเล่น SCBSET ได้แบบหุ้นเช่นกันครับ แถมมีค่าธรรมเนียมที่ถูก เพียงตอนขายคืนเท่านั้น แค่ 0.1%+vat ส่วนตอนซื้อไม่มีครับ คราวนี้จะได้ หรือจะเสียอยู่ที่ตัวเราเองแล้วครับ ว่าจะคาดการณ์กับเส้นดัชนีตลาดเป็นอย่างไร และเล่นง่ายครับ ไม่ต้องรอใครมาจับคู่แบบ แพะชนแกะ เพราะเมื่อไหร่อยากซื้อก็ซื้อได้ทันทีจากกองทุนโดยตรง หรือจะขายก็สามารถขายคืนให้กองทุนไปเลยครับ แต่อาจจะไม่สนุกเท่ากับการเล่นหุ้น เพราะกองทุนจะมีแค่ราคาเดียวในการตัดสินว่าเราทำรายการ ได้ที่ราคาเท่าไหร่ คือราคาสิ้นวันเท่านั้น ไม่ว่าใครจะทำรายการตอนกี่โมงก็ตาม ก็จะได้ราคาเดียวกันหมด แต่ที่จะสนุกคือต้องเดา กับราคาปิดตลาดตอน 16.30-17.00 ว่า SET INDEX จะไปหยุดอยู่ที่ใดครับ ---------------------------------- สนุกๆ นะครับ อย่าถือสา อย่าโกรธ อย่าเกลียด คนที่เล่นกองทุนเลยครับ ถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่ไม่กล้าเสี่ยงมากเกินไป แต่ก็ไม่อยากจมปรักอยู่กับการฝากเงินกินดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว..... ขอให้มีทางเลือก หลายๆ อย่าง ในห้อง สินธร บ้างนะครับ จากคุณ : pjuk - [ 4 ธ.ค. 49 23:54:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ครับพี่จุก ผมไม่ได้โกรธเกลี่ยด แต่ภาพที่ผมได้ยินได้ฟังมามันน่ากลัวครับ  ในภาวะปรกติ ผมก้คิดว่าเหมือนกับรายย่อยถือหุ้น คือเสมอไปกับเซ็ต  แต่เวลาตลาดลงนี่สิ ทำไมผุ้จัดการกองทุน ไม่สต๊อปลอสทำไมปล่อยให้เกิดความเสียหาย มากมายอย่างที่ผมได้ยิน มันเยอะมากๆครับ ผมยินดีรับฟังแง่มุมอื่นๆ ไม่ได้ยืนยันว่าที่ตัวเองฟังมาจะถูกทั้งหมด แต่ที่ได้ยินมามันเป็นอย่างนั้นจิรงๆ อยากฟังคนที่เล่นแล้วกำไร มาแสดงตัวนิดนึง ถ้ามีจำนวนพอสมควร ผมอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด ในเรืองนี้ โดยฐานผมฟังจากคนแก่ๆรอบๆตัวในทุกที่ครับ บ่นเป็นเสียงเดียวกันหมด จึงเชือ่ไปตามนั้นครับ มิได้เป็นผู้รอบรู้ทางด้านนี้เลยครับ   ยินดีรับฟังคำชี้แนะครับ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ 4 ธ.ค. 49 23:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมขอถามเป้นความรู้ใส่ต้วนิดนะครับ คุณพี่จุก กองทุนพวกนี้ มักจะกอ่ตั้งมาจากกลุ่มไหน แล้วมีวิธีเลือกเฟ้น ผู้จัดการกองทุนกันอย่างไร เอาเฉพาะของไทยเท่าที่รู้ก้ได้ครับ   เอาแบบลูกหม้อ ในองค์กร หรือไปจ้างมืออาชีพข้างนอกมาครับ  แล้วเค้ามีการระดมสมอง หรือระดมทีมกันหรือไม่หรือเป็นแบบศิลปินเดียวอ่ะครับ อยากรู้จริงๆครับ ว่าระบบคิดระบบ การทำงานเค้าเป็นอย่างไร   ผมเองเป็นคนที่ตำหนิกองทุนมาแต่ไหนแต่ไร แต่ขอสารภาพผมไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเลย ได้ยินได้ฟังก้แต่ผู้ถือหนวยลงทุนที่เสียหายรอบๆตัว ฟังระบบคิด ระบบงานเค้าบ้างก้น่าจะดี เผือจะมองผุ้จัดการกองทุนในแง่ดีขึ้นครับ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 00:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอเล่าอดีตที่เจ็บปวดให้ฟังแล้วกันนะครับ สมัย 10 กว่าปีที่แล้ว กองทุนหุ้นทั้งหลายจะเป็นกองทุนปิด ที่ไม่สามารถขายคืนได้เลย ถ้าจะขายต้องไปขายในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ซึ่งตอนนั้นที่บอกว่าแย่ แม้แต่หุ้นยังไม่มีใครกล้าซื้อ และกองทุนที่ List ในตลาดยิ่งไม่มีใครซื้อเลยครับ อีกประเด็นทำไม่ผู้จัดการกองทุนสมัยนั้น ที่เป็นกองทุนปิด ไม่ยอม Cut Lost บอกได้เลยครับ ว่าอยากทำใจแทบขาด แต่ กลต. ไมยอมให้ทำแน่นอนครับ เพราะโครงการของกองทุนหุ้น ห้ามมีหุ้นในพอร์ต ต่ำกว่า 70% (สมัยนั้น) และถ้ากองทุนไหนดื้อที่จะทำ โดนปรับ แล้วประจานเลยครับ สมมติถ้ายอมที่จะโดนปรับ จัดการ Cut Lost จนไม่มีหุ้นในพอร์ตเลย เกิดวันดีคืนดี ที่ทุกคนยังหวังว่า หุ้นยังมีวันที่จะฟื้นคืนชีพจาก 200 จุดขึ้นมาได้ แต่ถ้ากองทุนหุ้นทั้งหลายเหลือแต่เงินสดอยู่ในกองทุน แล้ววิ่งไล่จับกับหุ้นไม่ทัน นั้นหมายความว่า กองทุนทำผิดสัญญากับผู้ลงทุนว่าจะมีหุ้นในพอร์ตไม่น้อยกว่า 70% จนทำให้ตามตลาดไม่ได้ คราวนี้ยิ่งโดนฟ้องร้องกันหัวบานแน่ครับ --------------------- ก่อนที่ตลาดจะวิ่งไปถึง 1700 จุด กองทุนหุ้นที่เป็นที่แย่งชิงกันแบบเปิดจองวันเดียวหมด เพราะสมัยหุ้นอยู่ที่ 700 - 1000 จุด หุ้นวิ่งเหมือนเมายา ไม่รู้จักเหนื่อย สารพัดกองทุนจ่ายปันผลจนมากกว่า ราคาจอง (10 บาท) ซะอีกครับ นั้นจึงเป็นที่มาของการแย่งกันเปิดกองทุนหุ้น แบบดอกเห็ดผุดในหน้าฝน ที่ต้องเปิดกองทุนใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ หลายกองทุน เพราะกองทุนสมัยก่อน เปิดจองครั้งเดียว แล้วไม่สามารถขายเพิ่มได้ แต่เมื่อมีคนต้องการลงทุนเยอะกว่าที่กองทุนเดิมจะรองรับได้ จึงต้องเปิดกองทุนใหม่มารองรับแทนครับ....... -------------------------- แต่ความผิด อยู่ที่คนขายสมัยก่อน ไม่เถียงครับ เพราะเมื่อกองทุนแรกๆ จ่ายปันผลดีมากๆ มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก จนคนขายเชียร์แบบ ความเสี่ยงอยู่ที่ไหนฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าหาสิ่งที่ดีที่สุด ดีกว่าการฝากเงิน มาขายให้คนฝากเงินอย่างเดียวตั้งแต่เกิด ไม่เคยรู้จักคำว่าหุ้น กับคำว่าความเสี่ยงในหุ้นเป็นอย่างไร จนดัชนีวิ่งถึงกว่า 1700 จุด และตกลงมาเรื่อยๆ นั่นแหละ ถึงเริ่มรู้แล้วความเสี่ยง ความน่ากลัวของหุ้นเป็นเช่นใด แต่พลาดไปแล้วจากการที่นึกว่าเหมือนการฝากเงิน และดีกว่ากินดอกเบี้ยสมัยก่อนครับ......... จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 00:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผู้จัดการกองทุนสมัยก่อน กว่า 10 ปีที่แล้วชอบฉายเดี่ยว ทั้งวิเคราะห์ ทั้งเลือกหุ้น ทั้งจัดพอรื๖ ทั้งการ Trade หุ้นเหมาหมดครับ แต่ *ผู้จัดการกองทุน* สมัยนี้ ทำอย่างเดียวแล้วครับ ว่าจะเอาหุ้นที่ *ทีมวิเคราะห์* หาหุ้นที่มีพื้อนฐาน ถือเป็นหุ้นดีไม่เน่าแน่ มาเข้าพอร์ต หรือจะปรับและทิ้งตัวไหน เมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนไป และเมื่อวางแผนและเลือกหุ้นที่อยู่ใน List มาได้แล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของ *คน Trade หุ้น* จะไปหาซื้อหุ้นให้ได้ถูกที่สุด ตามที่ *ผู้จัดการกองทุน* กำหนดช่วงราคามาให้ ถ้าไม่ได้ตามช่วงราคาที่กำหนด ก็ไม่ซื้อ และเมื่อจะขายหุ้นทิ้ง ก็เช่นกันครับ *ผู้จัดการกองทุน* จะกำหนดช่วงราคาที่ต้องการขายมาให้ และ *คน Trade หุ้น* ก็ต้องพยายามขายให้ได้แพงที่สุดครับ ---------------- แบบคราวๆ ที่เคยถาม บลจ.ไทยพาณิชย์ มานะครับ จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 00:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณพี่จุกนี่เยี่ยมจริงๆสมคำร่าลือ ถามไปเป็นตอบมาให้เข้าใจได้ ขอบคุณครับ จากคำตอบของพี่จุกนะครับ ตีประเด็นได้ตามนี้ ..................................................................... สมัย 10 กว่าปีที่แล้ว กองทุนหุ้นทั้งหลายจะเป็นกองทุนปิด ที่ไม่สามารถขายคืนได้เลย ถ้าจะขายต้องไปขายในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น ซึ่งตอนนั้นที่บอกว่าแย่ แม้แต่หุ้นยังไม่มีใครกล้าซื้อ และกองทุนที่ List ในตลาดยิ่งไม่มีใครซื้อเลยครับ อีกประเด็นทำไม่ผู้จัดการกองทุนสมัยนั้น ที่เป็นกองทุนปิด ไม่ยอม Cut Lost บอกได้เลยครับ ว่าอยากทำใจแทบขาด แต่ กลต. ไมยอมให้ทำแน่นอนครับ เพราะโครงการของกองทุนหุ้น ห้ามมีหุ้นในพอร์ต ต่ำกว่า 70% (สมัยนั้น) และถ้ากองทุนไหนดื้อที่จะทำ โดนปรับ แล้วประจานเลยครับ สมมติถ้ายอมที่จะโดนปรับ จัดการ Cut Lost จนไม่มีหุ้นในพอร์ตเลย เกิดวันดีคืนดี ที่ทุกคนยังหวังว่า หุ้นยังมีวันที่จะฟื้นคืนชีพจาก 200 จุดขึ้นมาได้ แต่ถ้ากองทุนหุ้นทั้งหลายเหลือแต่เงินสดอยู่ในกองทุน แล้ววิ่งไล่จับกับหุ้นไม่ทัน นั้นหมายความว่า กองทุนทำผิดสัญญากับผู้ลงทุนว่าจะมีหุ้นในพอร์ตไม่น้อยกว่า 70% จนทำให้ตามตลาดไม่ได้ คราวนี้ยิ่งโดนฟ้องร้องกันหัวบานแน่ครับ --------------------- เหตุผลแรกที่ไม่ยอมคัทลอสจนขาดทุนย่อยยับคือ เหตุผลการถือหุ้น70%นั่นเอง^_^ ก่อนที่ตลาดจะวิ่งไปถึง 1700 จุด กองทุนหุ้นที่เป็นที่แย่งชิงกันแบบเปิดจองวันเดียวหมด เพราะสมัยหุ้นอยู่ที่ 700 - 1000 จุด หุ้นวิ่งเหมือนเมายา ไม่รู้จักเหนื่อย สารพัดกองทุนจ่ายปันผลจนมากกว่า ราคาจอง (10 บาท) ซะอีกครับ นั้นจึงเป็นที่มาของการแย่งกันเปิดกองทุนหุ้น แบบดอกเห็ดผุดในหน้าฝน ที่ต้องเปิดกองทุนใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ หลายกองทุน เพราะกองทุนสมัยก่อน เปิดจองครั้งเดียว แล้วไม่สามารถขายเพิ่มได้ แต่เมื่อมีคนต้องการลงทุนเยอะกว่าที่กองทุนเดิมจะรองรับได้ จึงต้องเปิดกองทุนใหม่มารองรับแทนครับ....... -------------------------- แต่ความผิด อยู่ที่คนขายสมัยก่อน ไม่เถียงครับ เพราะเมื่อกองทุนแรกๆ จ่ายปันผลดีมากๆ มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก จนคนขายเชียร์แบบ ความเสี่ยงอยู่ที่ไหนฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าหาสิ่งที่ดีที่สุด ดีกว่าการฝากเงิน มาขายให้คนฝากเงินอย่างเดียวตั้งแต่เกิด ไม่เคยรู้จักคำว่าหุ้น กับคำว่าความเสี่ยงในหุ้นเป็นอย่างไร จนดัชนีวิ่งถึงกว่า 1700 จุด และตกลงมาเรื่อยๆ นั่นแหละ ถึงเริ่มรู้แล้วความเสี่ยง ความน่ากลัวของหุ้นเป็นเช่นใด แต่พลาดไปแล้วจากการที่นึกว่าเหมือนการฝากเงิน และดีกว่ากินดอกเบี้ยสมัยก่อนครับ......... ...................................................... เหตุผลที่สองคือ การแย่งกันเปิดกองทุน ทำให้ได้ตัวผู้จัดการกองทุน ที่ไม่มีคุณภาพ เพราะดีมานด์ มากว่าซัพพลาย การเอาคนไม่มีความสามารถมาบริหารเงิน ก้เหมือนกับเอาเงินไปละลายในแม่น้ำ อีกประเด็นหนึงคือการขึ้นของเซ็ตแบบคนเมายา ทำให้เกิดความโลภกระจายไปทั่ว แล้วสุดท้ายหายนะ ก็มาสู่ เข้าใจเหตุผลแล้วครับ ตอ้งขอบคุณพี่จุกมากๆครับ แต่อีกนิดครับแล้วตอนนี้หละครับ กองทุนที่มีคุณภาพมีจำนวนเยอะไหมครับ ถ้าเปรียบกับกองทุนที่ด้อยคุณภาพ พวกกองทุนธนาคารนี่ใช้ลูกหม้อ หรือมีการเลือกเฟ้นมืออาชีพครบั^_^ สงสัยอีกนิดนึงอ่ะ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 00:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อคำตอบอยู่ข้างบนนี่ เอง ผมเริ่มเข้าใจถึงข้อจำกัด ที่กองทุนเจ็งแล้ว งั้นเหลือแค่ประเด็นเดียวที่ไทยพาณิชย์นี้ใช้ลูกหม้อ หรือใช้มืออาชีพครับ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 00:39:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมต้องออกไปถีบจักรยานแระ อย่างไร ก้ต้องขอขอบคุณพี่จุกมากๆนะครับ สำหรับความกระจ่าง ผมเองก้หลงโทษแต่กองทุน ตอนนี้พอเข้าใจหละ กองทุนไม่ใช่ผุ้ร้ายทั้งหมด   ความโลภ   ปริมาณ    บวกกับความด้อยคุณภาพ ทำให้เกิดหายนะ วันนี้ได้ความรู้ความเข้าใจจากพี่จุก ขอบคุณจริงๆ ผมก้ไม่มีอะไรจะตอบแทน เพราะเขลาในหลายๆเรือง คงมีแต่เรืองหุ้นอ่ะ  ถ้าพี่จุกมีเปิดพอร์ตเล่นหุ้นอยู่บ้าง ผมก้มีหุ้นที่ฟันธงว่าขึ้นแน่ๆจะแนะนำครับ  ถือว่าเป็นการตอบแทน การให้ความรู้ความเข้าใจในครั้งนี้ครับ ไม่มีอะไรมีแต่หุ้นครับผมอ่ะ  ถ้าสนใจหลังไมค์ได้นะครับ ขอบคุณมากๆสำหรับวันนี้ครับผม^_^ .............................................................. เอ่อ ขอโทษไปทางคุณแพด้วยนะครับ ผมเข้าใจแล้วว่ากองทุนไม่ได้แย่อย่างที่คิด การขาดทุนแบบล้างบางนั้นมันเพราะข้อจำกัด ผมไม่รู้ไม่เข้าใจเหตุผลเองอ่ะครับ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 00:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หวัดดีครับพี่คนไทย ขี่จักรยานดึกจังเลยครับ จากคุณ : thamma7 - [ วันพ่อแห่งชาติ 01:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากๆ เช่นกันครับ..... สำหรับเพื่อนใหม่ แนวคิดใหม่ และทัศนคติใหม่ๆ ครับ...... มาสนุกกันต่อกับ ตลาดหุ้น ในในห้อง สินธร แห่งนี้นะครับ ----------------------------------- ผู้จัดการกองทุน หุ้นแบบ Active Fund ..... เป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง ได้ข่าวมาว่า เข้ามาวันแรก ก็ล้างพอร์ต เปลี่ยนหุ้นใหม่เข้าพอร์ต เพียบครับ..... จากคนรุ่นก่อน ซื้อแล้วเก็บยาว แต่คนรุ่นใหม่ เปลี่ยนหุ้นตามสภาพตลาดตลอดเวลาครับ....... ลุย จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 01:13:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พี่ pjuk รบกวนถามถึงการลงทุน structured note หน่อยครับ เป็นการลงทุนเเบบไหนเหรอครับ ขอโทษนะครับพี่คนไทย จากคุณ : thamma7 - [ วันพ่อแห่งชาติ 01:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอนลูกๆยังเล็กมากๆ  ไม่สะดวกไปห้องค้าทุกวัน เลยมีความคิดว่า น่าจะให้กองทุนทำหน้าที่แทน  ก็เลยกระจายความเสี่ยง  ไปใส่ไว้ในกองทุนหุ้น แทบทุกกอง และทุกค่ายที่มีขาย  ตอนแรกมีแต่แบบปิด  ก็ไปจอง และซื้อบนกระดาน ไม่นาน เห็นว่าแย่แล้ว เพราะหุ้นที่ซื้อขายเองมีกำไร แต่กองทุนขาดทุน  ที่อยู่บนกระดาน ก็ขายตัดขาดทุนไปก่อน ส่วนกองทุนปิดที่จองซื้อ กว่าจะเข้ามาให้ซื้อขายในตลาดใช้เวลาหลายเดือน เข้ามาก็ขายทิ้งทุกราคา ขาดทุนไป 20% ต่อมาอีกหลายปี มีกองทุนเปิด ก็ลองไปซื้ออีก พอเห็นหลุดพาร์ ก็ขายทิ้งทันที  โยกเงินเข้าตราสารหนี้แทน แต่...ยังก่อน  อย่านึกว่ามีแต่ได้  เพราะแม้แต่ตราสารหนี้ค่ายธนาคารกรุงเทพ  ดิฉันยังเจอปิดตัวเองกระทันหัน เมื่อปี 2540  ก่อนเกิดต้มยำกุ้ง  ต้องรอเงินคืน 1 ปี  ต่อมา มีการส่งส่วนแบ่งเก็บหนี้เพิ่มคืนมาให้ด้วย  งวดสุดท้ายได้เมื่อปี 2546  รวมเวลา 6 ปี   SET50  เปิดที่ 100 จุด  เคยต่ำสุดที่ 40 กว่าจุด วันนี้  เกิน 500 จุดแล้ว หรือ ขึ้นมา  + 400%  จากเริ่มต้น   SET100   ก็เปิดที่ 100 จุด   วันนี้  เกิน 1000 จุดแล้ว หรือขึ้นมา + 900% บรรดากองทุนหุ้นทั้งหลาย  เอาแค่กองที่เปิดมาและซื้อขายหุ้นในกลุ่ม SET50 และ SET100 มีกองไหน ที่ทำกำไรได้ 400 ถึง 900% มั่ง  รับรองว่าไม่มี ไทยพาณิชย์เซ็ท อินเด็กซ์ ฟันด์ (SCBSET)   เปิดจอง 10 บาท ราคาวันนี้  4/12/2549  =  7.1409  บาท หรือ  - 21.5% ดูได้ที่นี่ :    http://www.scbam.com/module/fstable.asp?l=th หุ้นธนาคารพานิชย์  เคยร่วงเหลือ 8 บาทกว่าๆ   จากที่เคยสูงสุด 320 บาท  รัฐต้องเข้ามาอุ้ม หุ้นธนาคารเล็กๆ  ปิดกิจการหรือถูกซื้อไปก็หลายแห่ง เวลาไม่ดี  อะไรๆก็จะไม่ดี  หนีไปไหนไม่พ้นทั้งนั้น การย้ายกองทุน เหมือนหนีเสือ ปะจระเข้  ดิฉันเจอมาแล้ว ตลาดตราสารหนี้  ก็กลายเป็นหนี้เน่า ตลาดตราสารทุน  ก็เละตาม บริษัทเงินทุน      ก็เจ๊งรอบที่สอง  (รอบแรก รอเงิน 10 ปี) จากคุณ : prettypetite - [ วันพ่อแห่งชาติ 02:59:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผู้จัดการกองทุน หุ้นแบบ Active Fund ..... เป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง ได้ข่าวมาว่า เข้ามาวันแรก ก็ล้างพอร์ต เปลี่ยนหุ้นใหม่เข้าพอร์ต เพียบครับ..... จากคนรุ่นก่อน ซื้อแล้วเก็บยาว แต่คนรุ่นใหม่ เปลี่ยนหุ้นตามสภาพตลาดตลอดเวลา ไม่จริง  ผู้จัดการกองทุน  จะสมัยไหนๆ  เหมือนกันเด๊ะ คือถนัดเก็งกำไร ไม่มีการซื้อแล้วเก็บยาว  เพราะถ้าเก็บยาวจริง  แค่ซื้อหุ้นในกลุ่ม SET100 แล้วนั่ง chat กับแฟนแทนการเทรดหุ้น ป่านนี้ มูลค่ากองทุน น่าจะ + หลายร้อย % SET100 ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับ SET  เพิ่งมามีทีหลัง ตอนที่ SET วิ่งมาหลายร้อยจุดแล้ว จากคุณ : prettypetite - [ วันพ่อแห่งชาติ 03:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบคุณธรรมมา7  คือผมจะดูหุ้นจนรู้สึกตึงๆ ก็จะลุกไปปั่นจักรยานโดยไม่ดูเวลาครบตี1ตี2ผมก้ไปปั่นขอให้พอมีเวลาสักชั่วโมงเศษได้   มันเป็ฯการผ่อนคลายที่ดีกับสุขภาพครับ ดึกๆรถสิบล้อไม่มี พวกขี้เมาก้กลับบ้านกันหมดแล้ว อากาศดีที่เดียวครับ  ยิ่งตอนตีสองนี่แจ๋วเลยเงียบสงบขี่ไปคิดอะไรไปเพลินๆอ่ะครับู๘ .................................................................................................... ยินดีอย่างยิ่งครับที่ได้เข้าใจพี่จุกเสียที พูดตรงๆผมมองตอนแรกนึงว่าเข้ามาหาลูกค้า แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว ว่าพี่จุกคือผู้ทรงภูมิด้านนี้จริงๆ  ไอ้ผมหนะรู้มากที่สุดก้แค่เรืองหุ้นครับ เพราะดูมันทั้งวี่ทั้งวันแต่เรืองอื่นไม่ได้เรืองเลย วันนี้พี่จุกได้ให้ความกระจ่าง ทำให้ผมเข้าใจกองทุนในทางที่ถูกเสียที อิอิ เป็นผู้ร้ายในสายตาของผมมาเสียนาน ต่อไปคงได้พูดคุยทักทายกันอีกเรือยๆนะครับ  มีอะไรจะได้รบกวนขอความรู้บ้าง ^_^ .. อืม คุณprettypetite เป็นอีกทานนะครับที่เปี่ยมประสบการณ์ ตอนท่านโลดแล่นอยู่ในตลาดทุน ผมยังเป็นวุ้นอยู่เลย ที่กรุณาเล่ามาน่าสนใจมาก   เดียวขอมาอ่านแล้ววตั้งคำถามที่สงสัยอีกทีนะครับ  ได้เจอผุ้เปี่ยมประสบการณ์ไม่ถามไม่ได้แล้ว  เดียวผมไปสอ่งหุ้นต่อก่อน ใกล้จะเช้าแล้วต้องรีบอ่ะ เดียวตื่นมาจะมา อ่านอ่างละเอียดอีกที คงต้องขอความกรุณาคุณ prettypetite บอกเล่าประสบการณ์อันมีค่าเพือ่เป็ฯวิทยาทานแก่น้องๆบ้างนะครับ^_^ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 05:04:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 กองทุนนี้ต้องบอกก่อนว่าเห็นใจเขาเหมือนกัน เพราะว่าผู้ลงทุนก็ต้องการผลประโยชน์ที่สูง แต่ว่าด้วยข้อจำกัดหลายๆๆอย่าง กองทุนเลยต้องทำสองด้านในเวลาเดี๋ยวกันคือ 1. ต้องทำตามกฏทั้งหมดไม่ให้ผิดกฏ 2. ต้องทำให้เกิดผลประโยชน์มากที่สุดเท่าที่ทำได้ 3. ต้องบริหารเรื่องความโปร่งแสงของการทำงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันคือความผกผันระหว่าง ผลการดำเนินงานกับความโปร่งใสในการทำงานของกองทุน ถ้าคุณต้องการผลประโยชน์ตอบแทนมากๆๆคุณต้องยอมรับความเสี่ยงให้มากขึ้น มีความโปร่งใสน้อยลง ทำผิกกติกาบ้างในบ้างครั้ง คุณต้องยอมรับ แต่ถ้าคุณต้องการความเสี่ยงน้อย งานนี้คุณจะได้เรื่องความโปร่งใส คุณเท่านั้นที่รู้เลือก ผลิตภัณฑ์และทางเลือกของคุณมีมาก มีให้เลือกแล้วเราต้องเลือก ไม่ใช่เราถูกให้เขาเลือก จากคุณ : Myth&Miracle - [ วันพ่อแห่งชาติ 06:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^^ จากคุณ : Mr.Messenger - [ วันพ่อแห่งชาติ 08:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอให้ข้อมูล ล้างภาพ ที่คุณ prettypetite ให้ไว้ เล็กน้อยนะครับ โดยไม่ขออกความเห็นแล้วกันครับ -------------------------- จาก Link : http://www.set.or.th/th/operation/indices/indices_p1.html SET50  เปิดตัวที่ 50 จุด แต่มีการปรับฐานเป็น 500 เมื่อ SET100 ออกมาใช้ครับ ดังนั้น SET50 ปัจจุบัน คำนวณจาก 500 จุดครับ SET100  เปิดตัวที่ 1000 จุด ไม่ใช่ 100 จุดครับ แถม MAI เปิดตัวที่ 100 จุด ครับ SCBSET เปิดตัววันที่ 20 ส.ค. 2539 วันนั้น ดัชนีตลาด (SET INDEX) อยู่ที่ 1,071.41 จุด ปัจจุบันอยู่ที่ 742.45 จุด ลดลง -30.70% แต่ SCBSET -21.5% (ตามที่คุณ prettypetite คำนวณไว้) เพราะมีปันผลจากหุ้นมาช่วยพยุงไว้ด้วยครับ -------------------------- Structured Note ได้ยินแต่ชื่อ ยังไม่รู้ความหมายที่แท้จริงเลยครับ แล้วจะพยายามหาคำตอบมาให้นะครับ จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 08:16:26 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กระทู้นี้ดีจริงๆ ... จากคุณ : KENG76 - [ วันพ่อแห่งชาติ 09:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พอมาอ่านกระทู้นี้ กับกระทู้ที่แตกประเด็นมา ผมรู้แล้วว่าทำไม จขกท.นี้ถึงตั้งกระทู้ข้างล่างนี้ขึ้นมา http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I4930323/I4930323.html เป็นเพราะว่าจขกท.เคยมาแสดงวิทยายุทธเรื่องหุ้นบ่อยมาก แต่คนกลับไปถามแต่ เรื่องกองทุน กับ pjuk ไม่ค่อยถามเรื่องหุ้นกับคุณkhonthai เจอแต่ถามกับคุณ ter2000 akimbo M&M ฯลฯ อ้อ!! ขอเพิ่มคุย(ไม่ได้ถาม)กับหนูขิง ในแต่ละหน้าสินธร มองผ่านอย่างรวดเร็วจะมองเห็น pjuk แต่ไม่ค่อยเห็น khonthai แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 49 09:48:45 แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 49 09:43:40 จากคุณ : MSK Orange - [ วันพ่อแห่งชาติ 09:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ก่อนซื้อก็อ่านเอกสารของเขาก่อนครับ กองทุนไม่ได้มีนโยบายเหมือนกันหมดทุกกอง ถ้ารับได้ก็ซื้อ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องซื้อ ส่วนตัวผมแบ่งเิงินบางส่วนซื้อ JUMBO 50 ครับ เขามีหลักการคัดเลือกหุ้นที่ค่อนข้างชัดเจน  อาศัยความมั่วของผู้จัดการกองทุนน้อยหน่อย อย่างไรก็ตาม กองทุนที่ตั้งก่อนเศรษฐกิจฟื้น คือ Set อยู่ประมาณ 200-300 ถ้ามาถึงบัดนี้ ส่วนใหญ่ก็กำไรเยอะพอสมควร ส่วนกองทุนที่ตั้งก่อนเศรษฐกิจฟุบ ส่วนใหญ่ก็เจ๊งทุกตัว ตอนอ่านเอกสารก็ต้องมีความรู้ทั่วไปก่อนพอควรครับ จากคุณ : อวิรุืทธ์ - [ วันพ่อแห่งชาติ 13:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ถ้ามองกองทุนในมุมมองของผมนะ ............... เป็นเครื่องมือของขาใหญ่เอาไว้รับหุ้นที่เขาจะทิ้ง ไม่ไช่หุ้นเน่า แต่เป็นหุ้นดัชนีนี่แหละ เป็นเครื่องมือของขาใหญ่อีกแหละ ที่จะใช้ดันดัชนีโดยซื้อหุ้นดัชนีซะ เป็นตัวคอยล่อฝรั่งให้ดันหุ้น แต่ตัวเองไม่ดัน พยุงๆๆๆ พอไม้สุดท้าย ไปรับแล้วโทษฝรั่ง ...กองทุนไม่โง่ครับ แต่รับให้ขาใหญ่ไม่ขาดทุน กองทุนขาดทุนไม่เป็นไรเพราะ เศรษฐกิจไม่ดี อะไรๆ ก็ไม่ดี กองทุน ทำเพื่อผู้ซื้อกองทุนจริงหรือ ..... ผจก. กองทุนน่ะเซียนครับ แต่เซียนเพื่อใคร เงินมาล่อใจจากใคร ค่าจัดการกองทุนน่ะ จิ๊บจ๊อย LTF น่ะถ้าครบกำหนดไถ่ถอนแล้ว จะทำไงนะ ตอนนั้นราคาจะไปเท่าไหร่เมื่อขาใหญ่โรยหุ้นหมดแล้ว ........... แต่ SCBSET เล่นตาม SET ก็ไม่น่ามีอะไร แค่เฉลี่ยน้ำหนักให้เท่า เซต เล่นเก่งๆ ไปเล่น TFEX ดีกว่า ... จากคุณ : KENG76 - [ วันพ่อแห่งชาติ 13:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 22 กระทู้กำลังดำเนินไปด้วยดี มีผู้ทรงความรู้เข้ามาบอกเล่าถึงมุมมองในแง่ต่างๆ  ผมไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ ขอตอบคุณ MSK Orange (ขาประจำผมเปลี่ยนชื่อ)สั้นๆตามนี้ คือผมไม่ได้อิจฉา ผมสงสัยแต่เมือฟังแล้วเข้าใจ ผมก้ให้ความเคารพเลือมใสพี่จุก  คุณprettypetite  คุณKENG76  และท่านอื่นๆ เรืองกองทุนเรืองในอดีตเหล่านี้ ผมยังโง่อยู่มาก การได้ฟังหมายทำให้หูตาสว่างขึ้น เห็นแง่มุมใหม่ๆเพิ่มขึ้น ในส่วนการว่าร้ายของคุณMSK Orange (ขาประจำเปลี่ยนชื่อ) เขียนแล้วลบ เขียนแล้วลบ ตบแต่งคำ เป็นการใส่ร้ายผมให้ถูกเกลียดชัง   ผมไม่ได้ตอบปัญหาเรืองหุ้น ใครถามผมก็มักจะให้ไปถามหลังไมค์ ผมเห็นกว่าการพูดมากๆ เป็นการเปิดเผยแนวความคิด จึงหลีกเลี่ยง  ถ้าผมขี้ริษยาอย่างที่คุณMSK Orange (ขาประจำเปลี่ยนชื่อ)  ผมก้แค่ขึ้นกระทู้แจกหุ้นฟันธง ทำไมจะไม่มีคนเข้ามาขอ  ผมฟันธงหุ้นในนี้ไปกี่ตัวเคยมีตัวไหน ไม่ขึ้นหรือไม่ ฝีมือเรืองหุ้นผมเหนือชั้นกว่าที่จะอิจฉาริษยา แกล้งว่าร้าย หรือใส่ร้ายใครครับ เอาหละขอตอบตามนี้พอดีกว่า อยากฟังผู้เปี่ยมวิทยายุทธ ที่โลดแล่นในยุทธจัการ การลงทุนนับสิบๆปีต่อไป ผมว่าแทนที่จะมาจ้องเล่นงาน หรือใส่ร้ายผม เรามาหาคำถามที่ดี ขอความรู้จากท่านผู้รู้กันดีกว่า ริษยาไปก้ไม่ทำให้เราเจริญไปได้  ความรู้ความเข้าใจในส่งที่เป็นไป และเป็นจริงต่างหากที่เป็นประโยชน์ ปล(ผมเขียนทีเดียวไม่ตอ้งลบ ไม่ตอ้งแต่งคำเพราะขียนมาจากใจครับ นับถือ ท่านๆเหล่านั้นด้านบน ผมก้นับถือจากใจ แม้เรืองหุ้นผมจะเก่ง แต่เรืองอื่นๆโดยเฉพาะประสบการณ์ ผมมิอาจจะเทียบขี้เล็บของท่านเหล่านี้ครับ ความกรุณาบอกเล่าแชร์ประสบการณ์จึงเป็นประโยชน์เหลือแสนต่อผมและท่านผู้อ่านอื่นๆ  เราปล่อยสิ่งดีดี เดินต่อไปดีกว่าไหมครับคุณMSK Orange ^_^ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 16:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ฟ้งจากที่คุณprettypetiteเล่าประสบการณ์ให้ฟังนับดูแล้วน่าจะดูในตลาดทุนไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี น่านับถือจริงๆ ผมมีข้อสงสัยใคร่ถามนิดนึงครับ ในอดีตเวลาหุ้นหมดรอบสภาพตลาดเป้นอย่างไรบ้างครับ วอลุ่มคงหดหาย แล้วพวกเจ้ามือปั่นตัวเล็กๆ เค้าทำกันอย่างไรครับ หยุดพักไปนานกี่เดือน  มีการปั่นตัวเล็กๆขึ้นมาเล่นกันบ้างสักห้าหรือสิบเปอร์เซนต์บ้างหรือไม่ครับ รบกวนชี้แนะหนอ่ยครับผม^_^ ...................................................... ความคิดเห็นของคุณKENG76ทำเอาผมอึ่งทึ่งเสียว ในกระทู้ก่อนไปแล้ว กระทู้นี้พูดถึงเรื่องการที่ผู้จัดการกองทุน รับของให้รายใหญ่ ฟังแล้วเห็นภาพเลยครับ เงินเดือนผู้จัดการกองทุนสักเท่าไหร่  ไหนเลยจะไม่รับจ๊อบก้อนใหญ่จากข้างนอกเวลาเจ็งก้ไม่ใช่เงนิตัวเองเสียหน่อย ขณะเดียวกันผลตอบแทนก้ต้องงดงาม เพราะเอาเงินรายย่อยไปรับหุ้นจากรายใหญ่ โบนัสงามแน่ๆ ขอบคุณมากๆสำหรับความคิดเห็นครบ ผมเองปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างทันทีที่อ่านความคิดเห็นคุณKENG76 ในกระทู้ก่อน ตอ้งขอบคุณที่ช่วยเตือนน้องๆให้เล็ดรอดปลอดภัยครับผม^_^ ................................................................. จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 17:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 หมีพูคิดว่าไม่ว่าเราจะลงทุนด้วยตัวเองหรือผ่านกองทุนรวม ใครจะดีกว่าใคร ก็ล้วนมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้นครับ ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าพึงพอใจในผลตอบแทนที่ได้รับมากน้อยเพียงใด ยุคนี้ต้องปรับตัวครับ ผู้ลงทุนมีทั้งเงินหนาและเงินน้อย ถ้าเรามีงบน้อย แถมสายป่านยังไม่ยาวเหมือนคนอื่น แต่อยากลงทุนในหุ้นใหญ่ ๆ เหมือนคนอื่นบ้าง ก็ต้องใช้เงินเยอะ เราก็อาจจะหาทางออกโดยไปซื้อกองทุนหุ้นซะเลย เลือกกองทุนที่เขาเน้นลงในหุ้นตัวใหญ่ ๆ ที่เราชอบ คิดค่าธรรมเนียมถูก ๆ  ก็เท่านั้นเองครับ ถ้าจะทำกำไรก็เพียงแค่ดูดัชนีว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจมั้ย  ส่วนหุ้นตัวเล็ก ๆ ที่เราอยากเข้าลงทุน แต่ควานหากองทุนที่ลงทุนแต่หุ้นตัวเล็กที่เราชอบยากเหลือเกิน คราวนี้แหละ ได้ใช้ฝีมือของตัวเองแล้ว โดยเข้าไปซื้อในตลาดหุ้นเองเลยครับ จะซื้อขายเมื่อไหร่ จะให้เจ๊งคามือตัวเองแบบสะใจ ก็ทำได้ตามใจชอบ หมีพูเองก็มีทั้งพอร์ตส่วนตัวและพอร์ตกองทุน แบบว่าหล่อเลือกได้ ถ้าช่วงไหนไม่มีเวลาดู (งานติดพันยาว) ก็จะเน้นลงทุนในกองทุนหุ้นที่คัดสรรคุณภาพด้วยตัวเองเพียง 1-2 กอง แล้วก็ถือยาวตามสไตล์ของตัวเอง ช่วงไหนถ้าว่างมาก ก็จะลงทุนผ่านพอร์ตส่วนตัวมากหน่อย (เล่นแค่ 2-3 ตัว) ถ้าให้เปรียบเทียบผลตอบแทน ต้องยอมรับว่าพอร์ตกองทุนให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าครับ และต้องอดทน Buy & Hold มากกว่าด้วย จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ วันพ่อแห่งชาติ 17:34:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 17:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมดูจากหุ้นมีความพยายามดันขึ้นเพือ่ขายกันอย่างขนานใหญ่ครับคุณหมีพู  ทำให้เชื่อว่าเมือหมดรอบนี้เซ็ตน่าจะลงยาวๆ ถ้าดูท่าไม่ดี น่าจะกอดเงินสดไว้ก่อนนะครับ อันนี้มองจากมุมคนเล่นหุ้นอย่างเดียวนะครับ อย่างอื่นๆนี่ผมไม่รู้ต้องรบกวนพี่จุกและท่านอื่นๆครับ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 18:11:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สำหรับคนที่ซื้อกองทุนหุ้นตั้งแต่ดัชนีต่ำกว่า 700 จุด ถ้าจะขายทิ้งทั้งหมดตอนนี้ (ดัชนีเกือบ 740) ก็ถือว่าโอเคนะครับ แม้จะกำไรไม่มาก แล้วรอจังหวะดัชนีอ่อนตัวค่อยกลับเข้าไปซื้อคืนมาใหม่ หรืออาจจะขายหมูก็ไม่รู้ด้วยนะ  เอ๊ะๆ ลงทุนในกองทุนแต่ดันเหมือนเล่นพอร์ตหุ้นด้วยตัวเองยังไงก็ไม่รู้แฮะ.... ฮ่าฮ่าฮ่า จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ วันพ่อแห่งชาติ 18:21:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เขียนแล้วลบ ไม่ได้แต่งคำหรอกครับ แต่เห็นสะกดผิด ใช้ไวยกรณ์ผิดเลยเข้าไปแก้ ถ้าไม่เห็น หรือต้องแก้หลายรอบก็เลิกแก้ เช่น ก้ อย่างนี้ผิด ก็เข้าไปแก้ไขเป็น ก็ หรือ เพือ่ ก็จะเข้าไปแก้เป็น เพื่อ หรือ ตอ้ง ก็จะเข้าไปแก้เป็น ต้อง เป็นคนไทยคนหนึ่งเลยอยากให้ภาษาไทยไม่เพี้ยนเท่ที่ทำได้ ตามอ่านของคุณkhonthai ประจำเหมือนกันแต่ไม่เคยแสดงคคห. แต่พอดีเปรียบเทียบกับตอนช่วงก่อนปฏิวัติดูเหมือนคุณkhonthaiจะสำนวนดุเดือด จนเหมือนมีปัญหาโดนยึดอมยิ้ม(จำไม่ได้ชัด) แล้วหลังจากนั้นพอมี.tkตามหลัง ยังรู้สึกเหมือนไม่ใช่คนเดิม อาทิตย์นี้ เริ่มเป็นคนเดิมแล้วล่ะ จากคุณ : MSK Orange - [ วันพ่อแห่งชาติ 19:36:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คลิกส่งไปแล้วกลับมาอ่าน พิมพ์ผิดอีกแล้ว(ผมคนโลว์เทค) ไม่เข้าไปแก้แล้วเดี๋ยวโดนว่าแต่งคำอีก แก้ในนี้แทน บรรทัดที่เจ็ด เท่ เปลี่ยนเป็น เท่า จากคุณ : MSK Orange - [ วันพ่อแห่งชาติ 19:41:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 กองทุนหุ้นจะโดนบีบด้วยเรื่องการถือครองหุ้นว่าทุกวันทำการของตลาดหลักทรัพย์ต้องถือครองหุ้นคิดเป็นเงินจำนวนมากกว่า หรือเท่ากับ 80%ของมูลค่ากองทุน และห้ามถือหุ้นเดียวกันเกิน กี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไป จุดนี้ทำให้กองทุนหุ้นมีความเสียเปรียบอย่างมาก คือตอนตลาดลง มันจะลงหนักกว่าตลาดเพราะถือหุ้นในมือทุกวัน และวันและอย่างน้อย 80% ของมูลค่ากองทุนไม่สามารถ ถือเป็นเงินสดได้ นอกเสียจากเพิ่งตั้งกองทุนใหม่ๆๆๆถอดด้ามเท่านั้น จุดนี้อ่ะ ที่ทำให้กองทุนในช่วงปี 2540 ชิปหาย จากคุณ : Myth&Miracle - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 30 กองทุนหุ้นจะโดนบีบด้วยเรื่องการถือครองหุ้นว่าทุกวันทำการของตลาดหลักทรัพย์ต้องถือครองหุ้นคิดเป็นเงินจำนวนมากกว่า หรือเท่ากับ 80%ของมูลค่ากองทุน และห้ามถือหุ้นเดียวกันเกิน กี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไป จุดนี้ทำให้กองทุนหุ้นมีความเสียเปรียบอย่างมาก คือตอนตลาดลง มันจะลงหนักกว่าตลาดเพราะถือหุ้นในมือทุกวัน และวันและอย่างน้อย 80% ของมูลค่ากองทุนไม่สามารถ ถือเป็นเงินสดได้ นอกเสียจากเพิ่งตั้งกองทุนใหม่ๆๆๆถอดด้ามเท่านั้น จุดนี้อ่ะ ที่ทำให้กองทุนในช่วงปี 2540 ชิปหาย จากคุณ : Myth&Miracle - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คนที่เพิ่งเข้ามาในปี 2541 รวมทั้งบรรดากองทุนที่ตั้งขึ้นมาหลังจากนี้ ไม่มีวันจะรู้ว่า หุ้นตก และกองทุนขาดทุนเละเป็นอย่างไร  เพราะตลาดเป็นขาขึ้นมา 8 ปีแล้ว และยังไม่เคยปรับฐานอย่างจริงจังเลย   จาก 200 กว่าจุดมาถึง 800 จุด SET ขึ้นมา 300 % แม้ว่าตอนนี้จะต่ำกว่า นั่นเป็นเพราะ SET index หมายถึงหุ้นทุกๆตัวบนกระดาน  ซึ่งมีทั้งหุ้นปั่น และหุ้นเน่ารวมอยู่ด้วย เมื่อหุ้นพวกนี้ตกหนัก และไม่ยอมขึ้นอีก ก็ทำให้ถ่วงน้ำหนักลงมา ถ้าดูเฉพาะหุ้นตัวหลักๆ  ราคาสูงตอนนี้ สูงกว่าตอน SET 800  กลุ่มพลังงาน ขนาดราคาลงมาตั้งเยอะ  ราคาตอนนี้ ก็ยังสูงกว่าตอน SET 1700 เสียอีก นั่นหมายถึงว่า กองทุนทั้งหลาย ที่ตั้งขึ้นมาตอน SET ต่ำกว่า 1200 และแค่อยู่เฉยๆ  ก็ไม่ควรจะขาดทุน  เพราะบรรดากองทุนทั้งหลาย  ล้วนแล้วแต่ลงทุนหนักไปทางหุ้นหลักๆ   ให้เทียบกับแค่ SET100 ก็พอแล้ว  ไม่สมควรเอาไปเทียบกับหุ้นทั้งกระดาน   ในอเมริกา ตลาดเคยปรับฐานยาวครั้งแรกในปี 2429 จนถึงปี 2454 นาน 25 ปี จึงตะกายกลับมาที่จุด high เดิมได้  แต่คนรุ่นนั้นได้ตายไปหมดแล้ว  จากนั้นเป็นขาขึ้น 12 ปี อเมริกา ปรับฐานครั้งที่สองจากปี 1966 ถึง 1982 นาน 16 ปี แล้ววิ่งไปพักไป 18 ปี ทำ new high พร้อมกับ IT bubbles ในปี 2000 ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่ขึ้นมาที่เดิม  แต่คนก็ทำเป็นลืมเหมือนกัน ดูแต่ DJ new high เพราะปั่นหุ้น commodities and resorces แทน  รวมขึ้นมาแล้ว 24 ปี ส่วนไทย เพิ่งเปิดตลาดหุ้นในปี 1975 ในช่วงที่อเมริกาเริ่มขึ้น เราตกเละครั้งที่หนึ่ง เริ่มปี 1980 จากการเจ๊งของธุรกิจและหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน ไหลลงมา 70% จาก highest แต่เราวิ่งทำ new high ก่อนอเมริกา 6 ปี  และในช่วงที่เราลงเอาๆๆ จาก 1700 เหลือ 200 กว่า เนื่องจากวิกฤติค่าเงินบาท  หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินเจ๊งเละที่สุด  ช่วงนั้น อเมริกาขึ้นเอาๆๆๆ เพิ่งจะมาสามัคคีกันขึ้นๆ ลงๆ ตามๆกัน เมื่อปี 2003 นี่เอง   ตอนนี้ ฝรั่งกำลังลากๆๆๆๆ หุ้นกลุ่มการเงิน ที่เคยทำให้ตลาดลงเละมา 2 ครั้งแล้วในอดีต  เพราะกลุ่มพลังงาน ทำท่าเข็นต่อไม่ไหว และเจ้า 2 กลุ่มนี้ บังเอิญ กองทุนมีกันเยอะที่สุดด้วยสิ จากคุณ : prettypetite - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:53:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมก้พิมพ์เร็วและผิดบ่อยๆแต่ผมไม่แก้หรอกครับ เสียเวลา เนื้อหาสือ้ได้เป็นพอ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าไม่ได้ จึงแทบจะไม่เคยแก้คำผิดครับ ในส่วนอมยิ้มผมยังไม่เคยโดนยึดเพราะเพิ่งสมัครสมาชิกตอนเพิ่ม.tkนี่ ผมเห็นแย้งรุนแรงผู้มีอำนาจนอกรัฐธรรมนูญก็กลุ่มยึดอำนาจนี่แหละ ซึ่งตอนนั้นมีการสั่งขัง กกต. เพือ่ให้ขาดคุณสมบัติ ผมเห็นว่าเป็นเรืองสกปรก จึงออกความคิดเห็นต่อว่าอย่างรุนแรง ผมไม่ชอบอิทธิพลมืด ยิ่งตอนหลังนี่ยึดอำนาจ ใส่พวกพ้องเข้าไปแสวงหาประโยชน์ผมยิ่งรับไม่ได้ ผมจึงแสดงความคิดเห็นค่อนข้างแรง ซึ่ง่จะโดนก้คงคราวนี้เพราะ พวกที่ว่ายึดประเทศเปลี่ยนการปกครองไปเรียบร้อยแล้ว ถึงโดนยึดหรือโดนจับผมก้ยินดี เพราะผมได้แสดงออกถึงความรักชาติ และเป็นหนึ่งเสียงที่พูด พูด พูดแม้ตัวเองจะเดือดร้อนก้ตาม สรุปสั้นๆว่าผมไม่เคยเปลี่ยนครับ เชืออะไรโดยสุจริตใจ เป็นเชื่ออย่างนั้น ยกเว้นว่าจะได้รับความรุ้ใหม่ๆ อั้นนี้ผมจะเปลี่ยนอย่างกรณีย์กองทุน เป็นโจรมาเสียนาน ตอนนี้ผมเริ่มยอมรับขอ้จำกัดมองเค้า เทาขึ้นครับไม่ดำปี่อย่างเคย ผมว่าคนเราให้เชื่อมั่นตัวเอง แค่ไหน ก้ต้องฟังสังคมรอบข้างบ้าง  ในส่วนคนอ่านเพือ่พิสูจน์เรตติ้งสงสัยต้องตั้งกระทู้แจกหุ้นฟันธง สักกระทุ้เสียแล้ว จะได้เห็นกันเสียที ว่าคนเชื่อในหุ้นฟันธงผมแค่ไหน  เดียวนะให้มีใครว่ามาสักคนสองคนก่อน ผมจะตั้งกระทู้แจกหุ้นจริงๆ เอาสักกระทู้อ่ะ คนอย่างผมจะไปอิจฉาคนอื่นทำไม สิ่งที่ผมรู้ ที่ผมอ่านได้ ผมอ่านกราฟได้ลึกกว่ามาก   คนอื่นแค่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น น่าจะเป็นอย่างนี้ แต่ผมอ่านกราฟได้ถึงขนาดรู้แน่นอนว่าหุ้นจะขึ้นหรือไม่ขึ้น แบบชัดเจน  แล้วผมไปอิจฉาคนอื่นที่รู้น้อยกว่าผมก้บ้าแล้วครับ (อย่าถือว่าขัดแย้งเลยนะครับคุณMSK Orange ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจะติ บ้างจะสวนบ้างถือว่าแค่ความคิดเห็นครับ ไม่มีโกรธเคืองอะไรอ่ะ)^_^ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เหตุผลที่ว่านี่สำคัญที่เดียว ไม่เจ็งก้คงต้องเจ็งนะครับคุณMyth&Miracle พี่prettypetite กรุณามาเล่าให้ฟังแล้ว ขอบคุณมากครับพี่ ผมกำลังรอฟังอย่างใจจดจ่อครับ เคยอ่านของเฮียคลายเครียด เล่าให้ฟังบางกระทู้ถึงตลาดช่วงนั้นผมอ่านแล้วคิดว่าน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ วันนี้ได้ฟังของจริงจากพี่prettypetite อีกมุมมองนึงขอบคุณจริงๆครับ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 34 น่าจะเอามาทบทวน ปัญหาการตอบในกระทู้ ดีที่ไม่รู้จักตัวกัน http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I4934717/I4934717.html#16 5555 จากคุณ : ชอบของถูก - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:58:14 A:124.120.82.87 X: TicketID:109035 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านรายละเอียดการขึ้นลงของ DJ ได้ที่นี่ http://www.generationaldynamics.com/cgi-bin/D.PL?s=90q6Hc&d=ww2010.i.djia จากคุณ : prettypetite - [ วันพ่อแห่งชาติ 21:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณพี่สาวคนสวย ความเห็นพี่น่าฟังเสมอ ขอบคุณ คุณkhonthai.tk ที่ช่วยถามแทนให้ พักนี้เริ่มสงสัยแบบนี้อยู่เหมือนกัน ดูเหมือนคนไทย (~khonthai.tk ) ลืมง่ายกันจัง ผมยังจำคุณลุงจากทองผาภูมิเอาอุจจาระไปราดตัวเองหน้าแบงก์ได้ลาง ๆ จากคุณ : ชอบของถูก - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:08:10 A:124.120.82.87 X: TicketID:109035 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ทักทายคุณชอบของถูกครับ ^_^ ขอบคุณครับพี่prettypetite เค้าเก็บไว้ละเอียดดีนะครับ การขึ้นลงตามรอบของตลาด รอบๆนึงกินเวลาพอสมตควรเลย แล้วเวลาที่มีการทรุดตัวลงหละครับ ผมเข้ามาปลายปี47 ไม่ทันเห็นตอนต้นปี  เห็นแต่กราฟที่ถอยลง ถอยลงอย่างน่ากลัว  ตอนที่เซ็ตยุบตัวจาก1700 จุดนี่มันโกราหลปันป่วนกันแค่ไหนครับพี่   แล้วความแตกตื่น มันกินระยะเวลากี่เดื่อนครับ ว่าจะมีการการซื้อขายกันตามปรกติ ช่วงที่กราฟมันลงเอา ลงเอา ผมอยากรู้จริงว่าตอนนั้นผู้คนคิดหรือบ่นกันว่าอย่างไรบ้าง เสียดายนะครับ ไม่มีการเก็บข้อมูลจากเวปบอร์ดเอาไว้ให้ค้นคว้าหามาอ่าน  ถ้ามีก้ดีเลยจะสะท้อนความคิดของคนในยุดช่วงเวลานั้น มันน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี  เพราะเวลาคนกลัว  เวลาคนกล้า จะยุคไหนสมัยไหน ก็น่าจะเหมอืนกันคือขึ้นอยู่กับความกลัว ความกล้า กับสภาพในช่วงนั้นๆ อยากรู้จริงๆครับ ว่าตกใจกันนานแค่ไหน กี่เดือนที่คนแทบจะไม่มีอันทำมาหากินกัน ตรงนี้อยากรู้มากๆครับผม^_^ มปรกติ ในวอลุ่มที่บางเบา ขนาดไหน จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:18:48 ]

ความคิดเห็นที่ 38 การที่กองทุนset ทำได้แค่เกาะไปกับset แสดงถึงผู้จัดการกองทุนไม่มีฝีมือแล้วครับ เพราะกองทุนจะต้องรวมdividenเข้าไปด้วยปีละ 4-5% เพราะฉนั้นผลตอบแทนกองทุนจะต้องหนีห่างออกจากsetไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เกาะไปกับsetเช่นนี้ จากคุณ : pongto - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:20:29 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พอดีเลยกระทู้นี้ ตั้งกระทู้ถามไว้ครั้งก่อนไม่มีใครตอบ ปัจจุบัน ถ้ากองทุนมีข้อจำกัดว่าต้องถือหุ้นไว้ 70 % ตลอด และคาดว่าหุ้นจะลงแน่ๆ จะใช้วิธี short set future indexใน TFEX เป็นการลดความเสี่ยง ได้หรือไม่ครับ จากคุณ : a (anitjung) - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:20:37 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ anitjung จะได้เห็นเร็วๆ นี้ครับ คุณ pongto ดูกราฟผลตอบแทนปีนี้แล้วกันนะครับ และคำตอบอยูที่ ความคิดเห็นที่ 17 แล้วด้วยครับ จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ Pjuk จากความเห็นที่ 17 SCBSET เปิดตัววันที่ 20 ส.ค. 2539 วันนั้น ดัชนีตลาด (SET INDEX) อยู่ที่ 1,071.41 จุด ปัจจุบันอยู่ที่ 742.45 จุด ลดลง -30.70% แต่ SCBSET -21.5% เพราะมีปันผลจากหุ้นมาช่วยพยุงไว้ด้วยครับ ------------------------------ ปี 39 ถึง 49 10 ปี SCBSET ชนะ setแค่ 9.2%  หมายความว่า ได้ปันเฉลี่ยแค่ปีละ 0.92% เท่านั้นหรือครับ  นี่ยังไม่นับผมตอบแทนทบต้นจากปันผลนะครับ จากคุณ : pongto - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 42 กองทุนมีค่าใช้จ่ายด้วยนะครับ คงไม่ได้เล่นกันฟรีแน่นอน เล่นหุ้นอย่าลืม บวกค่าคอมอีก 0.25% หน้าหลัง SCBSET ก็เป็นกองทุน ที่ทำให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีตลาด แต่ไม่ใช่จับดัชนีตลาดมาเป็นกองทุน การคำนวนดัชนีตลาด คงไม่ได้ใช้ค่าคอม ซื้อ-ขาย หุ้นมารวมด้วยอย่างแน่นอน แต่ใช้ราคาหุ้นมาคำนวนเท่านั้น SCBSET ไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์จากผู้ลงทุน ที่จะเก็บมาจ่ายค่าซื้อหุ้น แต่ใช้วิธีการบริหารเงินสด จากการ Balance ผู้ซื้อ และผู้ขายกองทุน รวมถึงเงินสดรับจากปันผลด้วยครับ จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ----------------- เล่นหุ้นอย่าลืม บวกค่าคอมอีก 0.25% หน้าหลัง ----------------- ดูผลตอบแทน 10 ปีย้อนหลัง เป็นการเทียบว่าถือยาว 10 ปี จึงมีแต่ค่าคอมซื้อครั้งเดียว 0.25% -------------------------- กองทุนมีค่าใช้จ่ายด้วยนะครับ คงไม่ได้เล่นกันฟรีแน่นอน --------------------------- ถ้าซื้อกองทุนแล้วถือยาว  ผลตอบแทนน้อยกว่าซื้อหุ้นเองแล้วถือยาว แล้วเหตุผลที่ควรจะลงทุนในกองทุนรวมมากกว่าลงทุนเองคืออะไรครับ  ในเมื่อพูดเป่าหูกันปาวๆ ว่าให้ผู้เชี่ยวชาญดูแลเงินของคุณดีกว่า นี่แหละครับ คำตอบที่ผมอยากได้ ผมหาคำตอบนี้มานานแล้วว่าใครจะตอบให้ผมได้ ผมพบว่า พวกเราถูก บลจ. และ ตลาดหลักทรัพย์ หลอกมาตลอดว่า ให้ลงทุนในกองทุนรวมโดยถือระยะยาว แล้วจะได้ผลตอบแทนดี แต่ไม่ได้บอกพวกเราว่า ผลตอบแทนจะดีกว่าถ้าเราซื้อ BIG CAP แล้วถือไว้ให้ยาวอย่างเดียวกัน โดยเฉพาะSCBSET ผู้ที่ถือยาว เสียเปรียบผู้ที่Tradingแน่นอน เพราะต้องแบกภาระค่าธรรมเนียมซื้อขายที่ตัวเองไม่ได้ซื้อขายด้วย จากคุณ : pongto - [ วันพ่อแห่งชาติ 23:20:59 ]

ความคิดเห็นที่ 44 SCBSET ถึงมีค่าธรรมเนียมการขายคืนแค่ 0.1+vat ไงละครับ จะได้ Trade ให้สะใจแทน Trade หุ้น ที่เสีย เข้า+ออก ไปเลย 0.5% SCBSET ทำขึ้นมาเพื่อตามดัชนี ผลลัพท์ ก็คือวิ่งตามดัชนี แล้วเมื่อรู้ว่าดัชนีตลาดมีขึ้น มีลง แล้วจะอยู่รอให้ลงไปตามดัชนีทำไมละครับ ถ้าลงต่ำๆ แล้วซื้อ เมื่อขึ้นจนพอใจแล้วขาย ก็เก็บกำไรได้ง่าย และเร็วกว่าเล่นหุ้นเองเพราะเผื่อกำไรที่ได้ไว้แค่ 0.107% ก็ไม่ขาดทุนแล้ว แต่ถ้าเล่นหุ้นเองต้องเผื่อกำไรไว่ก่อน 0.5% ถึงจะรอดตัว ไม่เช่นนั้นค่านายหน้ากินเรียบ หรือถ้าจะเล่นแบบดักกินปันผล ไม่อยากให้ปันผลหายไปกับค่าใช้จ่าย เพียงแค่ซื้อก่อนฤดูจ่ายปันผลของหุ้น แล้วพอหมดฤดูขายทิ้งซะก็กำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าจะเล่นแต่หุ้น Big Cap ก็ต้องหนีไปซื้อกองทุนที่เป็น Active Fund แทนครับ เพราะ SCBSET มีหุ้นทุกกลุ่ม ไม่ได้เอาแต่หุ้นใหญ่มาวิ่งให้ชนะดัชนี เล่นหุ้นรายตัว 10 ปี ไม่ขายเลย ก็แย่เหมือนกันละครับ หุ้นที่ว่าดีๆ มี Volumn เยอะๆ จ่ายปันผลงามๆ ถึงวันนี้ก็หนาวๆ ร้อนๆ ไปหลายตัวเหมือนกัน หุ้นแบงค์ หุ้นพลังงาน ที่ว่าแน่ เจอปี 40-41 ไปก็ตายสนิทเหมือนกัน กว่าจะปลุกให้ฟื้นได้ ก็อาศัยหุ้นปั่น ซื้อๆ ขายๆ มาหลายรอบแล้วนะครับ เล่นหุ้นกินปันผล บางปีไม่จ่ายปันผลซะงั้น ก็เจอมาหลายตัวนะครับ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 49 23:41:45 จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 23:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 45 นอนดีกว่า... พรุ่งนี้ทำงานต่ออีกครับ... Z..z..z จากคุณ : pjuk - [ วันพ่อแห่งชาติ 23:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณพี่ prettypetite มากครับ ทำให้ได้มุมมองใหม่ๆ จากประสบการณ์ของพี่ มากๆเลยครับ ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่ทำให้มีกระทู้ดีๆ เกิดขึ้นครับ จากคุณ : JChai - [ 6 ธ.ค. 49 00:02:21 A:10.122.63.101 X:203.155.94.129 TicketID:087120 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณพี่จุก พี่prettypetite และท่านอื่นๆทุกท่านมากนะครับ ได้ฟังเห็นมุมมองที่แตกต่างบ้าง ทำให้กบน้อยอย่างผมได้เปิดหูเปิดตาบ้าง คำถามบางคำยังดังอยู่ในหัวผมกับเพื่อนๆในนี้อีกหลายท่านคิดอย่างไรก้คงขบไม่ออกเพราะไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น ไม่เคยผ่านมา ตอ้งอาศัยพี่ๆผู้ทรงภูมิ ช่วยบอกเล่าเป็นอุทาหรณ์ครับ ผมเข้ามาพันทิพได้หลายเดือนแล้ว เพิ่งเห็นคนเก่งๆที่ซ่อนตัวอยู่ก็ช่วงหลังๆนี่เอง ถึงว่าสิครับเวปการลงทุนอันดับ1 จะไม่ยอดเซียนซ่อนอยู่ได้อย่างไร เพียงแต่ไม่ได้ส่งเสียงออกมาเท่านั้น  คนเก่งก้คือคนเก่งครับ แค่อ่านที่เขียนมาก้ทึ่งแล้ว หวังใจว่าจะได้รับฟังสิ่งดีดีอย่างนี้เพิ่มเติมจากพี่ๆนะครับ ขอบคุณคับ^_^ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ 6 ธ.ค. 49 01:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 48 . แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 49 03:43:38 จากคุณ : khonthai.tk - [ 6 ธ.ค. 49 01:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขออถัยครับ ผมลืมไปกระทุ้นี้ควรจะพูดแต่เรืองสร้างสรรค์ ดันมือไวไปนิดครับ คลิ๊กแตกประเด็นไปคนละเรือง ซึ่งไม่ถูกตอ้ง ขอโทษครับ ยังอยากฟังความคิดเห็นดีๆ ของพี่ๆผู้รู้อีกต่อไปอ่ะครับ^_^ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ 6 ธ.ค. 49 03:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เราก็เล่นทั้งกองทุนรวมแล้วก็หุ้นนะ ในความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่ากองทุนรวมก็ดีนะสำหรับผู้ที่มีเงินในบัญชี เป็นเงินออมทรัพย์ซึ่งดอกเบี้ยจะน้อยมาก ทำให้เขาได้มีทางเลือกที่จะมีความเสี่ยงน้อยด้วย แล้วก็ได้ซื้อ scbsff ไว้เหมือนกัน คุณ khonthai ลองดูสักหน่อยก็ได้นะ จากคุณ : new stock - [ 6 ธ.ค. 49 09:01:43 ]

ความคิดเห็นที่ 51 แวะมาขอบคุณ คุณคนไทย ที่เป็นคนมีน้ำใจนักกีฬ่า เคารพความคิดเห็นของคนอื่น และโต้แย้งอย่างสร้างสรรค์ นับถือค่ะ...โหวตให้ จากคุณ : แพธารา - [ 6 ธ.ค. 49 12:28:59 ]

ความคิดเห็นที่ 52 สำหรับคนที่วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานก็ไม่ได้ วิเคราะห์ทางเทคนิคก็ไม่เป็น กองทุนรวมน่าจะดีกว่า จากประสบการณ์ของตัวเองได้ผลตอบแทนดีกว่า เล่นหุ้น SET ขึ้น แต่หุ้นที่ถืออยู่ไม่ขึ้นตาม แต่เล่นกองทุนรวม ดู SET INDEX อย่างเดียวเลย ช่วงไหนลงหนัก ๆ ก็เข้าไปซื้อ ช่วงไหนขึ้นมาก ๆ ก็ไปขาย สำหรับช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นปกติ ไม่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ อย่างเมือ 10 ปี ก่อน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร จากคุณ : perunya (perunya) - [ 6 ธ.ค. 49 13:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 53 โหวตให้เหมือนกัน รู้อะไรเพิ่งเติม และก็งงกับอะไรนิดหน่อย แต่โหวตละกัน ----------- เพิ่มเติม มีใครใจดี แบ่งความรู้วิธีการ/จังหวะการซื้อขาย/การดูตลาดในการที่จะลงทุนซื้อ กองทุน SET มั้งไหมอะค่ะ เอามาแบ่งๆ หน่อย ไม่กล้าซื้อสักที - - แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 49 13:41:54 จากคุณ : chanitha_s - [ 6 ธ.ค. 49 13:14:50 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เล่นกับเส้นดัชนี SET ด้วย SCBSET เริ่มจากการสร้าง ฐานของราคา ก่อนครับ โดยไม่ต้องมาก หลังจากมีจุดเริ่มต้นแล้ว การผลิกผันตามสถานะการณ์จะตามมาเองครับ จะเพิ่มทุน หรือลดทุน ตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ถ้ารอ อาจจะต้องรอไปเรื่อยๆ ครับ จากคุณ : pjuk - [ 6 ธ.ค. 49 14:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ต้องขอโทษคุณแพธาราด้วยครับ ผมมองกองทุนเป็นผู้ร้ายมาตลอดสองปี เพิ่งเข้าใจเหตุผล หลายอย่างจากผู้รู้หลายท่านที่นี่ทำให้รู้ว่า กองทุนไม่ถึงกับเลวร้าย อย่างที่ผมคิดเป้นความเขลาไม่รู้ของผมเอง ตอนนี้ปรับทัศนคติแล้วครับ กองทุนก็เป็นเหมือนกับเราๆท่านๆ มีขาว มีดำ มีเทา เค้าไม่ใช่ผู้ร้ายเพียงคนเดียว ความโลภของทุกคนต่างหาก ต่อไปจะขยันอ่านขยับฟัง ให้มากขึ้นอคติให้นอ้ยลงครับผม พูดก็พูดเถอะนะ ที่พันทิพนี่คนเก่งๆเยอะจริงๆ ถามอะไรตอบได้ เล่าอะไรที่เราฟังแล้วถึงอึ้งไปเลยอ่ะครับ ประสพการณืเหลือหลายครับ ^_^  ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ให้คนรุ่นหลังครับผม เหลืออีกจิ๊ดเดียวคืออารมณ์คน ทั้งรายใหญ่และผู้เล่น หลังจากเกิดวิกฤติ1700จุด  กับรอบปี46 ไม่รู้ว่ารุนแรงแค่ไหน ยาวนานแค่ไหน  สถานการณ์ตอนนั้นเป้นอย่างไร หวังว่าจะได้รับฟังเพ่มเติมจากพี่ๆผุ้รู้ต่อไปอีกนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับผม%๘ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ 6 ธ.ค. 49 17:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าเรามีเงิน 1,000,000 บาท ซื้อ กองทุน ตอนดรรชนี SET = 700 คิดคร่าวๆ สมมุติ กองทุนราคา 7 บาท ได้มาจำนวน 142800 หน่วย เมื่อ SET สูงขึ้น 10 % คือ ขยับขึ้นมาเป็น 770 เราขายหน่วยลงทุนไป หักค่าคอมแล้ว ได้เงินมา 1,099,000 คือกำไร  99000 เปรียบเทียบกับ การซื้อ SET50 Future ด้วยเงิน 100,000 บาท เก็บฝากแบงค์ไว้ 900,000 สมมุติว่า SET50Future = 500 เมื่อ SET =700 และ      SET50Future = 550 เมื่อ SET =770 เงิน 100000 ซื้อได้ 2 สัญญา เมื่อขายตอน SET = 770 (เพิ่มขึ้น 10 %) ได้ gain 50 จุด คิดเป็นเงิน (กำไร) = 50x1000x2 = 100,000 บาท หักค่าคอม แล้วจะเหลือ 98,000 จะเห็นว่า ทั้งสองวิธี ได้กำไร( หรือขาดทุน) ใกล้เคียงกัน แต่ซื้อ SET50F  เรามีเงินเก็บอยู่กับตัว ตั้ง 900000 ได้ดอกเบี้ยออมทรัพย์ เพิ่มขึ้นได้ และสามารถ เอาไปใช้กรณีฉุกเฉินได้ (แต่ไม่ควรเอาไปใช้ลงทุน  เพราะต้องสำรองไว้ สำหรับกรณี หุ้นตก) จากคุณ : Mudady - [ 6 ธ.ค. 49 18:05:11 ]

ความคิดเห็นที่ 57 SET ไหลลงจากครั้งแรก 400 เหลือ 100  ลงมา 75% ดิฉันล้าง port ไปก่อนแล้ว  แต่เงินไปจมอยู่กับพวกเครดิตฟองซิแอร์ เพราะไปฝากไว้ หวังดอกเบี้ยสูง  รอเงินคืน 10 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย  =  เจ๊งพอกับคนที่ติดหุ้น ก็หาเงินใหม่มาเล่น  SET ทรุดลงจาก 1700  นี่ก็ไม่ติดหุ้นเพราะขายล้างพอร์ตเหมือนกัน แต่ขาดทุนกองทุนไป 20% เพราะบนราคาบนกระดานจะต่ำกว่า NAV ประมาณ 10% SET ลงต่อร่วม 200 จุด  แต่กลุ่มการเงินกลับขึ้นไปทำ new high ราคา warrants ตัวละหลายร้อย  นักลงทุนประสานเสียงว่า new high ต้องซื้อเพิ่ม  พวกที่ดังๆเรื่องหุ้น บอกว่ากลุ่มนี้น่าซื้อ แม้จะพูดผิดกลับขาวเป็นดำเรื่อง SET จะไป2000 จุดมาแล้ว แต่คนก็ยังเชื่อ   ต่อมา มีกองทุนตราสารหนี้ เมื่อหุ้นลงหนัก ก็ซื้อรวดเดียวด้วยเงินทั้งหมดที่เตรียมจะซื้อ เวลาขายก็ขายหมด แบบล้างพอร์ต  แล้วก็โยกเงินไปไว้ในตราสารหนี้   วันร้ายคืนร้าย ตอนเช้าวันศุกร์ สิ้นเดือนมิถุนายน 2540  ดิฉันเข้าไปซื้อหุ้นเต็มพอร์ต แต่กองทุนตราสารหนี้ปิดตัวเองแบบกระทันหันตอนเที่ยงครึ่ง  ก็เลยถอนเงินมาจ่ายค่าหุ้นไม่ได้ บ่ายตลาดเปิด นักลงทุนตกใจ ทิ้งหุ้นลง floor ก็จำใจขายขาดทุนที่ floor ไป 70%  เหลือ 30% เอาเงินฉุกเฉินจ่าย เพราะมั่นใจหุ้นขึ้นแน่นอน   และวันจันทร์  หุ้นก็ขึ้นยกกระดาน 3 ลิ่งติดกัน แต่ สังหรณ์ใจพิกลว่าเงินไทยลดค่า แล้วหุ้นดันขึ้นแรงได้อย่างไร มันผิดสังเกตุ พอครบเดือนก็ล้างพอร์ต สั่งโบรกออกเช็คเงินสด ไม่ยอมฝากเป็นตั๋วเงิน แต่เลยไป 2 วัน ไม่มีใครส่งเช็คมาให้ ก็ไปตามทวงตอนเช้า ได้รับคำตอบว่าเช็คอยู่ในห้องผู้จัดการที่ออกไปข้างนอก ให้มาเอาตอนบ่าย ปรากฎว่า บ่าย โบรกถูกปิดไปพร้อมอีก 56 แห่ง ตกลงว่า เงินที่ขายหุ้น เอาออกมาไม่ได้ โบรกอ้างว่า ได้ออกตั๋วเงินบริษัทในชื่อดิฉันตามคำสั่ง คำสั่งใครฟะ ??   ตกลงว่า  พอเงินในตราสารหนี้ติด หุ้นที่ซื้อต้องตัดขาย floor ขาดทุนไป 7.5% ของเงินต้นทุนรวม  ได้กำไร 40% จากที่เอาเงินฉุกเฉินลง = 11.5% - 7.5% = 4% ของต้นทุนรวม แค่ 4% ต่อปี มันไม่พอยาไส้ มิหนำซ้ำ คือไม่ได้ต่างหาก เพราะติดอยู่ที่ธนาคารกรุงไทย ต้องไปถอนเงินฝากประจำออกมาใช้ โดนหั่นดอกเบี้ยไปมากกว่า 4% หมดกันเลย ตกลงว่า ปี 2540 ใช้เงินเก่า  ปี 2541 ก็ยังต้องใช้เงินเก่า จากทุน 100% ต้องหักคืนบัญชีฉุกเฉิน 30% หักคืนบัญชีฝากประจำ 20%  เงินทุนก็เหลือแค่ครึ่งเดียว   555  นี่คือเมืองไทย ดิฉันลงทุนในหุ้นมีกำไร แต่จะไปขาดทุนทั้งทางตรง และทางอ้อม เพราะสาเหตุวิกฤติทางการเงินทุกครั้ง  ซึ่งจะทำให้บรรดากองทุนทุกประเภท  เกิดปัญหา และขาดทุนได้   สำหรับการลงทุนกับกองทุนรวมต่างประเทศนั้น เราจะต้องคำนึงถึงอัตราแลกเปลี่ยนด้วย และที่เห็นๆ  กองทุนดัชนีหุ้น มักจะเป็นรูปแบบกองทุนปิด ประกันเงินต้น แล้วเปิดขายเป็นรอบ  รอบละ 3 ปี และ 5 ปี  ครบรอบก็ปิดไปเลย   ตอนนี้ เห็นที่ UOB ออกกองทุน ตามรูปแบบของธนาคาร Barclays ของอังกฤษเดี๊ยะเลย แต่เป็นกองทุนที่ลงทุนกับ ดัชนีหุ้นกลุ่ม Bluechip ของ DAX เยอรมัน  คือเป็นกองทุนปิดระยะ 3 ปีและ 5 ปี ปลอดภาษี ไม่มีค่าบริการ และรับประกันเงินต้น จากคุณ : prettypetite - [ 6 ธ.ค. 49 18:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 58 จากที่พี่prettypetiteกรุณาเล่าให้ฟังแสดงว่าเราไม่เพียงต้องเล่นหุ้นให้ดี เราตอ้งระวังอย่างอื่น  นอกจากนั้นด้วย คือไม่ใช่กลัวถูกเจ้ามือโกงหรือเอาเปรียบ แต่เราตอ้งระวังระบบและผู้คนเอาเปรียบเสียด้วย พี่prettypetiteชนะเซ็ต ชนะหุ้น แต่ก้แพ้ความอยุติธรรมและความล้มเหลวของระบบ   อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจระบบ ขอบคุณครับ ผมว่าตลอดเวลาอันยาวนานพี่ คงมีอะไรสนุกๆ มาเล่าหรือเคยเล่าเอาไว้อีกมาก  ผมเพิ่งเข้ามา และได้อ่านนิดหนอ่ย หวังว่าคงได้ฟังได้อ่านเพิ่มขึ้น เวลายี่สิบปีในตลาดหุ้น ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุดหลายเหตุการณ์ มีนอ้ยคนมากๆที่เล่นจิรงๆแล้วเล่นต่อเนืองเต็มที่แล้วยังคงเหลืออยู่ได้ ส่วนใหญ่ที่ผมสังเกตุเห็นจะดีแค่ขาขึ้น หลังจากนั้นก้ล่มจมไปกับตลาดขาลง  ผมเองแม้ว่าจะชนะตลาดตลอดเวลา แต่นึกคร้ามในใจ ถึงอะไรหลายอย่างที่ผมยังไม่รู้ไม่เคยเจอ ผมเชื่อคนเก่งในอดีตมี แต่พวกเค้าหายไปไหน ที่แท้ต่อให้เก่งเพียงใด ก้มีอันเป็นไปได้ง่ายๆ วันนี้ผมเจออีกคนนึงแล้วครับ คือพี่prettypetite นับถือครับ^_^ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ 6 ธ.ค. 49 23:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอกลับมาเรืองผลตอบแทนจากกองทุนรวมซักนิดนะครับ ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เลวร้ายเลยนะ ขอยกตัวอย่างกองทุนหุ้นของบลจ.อเบอร์ดีนละกันนะครับ มี 3 กองได้แก่ 1. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน โกรท (ABG) ตั้งเมื่อ 18/7/40 2. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส (ABSL) ตั้งเมื่อ 2/3/47 3. กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ (ABSM) ตั้งเมื่อ 7/7/48 (ผมเอามาทุกกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยแล้วนะครับ จะได้ไม่มีปัญหาว่าเลือกมาโชว์แค่บางกองหรือเปล่า) และผมจะเทียบผลตอบแทนกับดัชนีผลตอบแทนรวม ตามลิงค์นี้นะครับ http://www.set.or.th/th/info/statistics/tri.html จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องปันผล เพราะกองทุนไม่มีการจ่ายปันผล ส่วนดัชนีก็รวมผลตอบแทนจากปันผลไปเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากผมไม่สามารถหามูลค่าย้อนหลังของหน่วยลงทุนไปได้ไกลนัก ผมขอใช้ข้อมูลสิ้นปี 2547  เป็นฐานในการเปรียบเทียบผลตอบแทนก็แล้วกัน NAV ของกองทุนบลจ. อเบอร์ดีนเมื่อสิ้นปี 47 ตามลิงค์นี้ครับ http://www.aberdeen-asset.co.th/aam.nsf/ThailandThai/Funds&PricesFundsandPrices?opendocument&year=2547&month=11&days=30 ABG  = 26.7269 ABSL = 10.5867 SET TR = 2432.59 SET50 TR = 2599.20 เมื่อวันที่ 4/12/49 NAV เป็นดังนี้ครับ http://www.aberdeen-asset.co.th/aam.nsf/ThailandThai/Funds&PricesFundsandPrices?opendocument&year=2549&month=11&days=04 ABG  = 40.1327 ABSL = 15.7499 SET TR = 2945.38 SET50 TR = 3168.41 ผลตอบแทนจากการถือ ABG ประมาณ 2 ปี เท่ากับ 50.16% ส่วน  ABSL         เท่ากับ 48.77% ผลตอบแทนของ SET TR      ประมาณ 2 ปี เท่ากับ 21.08% ส่วน SET50 TR  เท่ากับ 21.90% สำหรับตัว ABSM ผมเริ่มเปรียบเทียบจากวันแรกตั้งเลยละกัน 7/7/48 ครับ ABSM = 10 SET TR = 2391.73 SET50 TR = 2555.05 วันที่ 4 ที่ผ่านมา ABSM มี NAV = 13.8575 ผลตอบแทนจากการถือ ASM ประมาณ ปีครึ่ง เท่ากับ 38.58%   ผลตอบแทนของ SET TR  เท่ากับ 23.15% ส่วน SET50 TR  เท่ากับ 24.01% ผมคิดว่าผลตอบแทนที่กองทุนทั้ง 3 กองทำได้ชนะตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญนะครับ แต่ว่าถ้าได้ลองดูผลตอบแทนเทียบกันทั้งหมดทุกกอง ทุกบลจ. จะเห็นได้เลยว่าผลตอบแทนของแต่ละกอง จะเกาะๆกันในแต่ละบลจ. (บลจ.เดียวกัน ผลตอบแทนจะไม่หนีกันมาก ) ดังนั้นผมคิดว่าถ้าจะบอกว่ากองทุนดี/หรือไม่ดีอย่างไร น่าจะพูดกันเป็นกองๆหรือเป็นบลจ.ไปนะ ขอบคุณที่ทนอ่านมายืดยาวครับ แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 49 00:31:32 จากคุณ : kab - [ 7 ธ.ค. 49 00:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คุณคนไท เคยได้ยิน  กำ อี้ ดีกว่า กำ ตรด ไหมครับ? ลงกองทุน เหมือน กำ อี้  อย่างไร ก็ได้เนื้อ มากน้อยตามวาระ ลงทุนหุ้น เหมือน กำ ตรด  คือ ประเหมาะเคราะห์ ดีจะได้ กาก ตรด ตามมาด้วย แต่ถ้าโชคร้าย ก็ได้ แต่ลม ขออภัยไม่ได้ดูถูกการลงทุนในหุ้น แต่ ดูที่ความชัวร์ของเงิน ที่กลับมาในมือ  กองทุน ขี้หมู ขี้หมา ก็มีมามากกว่าฝากแบงก์ กินดอก ถ้าเลือกดีๆ  ความเสี่ยง น้อยกว่า หุ้น แต่ ความเสี่ยงน้อย โอกาสน้อย กว่าครับ จากคุณ : หมูทุบ (pork) - [ 7 ธ.ค. 49 02:39:02 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ้าวกองทุนหุ้นเหรอ โทษที   กองทุนมีหลายแบบ  ผมก็ซื้อ แต่ผมซื้อกองทุนที่เล่นตราสาร กับพันธบัตร หุ้นนั้นให้แม่ซื้อ เพราะเสี่ยง อิอิ (อันนี้ล้อเล่น เพราะซื้อตอนถูกรอขายตอนแพง , แต่ให้แม่ขายไปแล้วมั้ง ไปซื้อ กอง 3 เอ็ม ของ AYF แทน ) ตรงนี้ผมประกันความเสี่ยง เลยซื้อกอง ตราสาร และพันธบัตร  ตาม กำอี้  ครับ จากคุณ : หมูทุบ (pork) - [ 7 ธ.ค. 49 02:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 62 จริงๆหุ้นมันไม่ได้เล่นยากเลยนะครับ ถ้าเห็นว่าไม่อยากเสียงเราสามารถเล่นเป็นรอบได้ ฝรังนักลงทุนระยะกลางเค้าก้เล่นเป็นรอบกันทั้งนั้นครับ ผมว่าดีกว่าลงทุนผ่านกองทุนนะ  ยกเว้นว่าไม่มีความรู้เรืองหุ้นจริงๆ คงต้องพึงกองทุน เพราะอย่างน้อยก้ดีกว่าเล่นเองขาดทุน แต่ข้อเสียคือส่วนใหญ่เราเล่นแบบนักพนัน ชอบเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ผมเชือ่ว่าพี่พี่ที่เก่งๆในนี้ก้เล่นเป็ฯรอบกันส่นใหญ่ มันปลอดภัย ไม่ต้องเฝ้ามากและไม่เสี่ยงครับ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ 7 ธ.ค. 49 02:51:57 ]

ความคิดเห็นที่ 63 คุณkabอุตส่าห์ไปค้นหาข้อมูลมาให้เปรียบเทียบ เป้ฯเรืองดีออกครับ คนจะเล่นกองทุนจะได้พิจารณา  พูดจริงๆถ้าเล่นหุ้นไม่เป็นเล่นกองทุนก้จะดีกว่าเล่นเอง ยกเว้นว่าพอดูกราฟออกอ่านแนวโน้มได้ อันนี้ควรเล่นเอง คนมีหลากหลายบางคนพอเล่นเป็นบางคนแม้แค่กราฟก็ยังอ่านไม่ได้ กองทุนก้เป็นอีกทางเลือกนึงที่เสี่ยงน้อยกว่าครับ จากคุณ : khonthai.tk (khonthai.tk) - [ 7 ธ.ค. 49 03:40:05 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เยี่ยมครับ โหวตให้ จากคุณ : พ่อโปรเจ็กต์ - [ 7 ธ.ค. 49 08:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ต่ออีกนิด ดี ไม่ดี ขึ้นอยู่กับ ความสามารถของแต่ละคนในการเล่นด้วย ไม่จำเป็นต้องเอาเกณฑ์อะไรมาชี้วัดเลย วัดกันจากผลตอบแทนจริง ๆ จากประสบการณ์นี่แหละ หลายคนเป็นเซียนเล่นเองผลตอบแทนดีกว่า เพราะมีเครื่องมือช่วยเยอะ มีเวลาติดตามข่าว มีความสามารถในการวิเคราะห์  แต่บางคนไม่มี อาจจะเพราะไม่มีเวลาติดตามข่าว ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูล วิเคราะห์ไม่เป็น เลือกกองทุนรวมสบายใจกว่า ผลตอบแทนดีกว่าเล่นเอง เพราะคนที่เล่นหุ้นเองไม่ใช่ทุกคนที่จะสร้างผลตอบแทนได้เท่ากับดัชนี หรือชนะดัชนีเสมอไป กองทุนแม้จะสร้างผลตอบแทนได้น้อยกว่าตัวชี้วัดหรือเสมอตัวชี้วัด แต่บางทีก็สร้างผลตอบแทนให้คนหนึ่งคนมากกว่าที่คนหนึ่งคนจะเล่นได้เองในตลาด แต่สำหรับคนที่เป็นเซียนหุ้นแล้ว จากคุณ : perunya - [ 7 ธ.ค. 49 13:46:43 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ... จากคุณ : Green Turbo - [ 7 ธ.ค. 49 21:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 7 ธ.ค. 49 23:52:46 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ดิฉันอยู่ในตลาดมาตั้งแต่ ธนาคารกรุงเทพยังไม่เข้าตลาดเลยค่ะ  เริ่มต้นด้วยทุน 20000 บาท และไม่เคยเติมเงินเพราะถือว่า การเล่นหุ้น คือความเสี่ยงสูง รอบแรก  ต้นทุนก็คืนหมดแล้ว  แต่กำไร  รวมทั้งเงินเก็บออมแทบทั้งหมดในชีวิตขณะนั้น ไปติดอยู่กับพวกสถาบันการเงินที่เจ๊ง  กว่าจะ clear เรื่องได้เกือบ 2 ปี  และรอรับเงินคืนแค่ปีละ 10% นานร่วม 12 ปีนั่นแหละ   ต้องรับทราบกันว่า ดอกเบี้ยธนาคารไทยในขณะนั้นสูงกว่า10% ต่อปี  เท่ากับว่า 10% ที่ได้คืนก็แค่ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าตลาด ไม่ใช่ได้เงินต้นคืนแต่อย่างใด นั่นคือ ในระยะยาว 12 ปี  กำไรทั้งหมดที่ได้จากหุ้น ไม่มีเหลือเลย   แต่ก็ยังดีกว่าคนที่ติดหุ้นแล้วเหลือแค่ใบหุ้น ในช่วงนั้น ไม่ค่อยจะมีคนที่มีวัยใกล้ๆดิฉันเข้ามาเล่นหุ้น  ถ้าเล่นหรือซื้อกองทุน ก็ติดหุ้น จึงไม่มีเงินสดเหลือให้ติด จากนั้นอยู่ที่โชควาสนาจะพาไป  หุ้นบางตัวก็ฟื้นได้กำไร บางตัวก็ขาดทุน บ้างเหลือ 0 เหตุการณ์เจ๊งหุ้นมโหฬาร โดยเฉพาะการติดเงินยาวนานนับ 10 ปี ในช่วงนั้น จึงไม่ค่อยมีคนรู้ หรือไม่ก็ตายไปแล้ว ดิฉันไม่เล่นหุ้นปั่น และหนีเอาตัวรอดก่อนใกล้จุดเดือด  คำว่าติดหุ้น  จึงไม่เคยปรากฎในประวัติศาตร์การเล่น   มีแต่คำว่า ขายหมู เป็น LOGO ประจำตัว   และตั้งแต่มีลูก ก็ไม่ได้ทำงาน และไม่มีคนเลี้ยงดู  จึงต้องเอากำไรทั้งหมดออกมายังชีพ ปีไหนติดขัด ต้องเอาเงินต้นออกมาใช้ด้วยซ้ำ จึงไม่อนุญาติให้ตัวเองติดหุ้น กองทุนจะดีก็แค่ในช่วงที่ตลาดเป็น super BULL เพราะมีต้นทุนเยอะ จึงกระจายซื้อได้หลายตัวและเฉลี่ยราคาได้ แต่เมื่อไรที่ตลาดเป็น Big Bear กองทุนจะติดหุ้นและขาดทุนกอง  นักลงทุนต้องจำใจ cut loss ขายเหมาหุ้นทั้งกอง ไม่สามารถคัดหุ้นดีๆบางตัวเก็บไว้ได้ และไม่สามารถเปลี่ยนตัวหุ้นด้วย   ถ้าไม่ขาย  มีสิทธิ์ติดกองทุนจนส่งมอบเป็นมรดกลูกได้ จากคุณ : prettypetite - [ 8 ธ.ค. 49 16:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณครับพี่prettypetite ประสบการณ์ยาวนานผ่านร้อนผ่านหนาว มาอย่างโชกโชนเลย คคห.ของพี่มีประโยชน์มากๆ ช่วยเปิดโลกทัศน์ของผม ให้ได้มองออกไปจากกะลาใบน้อยอายุ2ปีนี้ ผมนึกตามประโยคที่พี่ว่า ตลาดหุ้นขึนต่อเนืองยาวนานหลายปี ตอ่เนืองไม่มีการพักตัวหรือยุบตัวจริงๆจังๆเลย เห็นภาพเลยครับว่าผู้เล่นในช่วงนั้นคิดอย่างไรกับตลาดหุ้น แล้วสิ้นสุดรอบนั้นจะมีคนล้มละลาย ขายตัวไปเท่าไหร่ บางทีโชคลาภที่มากเกินไปก้แฝงมาด้วยอันตรายอย่างใหญ่หลวง อีกประเด็นที่พี่prettypetite กรุณาเล่ามาแล้วผมขนหัวลุกเวลาฟังคือตอนที่เราชิงขายหุ้นออกไปแล้ว แต่โนดึงเงินไว้ สุดท้ายไม่สามารถดึงเงินออกมาได้ อันนี้น่ากลัวสุดๆครบั มันแสดงให้เห็นว่าต่อให้คุณชนะตลาดได้ แต่คุณก้ไม่สามารถเอาชนะความฉ้อฉลของคนได้ วันดีคืนดีเล่นหุน้กำไรอยู่ดีดี เงินถูกล๊อกหนีไม่ออก จากรวยๆกลายเป็นจนไปในทันทีทันใด น่ากล้วเหลือหลายครับ จากประสบการณ์ของพี่ เหมือนชี้จุดนึงให้เห็นและให้ระวังที่สำคัญมากๆ คือ "ไม่ว่าบริษัทอะไร สถานบันการเงินไหนมันก้เจ็งได้ทั้งหมด ไม่เลือกที่" ขนาดเครดิตฟองซิเอ ที่พี่นำเงินเข้าฝากเรพาะคิดว่าเป็ฯสภานบันการเงินที่มั่นคง อยู่ๆยังเจ็งแล้วอมเงินฝากเราได้เป็นปีปีหลายๆปี จิรงๆอยากจะเรียกว่าโกงนั้นแหละครบ เก็งกำไรกันด้วยความโลภพอเจ็งก็เดือดร้อนผู้ฝากเงินให้รับเคราะห์ อย่าเชือเลยครับว่าบริษัทไหนมั่นคงแล้วไม่ล้ม เวลาสิบปีนี่อะไรก้เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ผมนึกถึงบีษัทประกันนะ ผมว่าถ้าเกิดสงครามเกิดวิกฤติอะไรสักอย่างเงินออมในนั้นอาจจะดโนขังในแบบนี้บ้างก้ได้ เงินควรอยู่กับรเน่าจะปลอดภัยที่สุด ถ้าลงทันก้ต้องหยุดเมือสภาการณ์ไม่อำนาย ไม่งั้นถึงกำไรหุ้นให้ตายก้อาจจะเกิดหายนะได้ ในชั่วข้ามวัน จากคุณ : khonthai - [ 8 ธ.ค. 49 22:14:09 A:58.64.123.104 X: TicketID:121012 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สิ่งที่ผมได้คิดแล้วจะจำไว้ระวังคืออย่าไว้ใจ ระบบ อย่ารอให้ถึงที่สุด มีอะไรให้ขายทิ้งย้ายเงินไปไว้ในที่ๆปลอดภัย ผมว่าพวกฝรังมันฉลาดนะ รู้ดีว่าความผันผวนจะเกิดขึ้นรู้ว่าตรงไหนจะปลอดภัย เออ อีกประเด็นครับเกือบลืม ที่พี่พูดถึงว่าช่วงที่ตลาดตกจราก1700จุด มีการขึ้นแบบไร้เหตุผล ซึ่งตรงกันกับตอนนี้ครับ ประเทศถูกยึดอำนาจ การปกครองถูกเปลี่ยน รัฐธรรมนูญถูกฉีก รัฐบาลใหม่ไม่มีประสิทธิภาพบริหารงานไม่เป้น มองไปทุกทางประเทศเราถอย แต่ในทางกราฟอ่านได้ว่าเซ็ตจะขึ้นและขึ้นต่อเนือง ผมว่าไม่ต่างกันแน่ๆ กับรอบ1700จุด ผมเองเตรียมตัวอยู่ตลอด ทันทีที่พวกทิ้ง ผมจะทิ้งแล้วหยุดเล่นด้วยเช่นกัน ผมเชือว่าจะมีการเซ็ตขึ้นโดยต่อเนือง แต่จะมี่การสล้บตัวเล่น ได้กำไรกันไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่ใครไม่ออกเมื่อหมดรอบหายนะมาเยือนแน่ๆ ประสบการณ์ที่พี่prettypetiteกรุณาเล่ามา ฟ้องกับที่ผมมองเห็น นี่คือการลากขึ้นเพือ่ขายของฝรั่งครับ ผมเห็นตั้งแต่วันที่28เดือน9แล้วว่ามันจะทำนิวไฮ แล้วก้จะนิวไฮ ไปเรือยๆ จนสุดท้ายพวกนักเทคนิค กับแมงเม่าที่กำลังหลงดีใจที่เล่นได้กำไรในช่วงนี้ ถูกเผาวอดไปกับกองไฟอีกครั้ง คงมีคนเสียหายไปเยอะพอสมควรกับรอบนี้ จากคุณ : khonthai - [ 8 ธ.ค. 49 22:44:21 A:58.64.123.104 X: TicketID:121012 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คนส่วนใหญ่ อ่านแต่กราฟเทคนิค ขาดการแอพพลาย มองดูแต่แนวรับทางเทคนิคว่าหลุดหรือยัง หลุดทิ้งไม่หลุดถือ อยากจะพูดเหลือเกินว่าสุดท้ายไอ้ไม่หลุดๆนี่แหละตายหยังเขียดครับ่ (ขออภัยใส่ความคิดส่วนตัวออกมาเยอะหนอ่ย)แต่ผมคิดอย่างนั้นจริง ที่เห็นว่าตัวเองพอเล่นได้บ้างเสียบ้างนั้น ตัวเองไม่ได้เก่งหรือเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยเพียงแต่ตลาดมันกำลังถูกดันขึ้นเท่านั้น กว่าจะรู้ตัวว่าด้อยความสามารถหายนะก้มาเยือนเสียแล้ว ท่านที่เป็นแมงเม่าหลงแสงสีพึงระวังไว้ครับ เตือนด้วยความหวังดี รอบก่อนคุณเพิ่งเจ็งมาหยกๆ แล้วตอนนี้ที่เล่นได้คุณเก่งขึ้นแล้วหรือ หรือว่าไม่ใช่แล้วอะไรทำให้คุณเล่นได้เล่า พึงระวังความโลภ จะพาหายนะมาสู่ครับ ถ้าความสามารถคุณไม่ถึงจริงๆ เล่นหุ้นอย่าใช้แค่อ่านกราฟว่าน่าจะขึ้นหรือน่าจะลง หลุดหรือไม่หลุด แล้ววัดดวง แบบนั้นมันนักพนันครับ และนักพนันในตลาดหุ้นเล่นได้บ้างก้จริงแต่สุดท้ายศพไม่สวยสักคนอ่ะครับ จากคุณ : khonthai - [ 8 ธ.ค. 49 22:45:24 A:58.64.123.104 X: TicketID:121012 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ผมมีความเห็นคล้อยตามคุณ khonthai ค่อนข้างมาก แต่ก็อยากเสริมมุมมองจากประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ ที่พอมี การจะตัดสินว่า กองทุนดีหรือไม่ดี คงต้องดูที่พื้นฐานของแต่ละคนด้วย กองทุนอาจจะเหมาะกับคนประเภทหนึ่ง และสถานะการณ์หนึ่งๆ  แต่สำหรับคนที่มีประสบการณ์บ้าง ผมมองว่ากองทุนมีจุดอ่อนเยอะเหมือนกันสำหรับคนเล่นหุ้น รายวัน ที่กองทุนไม่ได้พูดถึง ในมุมมองของฐานะรายย่อย ผมคิดว่ารายย่อย ไม่ควรเล่นหุ้นตามทฤษฎีแบบกองทุน กล่าวคือ นักวิชาการ มักพูดถึงการกระจายความเสี่ยง ในฐานะรายย่อย เราไม่มีทางทำได้ดีเท่ากองทุน เพราะฐานเงินไม่เท่ากัน ถ้าคิดจะลงทุนหุ้นแบบกระจายความเสี่ยง ก็ซื้อกองทุนดีกว่า ดังนั้นในฐานะรายย่อยเราต้องมองหาความได้เปรียบให้เหมาะกับฐานเงินที่เรามี คือความคล่องตัว เราสามารถลดความเสี่ยงได้ไม่แพ้หรืออาจดีกว่ากองทุนซ้ำ โดยเราสามารถทุ่มเงินทั้งหมดลงไปในหุ้น 2-3 ตัวที่ดีที่สุดของตลาด ณ. เวลานั้นๆ ได้ ในขณะที่กองทุนทำไม่ได้ การที่กองทุนต้องซื้อหุ้นหลายตัวเพราะมีปริมาณเงินเยอะ ถ้ามองโดยเนื้อแท้อีกมุมหนึ่งก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงได้เหมือนกัน เช่นทั้งๆที่รู้ว่า หุ้นกลุ่มธนาคารยังไม่ดีนัก แต่ก็ต้องซื้อเก็บใน port เพื่อให้ port ถ่วงตามดัชนี เรามีความคล่องตัวที่เราจะออกจากตลาดหรือเข้าตลาดได้ทันที ในขณะที่กองทุนทำไม่ได้ หลายครั้งที่ผมอึดอัด ขายกองทุนตอนเช้าเพราะเห็นตลาดกำลังขึ้น แต่ตอนบ่ายกลายเป็นขาลงฉิบ นี่คือความเสียเปรียบของกองทุนต่อรายย่อย เพราะรายย่อยที่ขายกองทุนในวันนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า กำลังขายได้ราคาดีกว่าเมื่อวานหรือไม่ เรื่องระยะเวลาการรับเงินที่ขาย บางกองทุนต้องรอถึง 5 วัน ซึ่งบางครั้งทำให้เสียโอกาส ในขณะที่รายย่อยสามารถทำ net โดยโยกไปเข้าตัวอื่นได้เลยทันที ในเวลาที่ตลาดเป็นขาลง เนื่องจากขนาดของกองทุน ทำให้การถอนตัวจากตลาดทำได้ช้า เพราะยิ่งเร่งขายก็ยิ่งฆ่าตัวเอง ในขณะที่รายย่อยที่มีวินัย สามารถออกได้ทันที จากคุณ : ปุถุชนคนไทย - [ 9 ธ.ค. 49 10:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 73 สำหรับผู้ที่ บอกกับตัวเองว่าไม่รู้เรื่องการลงทุน ไม่ว่าเชิงพื้นฐานหรือทางเทคนิค จึงเหมาะจะลงทุนผ่านกองทุนนั้น ผมเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ต้องสนใจภาวะตลาด หรือเศรษฐกิจเลย อย่างที่คุณคนไทยแสดงความเห็น ใน คห 70 ผมมีความรู้สึกอย่างเดียวกัน ว่า ตอนนี้ดัชนีกำลังถูกลากขึ้นไปเพื่อขายของ ของเงินลงทุนต่างชาติ หลังจากจมเงินจำนวนมหาศาลในตลาดหุ้นไทยไว้ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังไม่สามารถเอาออกไปได้ เพราะโอกาสไม่ให้ ต่างชาติพยายามผลักดันดัชนีมาหลายครั้งตั้งแต่ก่อนปฏิวัติแต่ไม่สำเร็จ ด้วยเพราะเดี๋ยวหวัดนก เดี๋ยวโรคซาร์ น้ำท่าม น้ำมันแพง การเมือง รวมทั้งความเจ็บปวดของรายย่อย ตอนดัชนีร่วงจาก 800 ที่ทำให้ยังกลัวๆกันอยู่ ตอนนี้ถึงแม้ในเชิงเศรษฐกิจดูเหมือนยังไม่น่าไว้วางใจ แต่ทุกอย่างดูสงบนิ่ง เอื้อต่อการปฏิบัติการ อย่างยิ่ง ใจผมยังคิดว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะถูกจุดเป็นพลุอย่างแรง และควรจะเกิดก่อนการเลือกตั้งที่จะมีด้วยซ้ำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความวุ่นวายทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ภาวะตอนนี้จึงเป้นการค่อยๆดันดัชนีเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากแมงเม่า ผมจึงตั้งเป้าว่า วันใดที่ผมเห็น volume ถูกดึงขึ้นมา ห้าหก หมื่นล้านอีก นั่นแหละเป็นวันที่ผมจะล้าง port ทั้งหมดทิ้ง จากคุณ : ปุถุชนคนไทย - [ 9 ธ.ค. 49 10:43:22 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เห็นตรงกันเลยครับ ช่วงใดที่วอลุ่มหนาแน่นมากๆ ผมจะขายแล้วยืนดูเหมือนกัน เซ็ตผมเชื่อว่าจะขึ้น ขึ้น ขึ้นจนคุณๆงงกันเลยว่ามันขึ้นมาได้อย่างไร รู้เหตุผลอีกทีก้ตอนติดหุ้นอ่ะครับ ตลาดในภาวะไซเวย์ปรกติ รายย่อยที่ไม่เก่งไม่มีทางทำกำไรได้ง่ายๆแบบช่วงนี้ แต่ที่ง่ายเพราะเค้าอยากให้ได้กำไรกันบ้างจะได้มีกำไรใจถือหุ้นติดดอยครับ ฉนั้นระวังติดดอยนะครับ ยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับฟังความคิดเห็นคุณปุถุชนไทยครับ เวลาและจังหวะเห็นตรงกันอย่างยิ่งครับผม^_^ จากคุณ : khonthai - [ วันรัฐธรรมนูญ 01:15:32 A:58.64.109.64 X: TicketID:121012 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผมเป็นคนเล่นหุ้นที่ค่อนข้างขี้เกียจเอามากๆ ไม่ค่อยได้เก็บข้อมูลหรือศึกษาข้อมูลอะไรละเอียด หรือลึกนัก จึงไปไหนไม่ได้ไกล ก็กระท่อนกระแท่นอยู่แถวนี้ เพียงแต่ยังอยู่รอดไม่ตาย แต่ไม่โต ผมไม่แน่ใจว่าผมกำลังพาออกนอกประเด็นของกระทู้หรือไม่ แต่พอดีมาพบคนที่มองคล้ายกัน จึงอยากแลกเปลี่ยน โดยไม่อยากไปเปิดกระทู้ใหม่ (ความขี้เกียจมาอีกแล้ว) จึงต้องขออภัย จขกท ด้วย มีนักวิเคราะห์ บอกว่า ตอนนี้ port ต่างชาติด้านค่าเงิน มีกำไร ราว 14% ใช่ไหมครับ แต่ไม่รู้ว่าหุ้นเท่าไหร่ แต่นั่นเป็นเพียงตัวเลข static ซึ่งผลคิดว่าไม่น่าจะสูงพอที่ ต่างชาติ จะเริ่มต้นขายอย่างจริงจัง ถ้าจำไม่ผิด(ถ้าผิดก็ช่วยแก้ด้วย)  เที่ยวที่หุ้นหล่นจาก 800 ลงมาราว 650 +/- นั้น ต่างชาติขายออกมา เพียง สี่ หรือ ห้าหมื่นล้าน นั่นแปลว่าหุ้นตกลงมา ราวยี่บสิบกว่า% ผมพยายามจินตนาการ อยู่ว่าต่างชาติจะมีเทคนิคอย่างไรในการขายของออกมา โดยไม่ให้ฝูงชนแตกตื่นเร็วเกินไป เพื่อจะได้ปล่อยของให้มากที่สุด ก่อนดัชนีจะลงไปสู่จุดที่ไม่ต้องการขาย เพราะยิ่งมีหลายคนคาดการณ์ ในสิ่งที่คิดไว้นี้ แรงแย่งกันขายจะออกมามากเร็วกว่าที่คิด อาจจะใช้วิธีซื้อบ้างขายบ้าง เพื่อให้รายย่อยเริ่มชิน กับภาพการขายชอง ต่างช่าติ ลบภาพที่เมื่อก่อนเห็นแต่ซื้ออย่างเดียว ในช่วงหลังๆนี้ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าไม่รู้ ผมรู้สึกว่าช่วงระยะหลังนี้ ต่างชาติซื้อหุ้นแบบประคองดัชนี มากกว่าการซื้อเพื่อผลักดัชนีเหมือนอย่างตอนแรกๆ เพราะคงเรียนรู้ว่าผลักดัชนีขึ้นเร็วเท่าไหร่ แรงขายยิ่งออกมาเร็วและแรงเท่านั้น เพราะมาจากประสบการณ์ความกลัวในอดีต บางทีถ้าเรารู้ต้นทุนของต่างชาติเที่ยวนี้อยู่ตรงไหนก็คงดี หรืออย่างน้อยรู้ค่าเฉลี่ยของset เมื่อ weight ด้วย  net buy/sale ของต่างชาติว่าอยู่ที่ตรงไหนย้อนไปสักสองปี แต่ไม่รู้จะหาข้อมูลนี้จากไหน เพราะอย่างที่บอกไม่ได้ชอบหรือพยายามเสาะหา แต่คิดดูอีกทีก็ไม่จำเป็นต้องรู้เพราะการปฏิบัติการต้องอยู่ที่โอกาสและจังหวะ เพราะไม่จำเป็นต้องทำให้จบภายในรอบเดียว แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 49 10:23:25 จากคุณ : ปุถุชนคนไทย - [ วันรัฐธรรมนูญ 10:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ลองไปอ่านสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับรายย่อยที่ซื้อกองทุนหุ้นดู http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I4949384/I4949384.html จากคุณ : prettypetite - [ วันรัฐธรรมนูญ 12:42:18 ]

ความคิดเห็นที่ 77 จากเดือน July หุ้นขึ้นมาพร้อมกับค่าเงิน กลุ่มธนาคารตัวใหญ่ๆ กระดานต่างประเทศ  กลุ่มที่ดิน รับเหมา และอื่นๆที่ต่างชาติชอบ ขึ้นมาแล้ว 25-35% กลุ่มเรือเทกอง ขึ้นมา 60% ถึง 80% Hedge Funds ที่เล่นสั้น แค่ 5 เดือน ตอนนี้กำไรรวมค่าเงินไม่ต่ำกว่า 30%  คิดว่าน้อยหรือเปล่า?? จากคุณ : prettypetite - [ วันรัฐธรรมนูญ 12:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เห็นด้วยทุกประการ ครับ คุณ prettypetite ผมจึงบอกว่าแม้แต่รายย่อย ที่ถูกพร่ำสอนเสมอว่า ถ้าไม่มีเวลา ถ้าไม่รู้เรื่องการลงทุน ก็ให้กองทุนทำงานให้นั้น รายย่อยก็อย่าวางใจ ว่าอยู่ในมือของมืออาชีพแล้วหลับหูหลับตาถือไปสิบปี ยี่สิบปี โดยหวังผลตอบแทนที่สวยหรุ รายย่อยยังต้องเรียนรู้และติดตาม ให้รู้ทันเหตุการ์เหมือนที่เรากำลังคุยคาดการณ์กันอยู่ว่ากำลังจะเกิดอะไร ขึ้น ส่วน ใน คห 77 ก็เห็นด้วยว่ามันขึ้นมาเยอะ แต่ผมคิดว่า(เป็นความรู้สึกส่วนตัวไม่มีข้อมูลยืนยัน เพราะไม่เคยตามเก็บข้อมูล) มันไม่ใช่ตัวเลขต้นทุน ต้นทุนเขาควรมี margin ต่ำกว่านั้น แต่ผมไม่รู้เป็นเท่าไหร่ ผมคิดที่ผมพร่ำอยู่นั้น ก็พร่ำไปตามภาษาคนสมองอยู่ว่าง คิดเรื่อยเปื่อย  ว่าถ้าอย่างนั้นถ้าอย่างนี้ ก็เพื่อหาว่าเมื่อไหร่จึงเหมาะที่เขาจะลงมือ ถึงแม้คุณ prettypetite แสดงข้อมูลให้เห็นว่า อัตรากำไรปัจจุบันสูงแล้ว แต่ก็ยังมีข้อมูลบางอย่างที่ยังขาดอยู่ทำให่ไม่รู้ว่า มันถึงจังหวะเหมาะหรือยังที่จะลงมือ อย่างเช่นมีคนให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน ต่างชาติ ถือหุ้นที่เป็น free float ในตลาดถึง หกสิบกว่า%  ถ้าข้อมูลนี้ถูกต้อง ผมจินตนาการไม่ออกว่า มันควรจะต้องถ่าง gap ของกำไร ให้กว้างเท่าไหร่ และ volume ที่มารับจะต้องมีขนาดไหน ระยะเวลาที่จะใช้ปฏิบัติ ซึ่งถ้าเขาเริ่มใช้วิธีเทขายออกมาตรงๆได้ทัน ก่อนที่ราคาจะลงลึกและไม่ทำให้ตัวเองขาดทุน เพราะการไหลของราคา ผมเชื่อว่าคนที่มีข้อมูลแท้จริงจะสามารถคำนวณได้คร่าวๆ หลังจากเรื่อยเปื่อย ในบรรทัดสุดท้ายผมจึงสรุปกับตัวเองได้ว่า การปฏิบัติการขึ้นอยู่กับโอกาส จังหวะ  และสถานะการณ์  การมีหลายๆตัวแปร ทำให้ผู้ที่จะลงมือคุมบางอย่างไม่ได้ เมื่อมองไปข้างหน้า แล้วถ้ายังไม่เห็นโอกาสหรือความเป็นไปได้ที่จะลากไปถึงจุดที่ต้องการ  บางทีอาจต้องตัดสินใจทำเท่าที่ทำได้แล้วแต่โอกาสจะอำนวยก้เป็นได้  ครับ จากคุณ : ปุถุชนคนไทย - [ วันรัฐธรรมนูญ 20:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 79 พวกกองทุนหุ้นระยะยาว  เขาจะถือหุ้นนานเป็นสิบๆปี  ไม่ได้ขายทิ้งทั้งหมด  เพียงแค่ปรับพอร์ต  เช่น ครึ่งปีที่แล้ว เห็นบางกองทุน ทิ้ง PTT ทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่หุ้นเดียว เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่า free float จะสูงถึง 60 กว่า%  ก็ใช่ว่าเขาจะต้องหาวิธีขายให้หมด  เขาก็ขายแบบ short  พอลงมากๆก็ซื้อคืน  เห็นกองทุนต่างชาติไม่เคยถือเงินสดเกิน 20% เลย  หมายถึงเขามีหุ้นต่ำสุด 80% ตลอดเวลา จากคุณ : prettypetite - [ 11 ธ.ค. 49 11:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ต้องโหวตให้หน่อยแล้ว จากคุณ : supercc - [ 12 ธ.ค. 49 14:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ชอบสำนวน ดอกเห็ดผุดในหน้าฝน... จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 12 ธ.ค. 49 14:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณความเห็นที่เป็นประโยชน์อย่างสูง ของพี่prettypetite และคุณปุถุชนไทยครับ ทำให้มุมมองผมเห็นกว้างขึ้นอีกเยอะครับ^_^ จากคุณ : khonthai.tk. (khonthai.tk.) - [ 17 ธ.ค. 49 13:28:32 ]