ต้องขอบใจเจ้ากระทู้เดิม และที่มาต่อประเด็นเพราะมีลูกศิษย์เมล์มาคุย หลายคน เลยคัดลอกกระทู้นี้มาใหม่ พร้อมแก้ไขคำผิดให้ดูเข้าใจขึ้น
.........ถูกต้องครับ เมื่อเกิดเหตุ และเหตุนั้นเป็นวิกฤต รายใหญ่เขาคิดแล้วว่าไม่ดี แต่เขาจะไม่ใช่หน้าที่ (จำไว้ว่า เขาจะไม่ใช่หน้าที่) ดังนั้น ในวันที่เกิดวิกฤต หรือ ณ เวลาที่เกิดวิกฤต เขามองในสิ่งที่เป็นหน้าที่เป็นอาชีพของเขา (คือการเอากำไรในโอกาสวิกฤตนั้นๆ เดี๋ยวนั้น ทันที จำไว้ว่า เดี๋ยวนั้นทันที ไม่ใช่รอไปก่อน อีกหลายข้ามคืน) เพราะหน้าที่คนเล่นหุ้นคือ แสวงกำไรจากตลาด คนที่เล่นแบบอิงข่าวพื้นฐานจะลงมือช้ากว่าคนเล่นทางเทคนิค หรืออิงข่าวเพื่อเก็งกำไร ไม่ต้องมาเถียงกันว่า นโยบายนั้นดีหรือเลว ณ เวลานั้นๆ (ไว้พูดทีหลังไง ซึ่งทีหลังคนก็พูดมากกันแล้ว พูดทุกคน จนหลายคนที่รู้เรื่องแล้วเขาอ่านแล้วก็เบื่อ) สิ่งสำคัญคือ เอาวิกฤตทันควันนั้นลงมือ จะลงมืออย่างไร บางคนเขาทำเป็นคู่มือไว้ติดกระเป๋าแล้ว ว่า หากเกิดราคาลง กี่เปอร์เซนต์ แบบรายตัว ต้องทำอย่างไร หรือแบบลงทั้งตลาดต้องทำอย่างไร ทำ 1 ต่อ 2 ตาม 3 ข้าม 4 ไป 5 เลยหรือ ต่อ 4 ข้าม 5 6 ไป 7 อย่างงี้เรียกว่า ฉกเอาวิกฤตเป็นโอกาส ในเวลานั้นสมควรขายหมดหรือไม่ สมควรซื้อเต็มสูบหรือไม่ หากไม่แน่ใจแต่ราคาลงแบบนั้นๆ ต้องลงมือกี่เปอร์เซนต์ ต้องทำอะไรสักอย่างไม่ซื้อก็ขาย อย่านิ่ง ๆ
บางเหตุการณ์ต่อเนื่องข้ามวัน แต่รายใหญ่จะไม่ลงมือต่อเนื่อง ทุก ๆ วันตามต่อจากวันนั้น เพราะศัตรูคือ รายใหญ่อื่นๆ ที่รู้ตามมา จะลงมือทำขัดขวาง (เช่นกำลังจะลากขึ้นก็เจอรายใหญ่ใหม่มาทุบขาย น่ารำคาญ) ดังนั้น ตีเหล็กตอนร้อนจะได้เนื้อดีเข้ารูปดีกว่าตอนเย็น น้ำขึ้นไม่รีบตัก พอน้ำลงก็เหลือแต่เลนเหลว ไร้ค่าซะแล้ว
วันที่ 19 คนที่รู้ข่าวตอนเย็น วันที่18 เขาเตรียมขายทุกราคา MP (ราคาตลาด)ให้มากสุดหมดใน 4 ไม้แรก จากนั้นรอ แล้วซ้ำเติมไม้เล็ก ๆ ตามไป แบบอัฟเตอร์ช๊อก(ถ้าเป็นรายใหญ่ที่มีพลังจะขายเหลือเล็กน้อยไว้ทุบให้ขวัญเสีย) เซอร์กิจแรกเข้าหรือไม่ ก็ต้องรีบตัดสินใจว่า ลงมือรับหรือไม่ (แต่เป็นเซอร์กิตช่วงเช้า เขาอ่านเกมว่าบ่ายลงต่อ) ไม่รับ บ่ายลงต่อ ใกล้ 3 โมงครึ่งจะเจอ เซอร์กิต ที่2 นั้นอาจหมายความว่าต้องปิดตลาด(เวลาบ่าย 3 กว่าๆแล้ว) หากซื้อเก็บวันรุ่งขึ้นเสี่ยงมาก(เพราะปิด 2 เซอร์กิจใน 1 วัน) หากไม่ซื้อก็อาจพลาดโอกาสครั้งใหญ่ ดังนั้นต้องลงมือเข้ารับ ชิมลาง ก่อนเซอร์กิต 2จะเกิดจริง เวลาผ่านไป 10 -20 นาที ราคาค่อยๆดีดกลับ วอลุ่มรายใหญ่จะชัวร์ซื้อ ประมาณ ที่ดัชนีลบ19% - ลบ16% จากนั้นก็พวกเซียนตามมาแย่งซื้อ ดัชนีหวนกลับ 1 ใน 3 จากต่ำสุด+ เวลาตลาดใกล้หมด แปลวว่าอะไร ต้องรีบเปิดคู่มือตัดสินใจ เก็บข้ามคืนหรือทิ้งเมทปิด(call market) ถ้าข่าวไม่สามารถเคลีย์ ให้ทำอย่างละครึ่ง ปลอดภัย คือเก็บครึ่งและขายแมทปิดครึ่ง อะไร ๆ ทำนองนี้
พอข้ามวัน ทุกอย่างก็อย่างที่ทุกท่านเห็นๆ ใครใจกล้า ตัดสินใจถูก ในเวลา 1 วัน 10 - 20 % (โอกาสแบบนี้หายากมาก นานๆ ครั้ง) ได้กำไร ถือว่าเป็นนักเล่นหุ้น ระดับรายวัน ที่เก่งต้องยกนิ้วให้ ถ้าไปห้องค้าทุกวัน หรือเทรดผ่านเนตทุกวัน เฝ้าจอทุกบ่อย แต่วัน 19 ไม่ทำอะไร ก็ไม่รู้ว่าจะยกตำแหน่งนักเล่นแบบไหนให้ นักเก็งกำไรก็ดูไม่ใช่เอาเลย เพราะนักเก็งกำไรเขาคิดไวลงมือไวและคิดตัดสินใจแบบชาญฉลาด นักลงทุนก็ดูจะโง่แปลก(ยกเว้นอยู่ที่อื่นไม่รู้ข่าว ก็แล้วไป) นักพนันก็ไม่ใช่เพราะไม่มีคุณสมบัติแห่งความกล้าเลี่ยงในโอกาสเช่นนี้
แต่คนที่ไม่มีประสบการณ์ การณ์ครั้งนี้ก็สอนให้รู้อะไรอีกมาก ว่า ตลาดหุ้นไม่มีความปลอดภัยทุกเมื่อ และหากเป็นนักลงทุน การณ์ครั้งนี้ก็สอนให้รู้ว่า เรื่องที่คำณวนผ่านจากตัวเลขทางบัญชีหรือคาดการณ์ทางการค้าการตลาดต่างๆนาๆนั้น มันอาจสะดุดง่ายด้วยเรื่องที่ไม่คาดฝัน
ตลาดหุ้นไม่มีของถูก มีแต่ของแพง (จำไว้ในมั่น อย่ายึดราคา low ของเมื่อก่อนนั้น มาถือ)และของที่ขายได้กำไรหรือไม่เท่านั้น ดังนั้น ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ความคิดเก่าๆ การเล่นสไตล์เก่าๆอาจต้องลบออก แล้วเปลี่ยนมาใช้สไตล์ ผมแทน คือผสมผสาน VIS ไม่ใช่ VI ไม่ใช่ VS และไม่ต้องมาหยิ่งทะนงในศักดิ์ว่า ข้าคือ VI หรือข้าคือเซียน VS มีกำไรเทียบเป็นเปอร์เซนต์ที่ลงทุนต่อเวลาที่เสียไป ไม่ได้เรื่องทั้งน้าน 5566 5566
จกท คงพอจะรู้นะครับว่า ผมก็ไม่สามารถวิจารณ์ว่า ที่ผู้บริหารเขากระกาศนโยบายแบบนี้ (วันแรกๆก็ฉุนด่า แต่ตอนนี้มีข้อมูลมากขึ้นก็เฉยๆ ไม่ได้สนับสนุนแต่ก็ไม่ได้อยากด่า เพราะจริงๆมีเรื่องลึกกว่านี้ที่เราไม่รู้ แม้นายคนรู้ทุกเรื่องอย่าง สนธิ บู้ลิ้ม ก็ไม่รู้อีกมาก )ดีหรือไม่ดี เพราะวิจารณ์ไปเขาก็ไม่ได้เอาความคิดเราไปปฎิบัติ ด่าไปเขาก็ไม่รับรู้ สู้เราทำหน้าที่ของเราดีก่า คือ มีหน้าที่เล่นหุ้น เพื่อเอากำไรเลี้ยงชีพ โดยไม่ลืมหลักการทางเศรษฐศาสตร์ ว่า ใช้ทรัพยกรที่มีอยู่น้อยนิดนั้นให้เกิดประโยชน์มากสุดในเวลาสั้นสุด มีตัวแปร 3 ตัวเชียว ฝากไปคิดๆต่อเอาเอง
ไปกินข้าวก่อน 18.15 .......
ผมคาดเดาว่าตลาดหุ้นปีหน้ายังมีเรื่องพิศดาร มีวิกฤตที่คาดไม่ถึงอีกหลายเรื่อง ท่านทั้งหลาย เตรียมสมุดคู่มือหรือยัง เรียกว่าคู่มือเผชิญภัยเสี่ยงในยามวิกฤตที่งงงวย 5566 5566
เช่นแผ่นดินไหวแรงๆ ที่ไหนก็ตามทั่วโลก เกี่ยวอะไรกับหุ้นไทยหรือไม่ ต้องทำอย่างไรถ้ารู้ข่าวขณะเทรด หรือตอนตี 10
หรือสงครามนิวเคลีย์เล็กๆ ปะทุขึ้นที่ตะวันออกกลางแล้ว ทำไงกับหุ้นดี
หรือนายกคนนั้นมาแล้ว หรือเบียร์ช้างตายจากตลาดสิงคโปร์ หรือผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซันตกเขาตาย 5566 5566 เพ้อไปตามเรื่อง
ต้องเตรียมไว้นะครับ มันสำคัญยิ่งกว่าวิชาการบทวิเคราะห์ที่เรียนๆกันในระดับปริญญาเอกเชียว 5566 5566
คราวนี้จะไปกินข้าวกลางวันละ
5566 5566
ขอให้โชคดี
จากคุณ :
nowya
- [
26 ธ.ค. 49 13:22:06
A:202.57.182.166 X: TicketID:112031
]