ความคิดเห็นที่ 1 ข้อมูลโมเดลทางธุรกิจ ของบริษัทนี้นั้นมี  PRINCIPLEว่า   PROFIT=(PRICE-COST) X VOLUME ซึ่งบริษัทนี้ เป็นบริษัทชั้นนำของโลก สัญชาติญี่ปุ่น และ ได้รับการ ยอมรับให้เป็นต้นแบบโมเดลทางธุรกิจ และกำลังถ่ายทอดDNA ไปทั่วโลก เป็นต้นแบบของความสำเร็จทางธุรกิจ ซึ่งแตกต่างจาก บริษัท สัญชาติอเมริกาที่มี โมเดลทางธุรกิจ ตาม PRINCIPLEว่า   COST + PROFIT =PRICE. ซึ่งบริษัทจะตั้งราคาโดยใช้หลัก cost plus ตาม margin ที่ต้องการ ทำให้ไม่ได้ไปกระทบกับ คุณภาพของรถยนต์ในการผลิต เพราะไม่ได้มุ่งไปที่การลดต้นทุน  จึงทำให้ ราคาของรถ แพง ในสายตาของผู้บริโภค ทำให้ ผู้บริโภค เริ่มไม่ซื้อรถ  จนมีผลกระทบกับบริษัท จนต้อง ลดพนักงานลง ซึ่งก้เท่ากับความสามารถในการแข่งขันลดลง แต่รถคุณภาพดี เหตุผลหนึ่งที่ผู้บริโภคไม่ซื้อรถจากค่ายอเมริกา เพราะ การก้าวเข้ามาของคู่แข่งขัน สัญชาติญี่ปุ่น ที่มี PRINCIPLEที่ว่า   PROFIT=(PRICE-COST) X VOLUME นั้น โดยมองว่า การที่จะนำพาบริษัท ไปสู่ผลกำไรสูงสุดนั้น (MAXIMIZE PROFIT OF THE FIRM) บรษัทจะต้องใช้กลยุทธ์ COST LEADERSHIP โดยการลดต้นทุน cost reduction  เพราะ บริษัทนี้ คิดว่า การลดต้นทุนของรถยนต์ที่ผลิต จะสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพราะ หากราคามีการแกว่งตัวนั้น บริษัทก็ยังคงมีความมั่นคงในการจ้างงาน เพราะบริษัทได้ลดต้นทุน ของสินค้า เพื่อสร้างขอได้เปรียบ  และหากตลาด ผู้ซื้อไม่ยอมรับราคาก็ สามารถลดราคาขายลงมาได้ อย่างกรณี YA-RIS เป้นต้น ที่ราคาตอนแรกผู้บริโภครู้สกว่าแพง บริษัทก็สามารถลดราคามาให้สอดคล้องกับตลาดได้นั่นคือ ความสามารถในการแข่งขัน จากการมุ่งลดต้นทุนของสินค้า ซึ่งกำลังจะถ่ายทอด DNA จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:30:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องมีอยู่ว่า การลดต้นทุนของรถที่ผลิตนั้น อาจส่งผลกระทบกับคุณภาพของรถที่ผลิตออกมาดังเหตุการณ์ต่อไปนี้ !!!!!!เตือนภัย อันตราย!!!! ควันดำกาซพิษไอเสียเข้ารถ FORTUNER ทางช่องด้านล่างแอร์หลัง ถึงตายได้!!!!!!! ผมใช้รถ FORTUNER และพบปัญหา ว่าเบาะจะมีเขม่าไอเสียอยู่ตลอด พบตอนล้างรถ เพราะผมล้างรถเอง จนได้อ่านจากกระทู้ในห้องรัชดา และ FORTUNERONLINE จนเข้าใจว่าปัญหาใหญ่คงเกิดกับสุขภาพของผม และลองดูตามLINKนี้ ความคิดเห็นที่ 293 ที่ เคยระบุว่า มีญาตินอนในรถ FOR-TUNER แล้วญาตินอนเสียชีวิตในรถโดยไม่ทราบสาเหตุ ศพรอพิสูจน์อยู่ อาจจะมีปัญหาเรื่องระบบเครื่องยนต์และไอเสียรั่วเข้าทางแอร์ http://www.mthai.com/webboard/5/159358.html ความคิดเห็นที่ 293 ระวังให้ดี รถรุ่นนี้ทำให้ญาติผมนอนเสียชีวิตในรถโดยไม่ทราบสาเหตุ ศพรอพิสูจน์อยู่ อาจจะมีปัญหาเรื่องระบบเครื่องยนต์และไอเสียรั่วเข้าทางแอร์ การประกอบรถอาจจะไม่สมบูรณ์ก็ได้ เพราะลักษณะการตายของเขาไม่เคยเป็นโรคประจำตัวมาก่อนและอายุยังน้อยแค่วัยกลางคนแค่ โดย : เสียใจจริง ๆ วันที่ :2006-05-19 08:49:02 IP :58.147.115.xx จากข้อความดังกล่าวข้างต้น ผมจึงพิสูจน์และพบสิ่งที่น่าจะต้องช่วยกัน เตือนภัยกับสังคมอย่างเร่งด่วน คือ พบคราบเขม่าดำจากท่อไอเสียเข้ารถ FORTUNER ทางช่องด้านล่างแอร์หลังจำนวนมาก (มองเหนือที่วางแก้วน้ำจะพบคราบดำของไอเสีย)ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยให้สังเกตุที่ช่องด้านล่างแอร์หลัง(ให้มองเหนือช่องที่วางแก้วน้ำจะพบคราบดำของไอเสีย) ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไร ว่า FOR-TUNER น่าจะเป็นแทบทุกคัน(55,000คัน คนกว่า 100,000 คน กำลังตายผ่อนส่งอยู่) ที่พบคราบเข่มาจากไอเสีย เข้ารถ ทางด้านล่างช่องแอร์ หลัง มันสำคัญที่ว่า มันมีพวก คาร์บอนมอนอกไซด์ ที่พร้อมจะจับตัวกับ ฮิโมโกลบินในเม็ดเลือด หากมีปริมาณมาก อาจตายได้ และพวกไฮโดรคาร์บอนที่เป็นสารก่อมะเร็ง อันตรายมากกว่า เบรคทื่อ แต่ปลอดภัย อีก เนื่องจากการไหลของอากาศนั้น จะไหลจากอากาศ ร้อน (ไอเสีย)ไป สู่ที่มี อากาศเย็นกว่า (อากาศในรถ เปิดแอร์ ) ซึ่งหากยิ่งเปิดแอร์ให้เย็นมาก ก็จะทำให้ อัตราการไหลของไอเสีย เข้ารถ สูงขึ้น อันตรายมากขึ้น ในกรณีที่ จอดรถอยู่กับที่ จากสูตร อัตราการไหลของอากาศ Qt=9.4 Ah(Tไอเสียนอกรถ-Tอากาศในรถ) จะเห็นว่า ยิ่งเปิดแอร์ในรถให้เย็นเท่าไหร่ ก็จะทำให้ ไอเสียที่เข้ารถมีอัตราการไหลเขารถมากขึ้น คือ ปอดดำมากขึ้น สะสมมากขึ้น โอกาสเกิดมะเร็งสูงขึ้น เพราะมันจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต การตรวจสอบ ให้แหงนหน้าขึ้น บริเวณ ด้าบนของช่องวางแก้ว จะพบคราบ เขม่าดำ ส่วนกาซพิษต้องใช้GAS DETECTER ตรวจสอบ จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:31:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 วางปลดเบาะลงดูกำมะหยี่ หลังเบาะ จะพบเขม่ากาซไอเสียติดหลังเบาะ มองเห็นถึงความแตกต่าง แล้วปอดเราจะเหลือหรือ จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บริเวณด้านข้างของช่องแอร์ เขม่ากาซพิษไอเสียมันพยายามเข้ารถทุกทิศทาง เนื่องจาก ผลของลมหมุนที่ยกตัวและมีอัตราการไหลเข้ารถแรง จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คราบเขม่าไอเสียที่พบบริเวณช่องเปิด สายรัดเข็มขัดหน้ารถ แสดงว่า อัตราการไหลของไอเสีย ที่เข้ารถ สูงมาก จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เขม่าไอเสียฟุ้งกระจายไปทั่วรถ สังเกตุช่องเก็บของตรงกลาง ดำบริสุทธิ์ จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:34:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ลองเอาทิชชู่ เช็ดดูบริเวณที่วางแก้วน้ำดื่ม สังเกตุว่า เขม่าสีดำสนิท ไม่มีพลาด ไอเสียชัด ชัด ดำสนิท ศิษย์ส่ายหน้า จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อัตราการไหลของกาซพิษ ไอเสียที่เข้ารถ มันไหลด้วย อัตราการไหลที่ไม่ธรรมดา มันไหลอย่างมีอัตราเร่ง สัมพันธ์กับ ความเร็วของรถ มันไม่ธรรมดาครับ สังเกต รูปร่างเขมาที่พุ่งไปทางด้านบนเหมือนเปิด พัดลมดูดกาซพิษเข้ารถตัวเอง ดำขนาดนี้ หากสูดเข้าปอด มันคงอญู่ที่เยื่อบุปอด ต้องอยู่กันไปตลอดชีวิต จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอารูปกรองแอร์ด้านหน้ารถ มาฝาก เจ้าของบอกใช้ไป 3000 กม ดำสนิท ศิษย์ส่ายหน้า ดังรูปขวา แล้วคุณคิดว่า ปอดคุณดำขนาดไหน สะสม สารพิษอะไรไว้ เหตุที่ดำสกปรกอย่างนี้ เพราะมันมาจาก ไอเสียหลังรถเราเอง ที่มีความเร็วสูงมาก จาก การ ออกแบบ ด้าน อากาสพลศาสตร์ที่ผิดพลาด ในรถ FORTUNER รุ่นแรกแย้ม จะไม่มีกรองแอร์ด้านหน้า แต่ข่าวว่า รุ่นหลัง คิดได้ แล้วว่า ใส่ให้ไป แค่ไม่กี่ร้อย "SAFE CUSTOMER LIFE'S NOT  ONLY SAVE COST" จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:36:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ปกติแล้ว ตำแหน่งของปลายท่อไอเสีย จะอยู่ พ้น แนวกันชนหลัง และ ระดับ ใต้ แนวกันชน ทำให้ ไอเสียไม่ถูกดูดกลับขึ้นไปที่รถ และไม่ถูกอิทธิพลของลมที่ยกตัวขึ้นหลังปะทะกันชนท้าย และ ยกตัวสูงขึ้น จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ปกติแล้ว ตำแหน่งของปลายท่อไอเสีย จะอยู่ พ้น แนวกันชนหลัง และ ระดับ ใต้ แนวกันชน ทำให้ ไอเสียไม่ถูกดูดกลับขึ้นไปที่รถ และไม่ถูกอิทธิพลของลมที่ยกตัวขึ้นหลังปะทะกันชนท้าย และ ยกตัวสูงขึ้น คันนี้ของ รถตู้ ปลายล่างเฉียงปากฉลาม ทำให้ไอเสียกดลงพื้น จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:38:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ในกรณี ทีรถFORTUNER วิ่งด้วยความเร็วนั้น จากการออกแบบ ทางด้านอากาศพลศาสตร์ที่บกพร่อง ทำให้เกิดการหมุนวนของกาซพิษไอเสีย เนื่องจากไม่มี การออกแบบ ครีบรีดลมด้านท้าย เพราะ มียางอะไหล่ วางอยู่ใต้ท้อง รถ (ซึ่งแต่ทำไมรถยุโรปจะมี การออกแบบ ครีบรีดลมด้านท้าย ) ทำให้ ทิศทางการไหลของอากาศ ใต้ท้องรถ กระแทกกับ ด้านล่างของกันชนท้ายรถ ทำให้ อากาศยกตัวขึ้น เข้าไปในโพรงอากาศท้ายรถกระจายออกทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว และ ยกตัวขึ้น เข้า โพรงอากาศท้าย ตรงไฟท้าย ประกอบกับ ปลายท่อไอเสียสั้นไม่พ้น แนวกันชนท้าย ดันหลบเข้าไปในกันชนท้าย ประมาณ 2cm และดันจมตามความสูงเข้าไปในกันชนประมาณ3cm เท่ากัน ทั้ง เบนซิน และดีเซล จึงทำให้ อากาศที่หมุนวน และยกตัวขึ้นนั้น ดึงเอากาซพิษไอเสียเข้ามาในอากาศที่หมุนวนด้วย ซึ่งประกอบด้วยกาซพิษไอเสีย และเขม่ายกตัวสูงขึ้น ด้วยความเร่ง ทำให้ กาซพิษไอเสีย วิ่งเข้าสู่ โพรงไฟท้ายทั้งสองข้าง และ มีอัตราการไหลที่รวดเร็ว กาซพิษไอเสียเข้าในรถทุกจุดที่เป็นช่องเปิด เชื่อมกับอากาศในรถ มันมากกว่าการแพร่กระจาย แต่กาซพิษไอเสีย มีอัตราการไหลที่สูงมาก ลองนึกถึงถุงพลาสติกที่อยู่ท้ายรถกระบะ เวลารถวิ่ง ถุงพลาสติกจะลอยหมุนวนอยู่ท้ายรถ อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ ควันจากปลายท่อไอเสีย( เปรียบ เสมือนถุงพลาสติก ) ที่ปลายท่อไอเสียจมลึกเข้าไปในกันชน (ซึ่งเปรียบเหมือนความสูงฝาท้ายกระบะ) การที่ถุงพลาสติก หมุนวน เนื่องจาก ถูก อิทธิพลของลมหมุนปะทะฝาท้ายกระบะ ควันไอเสียจากรถFORTUNER ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจาก ปลายท่อไอเสียจมลึกในกันชน จึงได้รับ อิทธิพล ของแรงหมุนของอากาศใต้รถ เหมือน พายุ เฮอร์ริเครน ที่จะ ดึงดูด ทุกสิ่งหากของสิ่งนั้น อยู่ในแนวการหมุนของพายุ ครับ ไอเสีย FORTUNER ก็เช่นเดียวกัน จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:39:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ปลายท่อไอเสียFORTUNERสั้นไม่พ้น แนวกันชนท้าย ดันหลบเข้าไปในกันชนท้าย ประมาณ 2cm และดันจมตามความสูงเข้าไปในกันชนประมาณ3cm เท่ากัน ทั้ง เบนซิน และดีเซล จึงทำให้ อากาศที่หมุนวนนั้น ดึงเอากาซพิษไอเสียเข้ามาในอากาศที่หมุนวนด้วย ซึ่งประกอบด้วยกาซพิษไอเสีย และเขม่ายกตัวสูงขึ้น ด้วยความเร่ง ทำให้ กาซพิษไอเสีย วิ่งเข้าสู่ โพรงไฟท้ายทั้งสองข้าง และ มีอัตราการไหลที่รวดเร็ว กาซพิษไอเสียเข้าในรถทุกจุดที่เป็นช่องเปิด เชื่อมกับอากาศในรถ มันมากกว่าการแพร่กระจาย แต่กาซพิษไอเสีย มีอัตราการไหลที่สูงมาก จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จะเห็นว่า ทิศทางการ ไหลของอากาศใต้ท้องรถ ส่วนที่กระแทกกับ แนวกันชนท้าย จะ กระจายออกทั้งสองข้างของด้านในกันชนท้ายอย่างรวดเร็ว และ ยกตัวขึ้น เข้าสู่โพรง ตรงไฟท้าย ตรงนี้ แหละ ที่เป็น ช่องเล็ก ทำให้อัตราการไหลของกาซไอเสีย ของรถ มีอัตราการไหล ที่รวดเร็ว ทั้งแรง และเร็ว จนมันพู่ง ทะลุ ทะลวง ไปทุกจุด จนไปออกช่องเปิด สาย เข็มขัด หน้ารถ ทะลุ ไปอยู่ บนช่องเก็บ แว่นตา และร่วงลงมาที่ช่องเก็บของกลางรถ พร้อมกับการ กระจายไปทั่วรถ ผมทดลองแล้วไม่ อยาก เชื่อ ว่า บริษัท ชั้นนำของโลก จะตายน้ำตื้น ในหลายเรื่อง และ แต่ ละ เรื่องที่พลาด ชีวิต คนทั้งนั้น การที่ไอเสีย มีอัตราการไหล อย่างรุนแรงและรวดเร็ว ที่ขนาด พุ่งออกด้าหน้ารถ ได้ จาก วีดีโอ เพราะ มันไหลผ่านช่องแคบตรงไฟท้าย เลยทำให้ มันมี ความเร็ว เพิ่มขึ้น และ อัตราการไหล ไปถึงหน้ารถได้ อุด เท่าไหร่ ก็ ไม่อยู่ เหมือนกับ เราเปิด น้ำใส่สายยางรถ น้ำ ต้น ไม้ หากเราต้องการให้ น้ำ พุ่งไกลขึ้น และแรงขึ้น เราจึงเอามืออุด ให้ปากท่อน้ำเล็กลง จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การที่กาซพิษไอเสีย มีอัตราการไหล อย่างรุนแรงและรวดเร็ว ถึงขนาด เศษทรายทีถูกยกตัวขึ้น เกาะติดแน่น บริเวณ ช่องแคบ ไฟท้าย พุ่งขึ้น เข้โพรงอากาศ ร่องรอย การติดแน่น ของเศษทราย ที่ขนาดมีน้ำหนัก มากกว่า กาซพิษ บ่งบอกได้ถึงอากาศที่ยกตัวไหลอย่างรุนแรง และรวดเร็ว สอดคล้องกับ วีดีโอ จากแนวพัดสอบของพายุ จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:41:25 ]

ความคิดเห็นที่ 16 การที่กาซพิษไอเสีย มีอัตราการไหล อย่างรุนแรงและรวดเร็ว ถึงขนาด เศษทรายทีถูกยกตัวขึ้น เกาะติดแน่น บริเวณ ช่องแคบ ไฟท้าย พุ่งขึ้น เข้โพรงอากาศ ร่องรอย การติดแน่น ของเศษทราย ที่ขนาดมีน้ำหนัก มากกว่า กาซพิษ บ่งบอกได้ยกตัวไหลอย่างรุนแรง และรวดเร็ว สอดคล้องกับ วีดีโอ จากแนวพัดสอบของพายุ จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จะเห็น โพรงตรงไฟท้ายที่เล็กลงเป็น ช่องเล็ก ทำให้อัตราการไหลของกาซพิษไอเสีย ของรถ มีอัตราการไหล ที่รวดเร็ว ทั้งแรง และเร็ว จนมันพุ่ง ทะลุ ทะลวง ไปทุกจุด จนไปออกช่องเปิด สาย เข็มขัด หน้ารถ และ สังเกตุให้ดี จะเห็น โพรงอากาศ บริเวณ ใต้ช่องเปิดที่วางแก้วน้ำ ที่กาซไอเสียเข้าในรถมากสุด รูปนี้ อาจกระทบกระเทือน จิตใจผู้ใช้รถ เพราะ ปัญหา "เบรคทื่อ แต่ปลอดภัย "แต่ปัญหาใหม่ "ปอดดำ แต่ตายผ่อนส่ง"โปรดใช้วิจารญาณ ในการชม ภาพเตือนใจภาพนี้ จากรูป แสดงเส้นทางการเดินทางของกาซพิษไอเสีย ที่ยกตัวขึ้น จากการถูกลมดูด และ ไหลผ่นช่องแคบไฟท้าย เพิ่มความเร็ว และ ไปโผล่ ทุกจุด ที่เป็นช่องเปิด ในรถ ก่อน ลงสู่ปอดของ คนไทยอย่างเรา ที่ ไม่มีใครดูแล [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จากรูปกรองแอร์ ที่ผ่านการใช้งานแค่ 3000 กม ดำสนิท แล้วคนที่ขับรถมาแล้วตั้ง 100,000 กม คุณว่า พวกเราสะสมสารพิษไว้ในตัวที่ เอาออกไม่ได้ และ ป็น สารก่อมะเร็ง จาก รถ FORTUNER เพียงใด โปรดตรวจสอบรถของท่านโดยด่วน ลูกหลานท่านเอง ชีวิต คนไทยต้องดูแลตัวเอง เพราะ บริษัท ผู้ผลิต กร่างคับฟ้า ไม่สนใจ ชีวิตขิงลูกค้าเลย และช่วยกันเตือนภัยสังคม คนอื่น คงหวังพึ่งสื่อไม่ได้ เพราะความจำป็นทางธุรกิจ มันอยู่เหนือ จริยธรรมของวิชาชีพ และคอยดูเม็ดเงินโฆษณา ที่จะต้องออกมาในแนว เพื่อโลกสีเขียว รักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะคราวก่อน ที่มีปัญหาเบรคทือ แต่ปลอดภัย ก็มาแก้ภาพลักษณื ด้วย โครงการถนนสีขาว และ โฆษณา ปีใหม่นี้ แม่อยากให้ลูกเดินทางปลอดภัย เพราะคุณคือ ของขวัญที่ย่งใหญ่ ที่สุด ด้วย ความห่วงใยจาก สามารถสร้าง แรงดึงดูดทางอารมณ์ได้ (EMOTION APPEAL) อย่างดีเยี่ยม ที่บ่งบอกได้ถึงธาตุแท้ในการดำเนินธุรกิจ ที่คำนึงถึง แต่ผลกำไรสูงสุด MAXIMIZE PROFIT OF THE FIRM โดยใช้โมเดลทางธุรกิจที่ว่า PROFIT = (PRICE - COST) x VOLUME โดยมุ่งแต่การลดต้นทุน(COST LEADERSHIP) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน มุ่งลดต้นทุน เพื่อ เพิ่มผลกำไร จนต้องลดอายุไขของลูกค้า ไห้มีใครเคลมได้ สนใจคำนี้บ้าง ................."SAFE CUSTOMER LIFE'S NOT ONLY SAVE COST "............ ผมติดสติกเกอร์เพื่อเตือนสติ บริษัท นี้ ตั้งแต่ ก่อนผมทุบรถ เพราะเบรคทื่อ มองกลยุทธ์ ธุรกิจคุณไม่ยาก ระวัง ลดCOST มาก ระวังธุรกิจจะไม่ ยืนนาน และ ดูไว้ครับ อย่าเอาไปใช้เป็นแบบอย่าง ทฤษฏี LEAN จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ตำแหน่งตู้แอร์ท้ายรถFORTUNER ที่อยู่ใกล้ปลายท่อไอเสีย แค่1ฟุต และไม่มีการซีลป้องกันที่ดีพอ ประกอบกับ มีคอยเย็น อยู่ มันจะดึงไอเสียเข้ามาได้อย่างไรในขณะจอด อยู่กับที่ และ มันช่วยเร่งความเร็วของการเสียชีวิตอย่างไร จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จากรูปเราจะเห็นว่าตู้แอร์ สังเกตู ช่องสี่เหลี่ยม อยู่ใกล้ปลายท่อไอเสีย ประมาณ1 ฟุต และอยู่ด้านบน ด้านในตู้จะมี คอยล์เย็น ที่จะดูดความร้อนจากอากาศร้อน โดยรอบและ กาซพิษจากไอเสีย ก็เป็น อากาศร้อนเช่นเดียวกัน และพร้อมที่จะลอยสูงขึ้น เหมือนควันธูปที่เป็นอากาศร้อนจะลอยตัว ไอเสียก็เช่นกัน   แต่นอกจาก คอยล์เย็น ที่จะดูดความร้อนจากอากาศร้อน โดยรอบแล้ว หลังคอยล์เย็นยังมีพัดลมดูดอีก ยิ่งเท่ากับเร่ง กาซพิษไอเสีย ที่เป็นอากาศร้อน เข้าไป [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 หลักการทำงานของระบบปรับอากาศในรถยนต์ TOYOTจาก http://www.phithan-toyota.com/technic/air/air1.php เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานก็จะทำการดูดน้ำยาแอร์ ที่มีสภาพเป็นก๊าซความดันต่ำ และอุณหภูมิ ต่ำเข้ามาอัดความดันและทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น จากนั้นก๊าซที่มีอุณหภูมิสูงและความดันสูงจะถูกส่งไป ตามท่อทางออกของคอมเพรสเซอร์เข้าสู่แผงคอยล์ร้อน ซึ่งจะทำหน้าที่ระบายความร้อนของก๊าซี้ เหล่านออกไปตามครีบระบายความร้อนจนกระทั่งก๊าซเหล่านี้จะกลายเป็นของเหลวที่มีความดันสูง   ไหลออกจากคอยล์ร้อนผ่านท่อทางออกไปเข้าสู่ถังพักน้ำยาแอร์ เพื่อกรองสิ่งแปลกปลอมและดูด ความชื้นไปด้วยในขณะนี้น้ำยาแอร์มีสภาพเป็นของเหลวและความดันสูงไหออกจากถังพักน้ำยาแอร์ ไปตามท่อเข้าสู่วาล์วปรับความดัน   วาล์วปรับความดันจะลดความดันของน้ำยาแอร์ลงมาทำให้อุณหภูมิของน้ำยาแอร์ลดต่ำลงอย่าง มากเพื่อป้อนเข้าสู่คอยล์เย็น ของเหลวความดันต่ำอุณหภูมิต่ำจะไหลเข้าสู่คอยล์เย็นและจะทำการดูด ซับความร้อนที่บริเวณรอบๆ ตัว ซึ่งพัดลม( BLOWER ) ก็จะทำหน้าที่ดูดอากาศในห้องโดยสารผ่านแผง คอยล์เย็นผ่านท่อทางจนไปออกที่ช่องแอร์บนแผงคอนโซลหน้า อากาศร้อนในห้องโดยสารจะถูกดูด ซับออกไปด้วยวิธีนี้ ส่วนน้ำยาแอร์ก็จะทำการดูดซับความร้อนวนเวียนตามท่อทางเดินที่ขดไปมาบน แผงคอยล์เย็นจนแปรสภาพกลายเป็นก๊าซ และไหลออกจากคอยล์เย็นไปตามท่อเข้าสู่คอมเพรส เซอร์ซึ่งก๊าซจะมีความดันต่ำอุณหภูมิต่ำเข้าสู่คอมเพรสเซอร์อีกครั้งเพื่อเริ่มต้นกระบวนการอัดน้ำยา์ แอรใหม่อีกรอบเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดวนเวียนไปเรื่อยๆ จนกว่าคอมเพรสเซอร์จะหยุดการทำงาน จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อีแว๊ปเปอร์เรเตอร์ คอยล์เย็น (evaporator) เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้สารทำความเย็นเปลี่ยนสถานะกลายเป็น แก๊สสารทำความเย็นจะดูดความร้อนจากอากาศโดยรอบ ทำให้อุณหภูมิของอากาศที่ถูกเป่าเข้าไปใน ห้องผู้โดยสารเย็นลง http://www.phithan-toyota.com/technic/air/air2.php จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากคำอธิบายที่ผ่านมาเราจะเห็นว่า  คอยล์เย็น (evaporator) เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้สารทำความเย็นเปลี่ยนสถานะกลายเป็น แก๊สสารทำความเย็นจะดูดความร้อนจากอากาศโดยรอบ ปลายท่อไอเสียที่ไม่พ้นแนวกันชน ก็จะทำให้กาซไอเสียที่เป็นอากาศร้อน ลอยขึ้น ประกอบกับ ตำแหน่งของคอยลืเย็นที่อยู่ใกล้ และ คอยล์เย็น (evaporator) จะดูดความร้อนจากอากาศโดยรอบ และด้านหลัง ยังมี พัดลมคอยดูดลมเข้าอีก  จึงทำให้ กาซพิษไอเสีย มีอัตราการไหลมากกว่ารถปกติ   จากที่คอยล์เย็น (evaporator) จะดูดความร้อนจากไอเสียแล้ว แต่กาซไอเสีย จะลอยตัวสูงขึ้น เข้าโพรงอากาศของรถ เข้าสู่ห้องโดยสารได้รวดเร็วกว่า http://www.mthai.com/webboard/5/159358.html ความคิดเห็นที่ 293 ระวังให้ดี รถรุ่นนี้ทำให้ญาติผมนอนเสียชีวิตในรถโดยไม่ทราบสาเหตุ ศพรอพิสูจน์อยู่ อาจจะมีปัญหาเรื่องระบบเครื่องยนต์และไอเสียรั่วเข้าทางแอร์ การประกอบรถอาจจะไม่สมบูรณ์ก็ได้ เพราะลักษณะการตายของเขาไม่เคยเป็นโรคประจำตัวมาก่อนและอายุยังน้อยแค่วัยกลางคนแค่ โดย : เสียใจจริง ๆ วันที่ :2006-05-19 08:49:02 IP :58.147.115.xx หากตำแหน่งตู้แอร์อยู่ไกลจากปลายท่อไอเสียกว่านี้ บุคคลที่บอกใน เวป คงเสียชีวิตช้าลง เพราะ อัตราการไหลเข้าของกาวพิษ CO จะไหลเข้ารถช้าลง คือ เสียชีวิตช้า ลงอาจมีคนมาเห็นก่อนได้ ความเข้มข้น ของกาซพิษ CO ที่มีแต่ดูดเข้ามาในรถ ตลอด ทำให้ ความเข้มข้น ของ CO เพิ่มขึ้นตลอดเวลา และเป็นอันตรายกับ สุขภาพ อย่างไร ตาม ระดับ COHb ในเลือด การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญคือ ระดับ COHb ในเลือด สามารถใช้เลือดจากหลอดเลือดดำได้ ระดับ COHb มี ความสัมพันธ์กับอาการและอาการแสดงไม่มาก แม้จะมีการพยายาม หาความสัมพันธ์ดังตาราง ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระดับของ COHb ในเลือดกับอาการและอาการแสดง COHb...............Clinical feature <10% ............. Asymptomatic ไม่มีอาการ 10-20% ........... Unstable angina in coronary artery disease 20-30 % ............ Headache, vertigo ปวดหัว วิงเวียนศรีษะ 30-50% ............. Severe headache, vomiting, disturbance of consciousness ปวดหัวรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน เริ่มเข้าสู่ภาวะหมดสติ >50% ...............Coma, convulsions, respiratory distress, death หมดสติ การหดเกร็งของกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง และตาย อย่างไรก็ตาม ระดับ COHb ช่วยในการวินิจฉัยว่าเป็นพิษหรือไม่ โดยระดับ COHb ที่ >5% ในคนไม่สูบบุหรี่ หรือ >25% ในคนทั่วไปให้สงสัยว่าเป็นพิษ ระดับ COHb ตรวจได้จาก CO-oximeter หรือใช้ breath analyzer ตรวจหา CO จากลมหายใจก็ได้ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 143 นี่เป็นFORTUNER อีกคัน ที่พบว่ามีเขม่าไอเสียเข้ารถ คุณหมอนั่งมาในรถด้วย ถึงรู้ ตอนแรกศูนย์เค้าก็ไม่สนใจ จนเพื่อนคุณพ่อยืนยัน แล้วคุณหมอที่เป็นเพื่อนคุณพ่อเค้าจะทำเรื่องให้ฟ้อง เพราะมานเกี่ยวกับชีวิตของเรา ทำให้สุขภาพแย่ได้ ศูนย์เค้าก็เลยรีบเข้ามาดูให้ เค้าบอกว่าเกิดจากช่องแอร์ด้านหลังจริงๆ ค่ะ แต่ตอนแรกสุดที่เอาไปทางศูนย์เค้าก็ไม่รู้ เค้าบอกว่าเราเปิดแอร์ไม่เป็นอีกต่างหาก ผลักภาระไปให้ลูกค้าอีกตาม นิสัย ปัดความรับผิดชอบ ----------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 18 น้องโก้ไม่เป็นหรอกค่ะ มีแต่น้องจูนที่มีเขม่าในห้องโดยสารค่ะ น้องโก้ปลอดภัยค่ะ เพราะที่บ้านซื้อน้องโก้มาก่อนน้องจูน แต่น้องจูนมอมแมมมากๆค่ะ ในขณะที่ห้องโดยสารน้องโก้ยังขาวสะอาด แต่น้องจูนกลับมอมแมมสุดๆ แต่ก็ไม่ทุกคันหรอกค่ะ คงมีไม่กี่คันเท่านั้นแหล่ะค่ะที่เป็น..เรื่องนี้ไม่เจอกะตัวก็คงไม่มีใครเชื่ออ่ะค่ะ เพราะรถนู๋เพิ่งเจอมากะตัว มานเป็นตั้งแต่ตอนซื้อมาแระค่ะ แต่ว่าไม่ได้สนใจ คิดว่าเบาะมานเปื้อนรึเปล่า แบบว่ารักสะอาด ก็เลยเอาไปฟอกมา 4 ครั้งแระ อีก 2 เดือนมานก็เริ่มดำๆ อีกแระค่ะ มอมแมมสุดๆ ก็ชักยังไงๆๆ จนคุณหมอมานั่งรถไปด้วยไกลๆ ถึงรู้ ตอนแรกศูนย์เค้าก็ไม่สนใจ จนเพื่อนคุณพ่อยืนยัน แล้วคุณหมอที่เป็นเพื่อนคุณพ่อเค้าจะทำเรื่องให้ฟ้อง เพราะมานเกี่ยวกับชีวิตของเรา ทำให้สุขภาพแย่ได้ ศูนย์เค้าก็เลยรีบเข้ามาดูให้ เค้าบอกว่าเกิดจากช่องแอร์ด้านหลังจริงๆ ค่ะ แต่ตอนแรกสุดที่เอาไปทางศูนย์เค้าก็ไม่รู้ เค้าบอกว่าเราเปิดแอร์ไม่เป็นอีกต่างหาก ก็เลยโดนคุณพ่อด่าเละเลย อิอิ เค้าก็เลยกลับไปหารือกันใหม่ แล้วเค้าก็เรียกให้นำรถเข้าศูนย์อีกครั้ง แล้วเค้าก็บอกว่ารถนู่อ่ะเพิ่งเป็นเคทแรกของศูนย์เชียงราย ตอนนี้ทางศูนย์เค้าก็กำลังแก้ไขให้อยู่ค่ะ ต้องถอดล้อด้านหลังออกหมดเลย รื้อกันวุ่นวายไปหมดเลย แล้วเค้าก็ให้ช่างที่ชำนาญด้านนี้มาแก้ไขให้ ต้องทิ้งรถไว้ที่ศูนย์ตั้งหลายวันแน่ะค่ะ ไว้ถ้าทางศูนย์จัดการให้เรียบร้อยแล้วจะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ ว่าเป็นยังไง -------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : HelloKitty (VGC : 545) : 8/1/2550 11:37:56 จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ในกรณี ทีรถFORTUNER วิ่งด้วยความเร็วนั้น จากการออกแบบ ทางด้านอากาศพลศาสตร์ที่บกพร่อง ทำให้เกิดการหมุนวนของกาซพิษไอเสีย เนื่องจากไม่มี การออกแบบ ครีบรีดลมด้านท้าย เพราะ มียางอะไหล่ วางอยู่ใต้ท้อง รถ (ซึ่งแต่ทำไมรถยุโรปจะมี การออกแบบ ครีบรีดลมด้านท้าย ) ทำให้ ทิศทางการไหลของอากาศ ใต้ท้องรถ กระแทกกับ ด้านล่างของกันชนท้ายรถ ทำให้ อากาศยกตัวขึ้น เข้าไปในโพรงอากาศท้ายรถกระจายออกทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว และ ยกตัวขึ้น เข้า โพรงอากาศท้าย ตรงไฟท้าย ประกอบกับ ปลายท่อไอเสียสั้นไม่พ้น แนวกันชนท้าย ดันหลบเข้าไปในกันชนท้าย ประมาณ 2cm และดันจมตามความสูงเข้าไปในกันชนประมาณ3cm เท่ากัน ทั้ง เบนซิน และดีเซล จึงทำให้ อากาศที่หมุนวน และยกตัวขึ้นนั้น ดึงเอากาซพิษไอเสียเข้ามาในอากาศที่หมุนวนด้วย ซึ่งประกอบด้วยกาซพิษไอเสีย และเขม่ายกตัวสูงขึ้น ด้วยความเร่ง ทำให้ กาซพิษไอเสีย วิ่งเข้าสู่ โพรงไฟท้ายทั้งสองข้าง และ มีอัตราการไหลที่รวดเร็ว กาซพิษไอเสียเข้าในรถทุกจุดที่เป็นช่องเปิด เชื่อมกับอากาศในรถ มันมากกว่าการแพร่กระจาย แต่กาซพิษไอเสีย มีอัตราการไหลที่สูงมาก ลองนึกถึงถุงพลาสติกที่อยู่ท้ายรถกระบะ เวลารถวิ่ง ถุงพลาสติกจะลอยหมุนวนอยู่ท้ายรถ อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ ควันจากปลายท่อไอเสีย( เปรียบ เสมือนถุงพลาสติก ) ที่ปลายท่อไอเสียจมลึกเข้าไปในกันชน (ซึ่งเปรียบเหมือนความสูงฝาท้ายกระบะ) การที่ถุงพลาสติก หมุนวน เนื่องจาก ถูก อิทธิพลของลมหมุนปะทะฝาท้ายกระบะ ควันไอเสียจากรถFORTUNER ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจาก ปลายท่อไอเสียจมลึกในกันชน จึงได้รับ อิทธิพล ของแรงหมุนของอากาศใต้รถ เหมือน พายุ เฮอร์ริเครน ที่จะ ดึงดูด ทุกสิ่งหากของสิ่งนั้น อยู่ในแนวการหมุนของพายุ ครับ ไอเสีย FORTUNER ก็เช่นเดียวกัน จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:49:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หลักการแก้ไขเบื้องต้น คือ ต้องทำให้ ควันไอเสีย หลุดพ้นแนวอิทธิพลของลมหมุน เฮอร์ริเครนท้ายรถ ให้พ้นแนวกันชนท้ายรถ เหมือนรถปกติทั่วไป ที่ปลายท่อไอเสียจะอญู่ ต่ำกว่า แนวกันชน และยื่นพ้นแนวกันชน 1 สวมปลอกท่อไอเสีย ให้พ้นแนวกันชน มากที่สุด ยื่นมาก เสี่ยงน้อย ยื่นน้อย เสี่ยงมาก อาจยื่นจากปลายท่อเดิม สัก 7 cm เหมือนกับ เรา ทำให้ ถุงพลาสติกที่หมุนท้ายรถ ยกตัวสูงขึ้น เลยระดับ ฝาปิดกระบะท้าย ถุงพลาสติกจะ ลอย หลุดพ้น ท้ายรถ การสวมปลอกท่อ ยื่น ก็ เช่นเดียวกัน เพราะ มัน อาจผ่าน แนวอิทธิพล ลมหมุน ได้ แต่ ไม่ 100% เพราะ กาซพิษ คาร์บอนมอนอกไซด์มันเบากว่าเขม่า มันจึงทำให้ ยังหลุดเข้าไปอีก แต่เขม่า จะลดลงกว่าไม่ต่อ 2 อย่าเสริม กันชนท้ายเพิ่ม เพราะมันจะไปขวางการไหลของไอเสีย อาจชนกับ กันชนท้ายที่ไปติดเพิ่ม และ กระเด้งกลับมาอยู่ในแนว การหมุนของ เฮอร์ริเครนได้ 3 พยายามอย่าเอาลูกไปด้วย เด็กจะมี ภูมิต้านทานต่ำกว่าผู้ใหญ่ 4 เด็ก และสตรีมีครรภ์ ห้ามนั่ง รวมถึงคนที่เป็น ภูมิแพ้ และโรคหัวใจ ควร หลีกเลี่ยงการนั่งรถ FORTUNER เพราะการไวต่อ COHB ไม่เหมือนกัน 5 เพิ่มวงเงินประกันชีวิต เพราะ เสี่ยงทั้ง "เบรคทื่อ แต่ปลอดภัย" และ "ปอดดำ แต่ไม่ตายทันที" และมันคงดำมานานแล้ว เพราะ ไม่มีกรองแอร์ ใช้ปอด กรองแทน ดูรูป กรองแอร์ที่ผ่านการใช้งานมา สามเดือน จะรู้ว่า เยื่อบุปอดเป็นอย่างไร 6 บอกข้อมูลนี้กับเพื่อนฝูงให้ระวัง และช่วยกัน FORWARD MAIL เพื่อกดดันให้ บริษัท แก้ไข ต้องใช้มาตราการทางสังคม เพราะหน่วยงานราชการถูกครอบงำ 7 ไปที่ ร้าน 7-11 ขอแบบฟอร์มร้องเรียน ของ สคบ ฟรี และระบายให้เต็มที่ หน่วยงานนี้มีด่บ แต่ กลับไม่กล้าเยื้อ ปล่อยปละละเลย เรื่องเบรค ยังอยุ่ที่ ผู้ตรวจการแผ่นดินรับสภาอยู่ 8 ทุกท่านคงทราบดีถึงกลไกของรัฐ เช่น มอก สคบ ต้องใช้ภาคประชาชน กระตุ้น ผมเหนื่อยมานานแล้ว หากพวกคุณปล่อย รับรองเขวี้ยงงูไม่พ้นคอ 9 ในรถเบนซิน ควรตรวจสอบก่อน นำไป ติดตั้ง แกส 10 หลีกเลี่ยงการเสริม ต่อแฟริ่งท้าย เท่ากับไปเพิ่มแรงหมุนวนมากขึ้น ผมยอม เสียเงินร่วม 1,000,000บาท เสียเวลาทำมาหากิน ปีกว่า เสียโอกาสในชีวิตหน้าที่การงาน และครอบครัว เพื่อ ทำหน้าที่แทน สื่อมวลชน บอกความจริงกับสังคม ถูกใส่ร้าย ป้ายสีต่าง ต่าง ผมทำทุกอย่างเพื่อใคร ถ้าไม่ใช่ "เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยโดยส่วนรวม" ทั้งที่ ปํญหา เบรค ผมแก้ไขเองตั้งแต่ยังไม่ทุบรถ ต้องมาทุบรถ บอกแจ้งเตือนพวกคุณ ผ่านการดูหมิ่นมากมาย กับความอดทน จนเหลือ อด ผม จะต้องไปสร้างครอบครัวของผม บ้าง ดูแล คนที่ผมรักบ้าง พวกคุณรู้ไหม หากผมแต่งงาน มีครอบครัว ผมจะไม่กล้าออกไปทุบรถ ทันที เราต้องเห็นแก่ ประโยชน์ส่วนรวมกันนะครับ อย่าให้ ขบวนการ NOMINI มาเคลื่อนไหวอีก เพราะ พลังผู้บริโภคที่อ่อนแอ และไม่คิด ปกป้องสิทธิ อย่า เป็น "เฮียหยวน เจ๊ยอม" กัน ลูกหลานจะลำบาก มองกันให้ไกล นี่เป็นเรื่องของชีวิต คุณเอง ต้องดีไซน์ทิศทางลมใต้ท้องรถใหม่ ใ ครีบ รีดลมหลังใต้ท้องรถ ปัญหาจะหมด ไป http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V5025348/V5025348.html นี่คือกระทู้ที่เคยลงในห้องรัชดา แต่ พบกับความว่างเปล่า ทั้งที่ปัญหานี้ เป็นเรื่องความปลอดภัยต่อชีวิต และสุขภาพของประชาชนโดยส่วนรวม สมควรที่จะต้องได้รับการแจ้งเตือนภัยอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อ การตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะ ผู้ใช้รถจำนวนกว่า 50,000 คัน และคนกว่า 100,000คน ควรจะได้รับสิทธิอันพึงมีในการได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ ความไม่ปลอดภัยจากการใช้สินค้า ตาม พรบ คุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไทย เพราะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยส่วนรวม จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กระทู้นี้ เคยลงในรัชดา แต่ ปัจจุบัน มีแต่ความว่างเปล่า ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ให้ความสำคัญของการคุ้มครองผู้บริโภค โดยบัญญัติถึงสิทธิ ของผู้บริโภคไว้ในมาตรา 57 ว่า"สิทธิของบุคคลซึ่งเป็นผู้บริโภคย่อมได้รับความคุ้มครองทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ"                พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 ได้บัญญัติสิทธิของผู้ บริโภคที่จะได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมาย 5 ประการ ดังนี้                1. สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่ จะได้รับการโฆษณาหรือการ แสดงฉลากตามความเป็นจริงและปราศจากพิษภัยแก่ผู้บริโภค รวมตลอดถึงสิทธิที่จะได้รับทราบ ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอย่างถูกต้องและเพียงพอที่จะ ไม่หลงผิด ในการซื้อสินค้าหรือรับบริการโดยไม่เป็นธรรม                              3. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่ปลอดภัย มีสภาพและคุณภาพได้มาตรฐาน เหมาะสมแก่การใช้ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สิน ในกรณีใช้ตามคำแนะนำหรือระมัดระวังตามสภาพของสินค้าหรือบริการนั้นแล้ว ดังนั้น ผู้บริโภคคนไทยก็สมควรได้รับ                 สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ 3. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ ได้แก่ สิทธิที่จะได้รับสินค้าหรือบริการที่ปลอดภัย มีสภาพและคุณภาพได้มาตรฐาน เหมาะสมแก่การใช้ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สิน ในกรณีใช้ตามคำแนะนำหรือระมัดระวังตามสภาพของสินค้าหรือบริการนั้นแล้ว หน่วยงานที่มีทั้งอำนาจและหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญคือ สคบ http://www.ocpb.go.th/main_previlege.asp อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ได้บัญญัติไว้ ในมาตรา 10 ให้คณะกรรมการ คุ้มครองผู้บริโภค มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้        1. พิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจ        2. ดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคตามมาตรา 36        3. แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สิทธิ ของผู้บริโภคในกรณีนี้อาจระบุชื่อสินค้า หรือบริการ หรือชื่อของผู้ประกอบธุรกิจด้วยก็ได้        4. ให้คำปรึกษาและแนะนำแก่คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง และพิจารณาวินิจฉัยการอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง        5. วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องและคณะอนุกรรมการ        6. สอดส่องเร่งรัดพนักงานเจ้าหน้าที่ ส่วนราชการ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐให้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ตลอดจนเร่งรัดพนักงาน เจ้าหน้าที่ให้ดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภค        7. ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคที่คณะกรรมการเห็นสมควร หรือมีผู้ร้องขอตามมาตรา 39        8. รับรองสมาคมตามมาตรา 40        9. เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภค และพิจารณาให้ ความเห็น ในเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับการ คุ้มครองผู้บริโภคตามที่คณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีมอบหมาย       10. ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ในการปฏิบัติหน้าที่นี้ คณะกรรมการอาจมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นผู้ปฏิบัติการหรือเตรียมข้อเสนอมายังคณะกรรมการเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:50:43 ]

ความคิดเห็นที่ 28 การดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าที่อาจเป็นอันตราย           นอกจากการคุ้มครองผู้บริโภคด้านการโฆษณา การคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลากและการคุ้มครองผู้บริโภค ด้านสัญญาแล้ว พระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 36 ยังให้อำนาจคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าที่อาจเป็นอันตราย ดังนี้        1. เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่า สินค้าใดอาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค คณะกรรมการอาจสั่งให้ผู้ประกอบ ธุรกิจดำเนินการ ทดสอบหรือพิสูจน์สินค้านั้นได้ ถ้าผู้ประกอบธุรกิจไม่ดำเนินการตามที่คณะกรรมการสั่งหรือดำเนิน การล่าช้าโดยไม่มี เหตุผลอันสมควร คณะกรรมการจะจัดให้มีการพิสูจน์โดยผู้ประกอบ ธุรกิจเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายก็ได้        2. ถ้าผลการทดสอบหรือพิสูจน์ปรากฏว่าสินค้านั้นเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค และกรณีไม่อาจป้องกันอันตรายที่ จะเกิดจากสินค้านั้นได้โดยการกำหนด ฉลากตามมาตรา 30 หรือตามกฎหมายอื่น ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งห้าม ขายสินค้านั้นและถ้าเห็นสมควร จะสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจเปลี่ยนแปลงสินค้า นั้นภายใต้เงื่อนไขตามที่คณะกรรมการ กำหนดก็ได้ ในกรณีที่สินค้านั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือเป็นที่สงสัยว่าผู้ประกอบธุรกิจจะเก็บสินค้านั้นไว้เพื่อขาย ต่อไปคณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจทำลายหรือจะจัดให้มีการทำลายโดยผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายก็ได้        3. ในกรณีที่จำเป็นเร่งด่วน ถ้าคณะกรรมการมีเหตุที่น่าเชื่อว่าสินค้าใดอาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งห้ามขายสินค้านั้น เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะได้มีการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้า        4. ถ้าผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าที่คณะกรรมการสั่งห้ามขายเพราะสินค้านั้นอาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค ตามมาตรา 36 นี้ ผู้ประกอบธุรกิจนั้นต้อง ระวางโทษตามมาตรา 56 คือจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าผู้ประกอบธุรกิจนั้น เป็นผู้ผลิต เพื่อขายหรือเป็นผู้สั่ง หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายต้องระวางโทษหนักขึ้น คือ จำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ http://www.ocpb.go.th/main_consumer_dangerous_merchandise.asp จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จากที่กล่าวมาทั้งหมด นั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องให้ข้อมูลข่าวสารนี้ เพื่อให้ผู้ใช้รถ ได้ตรวจสอบ และป้องกัน การสะสมของสารพิษ ต้องช่วยกันดูแลสังคม เพียงแค่บอกข่าว พิสูจน์ได้ด้วยตาเปล่า และเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หากท่านเป็นผู้บริหาร ของบริษัทนี้ ท่านจะมีหลักการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาอย่างไร หากเรื่องที่บริษัท กำลังเผชิญหน้าในอนาคตนั้น อาจทำให้เกิด" CRISIS"ขึ้น พร้อมเหตุผล ในการบริหารความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และขอให้ข้อมูลเพิ่มว่า บริษัท นี้ก็เคยเกิดปํญหาเบรคทื่อ จากการออกแบบระบบเบรคที่ผิดพลาด แต่ก็ยังไม่แก้ไขอะไรให้สมบูรณ์ แต่แก้ไขที่ปลายเหตู ภายใต้โมเดลทางธุรกิจ ของบริษัทนี้นั้นมี PRINCIPLEว่า   PROFIT=(PRICE-COST) X VOLUME โดยมองว่า การที่จะนำพาบริษัท ไปสู่ผลกำไรสูงสุดนั้น (MAXIMIZE PROFIT OF THE FIRM) ใช้กลยุทธ์ COST LEADERSHIP โดยการลดต้นทุน cost reduction  เพราะ บริษัทนี้ คิดว่า การลดต้นทุนของรถยนต์ที่ผลิต จะสามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และนี่คือ บรษัท ที่มี แนวคิด PRINCIPLEว่า   COST + PROFIT =PRICEเพราะไม่ได้มุ่งไปที่การลดต้นทุน  จึงทำให้ เกิดการยอมรับต่อสินค้าที่อาจไม่ปลอดภัย ต่อการใช้จึงยื่นอกแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มภาคภูมิ และเป็นลูกผู้ชายที่ดี จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 30 และขอฝากอีกหนึ่งคำถามว่า หาก กรณีกาซพิไอเสียนี้ เกิดขึ้นใน ประเทศที่มีกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคที่แข็งแรงและใช้งานได้จริง นั้น ตามหลัก LEMON LAW ท่านว่า บริษัท นี้ สมควรเปลี่ยนชื่อเป็น "เจ๊ง น่ำ เส็ง "หรือไม่ จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:53:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จากที่กล่าวมาทั้งหมด จากมุมมองของนักลงทุน ท่านคิดว่าบริษัทนี้ มีความเสี่ยงในการลงทุน เป็นเช่นไร และสถานการณ์นี้ กลุ่ม ธุรกิจใด จะได้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านคิดเห็นเช่นไร จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 00:56:10 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรื่องอาการเขม่าเข้ารถผิดปรกติดนี้เป็นเฉพาะบางคันเท่านั้น   และศูนย์บริการก็ทราบถึงแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขแล้ว  และก็มีรถที่มีปัญหาก็ไปรับบริการแก้ไขให้เรียบร้อยมาแล้ว  สำหรับท่านใดที่มีพบปัญหานี้   สามารถติดต่อขอรับการแก้ไขได้ที่ศูนย์บริการได้เลยครับ อ้อ  ผมไม่ใช่คนของโตโยต้านะ   แต่เพียงเอาข้อเท็จจริงมาบอกเท่านั้น จากคุณ : sunsetbeach - [ 12 ม.ค. 50 06:42:55 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ลักษณะการเขียน พูดได้คำเดียว มืออาชีพ สงสัยต้องมีอะไรหเบื้องหน้าหลังส่วนตัว จากคุณ : ผลประโยชน์ส่วนตัว - [ 12 ม.ค. 50 07:00:12 A:124.120.131.95 X: TicketID:000564 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โดยส่วนตัวผมเลี่ยงที่จะซื้อรถที่ดัดแปลงจากรถกระบะทุกยี่ห้อ เพราะโดย Concept Design เริ่มแรกคิดว่าเขาออกแบบเพื่อการบรรทุก หากจะซื้อ SUV ก็ต้อง SUV แท้ๆ ไม่ไช่ดัดแปลงมาเพื่อลดต้นทุนการผลิต ซึ่งเป็นนิสัยปกติของญี่ปุ่นที่ลงตัวกับความต้องการของคนไทย ดีครับช่วยกันตีแผ่ หลายยี่ห้อคุณภาพต่ำมาก แต่ไม่เคยได้รับการร้องเรียน โดยเฉพาะพวกที่โฆษณาใช้น้ำมันครึ่งถังวิ่งเชียงราย ยันปาดังเบซาร์ยังไม่หมด นี่แหละตัวดี จากคุณ : เม่ามีชัย - [ 12 ม.ค. 50 07:23:36 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ลักษณะการเขียนต้องมีอะไรเบื้องหน้าหลังส่วนตัว จากคุณ : yai-cho - [ 12 ม.ค. 50 07:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 มืออาชีพ หรือ ไม่มืออาชีพ  ไม่ใช่ประเด็น   ความจริงเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์ ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งคือ  มีการร้องเรียน ลักษณะนี้หลายครั้งแล้ว  เราผู้บริโภค  ได้แต่รับทราบแล้วไตร่ตรองมากกว่ามาดิสเครดิสกัน จากคุณ : ไทไท - [ 12 ม.ค. 50 08:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 12 ม.ค. 50 08:23:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 . จากคุณ : yai-cho - [ 12 ม.ค. 50 08:24:39 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เขาเรียกทักษะการเขียนครับ การที่เขาเขียนเรียบเรียงได้ดี อาจหมายความว่าเขาได้คะแนน การเขียนวิชาภาษาไทยดีกว่า ฮา จงดูที่เนื้อหาดีกว่า ผมเชื่อว่ามีอะไรให้พิสูจน์เยอะ ไอนสไตน์บอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าฟามรู้ และ คำถามที่ดีสำคัญกว่าคำตอบ ********** คนเขียนกล้าแสดงเนื้อหาแล้ว เรามาช่วยกันค้นหาฟามจริงดีฟ่า นิสัยตั้งข้อแม้สร้างเงื่อนไข จับผิด ผมว่าไม่น่านิยมแต่อย่างใด จากคุณ : มีใครไทยแลนด์ - [ 12 ม.ค. 50 08:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คันต่อไปที่ยังซื้อก็คงเป็น ขุนเข่า โตต้า ครับ ก็มันชอบนะครับ จากคุณ : ชอบมานาน - [ 12 ม.ค. 50 08:42:35 A:203.188.43.229 X: TicketID:128313 ]

ความคิดเห็นที่ 41 แหมยาว  ใช้เวลาอ่านอยู่นาน เข้าใจว่า จขกท เป็นเอ็นจิเนียร์ หรือไม่ก็มีความรู้ทางช่างพอดู วิเคราะห์ละเอียดและ ทำข้อมูลมากเลย ปัญหาคือ คนๆเดียวอาจรู้รายละเอียด ไม่ครบถ้วน คุณน่าจะปรึกษาผู้รู้คนอื่นๆ  ด้วย ในข้อมูลของคุณ  มีหลักใหญ่ 2 เรื่องที่ผมเห็นว่าคุณเข้าใจผิด 1) เรื่องอากาศหมุนวนตรงท้ายท่อไอเสีย     ผมเคยทำงานระบบท่ออากาศ  มองว่าไม่น่าจะเป็นอย่างที่คุณอธิบาย       (แต่ก็ไม่แน่ใจ 100%  ควรทำการทดลอง)   2)  เรื่องคอล์ยเย็นดูดควันเข้ามา   เรื่องนี้ไม่ใช่แน่นอน      น้ำยาแอร์เป็นระบบปิด  ตัวมันอยู่ในท่อออกไม่ได้  อากาศหรือควันก็เข้าไปในท่อไม่ได้      ที่ผ่านเข้าออกได้คือความร้อน ซึ่งเป็นพลังงาน ไม่มีตัวตนเท่านั้น จขกท ลองไปหารายละเอียดเพิ่มเติมดูนะครับ จากคุณ : Mudady - [ 12 ม.ค. 50 08:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมว่าบริษัทควรออกมาไขความกระจ่างให้ชัดเจน ในสื่อต่าง ๆ เรื่องจริงไม่จริง ก็คงต้องพิสูจน์กัน แต่ถ้าปล่อยเป็นคลื่นใต้น้ำแบบนี้ไปเรื่อย ในเวปบอร์ดหรือสื่อต่าง ๆ โดยไม่มีการตอบสนองก็คงทำให้บริษัทเสียชื่อเสียงแน่ ๆ ครับ ยิ่งเงียบก็ยิ่งทำให้ผู้บริโภคยิ่งเชื่อว่าเป็นจริง บางครั้งการนิ่งไม่ตอบโต้ ก็ไม่สามารถทำให้ปัญหาทุเราหรือสงบลงได้เสมอไปนะครับ จากคุณ : KOHAKU - [ 12 ม.ค. 50 09:03:01 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จริงหรือไม่ถ้าการแก้ปัญหาไม่ยากก็ไม่น่ามีปัญหา แค่หาปลอกสเตนเลสใส่เพิ่มฟามยาวแค่นั้น ก็จบ เท่านั้นผมว่าถ้าไม่มีเขม่าเข้าไปอีกก็น่าจะช่วยได้ จากคุณ : มีใครไทยแลนด์ - [ 12 ม.ค. 50 09:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รถผมเป็นเพราะเปลี่ยนไฟท้ายครับ แต่ตอนนี้เปลี่ยนกลับเหมือนเดิมแล้วครับ ปัญหาลดลงแต่ยังไม่แน่ใจจะมีจุดรั่วจุดไหนอีกหรึปล่าว จากคุณ : คนภูพาน - [ 12 ม.ค. 50 09:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ปัญหานี้แก้ง่ายครับ ขาย fortuner ไปซื้อ mu7 ก็หมดเรื่อง จากคุณ : rider XXX - [ 12 ม.ค. 50 09:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ความคิดเห็นที่ 45   ปัญหานี้แก้ง่ายครับ ขาย fortuner ไปซื้อ mu7 ก็หมดเรื่อง จากคุณ : rider XXX   - [ 12 ม.ค. 50 09:52:57 ]       555 ใช่ครับ ตรงตามวัตถุประสงค์ จขกท. จากคุณ : yod_envi - [ 12 ม.ค. 50 11:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เอาเถอะครับ ซื้อรถราคาแค่นี้มันก็เป็นอย่างนี้แหละ คราวหน้าก็ยอมเสียเงินมากหน่อย ซื้อรถที่ดีกว่านี้หน่อยครับ จากคุณ : บุรี (Buree) - [ 12 ม.ค. 50 12:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ปัญหาแก้ง่ายก็คือ อย่านอนในรถที่จอดนิ่งและเดินเครื่องยนต์ เป็นกันทุกคัน เคยเห็นมีข่าวคนตายออกมาบ่อยๆ ถ้าอยากจะนอนก็ให้ดับเครื่องยนต์และเปิดหน้าต่างลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศถ่ายเท จากคุณ : mar รุ่นเก๋า - [ 12 ม.ค. 50 13:19:44 A:125.25.134.22 X: TicketID:122020 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ไหนๆ ก็พบแล้วว่าสาเหตุมาจากอะไร ทำปลอกแสตนเลสสวมปลายท่อเฉพาะรุ่นนี้ขายเลยครับ เอาให้มีดีไซน์หน่อย แบบหน้าคิตตี้ที่ญี่ปุ่นทำขายนั่นแหละ ของเราแนวไทยๆ เอาหน้าเหลี่ยมๆ ก็ไม่เลวนะ จากคุณ : ในวิกฤตมีโอกาส - [ 12 ม.ค. 50 14:20:26 A:58.10.192.197 X: TicketID:134788 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ Mudady ครับ ข้อสองที่คุณว่านั้นน่ะ จริงๆจขกท.เขาอธิบายถึงไอเสียที่มี CO ปะปน จะถูกพัดลมของชุดคอยล์เย็นดูดอากาศนั้นผสมกับอากาศเดิมในห้องโดยสารผ่านคอยล์เย็น(อีวาพอเรเตอร์ยูนิต)เพื่อลดอุณหภูมิอากาศและมาออกทางช่องแอร์ ทำให้มี CO และก๊าซพิษอื่นๆ ทำให้เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารในห้องโดยสารครับ ไม่ใช่ไอเสียเข้าไปในระบบน้ำยาทำความเย็น(R134)ของรถนะครับ คนละเรื่องกันเลย จากคุณ : แมงเม่า - [ 12 ม.ค. 50 17:29:26 A:58.10.195.200 X: TicketID:127012 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณ   คุณ : แมงเม่า ที่ช่วยอธิบายครับ ------------------------------------------------------- ในข้อมูลของคุณ  มีหลักใหญ่ 2 เรื่องที่ผมเห็นว่าคุณเข้าใจผิด 1) เรื่องอากาศหมุนวนตรงท้ายท่อไอเสีย    ผมเคยทำงานระบบท่ออากาศ  มองว่าไม่น่าจะเป็นอย่างที่คุณอธิบาย      (แต่ก็ไม่แน่ใจ 100%  ควรทำการทดลอง)   ----------------------------------------------------------- จาการบันทึกด้วย วีดีโอ ที่ผูกไว้ท้ายรถ ขณะวิ่ง มันชัดเจนมากตามเหตุผลนี้ ทิศทางการไหลของอากาศ ใต้ท้องรถ กระแทกกับ ด้านล่างของกันชนท้ายรถ ทำให้ อากาศยกตัวขึ้น เข้าไปในโพรงอากาศท้ายรถกระจายออกทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว และ ยกตัวขึ้น เข้า โพรงอากาศท้าย ตรงไฟท้าย ประกอบกับ ปลายท่อไอเสียสั้นไม่พ้น แนวกันชนท้าย ดันหลบเข้าไปในกันชนท้าย ประมาณ 2cm และดันจมตามความสูงเข้าไปในกันชนประมาณ3cm เท่ากัน ทั้ง เบนซิน และดีเซล จึงทำให้ อากาศที่หมุนวน และยกตัวขึ้นนั้น ดึงเอากาซพิษไอเสียเข้ามาในอากาศที่หมุนวนด้วย ซึ่งประกอบด้วยกาซพิษไอเสีย และเขม่ายกตัวสูงขึ้น ด้วยความเร่ง ทำให้ กาซพิษไอเสีย วิ่งเข้าสู่ โพรงไฟท้ายทั้งสองข้าง และ มีอัตราการไหลที่รวดเร็ว กาซพิษไอเสียเข้าในรถทุกจุดที่เป็นช่องเปิด เชื่อมกับอากาศในรถ มันมากกว่าการแพร่กระจาย แต่กาซพิษไอเสีย มีอัตราการไหลที่สูงมาก ลองนึกถึงถุงพลาสติกที่อยู่ท้ายรถกระบะ เวลารถวิ่ง ถุงพลาสติกจะลอยหมุนวนอยู่ท้ายรถ อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ ควันจากปลายท่อไอเสีย( เปรียบ เสมือนถุงพลาสติก ) ที่ปลายท่อไอเสียจมลึกเข้าไปในกันชน (ซึ่งเปรียบเหมือนความสูงฝาท้ายกระบะ) การที่ถุงพลาสติก หมุนวน เนื่องจาก ถูก อิทธิพลของลมหมุนปะทะฝาท้ายกระบะ ควันไอเสียจากรถFORTUNER ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจาก ปลายท่อไอเสียจมลึกในกันชน จึงได้รับ อิทธิพล ของแรงหมุนของอากาศใต้รถ เหมือน พายุ เฮอร์ริเครน ที่จะ ดึงดูด ทุกสิ่งหากของสิ่งนั้น อยู่ในแนวการหมุนของพายุ ครับ ไอเสีย FORTUNER ก็เช่นเดียวกัน จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 20:49:20 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ลองดูประโยคนี้ 4. ถ้าผู้ประกอบธุรกิจขายสินค้าที่คณะกรรมการสั่งห้ามขายเพราะสินค้านั้นอาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค ตามมาตรา 36 นี้ ผู้ประกอบธุรกิจนั้นต้อง ระวางโทษตามมาตรา 56 คือจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าผู้ประกอบธุรกิจนั้น เป็นผู้ผลิต เพื่อขายหรือเป็นผู้สั่ง หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายต้องระวางโทษหนักขึ้น คือ จำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เมื่อเทียบกับ สุขภาพ และความปลอดภัย ของผู้ใช้รถFORTUNERจำนวน 100,000 คน ท่านว่าบริษัทนี้ จะเลือกอะไร ก็ยังคงไม่สนใจอะไร ขายรถใหม่ได้ทุกเดือน เดือนละ 2,500 คัน เป็นเงิน 2,500,000,000 บาท ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า ก๊าซพิษไอเสียเข้ารถ   .......ชีวิตของลูกค้า มีค่ามากกว่า  ผลกำไรทางธุรกิจ. จากคุณ : saroach - [ 12 ม.ค. 50 20:51:32 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ผมไม่มีตังซื้อรุ่นนี้หรอก หรือถ้ามีก็ไม่ซือ้เพราะชอบตัวอื่นมากกว่า ขอบคุณครับ ยังไงลองรอดูคนที่ใช้รุ่นนี้ด้วยกัน เข้ามาแสดงความเห็นกันต่อไป แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 50 02:03:22 จากคุณ : JJCOMBO - [ 13 ม.ค. 50 02:02:37 ]

ความคิดเห็นที่ 54 นั่นดิ ประเทศไทย ไม่มี notebook ยี่ห้อไหนใช้ batt ของ SONY เลยเหรอ รถยนต์บ้านเราก็มีไฟไหม้ให้เห็นเป็นข่าวเหมือนในต่างประเทศ แต่ไม่เห็นเคยมีรถรุ่นไหนในประเทศไทยเคยถูกเรียกมาปรับปรุงเลยสักครั้งเดียว สคบช่วยดูด้วย เพราะมันมีผลกับความปลอดภัยของคนหมู่มาก อย่ามัวแต่จับผิดรายcase อย่างเดียวเลย จากคุณ : ค่าง (ค่าง) - [ 13 ม.ค. 50 02:22:21 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สคบ ทำอะไรอยู่ครับ ใครติดต่อได้ สื่อมวลชน อยู่ไหน จากคุณ : เรียกผมว่าสุดที่รัก (shine_o) - [ 13 ม.ค. 50 18:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โดยปกติแล้ว ตำแหน่งของปลายท่อไอเสีย ของรถทั่วไปจะอยู่ พ้นแนวกันชนหลังออกมา และ ระดับปลายท่อไอเสียจะอยู่ ต่ำกว่า แนวกันชน ทำให้ ไอเสียไม่ถูกดูดกลับขึ้นไปที่รถ และไม่ถูกอิทธิพลของลมที่ยกตัวขึ้นหลังปะทะกันชนท้ายที่ ยกตัวสูงขึ้น จากคุณ : saroach - [ 13 ม.ค. 50 21:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โดยปกติแล้ว ตำแหน่งของปลายท่อไอเสีย ของรถทั่วไปจะอยู่ พ้นแนวกันชนหลังออกมา และ ระดับปลายท่อไอเสีย จะอยู่ ใต้ แนวกันชน ทำให้ ไอเสียไม่ถูกดูดกลับขึ้นไปที่รถ และไม่ถูกอิทธิพลของลมที่ยกตัวขึ้นหลังปะทะกันชนท้าย และ ยกตัวสูงขึ้น จากคุณ : saroach - [ 13 ม.ค. 50 21:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 58 แต่ทำไม????ปลายท่อไอเสียของ FORTUNER ถึงออกแบบมาสั้น ไม่พ้น แนวกันชนท้าย ดันหลบเข้าไปในกันชนท้าย ประมาณ 2cm และระดับอยู่ลึกเข้าไปในกันชนประมาณ3cm เท่ากัน ทั้ง เบนซิน และดีเซล ไม่เหมือน รถปกติทั่วไป ทำให้ในกรณี ทีรถFORTUNER วิ่งด้วยความเร็วนั้น จากการออกแบบ ทางด้านอากาศพลศาสตร์ที่บกพร่อง ทำให้เกิดการหมุนวนของกาซพิษไอเสีย เนื่องจากไม่มี การออกแบบ ครีบรีดลมด้านท้าย เพราะ มียางอะไหล่ วางอยู่ใต้ท้อง รถ (ซึ่งแต่ทำไมรถยุโรปจะมี การออกแบบ ครีบรีดลมด้านท้าย ) ทำให้ ทิศทางการไหลของอากาศ ใต้ท้องรถ กระแทกกับ ด้านล่างของกันชนท้ายรถ ทำให้ อากาศยกตัวขึ้น ประกอบกับ ปลายท่อไอเสียสั้นไม่พ้น แนวกันชนท้าย ดันหลบเข้าไปในกันชนท้าย ประมาณ 2cm และดันจมตามความสูงเข้าไปในกันชนประมาณ3cm เท่ากัน ทั้ง เบนซิน และดีเซล จึงทำให้ อากาศที่หมุนวน และยกตัวขึ้นนั้น ดึงเอากาซพิษCO ไอเสียเข้ามาในอากาศที่หมุนวนด้วย ซึ่งประกอบด้วยกาซพิษไอเสีย และเขม่ายกตัวสูงขึ้น ด้วยความเร่ง ทำให้ กาซพิษไอเสีย วิ่งเข้าสู่ โพรงไฟท้ายทั้งสองข้าง และ มีอัตราการไหลที่รวดเร็ว กาซพิษไอเสียเข้าในรถทุกจุดที่เป็นช่องเปิด เชื่อมกับอากาศในรถ มันมากกว่าการแพร่กระจาย แต่กาซพิษไอเสีย มีอัตราการไหลที่สูงมาก ลองนึกถึงถุงพลาสติกที่อยู่ท้ายรถกระบะ เวลารถวิ่ง ถุงพลาสติกจะลอยหมุนวนอยู่ท้ายรถ อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ ควันจากปลายท่อไอเสีย( เปรียบ เสมือนถุงพลาสติก ) ที่ปลายท่อไอเสียจมลึกเข้าไปในกันชน (ซึ่งเปรียบเหมือนความสูงฝาท้ายกระบะ) การที่ถุงพลาสติก หมุนวน เนื่องจาก ถูก อิทธิพลของลมหมุนปะทะฝาท้ายกระบะ ควันไอเสียจากรถFORTUNER ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจาก ปลายท่อไอเสียจมลึกในกันชน จึงได้รับ อิทธิพล ของแรงหมุนของอากาศใต้รถ เหมือน พายุ เฮอร์ริเครน ที่จะ ดึงดูด ทุกสิ่งหากของสิ่งนั้น อยู่ในแนวการหมุนของพายุ ครับ ไอเสีย FORTUNER ก็เช่นเดียวกัน เรื่องนี้ เป็นความปลอดภัยของคนโดยส่วนรวม คนไทยด้วยกันต้องช่วยกันแจ้งข่าว ลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด ต้องช่วยกัน แจ้งข่าว ไม่ใช่ ปกปิด แบบวิศวกรญี่ปุ่น 3 คนที่ถูก สอบสวน ในการพยายามปกปิดข้อบกพร่องของรถเป็นเวลา 8 ปี สื่อที่ดี ต้องช่วยกัน ทำหน้าที่ของ สื่อ สาร มวลชน เพราะ ลูกค้าที่แท้จริง ของท่านคือ ประชาชน ไม่ใช่ บริษัทผู้ผลิต กำลัง ใช้รถFORTUNER โดยไม่ณู้ ถึงภัยจากาซพิษไอเสีย ที่เข้ารถ ตลอดเวลา และตายผ่อนส่ง อย่างไร้การดูแล จากคนในสังคม การพิสูจน์ข้อบกพร่องที่ กาซพิษ CO และ เขม่า เข้ารถ ตามรูปด้านล่าง จากคุณ : saroach - [ 13 ม.ค. 50 21:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 59 จากหลายกรณีที่ผ่านมา จะเห็นว่า บริษัทนี้ พยายามปกปิด ข้อบกพร่องของรถยนต์ เช่นกรณีนี้ ที่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของบริษัท 3 คนถูกสอบสวนในคดี อาชญากรรม หลังถูกตั้ง ข้อสงสัยว่า พยายามปกปิดข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นกับรถยนตื เป็นเวลานาน ถึง 8 ปีเต็ม และในกรณี ของFORTUNER นั้น ที่กาซพิษ CO และเขม่าไอเสีย เข้ารถ คงไม่ต้องพูดว่าจะเป็นเช่นไร ก่อนหน้านี้ ปัญหาเบรค FORTUNER แถลงว่า เบรคทื่อ แต่ ปลอดภัย ก็ยังไม่มีเสียงอะไรอีกออกมาจากผู้ผลิต และเอกสารจากบริษัทนี้ก็ระบุว่า อุณหภูมิของผ้าเบรคล้อหน้าสุงสุดถึง 550 องศาเซลเซียส แต่จาการทดสอบ ผ้าเบรคหน้าของ FORTUNER ทนอุณหภูมิ ได้แค่ 300 องศาเซลเซียส เท่านั้น ก็ยังคงไม่กล้าโผล่หน้าออกมา ดังเอกสารแนบ จากคุณ : saroach - [ 13 ม.ค. 50 21:30:32 ]

ความคิดเห็นที่ 60 และจากการที่ สคบ ทำหนังสือที่สุดแสนจะล่าช้า ถึง มอก ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ ตั้งแต่วันที่ 19 กค 2549 แต่ มีการทุบรถตั้งแต่ 27 ตุลาคม 2548 ก็ไม่ทราบว่า ผลมาเป็นอย่างไร และคงนึก ไม่ถึงว่าบริษัทนี้ จะออกจดหมาย มัดคอตนเองที่ว่า อุณหภูมิสูงสุดของผ้าเบรคหน้า ประมาณ 550 องศาเซลเซียส ทั้งที่อุณหภูมิ ที่ผ้าเบรคหน้า ยังคงประสิทธิภาพที่ไม่เกิน 300 องศาเซลเซียส และ ตอบสังคมว่า เบรคทื่อ แต่ปลอดภัย และการปล่อยข่าว การเปลี่ยนหม้อลมเบรคเบอร์ใหม่ ขนาดเท่าเดิม ไม่มีคำตอบจากผู้ผลิต ถึงความแตกต่าง และข้อมูลก็ไม่รับรู้อย่างทั่วถึง จากคุณ : saroach - [ 13 ม.ค. 50 21:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เอกสารจากบริษัทนี้ก็ระบุว่า อุณหภูมิของผ้าเบรคล้อหน้าสุงสุดถึง 550 องศาเซลเซียส แต่จาการทดสอบ ผ้าเบรคหน้าของ FORTUNER ทนอุณหภูมิ ได้แค่ 300 องศาเซลเซียส เท่านั้น ก็ยังคงไม่กล้าโผล่หน้าออกมา ดังเอกสารแนบ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : saroach - [ 13 ม.ค. 50 21:34:59 ]

ความคิดเห็นที่ 62 จากหลายกรณีที่ผ่านมา จะเห็นว่า บริษัทนี้ พยายามปกปิด ข้อบกพร่องของรถยนต์ เช่นกรณีนี้ ที่ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่น ระบุว่า เจ้าหน้าที่ของบริษัท 3 คนถูกสอบสวนในคดี อาชญากรรม หลังถูกตั้ง ข้อสงสัยว่า พยายามปกปิดข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นกับรถยนตื เป็นเวลานาน ถึง 8 ปีเต็ม และในกรณี ของFORTUNER นั้น ที่กาซพิษ CO และเขม่าไอเสีย เข้ารถ คงไม่ต้องพูดว่าจะเป็นเช่นไรมันคงปกปิด กันไปอีก 8 ปี [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : saroach - [ 13 ม.ค. 50 22:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 63 โตโยต้า   มาตอบไวๆหน่อยครับ จากคุณ : ไทไท - [ 15 ม.ค. 50 11:45:03 ]