ความคิดเห็นที่ 1 ข้อมูลที่ผมใช้คือมูลค่า NAV ย้อนหลัง 5 ปีตั้งแต่ปี 2545 ถึงปี2549 ของทั้ง 2 กอง รวมถึงดัชนีตลาดหลักทรัพย์ด้วย เมื่อนำมา พล็อตกราฟมูลค่า NAV เทียบกับวันฐานคือ 28ธค.2544 (วันทำการสุดท้ายของปีก่อนหน้า) ทำให้ได้กราฟรูปนี้คือ จากคุณ : teeranet - [ 13 ม.ค. 50 23:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จะเห็นได้ว่าทั้งกองทุน R (เส้นสีเขียว) และกองทุน S (เส้นสีชมพู) ทำได้ดีกว่า SET (เส้นสีน้ำเงิน) ทั้งคู่ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ กราฟเส้นสีเขียวกับสีชมพูห่างกันมากๆๆๆๆๆ นั่นหมายความว่า ถ้าคุณลงทุนเงิน 3 กองๆ ละ 10,000 บาท (รวมเซตด้วย) ตั้งแต่ต้นปี 2545 แล้วเก็บเกี่ยวตอนปลายปี 2549 (รวมเวลาทั้งสิ้น 5 ปี) กองทุน R จะคืนให้ 34,703 บาท (+247.0% เทียบกับเงินลงทุน 10,000 บาท) กองทุน S จะคืนให้ 25,983 บาท (+159.8%) และ SET จะคืนให้ 23,320 บาท (+133.2%) อ๊ะ งั้นเราก็ลงกอง R เลยซิ ให้ผลตอบแทนมากกว่ากอง S ตั้ง (24,703-15,983)/15,983*100=55% และมากกว่า SET ถึง 85% เพราะกอง S ให้ดีกว่า SET แค่ 20% เท่านั้น ไม่ เห็นต้องคิดมากเลย ของมันเห็นๆ อยู่แล้วนี่ จากคุณ : teeranet - [ 13 ม.ค. 50 23:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ยังครับ ช้าก่อน นึกสงสัยไหมว่าทำไมยักษ์ใหญ่สองบลจ.ถึง มีฝีมือในการบริหารกองทุนต่างกันสุดกู่ขนาดนี้ งั้นลองกลับ ไปอ่านหนังสือชี้ชวนฉบับย่อของทั้งสองกองอีกรอบนึง อืม เจอแล้ว นอกจากนโยบายการลงทุนที่เหมือนกันแล้ว ทั้งสองกองมีการเก็บค่าต๋งต่างกันนี่เอง โดยกองทุน R เก็บค่าต๋ง 2 ขา (ซื้อและขาย) ขาละ 1% และกองทุน S เก็บเฉพาะขาออก เพียง 0.1% เท่านั้น อ้าวหักค่าต๋งแล้ว กองทุน R ก็จ่ายมากกว่าอยู่ดี ยังไงๆ ก็ต้อง เลือกกองทุน R อยู่แล้ว .... ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ... งั้นผมถามเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ก่อนดีกว่าว่าค่าต๋งที่แตกต่างกัน ของทั้งสองกองนี้ ท่านคิดว่ามีผลต่อผลการดำเนินงานของกองทุน หรือเปล่าเอ่ย?? แล้วท่านจะเลือกใช้บริการกองไหนดีล่ะ จากคุณ : teeranet - [ 13 ม.ค. 50 23:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เอ่อ มีกองที่เก็บสองขา ขาละ 1% ด้วยเหรอครับ? ขนาดกอง Aberdeen ที่แพงแล้วยังเก็บแค่ขาเดียวเลย จริงๆแล้วเนี่ย คุณต้องดูเหมือนกันว่ากองนั้นมีแนวแบบ Passive หรือ Active ซึ่งกอง "S" น่าจะเป็น Passive เลยมีไม่ต่างกับ SET มากนัก ส่วนข้อต่างที่แน่นอนอยู่แล้วครับ.... กอง R เหมาะสำหรับคนเล่นระยะยาวหรือปานกลาง ส่วนคนที่เล่น S ควรแทบจะทำการซื้อขายบ่อยมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์จากการแกว่งตัวของหุ้นสูงสุด ซึ่งผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับแนวนี้เท่าใหร่ เพราะถ้าวิเคราะเป็น แล้วอย่ากซื้อขายบ่อยๆ สู้เล่นหุ้นเองดีกว่า จากคุณ : Blahz -_-' (Blahz -_-') - [ 14 ม.ค. 50 00:44:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กอง อา นี่กองของ อเบอดีน ใช่ป่าวครับ จากคุณ : ซื่อสัตย์ มั่นคง - [ 14 ม.ค. 50 00:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอแวะเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลนะครับ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่แต่ละที่แต่ละกองทุนคิดไม่เท่ากัน อันดับแรกเลย ต้องดูว่านโยบายแตกต่างกันหรือเปล่า เพราะว่าโดยปกติ กองทุนที่เป็น Index fund ทั้งหลาย ซึ่งมีการบริหารงานแบบ Passive จะคิด fee ต่ำกว่ากองที่เป็น Active ซึ่งนั่นก็จะสะท้อนถึงผลตอบแทนที่ต่างกันด้วย แต่กรณีที่ จขกท. สมมุติมาว่ากองทุนทั้ง 2 นโยบายเหมือนกัน  (ต้อง assume ว่าเหมือนกันมากๆ) ฉะนั้นประเด็นนี้ตกไป เพราะต่างเป็น Active ทั้งคู่ ฉะนั้นต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของ บลจ. แล้วว่าเค้าอยากคิดเท่าไร แล้วเราในฐานะผู้ลงทุนคิดว่ามันเหมาะสม สมเหตุสมผล คุ้มค่าหรือไม่ อันดับต่อไป ค่าธรรมเนียมที่คิดตอนซื้อตอนขายนี่ ปกติเค้าจะคิดกันอยู่แล้วสำหรับกองทุนหุ้น แต่ความต่างอยู่ที่.... ค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บนั้น เป็นการเก็บเข้ากองทุนหรือเก็บเข้าบลจ. .....บางท่านอาจไม่เห็นความต่าง แต่จริงๆ แล้วต่างกันครับ กองทุนที่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าบลจ. เงินก็เข้ากระเป๋าเป็นรายได้ของบริษัทจัดการไป เป็นอันว่าตัดเงินส่วนนี้ออกจากสารบบไป แต่บางกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนครับ ถือเป็นรายได้ของกองทุน ลองนึกภาพดูนะครับ กองทุนรวม 1 กองทุน ในแต่ละวันมีทั้งคนสั่งซื้อ และมีคนสั่งขาย สมมติมีคนซื้อ 100 บาท มีคนขาย 100 บาท คำสั่งมาเท่ากันพอดี กองทุนนี้ก็ไม่ต้องปรับ port อะไรเลย ก็แค่นำเงินจากคนที่สั่งซื้อจ่ายให้คนที่สั่งขายไป...ใช่ไหมครับ แต่ค่าธรรมเนียมที่เกิดจากคนสั่งซื้อและสั่งขายล่ะ สมมติคิดขาละ 0.5% คนซื้อจ่าย 50 สต. คนขายก็จ่าย 50 สต. รวมกันก็เป็นเงิน 1 บาท เอาล่ะ...เงิน 1 บาทนี้จะเข้ากระเป๋าใครดีนะ..อย่างที่บอกถ้าเข้า บลจ. ก็แค่นั้นไม่มีใครได้ประโยชน์ นอกจากตัวบลจ.เอง แต่ถ้าเข้ากองทุนล่ะ...สมมติในวันนั้นให้ราคาหุ้นทุกตัวคงที่ port ไม่เปลี่ยนเลย กองทุนนี้จะมีมูลค่าเพิ่มมาทันที 1 บาท เท่ากับว่ากองทุนมีรายได้เพิ่มครับ ซึ่งก็จะเอามาเฉลี่ยเป็น NAV ต่อหน่วยให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่อยู่ในกองทุนทุกคน ถ้าหากเป็นผู้ลงทุนที่ไม่ทำการซื้อขายบ่อยๆ ก็จะได้ประโยชน์ตรงนี้ไป แต่ถ้าเป็นประเภทเข้าบ่อยออกบ่อยก็ต้องรับภาระตรงนี้ล่ะครับ นอกจากนี้ครับ ขอเพิ่มเติมนิดนึงว่า เดี๋ยวนี้ SET เค้าทำ SET Total Return Index (SET TRI) ออกมาแล้วครับ เป็นดัชนีที่รวมเงินปันผลเข้าไปแล้ว ซึ่งผมว่าควรจะนำมาใช้เป็น Benchmark สำหรับกองทุนหุ้น แทน SET Index ครับ เพราะตัว SET Index เป็นการทำดัชนีที่คิดการเปลี่ยนแปลงของราคาเป็นหลักและไม่ได้คำนึงถึงเงินปันผลที่ได้รับ ลองเข้าไปดูนะครับ ยังไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไร เพราะเค้าเพิ่งเผยแพร่เมื่อกลางปีที่แล้วครับ http://www.set.or.th/th/products/index/tri_p1.html สรุปคือ กองทุนห้นทั่วไป เอาแบบธรรมดาที่สุด Index fund แบบ Passive เล่นตามดัชนี SET 100% ถ้าวัดผลตอบแทนเทียบกับ SET Index แล้ว โดยคร่าวๆ กองทุนนั้น...ควร....จะต้องให้อัตราผลตอบแทนเท่ากับ SET Index บวกด้วยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลรับจากหุ้นที่กองทุนลงทุนอยู่ และผมเห็นด้วยว่าจะต้องศึกษาข้อมูลของกองทุนให้ดีก่อนการลงทุนทุกครั้งครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 50 04:52:32 จากคุณ : สยามรัฐ - [ 14 ม.ค. 50 04:33:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กองทุนหุ้นแต่ละกองทุนแตกต่างกันเยอะนะ เลือกดีๆละ จากคุณ : .. - [ 14 ม.ค. 50 11:20:36 A:125.24.8.197 X: TicketID:135103 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีหลาย บลจ.ที่เรียกเก็บค่าต๋ง 1% ทั้ง 2 ขา ยกตัวอย่าง - กองทุน R เช่น กองหุ้นซีรี่ส์ "รวงข้าว" ของ บลจ.กสิกรไทย - กอง SCBDA ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ แต่จะเก็บค่าต๋งมากน้อย ก็ไม่สำคัญเท่ากับผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยได้รับ เพราะถ้า บลจ.ทำผลงานให้กับกองทุนนั้นได้ดีมาก และคุ้มค่าเมื่อเทียบกับค่าต๋งที่เราต้องจ่ายให้ ก็ถือว่า WORK จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 14 ม.ค. 50 14:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ประเด็นเรื่อง ผลการดำเนินงานกองทุน passiveกับ set index ผมเคยให้ความเห็นอย่างคุณ สยามรัฐ  ไปครั้งหนึ่งแล้ว และก็มีท่านผู้ที่มักจะเข้ามาตอบปัญหาของกองทุนแห่งหนึ่งบ่อยๆ เข้ามาตอบว่า กองทุนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายนะ ไม่ได้จะให้ใครเข้ามาเล่นกันฟรีๆ ทำให้ผลตอบแทนต่ำกว่า set index ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่ายังจะต้องมีการรวมปันผลเข้าไปด้วย ลองไปดูผลตอบแทนย้อนหลังซิครับ กองไหนยิ่งนานยิ่งกว้างออกจากset insex ทางลงนั่นแหละห่วย เพราะปันผลมันหายไปไหน ทำไมยิ่งนานยิ่งห่างออกจาก set ทางลง ท้งๆที่set index ไม่มีการรวมปันผลเข้าไปด้วย จากคุณ : pongto - [ 14 ม.ค. 50 14:15:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ Pjuk กระทู้นี้รอดสายตาคุณไปได้อย่างไรเนี่ย รีบเข้ามาแก้ต่างให้ SCBAM เร็วเข้า --------------------------------------------- คุณสยามรัฐ พูดถึงค่าต๋งที่เก็บเข้า บลจ. (ค่าธรรมเนียมซื้อขายสับเปลี่ยน) กับค่าโบรกเกอร์ที่เก็บเข้ากองทุนเอง (ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ของกองทุนนั้น) หมีพูดีใจที่มีคุณสยามรัฐก็คิดถึงประเด็นนี้เหมือนที่หมีพูก็เคยแสดงความเห็นไว้นานแล้ว และยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า ค่าโบรกเกอร์ที่เรียกเก็บเข้ากองทุนเท่านั้น ทำให้ผู้ลงทุนทุกคนในกองทุนนั้นได้รับประโยชน์และมีความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน --------------------------------------------- คุณ pongto อาจจะมีคำตอบอยู่ในใจเหมือนกับคนส่วนใหญ่เช่นกัน ว่าถ้ากราฟผลตอบแทน (ที่หักค่าต๋งอันแสนแพงออกไปแล้ว) ของกองหุ้น Active มันห่างออกจากกองหุ้น Passive แบบ Index Fund ไปเรื่อย ๆ เราควรจะลงทุนในกองไหนดี  แม้หมีพูจะมีคำตอบที่เหมือนกับคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่หมีพูก็อยากจะชี้ให้เห็นถึงข้อดีของ Index Fund ไว้อย่างนึงว่า กองทุนดัชนีเป็นที่หลบพักเงินลงทุนชั่วคราวในส่วนที่จะลงทุนในหุ้นได้ดีครับ เพราะทำให้เงินลงทุนในส่วนนั้นไม่พลาดจังหวะดีและร้ายของตลาดหุ้นเลย เราอาจจะไม่ลงทุนเพิ่มและพักเงินนั้นไว้ใน Index Fund ให้ผลตอบแทนมันเดินตาม Index ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเห็นจังหวะที่ดีแล้วค่อยโยกไปกองหุ้น Active อื่น ๆ ได้ แต่ถ้าเป็นผู้ลงทุนที่ได้ศึกษาข้อมูลมาเป็นอย่างดีและรับความเสี่ยงที่สูงได้ตลอดทางการลงทุน ก็คงจะ Hold ไว้ในกองหุ้น Active เพื่อจะได้รับผลตอบแทนแบบเต็ม ๆ ในภายหลังครับ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 14 ม.ค. 50 15:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แต่กองหุ้นเล่นเพื่อ Hold เงินจะเสียอยู่อย่างเดียวน่ะสิครับ คือจะใช้เวลาประมาณ T+3 รึเปล่าที่จะได้เงิน.... บลจส่วนมากต้องบอกตอนก่อนบ่ายสาม ถ้าซื้อหุ้นด้วยตัวเองหลังบ่ายสาม ก็จะขายไม่ทันเพื่อตัดหุ้นต่อๆไปน่ะครับ ผมเลยไม่ค่อยเห็นค่าของ index fund เท่าใหร่ ตอนนี้ผมก็ใช้แค่ กองตราสารหนี้ hold เงินไว้แล้วพอซื้อหุ้นเมื่อใหร่ค่อยขายแล้วได้เงิน T+1 จากคุณ : Blahz -_-' - [ 14 ม.ค. 50 21:15:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ Blahz -_-' ครับ มีกองทุนหุ้นที่ขายได้เงิน T+1 ครับ แม้ในหนังสือชี้ชวนจะเขียนว่า T+4 ก็ตาม นั่นคือ.....แต่น..แต็น...แต๊น.....กองทุนหุ้นทั่วไปทุกกองทุนของ บลจ.บัวหลวง  โดยการสั่งซื้อขายสับเปลี่ยนผ่านทุกช่องทาง (เคาน์เตอร์/บัวหลวงโฟน/เอทีเอ็ม) ก่อนเวลา 16.00 น. จะได้รับเงินภายในวันรุ่งขึ้นตอน 12.00 น. โดยเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เริ่มเปิด บลจ.แล้วครับ เชิญทดลองดูได้ครับ...อิอิ ซื้อครั้งแรกไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ซื้อขายครั้งต่อไปไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 14 ม.ค. 50 23:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 13 นับเป็นกระทู้ที่รวมสุดยอดฝีมือกองทุนฯในยุทธภพ จริงๆ นับถือๆๆๆๆๆ จากคุณ : ปิรามิด - [ 15 ม.ค. 50 00:00:43 A:58.136.85.173 X: TicketID:125488 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เยี่ยมจริงๆ ได้ความรู้มากเลย :-) จากคุณ : ด้วยรักและจริงใจ - [ 15 ม.ค. 50 08:37:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถึงพี่หมีพูนะครับ หวัดดีครับพี่หมีพู ผมไม่เจอพี่หมีพูนานเลย คิดถึงครับๆ ถามเหมือนพี่หมีพูครับ ว่าคุณ pjuk ปล่อยให้กระทู้นี่รอดสายตาไปได้ยังไงครับ รบกวนเข้ามาแชร์ความรู้ด้วยครับ หลายคน สนุกดีๆ ต่อนะครับ มุมมองของผมต่อกองทุนรวมตราสารทุน หรือ กองทุนหุ้น แบบ Passive Fund นั้น ผมมองเหมือนเป็นที่พักเงินชั่วคราว และเก็งกำไรระยะสั้นๆครับ  แต่ถ้าคิดจะลงทุนในระยะยาว ส่วนใหญ่แล้วผมมักจะแนะนำให้หากองทุน Active Fund ที่มีนโยบายการลงทุน และผลตอบแทนที่คุ้มค่าครับ สาเหตุหลักๆก็เพราะ โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าดัชนีตลาด เป็นที่รวมความเสี่ยงของบริษัทจดทะเบียนทั้งตลาด ในระยะสั้นๆ เราสามารถคาดการณ์ความเคลื่อนไหวได้ง่ายกว่าระยะยาว แต่หากลงทุนในระยะยาวนั้น ความสามารถในการปรับพอร์ต หรือการบริหารความเสี่ยงของกองทุนนั้น มีความจำเป็นมากกว่าการคาดการณ์แนวโน้มตลาด เพราะเป็นการยากครับ ที่ใครจะเดาตลาดถูกทั้ง 100% เคยเอาลิงค์นี้ จาก finansa มาฝากหลายที่แล้วครับ ขออนุญาติเอามาลงอีกที http://www.finansa-asset.com/th_fund_result.asp?L_Fund_Type=EQU&L_Fund_Size=0%20and%20999999&L_Fund_Performance=--%20Select%20Performance%20Peroid%20--&L_Fund_Rank=All&L_Fund_Maturity=--%20Select%20Fund%20Maturity%20--&L_Fund_Manager=&Fund_Type=MF ลองเปรียบเทียบผลการดำเนินงานดูนะครับ ถ้าสังเกตหน่อยจะเห็นว่ากองทุน 20 อันแรกที่ทำผลตอบแทนได้ที่สุดในตลาด เป็นกองทุน Active Fund ทั้งหมด และยิ่งระยะเวลาการลงทุนยาวเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นถึงความห่างของผลตอบแทนระหว่างกองทุน Active กับ Passive หรือดัชนี ครับ ตามลิงค์ ลองเลื่อนลงมาดูล่างๆนะครับ จะเห็นว่า กองทุน Passive ถึงแม้ผลการดำเนินงานเป็นบวก แต่ก็ยังแพ้ Active อยู่เยอะครับ ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 15 ม.ค. 50 17:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีปีใหม่ Mr.Messenger ครับ ช่วงนี้หมีพูงานเยอะครับ คิดถึงเช่นกัน จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 16 ม.ค. 50 06:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเคยรู้มาว่าบางคนก็ไม่ชอบกองทุน index fundที่บวกมากกว่าตลาดมากๆครับ เพราะว่าโมเดลของกองทุนพวกนี้คือ การได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ดังนั้นบางคนจะมองว่ากองทุนที่บวกมากกว่าดัชนีอ้างอิงมากๆ ไม่ได้ทำตามข้อบังคับกองทุน คือแทนที่จะรักษาระดับผลตอบแทน แต่ไปพยายามทำให้ชนะตลาดแทน อย่างนั้นไปลงทุนในactive fundน่าจะเหมาะกว่า บางคนก็ไม่ค่อยติดตามตลาด การดูแค่indexตามทีวีจึงเป็นเรื่องง่ายกว่า จึงต้องการกองทุนที่มีโอกาสบวกลบตามดัชนีมากกว่า เป็นอีกมุมมองนึงครับ แต่ส่วนตัวชอบลงในactive fundมากกว่า เพราะชอบชนะตลาดมากกว่าดูset50 จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา - [ 16 ม.ค. 50 14:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 18 "....ผ่านทุกช่องทาง (เคาน์เตอร์/บัวหลวงโฟน/เอทีเอ็ม)...." bblam ไม่มีบริการสับเปลี่ยนซื้อขายออนไลน์รึครับ? จากคุณ : The Miracle - [ 16 ม.ค. 50 17:54:47 ]