ความคิดเห็นที่ 4
นอกจากนั้นผู้ถือบัตรยังมีอำนาจในการใช้จ่ายจากปกติได้สูงขึ้น 2-3 เท่าที่เคยใช้จ่ายจากเงินเดือนปกติได้ นั่นแสดงถึงมีเครดิตที่สูงกว่าการใช้เงินสด แต่ในทางตรงกันข้ามการใช้บัตรเครดิตมีข้อเสียอยู่ด้วยถ้าผู้ถือบัตรใช้จ่ายผ่านบัตร อย่างไม่ระมัดระวัง กล่าวคือการใช้จ่ายเกินตัวมากเกินไปจนไม่มีกำลังในการชำระคืน หรือถ้าไม่มีวินัยในการชำระคืนจะถูกธนาคารเรียกเก็บเบี้ยปรับ และดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อประเภทอื่น
บัตรเครดิตในปัจจุบันมี 2 รูปแบบ 1. บัตรเครดิต ซึ่งอำนวยความสะดวกในการซื้อ โดยที่คุณไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก และมีระยะปลอดดอกเบี้ยประมาณ 45-55 วัน นับตั้งแต่วันใช้จ่าย จนครบกำหนดจริง [นั่นหมายถึง ถ้าคุณชำระภายในวันที่กำหนด ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ] โดยทั่วไป ธนาคารกำหนดรายได้ของผู้มีสิทธิถือบัตรเครดิตชนิดนี้ ว่าจะต้องไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน และมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยถูกควบคุมให้อยู่ที่ 18% ต่อปี ทุกธนาคาร ซึ่งเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคจำนวนมาก 2. บัตรกดเงินสด ซึ่งแต่ละธนาคารจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น วงเงินสดหมุนเวียน กล่าวคือ เสมือนบัตร ATM อีกใบ ที่มีวงเงินสดส่วนตัว(ส่วนใหญ่จะมีวงเงินสดให้ ตั้งแต่ 2 เท่าของเงินเดือน) คุณสามารถเบิกใช้ได้เมื่อต้องการโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการกด แต่จะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่การกดใช้เงิน จนถึงวันชำระจริงซึ่งอิงดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร เช่น 18% หรือ 24% หรือ 29% ต่อปี โดยได้รายได้ของผู้มีสิทธิถือบัตรชนิดนี้ว่าจะต้องไม่ต่ำกว่า 7,500 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
วิธีเลือกบัตรเครดิต 1. ดูเงื่อนไขในการสมัครของบัตรนั้น ๆ เช่น เงินเดือนขึ้นต่ำ เงินเดือนต้องผ่านแบงค์ เป็นต้น 2. ประเภทบัตรที่คุณต้องการ เช่น วีซ่า มาสเตอร์ หรือ บัตรที่ใช้ในประเภทเท่านั้น 3. ดูจุดเด่นของบัตร เช่น ใช้ได้ทั่วโลก หรือ กดเงินสดไม่เสียค่าธรรมเนียมเป็นต้น 4. จำนวนร้านค้าที่เป็นสมาชิกบัตรนั้น คือ ถ้าร้านค้าน้อยถือบัตรไว้ก็ใช้ไม่ค่อยได้ 5. หากยังไงท่านก็มีเงินชำระตามกำหนดอยู่แล้วควรเลือกบัตรที่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยนานและค่าธรรมเนียมต่ำ 6. เลือกบัตรที่ค่าธรรมเนียมถูกไว้ก่อน (ปัจจุบันมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมด้วย เช่น บัตรกรุงไทย) 7. เลือกบัตรที่เสียกดอกเบี้ยต่ำที่สุด และระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยนานที่สุด 8. บัตรเครดิตไทย จะอนุมัติง่ายกว่า แต่ระยะเวลาพิจารณาเอกสารนานกว่า (1-3 เดือน) เช่น กรุงไทย กรุงศรี 9. บัตรเครดิตนอก จะอนุมัติยากกว่า แต่ระยะเวลาพิจารณาเอกสารสั้นกว่า (5-10 วัน) เช่น ซิตี้แบงค์ สแตนดาร์ด
กลเม็ดใช้บัตรเครดิตแบบถูกวิธี
ทุกวันนี้การใช้บัตรเครดิตกลายเป็นส่วนหนึ่ง ในชีวิตของคนไทยทั่วไปแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ประกอบการทั้งธนาคาร และสถาบันที่ออกบัตรเครดิตต่างดึงดูดใจลูกค้าด้วยโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมาย จนทำให้จำนวนผู้ใช้บัตรเครดิตเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีบัตรเครดิตแล้วก็ควรใช้อย่างสบายใจและเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
1. ใช้บัตรเครดิตกับสิ่งที่มีความจำเป็นเท่านั้น จากสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ ส่งผลทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ฉะนั้น การจะซื้อสินค้า ก็ควรจะเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น ส่วนสินค้าจำพวกอำนวยความสะดวกให้ชีวิตนั้นคงจะต้องรอไว้ก่อนจนกว่าสภาพคล่องทางการเงินดีขี้นกว่าปัจจุบัน 2. ให้ถือบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินที่มีค่าธรรมเนียม หรือดอกเบี้ยต่ำที่สุด หรือมีไว้หลายธนาคารได้เพื่อสำรองไว้ในยามฉุกเฉิน แต่ควรเลือกใช้ใบที่มีค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด 3. ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันปกติตามความต้องการ เพียงแต่เปลี่ยนรายการใช้จ่ายจากเงินสดมาเป็นบัตรเครดิตแทน ไม่ควรใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากปกติเพราะเหตุผลเพียงว่ามีบัตรเครดิต แล้วใช้จ่ายอะไรก็ได้ ซึ่งความจริงคือเงินของเราที่จะต้องจ่ายธนาคารในอนาคตที่แพงด้วย ถ้าจ่ายตามกำหนดเวลาไม่ได้ 4. ควรจดจำรอบบัญชีบัตรเครดิตแต่ละใบให้แม่นเพราะผู้ถือบัตรจะได้ประโยชน์เรื่อง ระยะเวลาการจ่ายคืนสูงสุดถึง 15-55 วันขึ้นอยู่กับวันที่ใช้ เพราะถ้าผู้ถือบัตรใช้ช่วงต้นรอบบัญชีก็จะได้เครดิตนาน ถ้าใช้จ่ายช่วงปลายรอบบัญชีก็จะต้องจ่ายในรอบเวลาที่สั้นลง 5. หลีกเลี่ยงการรายการที่มีค่าธรรมเนียมเช่นการกดเงินสดฉุกเฉิน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการใช้ซื้อสินค้ามากเช่น ถ้าเบิก 5,000 บาทในรอบจะเสียค่าใช้จ่ายเบิกเงินสด ประมาณ 250 บาทบวกดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในรอบอีกตามอัตราที่ทางธนาคารกำหนด และจะส่งผลต่อประวัติการใช้ที่ไม่ค่อยดีนักในระยะยาว 6. จดจำวันที่จะต้องชำระคืนธนาคารให้ได้เพราะรอบการจ่ายคืนจะใกล้เคียงกันทุกเดือน และรักษาเวลาในการชำระคืนให้ได้ ไม่ควรชำระล่าช้าเกินเวลาที่กำหนด เพราะจะส่งผลต่อประวัติการชำระไม่ดี และจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกมากในเรื่องค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้าและดอกเบี้ย 7. คำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ หลังจากใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าแล้ว ควรชำระหนี้ที่ถูกเรียกเก็บให้เจ้าหนี้เต็มจำนวนที่เรียกเก็บและตรงกำหนดเวลาวันชำระ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียดอกเบี้ยและค่าปรับจากการชำระหนี้ช้า ฉะนั้น ก่อนใช้บัตรเครดิต ควรคำนึงถึงรายได้ของตนหรือความสามารถในการชำระหนี้คืนให้แก่เจ้าหนี้
จากคุณ :
JChai
- [
18 ม.ค. 50 19:17:43
A:58.8.77.154 X: TicketID:087120
]
|
|
|