ความคิดเห็นที่ 1 ประเด็นที่เปิดเป็นกระทู้ มิได้หมายความว่า พวกเราจะคุยกันในเรื่อง DSM ไม่ได้ ถ้าสังเกตุ  ทุกครั้งที่ผมแสดงความเห็นเกี่ยวกับ DSM ผมจะย้ำอยู่เสมอว่า "เป็นการตีความ"  "เป็นเพียงความคิด"  หรือ "เป็นแค่การเข้าใจที่ไม่ได้รับการยืนยัน" และถ้าสังเกตุ...... รุ่นเก่าๆ  แต่ละคน มักจะโยนให้ไปทำความเข้าใจกระทู้ที่ท่านเจ้าสำนักเขียนอธิบายไว้  หรืออ้างอิงบางคำมาจากระทู้เก่าๆ ถ้าถามว่าด้วยเหตุผลอะไร......... นั่นคือ ทุกคนให้ความนับถือต่อ "พลังความคิด" ของท่านเจ้าสำนักเด่นศรี และพยายามให้เกียรติอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งเมื่อมีโอกาส รุ่นเก่าๆ ทุกคนเข้าใจในความจำเป็นของคุณเด่นศรีที่ไม่สามารถออกมาแสดงตัวแนะนำได้เหมือนก่อน และทุกคนก็เชื่อมั่นว่า  สักวันหนึ่ง  "คุณเด่นศรี" ต้องกลับมา! ผมเองก็เชื่อมั่นเช่นนั้น... และเฝ้าประคับประคองคลับเอาไว้ตามแต่สถานะจะอำนวย... เพื่อให้คลับฯ แห่งนี้เป็นเสมือนสถานที่อันอบอุ่น... ที่รอคอยการกลับคืนมาของผู้ที่เป็นเจ้าของ! จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 15 ก.พ. 50 21:38:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ในระหว่างนี้...... ในระหว่างที่เจ้าแห่งตำนานยังไม่ปรากฎ.. พวกเราในฐานะผู้ศรัทธาได้แค่ทำหน้าที่ดำรงความเป็น DSM ไว้ และประคับประคองไม่ให้มันเบี่ยงเบนไป เพื่อรอคอยวันแห่งแสงสว่าง...... วันที่ตะวันบนท้องฟ้าจะเริ่มเฉิดฉาย และสาดประกายออกมาอีกครั้ง ด้วยคำแนะนำจาก "เจ้าแห่งตำนาน" ที่มีนามว่า "เด่นศรี" . จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 15 ก.พ. 50 21:43:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยครับพี่ห่าน นี่คือเหตุผลหลักของผมเหมือนกัน ที่หมู่นี้ผมเงียบๆ เพราะทบทวนวิธีการของตัวเองหลายๆรอบ ชักรู้สึกว่ามันเพี้ยนไปจากแนวทางหลักของคุณเด่นศรีพอสมควร เลยกลัวว่านานๆไป พี่ๆจะได้ความรู้เทียมๆ ไปแทน สิ่งที่ได้ผลกับตัวผม อาจจะไม่ใช่วิธีที่ได้ผลสำหรับท่านอื่น ผมเลยเลือกที่จะเงียบๆดีกว่า ไม่รู้ว่าเลือกถูกหรือผิดนะครับ แต่ก็เลือกไปแล้ว ปล.แต่ยังคิดถึงพี่ๆทุกท่านอยู่เสมอครับ ที่ได้กรุณาช่วยให้ผมได้มีวันนี้ (ใครๆก็มีวันวาน วันนี้ และวันพรุ่งนี้เหมือนกันล่ะน่า อิอิ) จากคุณ : ไม่เก่งแต่อยากตอบ - [ 15 ก.พ. 50 21:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลังจากพร่ำพรรณามา 3 คห. ก็เริ่มงุนงงกับตัวเองอยู่เหมือนกันว่าเปิดหัวกระทู้อย่าง แต่เนื้อในเป็นอีกอย่าง.............. เอิ๊กๆๆ ^ ^ ^ ......... เอาเป็นว่าเริ่มใหม่..........  คือผมต้องการเริ่มพูดในสิ่งที่เราคุ้นเคยกันดี แต่เป็นอีกมุมมองหนึ่ง แล้วกังวลว่า มุมมองที่เสนอจะทำให้การเทรดแบบ DSM เสียรูปขบวนไปหรือป่าว.. จึงได้หยิบยกเอาเหตุผล 108 - 1009  มาอ้าง เพื่อบอกว่า ที่ผมพูดไปนั้น เป็นมุมมองที่มีต่อ DSM จริงๆ แต่ไม่ได้ยืนยันว่าจะถูกต้องตามหลัก DSM นะครับ ทำไมถึงพูดเช่นนั้น ก็เพราะ ท่านเจ้าสำนักไม่ได้ยืนยันกะผมนี่ครับ... ว่าที่คิดนั้น ถูกต้องและนำไปใช้ได้........ คริๆๆ เพราะถ้า จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 15 ก.พ. 50 21:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ้าว หมอมิกซ์  แอบมาดึกๆ เหมือนกันเลย.......อิอิ .......... คืองี้   ที่ผมจั่วหัวไว้ว่า "เงินสดสำรองเพื่อการเหมุนเวียน" ก็เพื่อให้พวกเราเห็นภาพในการเล่นขาขึ้น....  (ตามความเข้าใจผม  อดย้ำไม่ได้อีกแระ) ว่า....... เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียนนั้น....... เป็นกลไกสำคัญสำหรับการเล่นขาขึ้นครับ! จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 15 ก.พ. 50 21:54:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนจะยาวไปกว่านี้... ขออ้างอิงหลักการทำธุรกิจก่อนนิดหนึ่ง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดธุรกิจ.....มี 2 อย่าง คือ ลูกค้าและนวัตกรรม ถ้าเราเปรียบหุ้นเป็นธุรกิจของพวกเรา (แน่นอน หลายๆ ครั้งจะเห็นว่าท่านเจ้าสำนักเปรียบการเทรดแบบ DSM ว่าเป็นร้านขายของ) ตลาดก็คือ ผู้ที่เสนอซื้อเสนอขายหุ้นที่เราถืออยู่ เมื่อไรมีตลาด เมื่อนั้นก็มีธุรกิจ ทีนี้  ตลาดมันมีวัฎจักร  นั่นคือ  มีเกิด รู้จัก ได้รับความนิยม เริ่มชินชา และสุดท้าย คือไม่ชอบใจ   เมื่อถึงจุดไม่ชอบใจ  ก็แสดงว่าตลาดวาย ในหุ้นก็น่าจะเป็นหุ้นที่เขาไม่เทรดกันในขณะนั้น ทำไงล่ะครับ  ก็ต้องอาศัยนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วย ในหุ้น ก็น่าจะหมายถึงหาหุ้นตัวใหม่เข้ามาช่วย??  (ไม่ได้ยุให้แปลงร่างนะ) แล้วก็เริ่มวัฎจักรของตลาดใหม่  ....... มันจะวนไม่รู้จบ โดยมี....... "กระแสเงิน"  เป็นตัวพาวน! ... จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 15 ก.พ. 50 22:01:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดังนั้น ธุรกิจจะอยู่รอดและเติบโตได้ ก็ต้องอาศัยการหมุนเวียนของ "กระแสเงิน" เมื่อใดก็ตามที่กระแสเงินหมุนไม่ครบรอบ ไม่ชนรอบ จะเห็นว่ามักจะเกิดปัญหาใดปัญหาหนึ่ง กับธุรกิจนั้น เช่นเดียวกัน...... เมื่อใดก็ตามที่การทำ DSM ไม่สามารถทำให้เกิด กระแสเงินหมุนเวียนได้ครบรอบ เมื่อนั้นจะเกิดปัญหากับการทำ DSM.. โดยเฉพาะ การขาดเงินซื้อคืนหุ้น....... นั่นก็เหมือนกับร้านขายของ เมื่อไรก็ตามที่ขายของแล้ว ไม่มีเงินพอที่จะซื้อของมาขายได้อีก ก็จะเกิดปัญหา ดังนั้น "เงินสดหมุนเวียน" จึงเป็นสิ่งสำคัญ และที่พูดมานั่นจะหมายถึง "เงินสดที่หมุนเวียนตามปกติ" แต่มุมมองที่ผมจะเสนอต่อไปก็คือ มุมมองของ "เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียน"  ครับ ขอล่วงหน้าไปนิดหนึ่งก่อนลืมว่า.........  เงินสดตัวนี้จะเสมือนเป็น หนี้สินมากกว่าทรัพย์สินอีกด้วย พรุ่งนี้มาต่อครับ..........  อิอิ ราตรีสวัสดิ์......   (ขอย้ำ  เป็นมุมมองของ DSM แต่ในความเข้าใจของผม ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันใดๆ ทั้งสิ้น ครับ มาเสนอโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดความคิด ในระหว่างรอวันที่ "เจ้าแห่งตำนาน"  หวนคืนสังเวียนเท่านั้นครับ....ผิดถูกโปรดใช้วิจารณาณอย่างสูง ) จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 15 ก.พ. 50 22:12:30 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาฟังอาจารย์ห่านฯ เล็คเชอร์ครับ ว่าแต่มันเหมือน โฆษณา "เงินสดสำรองฉุกเฉิน" รึเปล่าครับ (ดอกเบี้ยสูง จน "จน" ไปอีกนาน) อาจารย์ห่านฯเปิดประเด็นการต่อยอด ทำให้ผมนึกถึงประโยคอมตะของ "คุณเติ้ง" "แมวจะดำ หรือ จะขาวก็ได้ ขอให้จับหนูได้เป็นพอ" ของเติ้งเสี่ยวกึ่งฯ "DSM จะแท้ หรือ จะมิวเตชั่น ก็ได้ ขอให้ตรูได้เงินเป็นพอ" แต่เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ห่านฯเสนอ เป็น SRS ชั้นดีของนักลงทุนครับ มีตัวนี้โอกาสรอดชีวิตก็สูงขึ้นครับ แต่ถ้ากันมากไปก็มีค่าเสียโอกาสสูงครับ เพราะสินทรัพย์วิ่งน้อยกว่าสมรรถภาพ ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ ใครเจ๊งไม่รับผิดชอบทุกกรณี จากคุณ : กึ่งสำเร็จรูป - [ 16 ก.พ. 50 04:55:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นักเรียนใหม่ เข้ามาจองที่นั่งด้านหลัง เตรียมตัวอย่างใจจดใจจ่อ.... จดจด..... จากคุณ : Aloneman - [ 16 ก.พ. 50 07:45:10 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ครับ รับทราบเจตนารมณ์ ของคุณห่าน และ รออ่านต่อครับ จากคุณ : Mr.Eiji - [ 16 ก.พ. 50 08:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11     จากคุณ : wasansem - [ 16 ก.พ. 50 08:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอนั่งหน้าๆ เลยครับ จากคุณ : akae - [ 16 ก.พ. 50 08:58:46 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ด้วยคนครับผม ... อิอิ จากคุณ : ozzyii - [ 16 ก.พ. 50 09:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อย่ากลัวที่จะคิด อย่ากลัวที่จะทำ อย่ากลัวที่จะเรียนรู้ มันก็ยากแค่ช่วงแรก หลังจานั้นมันก็ง่ายเหมือนขี่จักรยาน ขี่แบบไหนก็ได้ให้มันไปได้ ปลอดภัยก็น่าจะใช้ได้นะครับ สำหรับผม เงินเป็นตัววัดการกระทำ ถ้าถูกต้องมันจะเพิ่มไปเรื่อยๆ ถ้าผิดมันก็ลดลงเรื่อยๆ ส่วนเวลาก็วัดกันไปตลอดชีวิตเลยครับ จากคุณ : trakulsom - [ 16 ก.พ. 50 09:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ห้าม "รอฟัง - นั่งหน้า - ตั้งตาคอย" ขอ ก่อนนะครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 16 ก.พ. 50 10:16:17 A:221.128.119.168 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาต่อกระทู้นี้ทีละนิด..แบบค่อยๆ คิดไปเรื่อยๆ ดีก่า...เอิ๊กๆๆ .... เงินสดหมุนเวียน.....  ไม่ใช่เป็นหัวใจของธุรกิจ... แต่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เป็นเหมือนเส้นเลือดที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงธุรกิจ ฉันใด เงินสดหมุนเวียน ก็เหมือนเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยง การเล่นหุ้นแบบ DSM ฉันนั้น ถ้าสมมติผมพูดจุดนี้ผิด  ....... แสดงว่าสมมติฐานของผมผิดทั้งหมด...  แย้งได้ทันทีนะครับ เพราะ... 1.  ผมจะได้รู้ตัวว่าผิดทาง 2.  จะได้กลับตัวทัน ทั้งคนคิด และคนติดตามอ่านอีกหลายๆ คน อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 10:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วอะไรควรจะเป็น... หัวใจของธุรกิจ คำตอบก็คือ.......   "อรรถประโยชน์" อรรถประโยชน์เป็นหัวใจของทุกธุรกิจ และเมื่ออรรถประโยชน์เป็นหัวใจของทุกธุรกิจแล้ว วัตถุประสงค์ของธุรกิจ... ก็คือการสร้างและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยอรรถประโยชน์ต่างๆ นั่นเอง เราปฎิเสธไม่ได้ว่า การเสนอสินค้าหรือบริการ ก็คือ "การเสนออรรถประโยชน์" ดังนั้น "สินค้าและบริการ"  ก็คือหัวใจของธุรกิจนั่นเอง สรุปอย่างนี้จะโดนอาจารย์การจัดการตีเอาไหมเนี่ย........เอิ๊กๆๆ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 10:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วหุ้นเสนออรรถประโยชน์อะไร คำตอบก็คือ อรรถประโยชน์ของการเป็นเจ้าของไงครับ... ธุรกิจการซื้อขายหุ้น (ภาพสมมติของระบบ DSM) ก็คือ การส่งผ่านอรรถประโยชน์การเป็นเจ้าของระหว่างกัน โดยอาศัยการไหลเวียนของเงินสดเป็นตัวขับเคลื่อน เช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ ... จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 11:12:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ในการซื้อหุ้น......ตามระบบ DSM จึงเป็นการซื้อไว้เพื่อขาย ในการขายหุ้น....  ตามระบบ DSM จึงเป็นการขายเพื่อซื้อ โดยมีเงื่อนไขพี้นฐานในการซื้อและขาย คือ  ซื้อต้องถูกกว่าขาย นั่นคือเบสิค...ที่เราคุ้นเคยกันดี จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 11:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตัวจักรของกลไกสำคัญ ที่ทำให้เกิดกระบวนการซื้อและขาย.....   ก็คือ เงินสด และการบริหารเงินสด จึงเป็นหัวใจสำคัญของระบบธุรกิจแบบ DSM การบริหารเงินสดเดิม........ ที่คุ้นเคยและทุกคนเริ่มยอมรับเป็นพื้นฐานของ DSM ก็คือการถือเงินไว้เพื่อรอซื้อคืน ในไม้ที่ได้ขายไป จะว่าไปนั่นก็คือ....... "เงินสดหมุนเวียนตามปกติ"  ครับ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 11:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 "เงินสดหมุนเวียนตามปกติ" ตัวนี้  เป็นตัวที่สมาชิกหลายๆ คน รู้สึกร้อนอกร้อนใจ... จะทิ้งไว้ก็กลัวว่าเงินไม่ได้ทำงาน ลองจินตนการดูนะครับ ร้านขายของชำร้านหนึ่ง... เมื่อขายของในร้านออกไปได้........ ได้รับเงินสดก้อนหนึ่งเข้ามาสะสมไว้ในร้าน ปัญหาก็คือ ในระหว่างรถส่งของล็อทใหม่ ยังมาไม่ถึง... เขาจะต้องทำไงกับเงิน....   หลายๆ ร้านบริหารเงินสดก้อนนี้ไม่เป็น นำไปใช้จ่ายเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ และอื่นๆ อีกจิปาถะ เมื่อรถส่งของผ่านมา...  เขาจะมีเงินพอที่จะซื้อสินค้ากลับเข้าร้านหรือไม่?? ในอีกทางหนึ่ง หากรถส่งของยังไม่มา  เกิดมีรถสินค้าใหม่มาเสนอขายสินค้าดังเด่นดี... เขาจะทำอย่างไร??? . จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 11:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เริ่มเข้า climax แล้วใช่ไหมท่านพี่ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 16 ก.พ. 50 11:37:10 A:221.128.119.168 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอิ๊กๆๆ......ครับ..  เข้า climax.....ครับ. คริๆๆ .......... ถ้าตอบได้ว่า  .......  ควรจะซื้อของใหม่ที่ดังเด่นดี หรือไม่.... ก็จะเป็นคำตอบได้เช่นกันว่า... ควรจะแปลงร่างหรือไม่...... ......... นั่นก็คือการบริหาร "เงินสดหมุนเวียนก้อนเดิม" ...ให้เป็นประโยชน์ หลักการก็คือ เราควรกันเงินเก็บไว้ซื้อสินค้าเดิมที่เราขายไปก่อนเสมอ ทีนี้เมื่อมีสินค้าใหม่ที่ "ดังเด่นดี" เราจะทำอย่างไร นั่นก็คือ  ประเด็นที่ผมจั่วหัวไว้  ก็คือ...... ควรจะมี "เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียน"  ไงครับ .......... จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 11:50:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียน จะช่วยให้เราขยายธุรกิจของเราได้เร็วขึ้น.... ช่วยให้เราซื้อสินค้าตัวใหม่ๆ ตามที่ตลาดกำลังสนใจได้ เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียน มาจากไหน.... มาจาก 2 แหล่งครับ.... 1.  คือ  เงินกันที่ภาษาทางการเรียกกำไรสะสม 2.  คือ  เงินกู้ ที่มาจากการหยิบยืม  บางที่เรียก OD แต่ทั้งเงินกันและเงินกู้ เวลาจะใช้เป็น.....เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียน...... ต้องใช้ในสถานะเป็น "หนี้สิน" ที่ต้องชำระคืนครับ... .... จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 12:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ในเวลาเล่นขาขึ้น..... เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียนตัวนี้แหละครับ... ที่จะสร้าง....... ทั้ง กสงฝ.และทั้งจำนวนหุ้นได้ตามที่เราต้องการเลย.. จบแล้วครับ เอิ๊กๆๆ........  จบแบบเฉียบขาด........ อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 12:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 จบด้วนๆ เลยนะครับ อิ อิ..... เงินทุนหมุนเวียนใช้ซื้อสินค้าเข้าร้าน แต่จุดที่ยากคือ เวลา เพราะเราไม่รู้ว่าลูกค้าจะมาเมื่อไร ที่สำคัญไอ้รถส่งของตัวดี ก็ไม่เคยโทรมาบอกล่วงหน้าว่า จะมาส่งของ ถ้ารู้สองจุดนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการบริหารเงินสดนี้เลย จากคุณ : wasansem - [ 16 ก.พ. 50 12:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ซื้อถูกกว่าขาย เวลา สมมุติเรามีสินค้า A B C ถ้าเราขายสินค้า A แล้วจะซื้อสินค้า B เข้าร้าน เพราะ ถ้าเราขายสินค้า B แล้วจะซื้อสินค้า C เข้าร้าน เพราะ ถ้าเราขายสินค้า A แล้วจะซื้อสินค้า A เข้าร้านเพราะ เหตุผลส่วนมาก จะซื้อสินค้าตัวเดิมเข้าร้านเพราะ สินค้าตัวนั้นจะหมดแล้ว เราจึงจะซื้อสินค้านั้นเข้ามาไว้เพื่อขายประจำร้าน นั้นแสดงว่าเรามีข้อมูล(ข้อมูลขายสูงกว่าเราจะซื้อ) ซื้อสินค้าตัวนี้แล้วขายได้ (ซื้อแย้วหุ้นมีทางขึ้นไปให้ขาย มีข้อมูล) แต่ถ้าสินค้าตัวใหม่ เราไม่มีข้อมูลมันเลย(จะซื้อถูกกว่าขายยังไง อิอิ) เราจะเอาเงินที่ขายสินค้าตัวอื่นมาซื้อ สินค้าตัวใหม่อ่ะเปล่า  ซึ่งจะไม่แน่นอน โชคดีก็ดีไป มันมีความเสี่ยงสูงครับ แต่ถ้าเรามีข้อมูลการขายสินค้า นั้นอยุ่ละ ถ้าไม่มีเงินใหม่ เราจะเอาเงินสินค้าตัวอื่นมาซื้อไหม(ซื้อถูกกว่าขาย)อันนี้ต้องแล้วแต่ความคิดแต่ละคน แต่ถ้าเอากำไร(กสงสฝ)  หรือ เงินใหม่ โอ้อันนี้ไปโร๊ด -------------------------------- สรุปว่า ถ้ามีฐานข้อมูล ก็สบายเลย อิอิเข้ากับ บท เงินสำรองไหมนี่ แต่คงเกี่ยวเพราะเป็นเหตุผลการใช้ เงินสำรอง แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 50 13:21:10 จากคุณ : งำงำ มีดบิน - [ 16 ก.พ. 50 13:08:15 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ฮับ เพียงแต่ว่า กู้เงินมาซื้อหุ้น แล้วหุ้นลงจะแย่เอานะครับ ตรงนั้นต้อง ขั้นเทพนะนั้น จากคุณ : Mr.Eiji - [ 16 ก.พ. 50 14:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เกี่ยวครับเกี่ยวหมดเลย เกี่ยวทั้งที่คุณพี่วสันเษมบอกว่าจุดที่ยากคือไม่รู้ว่า ทั้งลูกค้าและรถส่งของมันจะมาเมื่อไร เราถึงต้องมีแผนการบริหารเงินเตรียมไว้เสมอใช่ไหมครับ ของคุณพี่งำงำ ก็เกี่ยวครับ ตัวข้อมูลจะเป็นตัวบอกว่า... เราควรจะใช้เงินสดสำรองเป็นจำนวนมากน้อยแค่ไหน และใช้เป็นระยะเวลานานเท่าใดด้วยอีกด้วย เงินสดสำรอง.....  ควรอยู่ในฐานะ "หนี้สิน" ต้องชดใช้คืนครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะใช้เพลิน.......  กลายเป็น  "ขาดสภาพคล่อง" ไปแล้วจะยิ่งยุ่งมากขึ้นครับ จึงต้องมีข้อมูลคอยกำกับ..... อิอิ ผมลากมาให้เกี่ยวจนได้แหละ......  (กลัวขาดคนสนับสนุน.......เอิ๊กๆๆ) จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 14:22:10 ]

ความคิดเห็นที่ 30 555.......   คุณพี่ Mr.Eiji  พูดในจุดที่ผมทิ้งไว้ลอยๆ ไม่เคลียร์ ......อิอิ จริงครับ.........  ในธุรกิจจริงๆ  เรามักจะพบเห็นว่าการกู้ยืมเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั้งสิ้น แต่ในเรื่องการเล่นหุ้น.......  การกู้ยืมเป็นเรื่องเสี่ยงมากๆ.....   ประเด็นจึงอยู่ที่การกันเงินออกเป็นส่วนๆ........ ส่วนแรกเป็นเงินที่ลงเล่นหุ้นจริง และส่วนที่สองจึงเป็นเงินสำรองที่ให้ตั้งเสมือนเป็นเงินยืมไงครับ หลายๆ คนทำแล้ว.... แต่ผม เมื่อลงเงินปั๊ป  ผมลงทั้งจำนวน.......  หมดเลย ทีนี้ พอขาดเงิน  ก็ต้องเป็นการระดมทุนใหม่..... แต่วัตถุประสงค์ของการระดมทุนใหม่ก็เพื่อ... มาหมุนเวียนในส่วนที่ขาดสภาพคล่อง ดังนั้น.. ถ้าเรากันเงินไว้เป็นเงินสดสำรองตั้งแต่แรก.......  จะใช้เมื่อจำเป็น... และมีระยะเวลาใช้ เหมือนเป็นเงินยืม... สภาพคล่องของเราก็จะดีขึ้นไงครับ การกู้ยืมเป็นสิ่งที่เสี่ยง และมีอันตราย จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 14:28:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คือผมว่า  ถ้าเรามีฐานข้อมูล  มันจะทำให้เราซื้อถูกกว่าขายได้ เราจึงอยู่ในกฎ อิอิ และมันช่วยให้เราป้องกันการเสียหาย และต้องเป็นฐานข้อมูลจริง จากคุณ : งำงำ มีดบิน - [ 16 ก.พ. 50 15:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาดู  ครับ  ....           จากคุณ : Vprawat - [ 16 ก.พ. 50 16:47:32 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เอา คห. ในกระทู้เฮฮา มาเพิ่มเติมครับ  เผื่อใครเข้ามาอ่าน จะได้เห็นภาพมากขึ้น......  อิอิ .......................... แอบถามพี่คนล่าห่านนอกรอบก่อนครับ วิธีการในกระทู้ข้างล่าง เป็นหนึ่งในกระบวนการเล่นขาขึ้น ในมุมมองของพี่ ใช่ไหมครับ แล้วเป็นกระบวนการหลักของการเล่นขาขึ้นใน DSM ตามความคิดขณะนี้เลยไหมครับ หรือเป็นกระบวนการย่อย แบบหาเงินจิ๊บ ๆ มีจังหวะก็เข้าเล่น จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 16 ก.พ. 50 12:57:45 A:221.128.119.168 X: TicketID:125129 ]     คุณพี่ดอกไม้ฯ ครับ.... วิธีการตามกระทู้ข้างล่าง.....  เป็นวิธีการที่เพิ่ง "ปิ๊ง" ครับ แต่เป็นวิธีการที่ผม "ปิ๊ง"  มาจาก กระบวนการย่อย แบบหาเงินจิ๊บ ๆ ครับ...เอิ๊กๆๆ การใช้เงินสดสำรองก็เพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงที่ต้องการการหมุนเวียนเงินมากๆ แต่เมื่อพ้นจังหวะนั้น ช่วงนั้นไปแล้ว  เราควรจะคืนเงินสดสำรอง... แล้วกลับไปสู่จำนวนหุ้น จำนวนการหมุนเวียนปกติครับ จากคุณ : คนล่าห่าน   - [ 16 ก.พ. 50 14:35:46 ]   ท่านพี่อ่ะนะ สมมติท่านพี่มีหุ้นในมือ 3 ตัว เป็นตัวหลักซื้อขายปกติ ขณะที่ท่านพี่คอยมองอีก 7 ตัว คอยติดตามการเคลื่อนไหว ในบางวันหุ้นตัวนึงใน 7 ตัว ก็จะมีลักษณะเป็นขาขึ้น ประมาณว่า เป็นสินค้าใหม่ดังเด่นดี ที่ท่านพี่เปรียบเทียบไว้ คราวนี้ท่านพี่ก็จะมีเงินก้อนนึง (เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียน) ก็เอาเงินก้อนนี้ไปซื้อสินค้าดัง เด่น ดี ตัวนั้น ซื้อแล้วก็ขายออกไปเมื่อได้ราคาที่พอใจ เท่าที่ผมพูดมาข้างต้น ผมพอจะเข้าใกล้วิธีการของท่านพี่หรือไม่ครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 16 ก.พ. 50 14:43:28 A:61.47.94.15 X: TicketID:125129 ]     ใช่เลย.......   เห็นมะ......  ผมพูดเคลียร์ออก.........เอิ๊กๆๆ แต่ควรเป็นหุ้นที่มีข้อมูลอยู่เดิมนะครับ..........   หรือถ้าเป็นหุ้นเดิมได้....  ก็ยิ่งดี......อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน   - [ 16 ก.พ. 50 15:00:30 ]     อิอิ แต่ควรเป็นหุ้นที่มีข้อมูลอยู่เดิมนะครับ.......... หรือถ้าเป็นหุ้นเดิมได้.... ก็ยิ่งดี......อิอิ อันนี้กับที่ท่านพี่โพสไว้ในกระทู้ข้างล่าง ไม่เหมือนกันนะกั๊บ ไม่เหมือนกับที่ผมยกตัวอย่างด้วย กรณีที่ผมยกตัวอย่าง ความเห็น 39 อันนั้นตามดูเฉย ๆ 7 ตัว ไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลเดิม แต่ของท่านพี่มีข้อมูลเดิมด้วย แสดงว่าของท่านพี่ ไม่ใช่ตัวหลัก 3 ตามดู 7 แต่เป็นเคยเทรดมาแล้ว 10 (คือตัวที่ตามดูก็เคยเทรดมาแล้ว มีข้อมูลเก่าอยู่) อันนี้นะต่างกันนะท่านพี่ จะเป็นแบบไหนแน่กั๊บป๋ม แสดงว่าสินค้าที่ว่าใหม่ก็ไม่ใช่ใหม่จริง แต่เป็นสินค้าที่เคยเอามาขายในร้านมาแล้วช่วงนึง (จริง ๆ ประเด็นของท่านพี่ ป๋มว่ามีจุดหลักหรือจุดต่างอยู่ตรงอื่น แต่ขอพูดจุดข้างบนนี้ก่อนนะกั๊บ) จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 16 ก.พ. 50 15:07:37 A:61.47.94.15 X: TicketID:125129 ]   อันนี้ผมไม่ได้เพ่งไปที่ประเด็นการเก็งกำไรนะครับ ไม่ว่าตัวที่คอยติดตาม จะเป็นตัวที่มีข้อมูลหรือไม่มีข้อมูล ก็ตาม ประเด็นเก็งกำไร ป๋มไม่พูดถึงแล้ว จุดที่ผมสนใจคือ ประเด็นขาขึ้น ส่วนจุดต่างที่ผมเดาว่าพี่จะสื่อ คือ เงินที่เอามาซื้อหุ้นเป็นที่กันไว้เป็นพิเศษ ต่างจากเงินจากการแปลงร่าง ซึ่งจะอีรุงตุงนังมากกว่า จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 16 ก.พ. 50 15:20:59 A:61.47.94.15 X: TicketID:125129 ]     อิอิ... ไม่เหมือนกันเหรอครับ.....  อ้าว  แย่แล้วซิเรา......เอิ๊กๆๆ ต้องวานคุณพี่ดอกไม้ฯ ช่วยแถลงไขต่อแล้วแหละ.. จากคุณ : คนล่าห่าน   - [ 16 ก.พ. 50 15:39:36 ]     อะจึ๋ยส์ มันก็ต่างกันแบบที่เห็น ๆ ล่ะครับ ถ้าเป็นหุ้นที่ท่านพี่เคยเทรดมาแล้ว มีข้อมูลเก่าอยู่ อันนี้ก็แสดงว่าไม่ใช่สินค้าใหม่ซิง ๆ ที่อนาคตดี แต่เป็นตัวที่เคยซื้อมาขายในร้านแล้ว แต่ของอาจหมดหรือเหลือน้อย แล้วช่วงนี้มีทีท่าว่าจะขายดีขึ้นมาอีก แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ท่านพี่ไม่เคยเทรด อันนี้ก็เปรียบเหมือนเป็นสินค้าใหม่ ฟังว่ามีอนาคต แต่เราไม่เคยเอามาขาย และไม่มีข้อมูลเดิมอยู่ เรื่องของเรื่อง คือป๋มพยายามศึกษาความคิดท่านพี่อ่ะครับ เลยต้องถามให้ละเอียด ว่าเป็นอย่างไร จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 16 ก.พ. 50 15:44:50 A:61.47.94.15 X: TicketID:125129 ]     อ๋อ...... ถ้างั้น...... เงินสดสำรองเพื่อการหมุนเวียนนี้...... พูดง่ายๆ ก็เป็นเหมือนเงินที่เอาไว้เก็งกำไรนั่นแหละ.... แต่เป็นเก็งกำไรใน.... 1.  หุ้นเดิมที่เคยซื้อ  แต่ไม่ได้ซื้อมานานแล้ว 2.  หุ้นเดิมที่กำลังเทรดอยู่  แต่มันอยู่ในช่วงขาขึ้น...   3.  หุ้นใหม่ที่ไม่เคยซื้อ แล้วเห็นว่ามันดี 4.  ไม่มีแล้ว.... อิอิ แต่ต้องเป็นเงินสดสำรองที่ใช้เพียงชั่วคราว  คือ... ไม่จมทุนอยู่นาน....   เพราะเป็นการใช้ในสถานะของเงิน "ยืม" (ถึงแม้จะเป็นเงิน "เย็น" ก็เถอะ) ดังนั้น   เมื่อได้กำไร ได้จังหวะ ต้องขาย เพื่อเอาเงินคืน... ปัญหาคือ........ ถ้าซื้อผิดจังหวะหมายถึงอะไร..... ถ้าซื้อผิดจังหวะ หมายถึง  เงินจำนวนนั้นต้องแปรสภาพเป็นขาดทุนทันที  ในหุ้น 1.  หุ้นใหม่ที่ผลีผลามเข้าไป 2.  หุ้นที่ไม่ได้ตั้งใจจะถือยาว... หุ้นพวกนี้ ถ้าผิดจังหวะ  ควรรีบ Cut loss   (เห็นแมะ  ภาษาเก็งกำไรมาแว้ววว) แต่ถ้าเป็นหุ้นเดิมที่เทรดอยู่...... แล้วประเมินผิด... สถานมันจะกลายเป็นการขยายพอร์ตทันที ก็ขายลงตามสเต็ป... แล้วปริมาณการขายอาจจะมากกว่าเดิมเล็กน้อย (เพราะจำนวนรวมมากขึ้น) เงินยืมก็ยังคงบันทึกเป็นเงินยืม... แต่ระยะเวลาการคืนเงินยืม จะยืดออกไปยาวหน่อย... แต่โดยมาก ไม่น่าจะพลาด... เพราะ... 1.  จังหวะที่ซื้อ ควรเป็นจังหวะการรวบคืนไม้เดิมที่เคยขาย...แล้วราคาหุ้นขึ้นต่อ 2.  เป็นจังหวะที่เราสามารถขายทิ้งได้ แม้ราคามันขึ้นไปเพียง 1 ช่องราคา ....  (หักคอม .15%  ก็ยังได้กำไรนะ) เพราะฉะนั้น  หุ้นที่ได้จากการซื้อด้วยเงินสดสำรอง... เป็นเพียง หุ้นที่เราทำจังหวะ Skimming.. เพียงฉาบฉวยเท่านั้น ... เอ....  มาพาให้เสียขบวนกันไปหมดหรือป่าวเนี่ย ผม.......เอิ๊กๆๆ ยิ่งกลัวๆ อยู่  คริๆๆ จากคุณ : คนล่าห่าน   - [ 16 ก.พ. 50 15:59:51 ]     อย่างน้องร้อยเล่ห์... ผมนั่งฟังคุณพี่วสันเษม บ่นเกี่ยวกับน้องเขามาหลายวันแล้ว พอวันนี้เห็นอยู่ในแนวรับที่ คุณพี่เขากะไว้แล้ว... ถ้าผมมี  (ถ้ามีนะ) เงินสดสำรองอยู่ในมือ... ผมจะทยอยเข้า... ทีละไม้...  เช่น ไปรับน้องเขาที่ปากซอย 179 หนึ่งไม้ก่อน ถ้าน้องเขายังเฉยอยู่  ก็อาจจะไปรับที่ปากซอย 184 อีกไม้หนึ่ง อะไรประมาณเนี้ย  พอน้องเขาไป 185  แล้วรีๆ รอๆ  ผมอาจจะรีบชิ่งหนีเธอก่อนเลย ประมาณเนี้ย... แอดวานซ์ อีกแล้วผม... เอิ๊กๆๆ โปรดใช้วิจารณาณอย่างสูงนะครับ.... เพราะ นี่ไม่ใช่ DSM แท้ ..... จากคุณ : คนล่าห่าน   - [ 16 ก.พ. 50 16:20:35 ]     ก่อนอื่นผมขอโทษด้วยครับ ความเห็นที่ 48 ของท่านพี่ควรไปปรากฎอยู่ในกระทู้ข้างล่างด้วย ผมดันมาถามเสียเยอะในกระทู้นี้ คราวนี้มองย้อนไปข้างบน ผมไม่มีความเห็นอะไรที่ต่างออกไปจากแนวความคิดของท่านพี่นะครับ โดยส่วนตัวในแง่ของกระบวนการ ผมก็ยังมองว่าเป็นกระบวนการที่มีประโยชน์ ขึ้นอยู่กับจะะใช้หรือต่อยอดไปในรูปแบบไหน ส่วนประเด็นการใช้เงินสำรอง หรือใช้เงินที่หมุนเวียนในระบบอยู่แล้ว อันนี้ก็ยังไม่มีความเห็นครับ ถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับผม ผมเสนอข้อคิดนิดนึง เอาจากความรู้เท่าที่มีในขณะนี้ ผมว่าตัวกระบวนการ มันมองได้หลายแง่ และต่อยอดได้ เป้าหมายของเราอาจเป็นว่า มีทางไหมที่จะทำให้มัน ไม่ Skimming.. ไม่ฉาบฉวย คือสามารถเป็นทางหลักทางนึงได้เลย เป็นกระบวนการสร้างเงินแฝง ที่เมื่อทำแล้วจะไม่ต้องกังวลกับการ กลายเป็นการขยายพอร์ต หรือต้อง cut loss หรือต้องขายกำไรช่องเดียว ซึ่งผมมองว่าพี่คนล่าห่านสามารถคิดทำให้เป็นแบบนั้นได้ และเมื่อคิดได้แล้วก็คงจะมาแนะนำผมอย่างแน่นอน ขอบคุณมาก ๆ ครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 16 ก.พ. 50 16:26:07 A:61.47.94.15 X: TicketID:125129 ]     ผมว่าเมื่อใครอยู่กับหุ้นตัวไหนนานๆ จะรู้ว่า ราคาหุ้น ตัวนั้น ณ ปัจจุบันเป็นราคาที่อยู่ใน โซนกำไร หรือโซนอันตราย... เมื่อหลายๆ ครั้ง ราคาลงมาถึงโซนกำไร....   เราจะปล่อยให้การซื้อขาย ของเรา  จำกัดอยู่แค่ปริมาณหุ้นที่เคยมีอยู่ในมือเท่านั้นหรือ??? แต่ถ้าถามว่าเรากำลังเก็งกำไรอยู่หรือเปล่า??? หรือ เรากำลังเดาตลาดอยู่หรือเปล่า??? แน่นอน..  ในบางส่วน บางมุม ใช่เลย... แต่การเก็งกำไร และการเดาตลาดตรงนั้นจะประกอบไปด้วย... สิ่งที่เรียกว่า  ณาณทัศนะพิเศษ  (Intuition) บางทีมันแยกไม่ออกเหมือนกัน เพราะเราประเมินแล้ว วิเคราะห์แล้ว  ว่ามันปลอดภัย... แล้วเป็นการใช้กลยุทธ์เพื่อให้ได้มากกว่า   คิดว่า ไม่น่าผิดหลัก... DSM นัก... เพียงแต่ต้องมีทางออก... หรือกฎการออกที่ดี ประกอบด้วย ...... เอ จริงๆ ผมควรยก ความเห็นพวกนี้ ไปไว้ใน กระทู้ข้างล่างด้วยเนอะ.....อิอิ จากคุณ : คนล่าห่าน   - [ 16 ก.พ. 50 16:27:30 ]     ............... อิอิ ด้วยประการฉะนี้  ผมจึงยกมาทั้งกะบิ.........เอิ๊กๆๆ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 16 ก.พ. 50 16:51:03 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คิดมากเกินไปหรือป่าว จากคุณ : ลำชี - [ 17 ก.พ. 50 08:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เท่าที่อ่าน ผมว่าวิธีพี่ห่านก็เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งครับ แต่มันก็มีขอเสียในตัวมันด้วยเหมือนกันครับ บางที่มันมี"โอกาส"ซ่อนอยู่ครับ เคยไหมครับขาดเงินตอนตลาดเสนอขาย "ของดีราคาถูก" แต่ขณะเดียวกัน "เงินสด" ก็จะถูกจับวิ่ง และให้ผลตอบแทนที่ดีมาแทน ไม่ต้องอยู่ในสภาพเงินท่วมตัว แต่ดันเป็นเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ คือ ทำไรไม่ค่อยได้ คนที่ลองทำ DSM แล้ว ก็คงพบว่าตัวเอง มีกสงฝ. คงได้อ่านการแบ่งส่วนเงินของท่านเจ้าสำนักแล้ว (ใครมีก็ช่วย post ให้น้องๆหน่อยนะครับ) ผมจำได้แค่ว่าแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนวิธีผมแบ่งแบบผมเองครับ ขอไม่บอกนะครับ เดี๋ยวจะสับสนไปใหญ่ อย่างที่เจ้าสำนักเคยพร่ำบอกเสมอว่า "กันเป็นส่วน" และ "มีวินัย" ผมก็จำ concept ไว้แล้วใช้ จินตนาการว่า จะทำอะไรกับเงินที่ได้มาดี สุดท้ายก็พบว่า เงินจากการลงทุน ผมนำกลับไปลงทุนใหม่เสมอ กะว่าครบเป้าเมื่อไหร่ ก็จะทำงานตามปกติต่อไป จากคุณ : กึ่งสำเร็จรูป - [ 17 ก.พ. 50 23:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมขออนุญาตพี่คนล่าห่าน ออกความเห็นเพิ่มเติมนะครับ ผมคงต้องบอกก่อนอีกเหมือนเดิมว่า เป็นการมองจากมุมมองของผม ซึ่งอาจจะเข้าใจกระบวนการคิดของพี่คนล่าห่าน ได้ไม่ครบถ้วน ดังนั้นหากมุมมอง และข้อคิดเห็นใดของผม ผิดพลาดหรือไม่เหมาะสม ผมต้องขออภัยพี่ไว้ล่วงหน้านะครับ ผมมองแยกเป็น 2 ประเด็นด้วยกัน 1. เป้าหมายหรือสิ่งที่เราต้องการ 2. กระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย 1. เป้าหมายหรือสิ่งที่เราต้องการ อันนี้ผมมองว่าเป้าหมาย คือ ความต้องการที่จะสร้าง เงินแฝงให้ได้เพิ่มขึ้นจากวิธีเบสิคทั่วไป โดยพัฒนาวิธีการขึ้นมาใช้กับระบบ และเลือกใช้กับหุ้นที่อยู่ในจังหวะเป็นขาขึ้น ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นแนวคิดการเล่นขาขึ้นแบบหนึ่ง ผมเองเห็นว่าแนวคิดที่ต้องการสร้างเงินแฝงให้ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดแบบไหนก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากผมมองว่า แนวคิดเหล่านี้ล้วนมุ่งไปที่ การพยายามจะพัฒนาหรือปรับปรุงกระบวนการลงทุน ของเราให้มีผลตอบแทนที่ดีขึ้น 2. กระบวนการเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย จุดนี้ผมมองแยกเป็น 3 ประเด็น 2.1 ในกรณีที่เรามีแนวคิดการลงทุนแบบผสมผสาน คือเราใช้ทุกความรู้ที่เรามี ทั้ง DSM เทคนิค พื้นฐาน (Value) การเก็งกำไร หรืออื่น ๆ เข้ามาประกอบในกระบวนการลงทุนของเรา ผมมองว่าวิธีคิดของพี่คนล่าห่านข้างต้น สามารถใช้ได้ และมีประโยชน์อย่างแน่นอน แต่จะมีความเสี่ยงมากหรือน้อย หรือจะได้ผลตอบแทนตามต้องการหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ที่จะพัฒนากระบวนการให้มีความรู้ และความชำนาญมากขึ้น จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 18 ก.พ. 50 10:30:10 A:221.128.102.147 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 37 2.2 ในมุมมองของผม กระบวนการข้างต้น เท่าที่ดูได้จากความเห็น "พูดง่ายๆ ก็เป็นเหมือนเงินที่เอาไว้เก็งกำไรนั่นแหละ.... แต่เป็นเก็งกำไรใน.... 1. หุ้นเดิมที่เคยซื้อ แต่ไม่ได้ซื้อมานานแล้ว 2. หุ้นเดิมที่กำลังเทรดอยู่ แต่มันอยู่ในช่วงขาขึ้น... 3. หุ้นใหม่ที่ไม่เคยซื้อ แล้วเห็นว่ามันดี แต่ต้องเป็นเงินสดสำรองที่ใช้เพียงชั่วคราว คือ... ไม่จมทุนอยู่นาน.... เพราะเป็นการใช้ในสถานะของเงิน "ยืม" (ถึงแม้จะเป็นเงิน "เย็น" ก็เถอะ) ดังนั้น เมื่อได้กำไร ได้จังหวะ ต้องขาย เพื่อเอาเงินคืน... ปัญหาคือ........ ถ้าซื้อผิดจังหวะหมายถึงอะไร..... ถ้าซื้อผิดจังหวะ หมายถึง เงินจำนวนนั้นต้องแปรสภาพเป็นขาดทุนทันที ในหุ้น 1. หุ้นใหม่ที่ผลีผลามเข้าไป 2. หุ้นที่ไม่ได้ตั้งใจจะถือยาว... หุ้นพวกนี้ ถ้าผิดจังหวะ ควรรีบ Cut loss (เห็นแมะ ภาษาเก็งกำไรมาแว้ววว) แต่ถ้าเป็นหุ้นเดิมที่เทรดอยู่...... แล้วประเมินผิด... สถานมันจะกลายเป็นการขยายพอร์ตทันที ก็ขายลงตามสเต็ป..." อันนี้ผมเองก็มองว่า ถ้าตามลักษณะข้างต้น ก็เป็นการเก็งกำไรค่อนข้างชัดเจน มีตัวบ่งชี้หลายตัว เพียงแต่ในกรณีถ้าหุ้นบางตัวที่เข้าซื้อ เป็นหุ้นที่มีข้อมูลเดิมอยู่บ้าง ตรงนี้จะไปคาบเกี่ยวเข้าในความเห็นข้อที่ 2.3 ของผม ผมคงจะไม่พูดละเอียดว่าตรงไหนบ้างที่บ่งชี้ว่าเป็นการเก็งกำไร แต่จะขอเข้าข้อ 2.3 โดยตรงเลย 2.3 จุดสำคัญที่ทำให้ผมอยากออกความเห็นต่อกระทู้นี้ ก็คือว่า จริง ๆ แล้วเราสามารถสร้างเงินแฝง จากหุ้นที่เป็นขาขึ้น ในลักษณะที่คล้ายกับแนวทางที่พี่คนล่าห่านเสนอมา และได้ผลในทำนองเดียวกัน โดยใช้กระบวนการที่ยังเป็น DSM เพียว ๆ ได้เลย นั่นคือผมอยากจะบอกกับหลาย ๆ ท่านที่เป็นคนใหม่ว่า ใน DSM เอง มีกระบวนการที่สร้างรายได้ในลักษณะนี้ ขอเพียงให้เราพยายามทำความเข้าใจ และศึกษา DSM ให้มากขึ้น เราก็จะพบและสร้างมันขึ้นมาได้ และสามารถใช้มันโดยไม่ต้องกังวลว่าระบบการเทรด จะสะดุดแต่อย่างใด เหมือนกับที่เราเทรด DSM แบบเบสิคในแต่ละวันนั่นเอง ส่วนจุดสำคัญของความรู้นี้ ก็คงเป็นสิ่งที่เราได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ในช่วงนี้ ก็คือ ฐานข้อมูล (ปล. ผมเองยังไม่ค่อยคิดว่าตรงนี้เป็นการเล่นขาขึ้น ทั้งหมดของ DSM นะครับ จึงจะขอข้ามประเด็นนี้ไปก่อน) ผมขอออกความเห็นเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 18 ก.พ. 50 11:32:47 A:221.128.102.147 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ผมขอเพิ่มเติมอีกนิดนึงนะครับ ในกรณีข้อ 2.3 การตีความตามความคิดของผม ผมยึดตัวบ่งชี้อะไรที่บอกว่า เป็นการกระทำที่ยังเป็น DSM เพียว ๆ อยู่ สมมติเรามีหุ้น A ที่กำลังทำท่าเป็นขาขึ้น ในกรณีที่ผมมองว่าออกไปในแนวทางการเก็งกำไร ก็คือ เราเข้าซื้อหุ้น A โดยที่ไม่มีข้อมูลเดิมอยู่ก่อน เช่น ตอนนี้ราคาหุ้น A อยู่ที่ Bid ........... Offer 5.15 ......... 5.20 ถ้าเราเข้าซื้อที่ 5.20 แล้วราคาวิ่งขึ้นไปอีก พอราคาหยุดสมมติว่าหยุดที่ 5.50 .......... 5.55 แล้วมีแนวโน้มอาจจะปรับตัวลง เราก็ขายที่ 5.50 ถือว่าจับคู่กันไประหว่างซื้อที่ 5.20 ขายที่ 5.50 และได้เงินแฝงจำนวนหนึ่ง กรณีนี้ไม่มีปัญหา คราวนี้สมมติว่าเมื่อเราเข้าซื้อที่ 5.20 แล้ว ราคาปรับตัวลงมาเป็น bid offer ที่ Bid ........... Offer 5.10 ......... 5.15 ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะเกิดกรณี 1. ถ้าซื้อผิดจังหวะ หมายถึง เงินจำนวนนั้นต้องแปรสภาพเป็นขาดทุนทันที 2. แต่ถ้าเป็นหุ้นเดิมที่เทรดอยู่...... แล้วประเมินผิด... สถานะมันจะกลายเป็นการขยายพอร์ตทันที ถ้าหากเกิดกรณีเช่นนี้หรือเกิดการสะดุด อันนี้เป็นจุดที่ผมมองว่าเป็นไปในแนวทางเก็งกำไร ส่วนที่ผมพูดในกรณีข้อ 2.3 ข้างต้น ว่าสามารถทำได้นั้น จะเป็นลักษณะที่มีตัวบ่งชี้ว่ายังคงอยู่ในระบบ DSM เสมอ นั่นก็คือ ทุก ๆ ครั้งของการซื้อ จะต้องเป็นการซื้อที่ถูกกว่าขายทุกครั้ง และยังสามารถสร้างรายได้ในลักษณะเดียวกับ ที่พี่คนล่าห่านได้แนะนำไว้ ซึ่งส่วนรายละเอียดผมขอฝากเป็นข้อคิดต่อไปนะครับ ปล. ยกเว้นการซื้อที่เราตั้งใจจะเพิ่มหุ้น หรือขยายการลงทุนในหุ้นตัวใหม่ นะครับ ถ้าเป็นแบบนั้น และเป็นกรณีที่เรายังมีหุ้นน้อยตัวอยู่ เราอาจซื้อโดยไม่ได้เป็นการซื้อที่ถูกกว่าขายก็ได้ครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 18 ก.พ. 50 13:19:58 A:221.128.117.128 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คิดมากหวังผลมาก มักจะไม่ได้ดังหวัง แล้วจะเลิกกลางทาง ทุกอย่างมันต้องเกิดขึ้นเอง เพียงแค่เดินให้ถูกทาง ทุกอย่างมันต้องมาเอง โดยไม่คิดหวังผลตอบแทนมาก ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่ซึ่งตอนนี้ผมให้ความสนใจกับโครงการอื่น เอาไว้สำเร็จก่อนค่อยเล่าให้ฟังไม่น่าเกิน3เดือน ทำแล้วมันสนุก เป็นอันใช้ได้ ความมั่งคั่งมาของมันเองไม่ได้คิดมาก จากคุณ : ลำชี - [ 19 ก.พ. 50 08:23:11 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ดีใจจัง ที่ได้เจอพี่ลำชีเข้ามา... เอิ๊กๆๆ... อนึ่ง แบบว่า แอบคิดถึงมานาน...... เหอๆๆ   ............ ก็นะ พี่ลำชี...  ป๋มยังหาอะไรคิดไปเรื่อยๆ.... เอิ๊กๆๆ จนวันไหนมันสุกงอมตกผลึก... ได้ผลน่าพอใจ  แล้วค่อยหยุดคิด..... แต่พี่ลำชีเชื่อป่าว... มีคนบอกว่าผมคิดมากเกินไป หลายคนแล้ว.........อิอิ รวมพี่ด้วย นี่สงสัยจะถึงสิบแล้วนะ..... คริๆๆ จะว่าไป.... หลายๆ ท่านที่เข้ามาสนใจ DSM... ควรสังเกตุไว้ด้วยว่า........... หลายๆ ครั้ง ที่พี่ๆ รุ่นเก่าๆ... เข้ามา... ประโยคที่คุ้นเคยกันอีกประโยคก็คือ... DSM  มันง่าย จน ไม่รู้จะพูดยังไง... การคิดมากเกินไป อาจจะทำให้ เกินความจำเป็นไปก็ได้ เพราะ อะไรที่ง่ายๆ มันไม่ซับซ้อนอย่างที่คิดอยู่แล้ว.. แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น... ผมก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ดีอ่ะ...... เอิ๊กๆๆ   จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 19 ก.พ. 50 09:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณคุณพี่ดอกไม้ฯ ที่ช่วยขยายความ... ผมคิดไว้แบบนั้นแหละ......  แต่มันก็เสี่ยงตรงที่ ถ้ามองผิด....  จังหวะ... ไม่ใช่ขาขึ้นจริง...  ก็คงต้องตัดใจลดความเสียหาย...ด้วยการ "รีบขาย" อิอิ... แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น (เอิ๊กๆๆ.. ใช้คำนี้อีกแระ) .  วิธีนี้ อาจจะ ส่งผลเสีย มากกว่า การเล่นเบสิค ธรรมดาก็ได้นะ... โปรดระวังไว้ด้วยฮับ... . จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 19 ก.พ. 50 09:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 42 หาเรื่องอื่นคิดบ้างสิ ตอนนี้ผมคิดถึงเรื่องอื่นแล้วที่ได้กะตังค์เหมือนกัน มันกว่า dsm อีกหลายเท่าตัว อิอิ แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 50 11:45:17 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 50 11:44:10 จากคุณ : ลำชี - [ 19 ก.พ. 50 11:43:52 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เรื่องอะไรอ่ะ พี่ลำชี TFEX เหรอ ป๋ม เล่นไม่เป็นอ่ะ........  แนะนำหน่อยจิ จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 19 ก.พ. 50 14:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ป่าว เอาไว้เป็นรูปเป็นร่างก่อนค่อยเล่าให้ฟัง ยากกว่าหุ้นอีก ได้บุญได้เงินด้วย 555 จากคุณ : ลำชี - [ 19 ก.พ. 50 15:01:40 ]