ความคิดเห็นที่ 1 อ้อ ตอนนั้นที่เราเคยถามเกี่ยวกับเรื่องกู้เงิน เอาไปปิดที่ผ่อนรถ (ที่ต้องผ่อนเดือนละเกือบ 3 หมื่น) ตกลงว่า เราใจเร็วด่วนได้ กู้เงิน OD เอาไปปิดเรียบร้อยแล้วเมื่อต้นเดือน ด้วยความที่ทนรอค่าคอมมิชชั่นเดือนหน้าไม่ได้ พออยากจะปิดหนี้ ก็จะปิดเดี๋ยวนั้นเลย สรุปว่า หาเรื่องเสียดอกเบี้ยไปฟรีๆ 1,500 บาท โดยไม่จำเป็น จริงๆจะรอให้ได้ค่าคอมเดือนหน้า แล้วค่อยเอาไปปิดก็ได้ แต่เพราะความใจร้อนนี่แหละ เหมือนกับเวลาเล่นหุ้นไม่มีผิดเลย พอบทอยากจะขายขึ้นมา ก็ขายทิ้งมันไปซะดื้อๆ ขาดทุนก็ช่างหัวมัน เราคิดว่า เราคงจะเล่นหุ้นไม่รุ่ง ก็เพราะชอบใช้อารมณ์นี่แหละ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 50 17:58:05 จากคุณ : หนูขิง - [ 18 ก.พ. 50 17:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 น่าจะปรึกษา ผจก แบงค์ได้ครับ  ปกติที่เคยทำคือ  เป็นหนี้แบงค์ A แล้วเกิดปัญหาสะดุด(ไฟไหม้ แต่ไม่เยอะแต่ก็ไม่น้อย) ทำให้ต้องซ่อมแซม  ที่นี้แบงเก่าบอกว่าเพิ่มไม่ได้แล้ว และเงินก็ตึงอยู่ เลยไปคุยกับแบงค์B แล้วก็โอนหนี้ทั้งหมดของ A ไปให้ B แถม Bใจดีแถม OD มาอีกหน่อย  ก็คล่องตัวขึ้นเยอะครับ   แต่ในตลาดปกติต้องถือว่า A เป็นแบงระดับต้นๆ ส่วน B แบงค์เกิดใหม่อะ จากคุณ : แมวน้ำขี้เซา - [ 18 ก.พ. 50 19:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขายพันธบัตรทิ้งทั้ง 3 ล้าน เงินที่ได้ เอามาลงเล่นหุ้นให้หมด จากคุณ : เม่าน้อย - [ 18 ก.พ. 50 21:05:37 A:203.146.63.187 X: TicketID:138625 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าขายพันธบัตรทิ้ง เงินที่ได้ต้องเอาไปใช้หนี้สินก่อนค่ะ ไม่สามารถเอามาเล่นหุ้นได้ จากคุณ : หนูขิง - [ 18 ก.พ. 50 22:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่รู้เรื่องหนี้ครับ  แต่กำลังจะบอกว่า ถ้ารู้ว่าใช้อารมณ์ อย่างไร เล่นหุ้น  ก็น่าจะ ควบคุมทิศทางบางอย่างได้ คือ กำลังจะบอกว่า แม้จะมีอารมณ์มาเกี่ยวข้องกับการเล่น หุ้น ก็ขอให้เล่น อย่างระมัดระวัง  อย่าเมาในอารมณ์ ก็ยังน่าจะอยู่ได้ในการเล่นหุ้นครับ ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี ลองไปเดินจงกรม ย่างหนอ กรอบหนอ ก็แล้วกัน เพื่อจะเข้าใจที่ผมเขียน  ผมเองยังงงเลย จากคุณ : หมูทุบ (pork) - [ 18 ก.พ. 50 22:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขายที่ดินสิครับ ได้ข่าวว่ามีเยอะ ม่ายช่ายเหรอครับ จากคุณ : dr.nitid - [ 18 ก.พ. 50 23:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อ แล้วไม่ใช่ว่า ปิดหนี้แบงค์แล้วจะหมดหนี้นะคะ เพราะยังมีหนี้สินที่ญาติให้ยืมมาด้วย เอ๊ะ ทำไมดูเหมือนมีหนี้สินล้นพ้นตัวจัง อิอิ คือเอาเงินที่ญาติให้ยืมมาโปะ OD เอาเงิน OD ไปปิดผ่อนรถ โปะนู่นโปะนี่งงไปหมด ส่วนที่ดินนี่ ก็กะว่าจะแบ่งขายอยู่เหมือนกันแหละค่ะ แต่เรื่องขายที่นี่ ต้องใช้เวลาเหมือนกัน ไม่ใช่วันนี้อยากขาย ก็จะเทขายทิ้งได้ทันทีเหมือนขายหุ้น จากคุณ : หนูขิง - [ 18 ก.พ. 50 23:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่อแวว เอ็นพีแอล แล้วแบบนี้ ใหม่ๆมักเป็นแบบนี้ ยอดโอดีค้างเติ่งตลอดไม่ลดยอดลงแม้แต่น้อย จ่ายแต่ดอกเบี้ยเป็นนี้พักนึงก็แป๊ก แล้วก็จะได้รับโทรศัพท์ทวงหนี้หรือจดหมายทวงหนี้ แล้วก็จะจัดเป็นลูกหนี้ชั้นเลว การพูดคุยกับธนาคารก็จะไม่รู้เรื่อง เพราะพูดคนละเรื่องเดียวกัน ที่เคยพูดกันเพราะๆก็จะถูกข่มขู่ การขายพันธบัตรมาใช้หนี้ก็ต่อเวลาได้นิดหน่อย เพราะในที่สุดก็จะวนกลับมาเจอปัญหาแบบเดิมๆอีก ถ้ามีพันธบัตรมาขายหนี้ทุกครั้งก็แล้วไป 90% ของ เอ็นพีแอล เป็นพวกไม่มีวัตถุประสงค์การใช้เงินที่แน่นนอน ตอนกู้เงินก็บอกว่าจะใช้หมุนเวียนทางธุรกิจ แต่พอได้เงินแล้วก็ เอาซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อเครื่องจักร สร้างโรงงาน ซื้อที่ดิน ซื้อหุ้น เล่นการพนัน นี่เป็นที่มาของลูกหนี้ชั้นเลวของธนาคาร เพราะใช้เงินกู้ผิดประเภท ผิดวัตถุประสงค์ เจอลูกค้าสินเชื่อแบบนี้บ่อยๆเลยมาเล่าสู่กันฟัง จากคุณ : AmpleRich - [ 19 ก.พ. 50 00:58:59 A:58.8.156.245 X: TicketID:086117 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร ผมไม่มีความสามารถด้านนี้เอาเสียเลย ถ้าให้หาหุ้นที่วิ่งแน่ๆให้เล่นสักตัวในอาทิตย์หน้าอย่างนี้ พอจะทำได้ครับ แต่ในภาวะอย่างนี้ คงตอ้งเลือกทางอื่นไว้ก่อน หนูขิงคงไม่มีแก่ใจเล่นหุ้นช่วงนี้นะครับ ขอให้ผ่านพ้นช่วงที่วุ่นวายนี้ไปได้ด้วยดีครับผม จากคุณ : khonthai.tk. (khonthai.tk.) - [ 19 ก.พ. 50 01:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลองกู้โดยใช้บ้านค้ำประกันสิครับ (Mortgage) ..............กู้เหมือนกับว่าคุณซื้อบ้านใหม่นั่นแหละ ผ่อนระยะยาว 20-30 ปี ดอกเบี้ยถูกกว่า OD กับ Personal Loan อีก ถ้ามูลค่าบ้านไม่พอยอด 3.5 ล้าน.......ก็นำพันธบัตรไปค้ำประกันด้วย ลองไปคุยกับหลายๆ ธนาคารดูนะครับ ส่วนหลักการบริหารหนี้ง่ายๆ คือ 1. ชำระหนี้ก้อนที่ดอกเบี้ยสูงสุดให้หมดเร็วที่สุด (เช่น บัตรเครดิต) 2. ถ้ามีเงินได้พิเศษให้นำไป..."ลดเงินต้น"ของหนี้ .....ไม่ใช่นำไปจ่ายดอกเบี้ย เพราะเงินได้ปกติก็นำไปจ่ายเงินงวดตามปกติ ซึ่งรวมทั้งดอกเบี้ยและเงินต้นอยู่แล้ว 3. เลือกวิธีการที่เสียค่าธรรมเนียม/เสียดอกเบี้ยน้อยที่สุดเสมอ 4. เงินของญาติหรือเพื่อนคืนช้าได้ ถ้าเค้าไม่รีบใช้ แต่ต้องไม่ช้าเกินไป ...........และเวลาคืนต้องให้ดอกเบี้ยตามสมควรด้วย (อย่างน้อยเท่าเงินฝากประจำ) จากคุณ : academician - [ 19 ก.พ. 50 04:02:53 A:130.18.158.21 X: TicketID:075095 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีแก่ใจจะเล่นหุ้นเท่าไหร่ อยากเคลียร์หนี้สินให้หมดซะก่อน อ่าน คคห ที่ 8 แล้วหดหู่จัง ไม่อยากจะกลายเป็นลูกหนี้ชั้นเลวในอนาคตเลย แต่ตอนกู้ ก็ไม่ได้เอาเงินไปใช้ผิดประเภทนะคะ เพราะเป็นการกู้เอาไปสร้างบ้านจริงๆ แต่ปัญหาคือไม่อยากเอาที่ดินค้ำ ก็เลยต้องกู้แบบเสียดอกแพงและผ่อนระยะสั้น ปรากฏว่า มันกลายเป็นมีภาระผ่อนหนักมากเกินไป ในแต่ละเดือน มากแบบที่ว่า 95% ของรายได้หลัก คือรายการผ่อนหนี้สิน ตอนแรกกะว่า จะหารายได้พิเศษจากการเล่นหุ้นมาช่วยเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและส่งให้ที่บ้าน ปรากฏว่าไปๆมาๆ ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่ เพราะหาได้อย่างมากก็ไม่กี่พัน เนื่องจากไม่กล้าเล่นมาก ไม่กล้าเสี่ยงมาก เพราะกลัวจะเจ็บตัวเยอะ ที่นี้พอเวลาได้ มันก็เลยได้น้อยไปด้วย ไม่พอยาไส้ เฮ้อ! แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 50 14:41:27 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 50 08:53:36 จากคุณ : หนูขิง - [ 19 ก.พ. 50 08:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สู้ ๆๆ สร้างทรัพย์สิน อยู่อย่างพอเพียง ลุยหุ้นบางโอกาส หากล้มเลวเรื่องหนี้ อย่าทำตามเจ้าของโรงงานที่เป็นข่าว เพราะเราเชื่อว่า  หนูขิง สู้ ๆๆๆ โว้ย จากคุณ : จิกุง - [ 19 ก.พ. 50 10:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นกำลังใจให้ท่านจขกท.ครับ ขอให้ตั้งสติและรวบรวมสมาธิเพื่อพิจารณาวิธีแก้ไขปัญหานะครับ ปัญหาประเภทนี้มีแต่ตัวของท่านจขกท.เองที่จะแก้ไขได้ครับ โชคดีครับ จากคุณ : fqmm1974 - [ 19 ก.พ. 50 10:05:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมไม่ทราบว่าพันธบัตรรัฐบาลขายก่อนครบกำหนดได้หรือไม่ ถ้าได้ น่าจะขายเพราะอัตราดอกเบี้ย O/D และ P/N LOAN น่าจะสูงกว่ามากๆๆ  เอาเงินที่ได้ 3 ล้าน ปิดบัญชี O/D 2.5 ล้าน และโปะ P/N LOAN 5แสน หนี้จะเหลือ 5 แสน จะลดภาระค่าดอกเบี้ยต่อเดือนได้มาก แต่การที่จะเอาพันธบัตรที่ค้ำออกมาจากแบงค์ น่าจะเจรจาได้นะครับ ให้คนที่ซื้อพันธบัตรเราทำแคชเชียร์เช็คจ่ายแบงค์ที่เราเป็นหนี้อยู่ เพื่อเอาพันธบัตรออกมา(ยื่นหมู ยื่นแมว) หลังจากนั้นต้องวางแผนทางการเงิน ดูว่าเราจะเก็บเงินสุทธิต่อเดือนได้เท่าไร ถ้ายังได้ไม่มาก ก็เจรจากับแบงค์ที่เรายังมี P/N LOAN ขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป เพื่อที่จะได้ผ่อนต่อเดือนลดลง และพยายามอย่าไปสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีก  ผมเคยมีหนี้เพราะความโลภ อยากได้นู่นอยากได้นี่ แต่พอได้มา มันมีความสุขอยู่แค่ 2 เดือน หลังจากนั้นมันกลายเป็นความทุกข์ตั้งหลายปี ช่วงที่ทุกข์ต้องจำมันให้ได้มากๆ เมื่อวันที่เราผ่านมันมาแล้วจะไม่อยากเป็นแบบนั้นอีก เหมือนตอนนี้ผมกำลังจำว่าผมขาดทุนหุ้น 1.2 ล้านบาท  ถ้าผมได้กำไรคืนมา (ไม่รู้ว่าเมื่อไร) ผมคงจะไม่เข้าไปเล่นหุ้นอีกแล้วครับ  ไม่รู้ว่าจะช่วยหนูขิงได้บ้างหรือเปล่า จากคุณ : หนุ่มแว่น (หนุ่มแว่น) - [ 19 ก.พ. 50 11:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แนะนำให้เอาบ้านเข้าธนาคารผ่อนยาว 20 ปี นำเงินที่ได้มาไถ่พันธบัตรที่ทำ OD ไว้ แล้วเอา พันธบัตรไปขาย มาใช้หนี้บัตรเครดิต และคืนญาติ ๆ บางส่วน ที่เหลือรอครบหนึ่งปี สามารถนำเงินไปโป๊ะแบงค์ค่าบ้านได้ ปัญหาคือจะเอาบ้านเข้าแบงค์ยังไงให้ได้ดอกเบี้ย ถูก ๆ และยอดกู้สูง ๆ ยังไงก็ลองปรึกษาหลาย ๆ แบงค์ดูละกันนะครับ เอาใจช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ครับ จากคุณ : HaHaHa - [ 19 ก.พ. 50 11:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 วิธีบริหารง่าย ๆ ๑. ทำบัญชีส่วนตัว /งบกำไร/ขาดทุน/งบดุลแบบง่าย ๆ ๒. ฝึกฝนจิตใจให้เย็น เย็น เย็น เพื่อแก้ และกันทุกปัญหา ๓. ถ้ามีเวลาลองหาหนังสือบริหารการเงิน ชื่อ เศรษฐีชี้ทางรวย คอนเซบท์หลักของหนังสือ จะบอกวิธี ออมง่าย คลายหนี้ มีแต่รวย ขอรับ ด้วยความปรารถนาดี จากคุณ : พิราบเงิน - [ 19 ก.พ. 50 11:45:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และทุกคำแนะนำเพิ่มเติม มีประโยชน์มากค่ะ เดี๋ยวว่าจะลองไปคุยกับแบงค์ดูว่าเค้าจะรับซื้อพันธบัตรเราไปเลยไหม แต่ละแบงค์ เค้ารับซื้อราคาไม่เท่ากัน บางทีต่างกันเป็นแสนก็มี ตอนแรกที่เราตัดสินใจไม่ขายพันธบัตร แต่เอาพันธบัตรค้ำแล้วกู้เป็น OD เอา เพราะแบงค์บอกว่า กู้ OD แล้วจะเป็นการสร้างเครดิตได้ดีมากกว่า (ถ้าทำ statement ดีๆ) เผื่ออีกหน่อย อยากจะทำธุรกิจ จะกู้เงินเพิ่มเติม และถ้ามีประวัติดีกับแบงค์มาเรื่อยๆ ก็จะกู้ง่าย แต่เรามานั่งคำนวนดู ตั้งกะเราไปกู้ OD มาเมื่อเดือนตุลาคม เราต้องมานั่งเสียดอกเบี้ยให้แบงค์จนถึงวันนี้ ตั้งเกือบ 60,000 เข้าไปแล้ว อีกไม่นาน คงจะเสียมากกว่าที่ได้รับดอกเบี้ยจากพันธบัตรแล้วล่ะ แต่ดอกเบี้ยที่ได้รับจากพันธบัตร เราก็ต้องเอาไปจ่ายให้ญาติเรา เพราะพันธบัตรนี้ จริงๆเราขายให้ญาติเราไปแล้ว แต่ไปขอกลับคืนมาใหม่ แต่มันยังเป็นชื่อเราอยู่ ไม่ได้โอนกัน เพราะญาติเราเค้าขี้เกียจไปโอน เวลาดอกเบี้ยออก เราก็โอนจากบัญชีเราต่อเข้าบัญชีเค้าไปเลยไง จากคุณ : หนูขิง - [ 19 ก.พ. 50 12:07:45 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กู้มาสร้างบ้าน ใครเขากู้โอดีกัน ธนาคารจะให้เป็นเงินกู้ธรรมดา ผ่อนชำระ 5ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี ก็ว่ากันไปตามความสามารถในการผ่อนชำระ ข้อดีแบบนี้คือ ลดต้นลดดอก ไม่สามารถเบิกเงินกู้มาใช้อีก คุณต้องดูว่ามีรายได้ประจำต่อเดือนเท่าไร หักค่าใช้จ่าย เงินกู้อื่นๆแล้วเหลือเท่าไร ปกติแล้วควรจะมีรายได้ 2.5-3 เท่าของค่างวด ถึงจะไม่เดือนร้อนมีเงินเหลือใช้จ่ายประจำวัน จากคุณ : AmpleRich - [ 19 ก.พ. 50 12:21:55 A:58.8.158.60 X: TicketID:086117 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณพิราบเงินคะ หนังสือเรื่อง เศรษฐีชี้ทางรวย เป็นของใครเขียนคะ คราวก่อนเราไปซื้อหนังสือเรื่อง เงิน เรื่องใหญ่ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ของ โจ มณฑานี อ่านแล้ว ถึงได้รู้ตัวเองว่า เรานี่เป็นคนที่มีวินัยทางการเงินดีมากๆเลย แต่ครอบครัวเราทุกคน ทั้งพ่อ แม่ พี่ชาย เป็นพวกที่ไม่มีวินัยทางการเงินมากๆ เราถึงได้ลำบากไปด้วย เพราะหาเงินมาได้เท่าไหร่ ก็ต้องเอาไปช่วยทุกคนหมด เฮ้อ พูดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว เครียด ลำพังตัวเราเอง ไม่เคยมีปัญหาหรอก แต่ต้องมาคอยแบกภาระคนอื่นเนี่ยสิ จะทอดทิ้งก็ไม่ได้ เพราะเป็นพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ หลาน โชคดีนะเนี่ย ที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่งั้นอาจจะต้องมารับภาระของสามี ลูก และพ่อแม่พี่น้องสามี ด้วยอีก อิอิ จากคุณ : หนูขิง - [ 19 ก.พ. 50 12:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ^ อ่านแล้วดูเหมือนชีวิตจะรันทดเลยนะครับท่านพี่ >"< มีวินัย 1 คนแต่ที่เหลือขาดวินัยนี่ก็ไปไม่รอดจริงๆ จากคุณ : @scholly@ - [ 19 ก.พ. 50 13:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ก็รันทดพอสมควรค่ะ ก็เลยต้องมาระบายให้ฟังบ้างเป็นครั้งคราว จริงๆที่พูดๆมานี่ก็เรื่องเดิมๆทั้งนั้นนะคะ ถ้าคนที่เคยอ่านเรื่องของเรามาจะรู้ดี เราก็หมุนแก้ไขของเราไปเรื่อยๆ เวลาติดขัด หรือมีอะไรที่จะต้องคิดตัดสินใจ ก็จะมาโพสต์ถามความเห็น มิน่า ทำไมเราถึงติดห้องสินธร คงเป็นเพราะว่า ปัญหาในชีวิตเราส่วนใหญ่ เป็นปัญหาเรื่องเกี่ยวกับเรื่องการเงินและการลงทุนนั่นเอง จากคุณ : หนูขิง - [ 19 ก.พ. 50 14:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอาใจช่วยคุณหนูขิงนะคะ และต่อจากนี้ไปขอให้ใจแข็ง กับ พ่อ แม่ พี่น้อง และญาติ บ้าง เพราะได้เวลาที่จะต้องทำอะไรให้ตัวเองแล้ว และก็อย่าไม่อยากให้ปิดโอกาสในการมีครอบครัวของตัวเองเลยค่ะ  การมีครอบครัวของเราเอง  เราก็อาจจะได้เพื่อนคอยให้กำลังใจ ให้คำชี้แนะ ติดเบรคอารมณ์ร้อนของเรา ยิ่งถ้ามีลูก  เราจะยิ่งมีความสุขใหญ่   ลองดูสมบัติของตัวเอง อะไรที่พอขายได้ แม้จะเล็กน้อย ก็ขายๆ ไปเสียบ้าง  เอาเงินสดไปใช้หนี้  ทำตัวให้ว่าง ให้เล็กกะทัดรัดที่สุด และเบาตัวจากหนี้สิน   บอกขายเพื่อนๆที่ทำงานก็ได้  ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำและนิยมเปิดท้ายขายของ เพื่อนของพี่ ก็ขายรองเท้าใช้แล้วได้หลายคู่ มีเพื่อนอีกคนมารับไปขายค่ะ แผ่นเสียงเก่า เรายังขายได้เงินเลยนะคะ  พี่เองชอบซื้อเครื่องทำขนม  พอซื้อเครื่องใหม่ มาซื้อมือสองน่ะ  เครื่องเก่าไม่ได้ใช้ ก็ขาย เพื่อนที่ทำงานไป  ก็ขายในราคาที่ถูก และ จะเรียกว่าขาดทุนก็ได้  แต่มันเป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้วนี่คะ จะเก็บไว้ทำไม เอาเงินมาใช้ดีกว่า   เชื่อว่าจริงๆแล้วในบ้านเรา จะมีของ ไม่ได้ใช้อยู่เยอะ  นี่พี่ก็คุยกับสามีว่าจะเอาปืนของเขาไปขาย ฯ ที่สำคัญคงต้องแจ้งให้ญาติๆ ทราบสถานการณ์ ของตัวเราด้วยค่ะ  แจ้งว่าอย่าคิดว่าเราจะมีเงิน หรือช่วยใครได้ต่อไปอีก เราจะอยู่อย่างสมถะแล้ว จากคุณ : kaijae - [ 19 ก.พ. 50 17:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณค่ะ คุณ kaijae เราตรวจดูทรัพย์สินส่วนตัวของเรา แทบจะไม่มีอะไรให้ขายเลยค่ะ นอกจากรถ แต่ทรัพย์สินของแม่เรานี่ มีสารพัดเต็มไปหมด ซึ่งก็จะให้เค้าเอาไปขายเองละกัน เวลาเราไม่มีเงินจะส่งให้ใช้ คราวที่แล้ว เค้าก็พึ่งขายแหวนของเค้าไป ก็สงสารเค้าเหมือนกัน แต่ก็ต้องใจแข็ง เพราะถ้าไม่งั้น ก็ไม่ยอมหยุดใช้เงินค่ะ เพราะเค้ามักจะคิดว่าเค้ารวย มีสมบัติเยอะ ไม่มีทางอับจน แต่เวลาเงินขาดมือทีไร ก็หนีไม่พ้นเราต้องเป็นคนดูแลนั่นแหละค่ะ จริงๆ เราไม่ได้ปิดกั้นตัวเรื่องมีครอบครัวนะคะ เพียงแต่ยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง เราแค่พูดถึงคนรอบข้างน่ะ คือเราเห็นพี่สะใภ้เรา และเพื่อนเราบางคน อยู่ในสภาพเดียวกับเราเลย แต่มีแถมตรงที่ต้องเลี้ยงลูกผัวด้วยน่ะ รู้สึกจะกรรมหนักกว่าเรานิดหน่อย อิอิ จากคุณ : หนูขิง - [ 19 ก.พ. 50 18:50:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ้อ ตอนพี่สะใภ้เราแต่งงานกับพี่ชายเรา พี่ชายเราเค้ารวยมาก พี่สะใภ้เรา เค้าก็คงฝันหวาน ว่าแต่งงานแล้วจะมีชีวิตที่สุขสบาย แต่ตอนหลังกลายเป็นว่า พี่ชายเรามีปัญหาทางธุรกิจ ก็เลยตอนนี้ พี่สะใภ้ต้องเป็นคนเลี้ยงครอบครัวเองน่ะค่ะ เราเคยบอกพี่ชายเราว่า ถ้าเราคิดจะแต่งงาน เรื่องฐานะก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาด้วย ปรากฏว่า พี่ชายบอกว่า ก็ตอนพี่สะใภ้แต่งงานกับเค้า เค้าก็รวยจะตายไป เพราะฉะนั้น อย่าไปคิดเลยว่าจะหนีพ้น ถ้าเรามีกรรมที่จะต้องเลี้ยงดูสามี ยังไงก็เลือกดีๆก็แล้วกัน เราก็เลยเลือกยังไม่เสร็จอยู่เนี่ย ฮ่ะๆ จากคุณ : หนูขิง - [ 19 ก.พ. 50 19:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาให้กำลังใจคุณหนูขิงครับ ปัญหาตอนนี้มันไม่ง่ายเลยแต่ก้อไม่ใช่จะแก้ไม่ได้ คำแนะนำที่มีเข้ามาทำให้ได้ความรู้และแนวทางเยอะเลยครับ ผมชอบความคิดของ คคห. 10 กับ 14 นะครับ อยากให้คุณหนูขิงสู้ๆ เข้าไปคุยกับเค้า (เจ้าหนี้) เลยครับ เค้าอยากได้ดอกแต่คงไม่ถึงขนาดอยากเสียเงินต้นหรอกครับ อีกอย่าง เป็นห่วงคุณหนูขิงเรื่องเล่นหุ้นมากๆครับ เล่นแบบนี้อันตรายและมีเงินเท่าไหร่ก้อไม่พอใช้ครับ ถ้าลองเปลี่ยนแนวทางเป็นการลงทุน แทนเก็งกำไร แม้มันอาจจะไม่สนุก ไม่หวือหวา แต่การเห็นตัวเขียวใน port ทุกๆวันมันก้อน่าจะทำให้มีกำลังใจนะครับ ทุกวันนี้ผมถือหุ้นแค่ตัวเดียวเพราะไม่มีตังและก้อเพิ่งเล่น แต่ถือมาได้สามอาทิตย์ กำไรแล้ว 10% รู้สึกดีกว่าเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นไหนๆครับ ไม่เร็วแต่ได้ชัวร์ครับ (อย่าถามล่ะว่าถือตัวไหนอยู่ อิอิ) สุดท้ายแล้ว จำไว้ว่า ถ้าจะสู้แล้วห้ามถอยนะครับ เหนื่อยก้อพักแต่ห้ามท้อ ไม่มีอะไรที่เกินความสามารถของคุณหนูขิงหรอกครับ ปล. แอบซุ่มเงียบอ่านคคหของคุณหนูขิงมานาน มันเพลินดีแล้วก้อฮาดีนะครับ ^^ จากคุณ : Papiruz - [ 19 ก.พ. 50 19:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หนูขิง พี่ถามจริงๆ อ่านเรื่องราวของ โจ..มณฑานี ตันติสุข แล้วจริงเหรอ http://www.bangkokbizweek.com/20060902/road/index.php?news=column_21513826.html เห็นหนูบอกว่า คนอื่นในครอบครัวบริหารเงินไม่เป็น แต่หนูไม่เหมือนคนอื่น คิดว่าเป็นอย่างนั้นแล้วจริงหรือคะ พี่จำได้ว่า พี่เคยบอกหนูขิงไปแล้ว ว่าอย่าเอาเงินก้อนสุดท้าย ที่อยากจะซื้อบ้าน ไปซื้อหุ้น เงินมันร้อน เหมือนนิสัยใจร้อนของหนูหน่ะ แล้วหนูก็เสียเงินส่วนนั้นไปเยอะมาก พี่เข้าใจว่าเงิน OD ดอกมันสูงกว่าการกู้ประเภทอื่นไม่ใช่หรือ ทำไมถึงเอาไปโปะรถหล่ะ พี่ว่าถึงหนูจะเคลียร์หนี้สินหนนี้จนเรียบร้อย แต่ถ้ายังไม่เป็นความคิดและพฤติกรรม (รวมเรื่องการเล่นหุ้นด้วย) หนูขิงจะหนีวังวนหนี้สินนี้ไม่สำเร็จนะคะ เพื่อนๆ ที่นี่ชอบหนูกันทั้งนั้นค่ะ ส่วนหนึ่งคือ หนูขิงดูจริงใจในการพูดคุย แต่อีกส่วนหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ ว่าหนูเจ๊งหุ้นทีไร เพื่อนๆ บางคน จะรู้สึกดี ว่ามีคนที่แย่กว่าเราอีก พี่ไม่อยากให้หนูเป็นที่รู้จักกับคนอื่นๆ ผ่านจากเรื่องความล้มเหลวเลยค่ะ ก็...พยายามต่อไปละกันนะ จากคุณ : เข็มแดง - [ 19 ก.พ. 50 20:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โถหนูขิง หนี้นิดหน่อยเอง หลักประกันก็มี ความรู้หนูขิงแก้ไขได้อยู่แล้ว ดูหนูขิงก็ทำงานเก่ง เงินเดือนเยอะ ไม่สร้างหนี้เพิ่ม ไม่ช้าก็หมด  อายุยังไม่มาก มีพลังหาเงินได้อยู่แล้ว สู้ๆๆๆ จากคุณ : nantucket - [ 19 ก.พ. 50 22:03:48 ]