Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    อย่าฟังแต่ สปน. ฟัง ITV บ้างครับ รับรู้อีกด้านนึงบ้าง

    ไอทีวียื่นหนังสือชี้แจง สปน. ยืนยันได้ดำเนินการถูกต้องตามเงื่อนไขสัญญาและข้อกฎหมาย

    บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ได้ส่งจดหมายชี้แจงเรื่องของการให้ชำระหนี้และปฎิบัติให้เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงาน ไปยังสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) โดยที่ทางสปน.ได้ ขอให้ทางไอทีวีปฎิบัติตามสัญญเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบ บู เอช เอฟ ฉนันลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2538 และที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยทันที นัดแต่วันที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพาทษาดังกล่าง โดยขอให้ทางไอทีวี ชำระค่าตอบแทน (ส่วนต่าง) ตลอดจนค่าปรับและดำเนินการปรับผังรายการของบริษัทนั้

    บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงถึงประเด็นสำคัญที่ได้ทำหนังสือตอบไปยัง สปน. ดังนี้

    1. กรณึ สปน. กล่าวอ้างว่า “คำพิพากษาของศาลปกครองกลางมีผลทำให้บริษัทฯ ต้องปฎิบัติตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ โดยทันทีนับแต่วันที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา”

    บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า สปน. ตีความข้อกฎหมายที่เกี่ยงข้องไม่ถูกต้อง เนื่องจากตามมาตรา 70 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 (พรบ. จัดตั้งศาลปกครองฯ) ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า ในกรณีที่เป็นคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นให้รอการปฏิบัติตามบังคับไว้จนกว่าจะพ้นระยะเลาอุทธรณ์ หรือในกรณีที่มีการอุทรณ์ให้รอการบังคับคดีไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด” ซึ่งคดีนี้บริษัทฯ ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2549 และศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของบริษัทฯ ไว้พิจารณาแล้ว คำพิพากษาของศาลปกครองกลางจึงยังไม่มีผลบังคับจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุดตามมาตรา 70 วรรคสองแห่ง พรบ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ดังกล่าวข้างต้น และเมื่อคำสั่งของศาลปกครองกลางยังไม่มีผลบังคับ สปน. และบริษัทฯ จึงมีหน้าที่และต้องปฎิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษาเป็นที่สุด ดังนั้น สปน. จึงไม่สามารถใช้สิทธิเรียกร้องให้บริษัทฯ ชำระค่าตอบแทน (ส่วนต่าง) และค่าปรับ รวมทั้งให้บริษัทฯดำเนินการปรับผังรายการให้เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงานข้อ11 วรรคหนึ่งได้

    2. สปน. เรียกร้องให้บริษัทฯ ชำระเงินค่าตอบแทนขั้นต่ำปีที่ 9 (งวดที่ 7) ที่บริษัทฯ ค้างชำระอยู่จำนวน 670 ล้านบาท และเงินค่าตอบแทนชั้นต่ำปีที่ 10 (งวดที่ 8) ที่บริษัทฯ ค้างชำระอยู่จำนวน 770 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,440 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของเงินค่าตอบแทนที่บริษัทฯ ค้างชำระดังกล่างและให้บริษัทฯ ดำเนินการปรับผังรายการให้เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 11 วรรคหนึ่งโดยทันที

    เนื่องจาก ในขณะนี้บริษัทฯ ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด คำพิพากษาของศาลปกครองกลางจึงยังไม่มีผลบังคับดังที่ได้เรียนชี้แจงมาแล้วในข้อ 1 ดังนั้น กรณีนี้จึงต้องรอคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดต่อไป

    3. สปน. เรียกร้องให้บริษัทฯ ชำระค่าปรับ ตามข้อ 11 วรรคสองของสัญญาเข้าร่วมงานฯ ในกรณีที่บริษัทฯ ดำเนินการเรื่องผังรายการไม่เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 11 วรรคหนึ่ง ตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2547 เป็นต้นมานั้น

    บริษัทฯ ขอเรียนว่า บริษัทฯ มิได้กระทำผิดสัญญาตามข้อ 11 ของสัญญาเข้าร่วมงานญ อันจะทำให้ สปน. มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับได้ตามที่ สปน. กล่าวอ้าง เนื่องมาจากการดำเนินการของบริษัทฯ เกี่ยวกับผังรายการที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามข้อ 11 ของสัญญาเข้าร่วมงานฯ และตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 29/2545 ข้อพิพาทหมายแดงที่ 4/2547 ที่วินิจฉัยให้บริษัทฯ สามารถออกอากาศในช่วงเวลา Prime Time คือ ช่วงเวลาระหว่าง 19.00 น. ถึง 21.30 น. ได้โดยไม่ถูกจำกัดเฉพาะรายการข่าว สารคดี และสารประโยชน์ และบริษัทฯ จะต้องเสนอรายการข่าว สารคดี และสารประโยชน์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของเวลาออกอากาศทั้งหมด เพื่อให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบสถานีโทรทัศน์รายการอื่นๆ ได้อย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ซึ่งคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่างมีผลผูกพัน สปน. และบริษัทฯ ให้ต้องปฎิบัติตาม ตั้งแต่วันที่สำเนาคำชี้ขาดไปถึงคู่พิพาท ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 (“พรบ. อนุญาโตตุลาการ”) และข้อ 30 วรรคท้ายแห่งข้อบังคับสำนักงานศาลยุติธรรมว่าด้วยอนุญาโตตุลาการสถาบันอนุญาโตตุลาการ ประกอบกับข้อ 15 วรรคหนึ่งตอนท้ายของสัญญาเข้าร่วมงานฯ ที่กำหนดให้คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเป็นที่สุดและผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย

    ดังนั้น การดำเนินการของบริษัทฯ เกี่ยวกับผังรายการที่ผ่านมา จึงเป็นการกระทำ ตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการโดยสุจริต ในขณะที่คำชี้ขาดังกล่างยังมิได้มีคำสั่งศาลถึงที่สุดให้เพิกถอนคำชี้ขาด จึงยังคงมีผลผูกพันคู่สัญญากรณีจึงไม่อาจถือว่าบริษัทฯ ได้กระทำผิดสัญญาอันจะทำให้ สปน. มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากบริษัทฯ ตามข้อ 11 วรรคสองของสัญญาเข้าร่วมงานฯ ได้

    4. การคำนวนเงินค่าปรับในอัตราร้อยละ 10 (สิบ) ของค่าตอบแทนที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะได้รับในปีนั้นๆ โดยคิดเป็นรายวัน ตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 11 วรรคสอง ในกรณีที่บริษัทฯ ดำเนินการเรื่องผังรายการไม่เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2547 จนถึงวันที่ 9 พฤษภาคม 2549 เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 75,960 ล้านบาท

    ตามที่บริษัทฯ ได้เรียนชี้แจงไว้ในข้อที่ 3 แล้วว่า บริษัทฯ มิได้กระทำผิดสัญญาข้อ 11 ของสัญญาเข้าร่วมงานฯ อันจะทำให้ สปน. มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับ ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่มีความผูกพันใดๆ ตามกฎหมายที่จะต้องเสียค่าปรับใดๆ ให้แก่ สปน.

    อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่า การตึความและคิดคำนวณค่าปรับข้างต้นของ สปน. ดังกล่าง ไม่ถูกต้องเนื่องจากตามเจตนารมณ์ของสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 11 วรรคสองได้กำหนดให้คำนวณค่าในการผิดสัญญาดังกล่าวในอัตราร้อยละ 10 ของค่าสัมปทานในปีนั้นๆ ดังนั้นหากค่าสัมปทานสูงสุดเป็นเงิน 1,000 ล้านบาท ค่าปรับสูงสุดต่อปีก็จะเป็นเงิน 100 ล้านบาทเท่านั้น หรือในกรณีที่ผิดสัญญาไม่ครบหนึ่งปีก็ให้คำนวณค่าปรับเป็นรายวันซึ่งจะเป็นเงินเท่ากับวันละ 2.74 แสนบาท (100 ล้านบาท หารด้วย 365 วัน) มิใช่วันละ 100 ล้านบาทดังที่ สปน. เข้าใจ ดังนั้น การคำนวณค่าปรับตั้งแต่ 1 เมษายน 2547 จนถึง 9 พฤษภาคม 2549 เป็นเงินประมาณ 208 ล้านบาท มิใช่ 75,960 ล้านบาท ตามหนังสือที่อ้างในข้อที่ 2.1 ถึง ข้อ 2.3

    5. บริษัทฯ จะต้องชำระเงินค่าตอบแทนขั้นต่ำปีที่ 11 ตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 5 วรรคหนึ่ง และข้อ 6 ให้แก่ สปน. ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2549 เป็นจำนวนเงินเท่าใด
    ในการชำระค่าตอบแทนดังกล่าง บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ทั้งสปน. และบริษัทฯ มีหน้าที่ผูกพันตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 15 ที่จะต้องปฎิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ โดยยังคงต้องชำระค่าตอบแทนเป็นเงิน 230 ล้านบาท ตามที่คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาด ทั้งนี้ เนื่องจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลางยังไม่มีผลบังคับตามมาตรา 70 แห่ พรบ. จัดตั้งศาลปกครองฯ ตามที่ได้เรียนชี้แจงมาแล้วในข้อ 1.

    จากข้อเท็จจริงและเหตุผลที่ได้ชี้แจงดังกล่าง บริษัทฯ ขอเรียนว่า บริษัทฯ ยังมีความประสงค์ที่จะดำเนินการตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ต่อไป และบริษัทฯ มีความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะดำเนินการและให้ความร่วมมือในการปฎิบัติตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ อย่างดียิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินการ เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรมกับคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย

    อนึ่ง ไอทีวีขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงจากข่าวสารที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ในประเด็นดังต่อไปนี้
    1. กรณีทั้งหมดที่กล่าวถึงในหนังสือที่แจ้ง สปน. ดังกล่าว เป็นเรื่องการดำเนินการตามสัญญาของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย มิได้เกี่ยวข้องกับคดีในศาลปกครองขณะนี้ ซึ่งเป็นการพิจารณา กรณีการเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการหรือ่ไม่เท่านั้น
    2. เกิดความสับสนว่า สัญญาข้อ 5 วรรคสี่ มีอยู่ในสัญญาฉบับแรกหรือไม่ บริษัทฯ ขอยืนยันว่าสัญญาข้อ 5 วรรคสี่ มีอยู่ในสัญญาฉบับแรกที่ลงนามเมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2538


    ----------------------------------------------------------------
    ไอทีวีแจ้งให้ สปน. ทราบ ในขณะที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลปกครองสูงสุด
    -------------------------------------------------------------

    13 ธันวาคม 2549

    เรื่อง แจ้งผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดในคดีระหว่าง บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)
    กับ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

    เรียน กรรมการและผู้จัดการ
    ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

    บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ขอเรียนให้ทราบว่า ในวันนี้ศาลปกครองสูงสุด
    ได้มี คำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นที่เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ
    ลงวันที่ 30 มกราคม 2547 ทั้งฉบับ ซึ่งมีผลทำให้บริษัทฯ จะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขเดิมที่ระบุ
    ในสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยู เอชเอฟ ฉบับลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2538
    ("สัญญาเข้าร่วมงานฯ") โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2549 เป็นต้นไป ดังนี้

    1. บริษัทฯ จะดำเนินการในเรื่องผังรายการให้เป็นไปตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 11
    วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้รายการข่าว สารคดี และสารประโยชน์ จะต้องรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของ
    เวลาออกอากาศทั้งหมด และระยะเวลาระหว่างเวลา 19.00-21.30 น. จะต้องใช้สำหรับรายการ
    ประเภทนี้เท่านั้น

    2. บริษัทฯ จะปฏิบัติตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 5 ในเรื่องการชำระค่าตอบแทนให้
    สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

    อนึ่ง ตามข่าวศาลปกครอง ระบุว่า คำพิพากษาของศาลปกครองไม่เกี่ยวข้องกับค่าปรับ
    อันเกิดจากการที่บริษัทไม่ปรับผังรายการตามสัญญาเข้าร่วมงานฯ ข้อ 11 วรรคแรก โดยคู่สัญญา
    ทั้งสองฝ่ายจะต้อง ว่ากล่าวกันเอง หากตกลงกันไม่ได้ ต้องเสนอข้อพิพาทตามวิธีการที่ระบุไว้
    ในสัญญาเข้าร่วมงานฯ


    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
    ขอแสดงความนับถือ


    (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล)
    กรรมการ
    บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน)

    -------------------------------------------------------------
    ไอทีวีชี้แจงอีกครั้ง หลังมีคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดให้กลับไปใช้สัญญาสัมปทานตามเดิม และไอทีวีก็ปรับผังรายการตามคำสั่งศาลในวันถัดไป

    ผมไม่รู้ว่า สปน. จะรีบยึดรีบปิดไปไหน ไม่ยอมทำให้เคลียร์ก่อน พอจะปิดมาอ้างเรื่องกฎหมาย ใช้กฎหมายเดียวกันรึเปล่าเนี่ย ปล่อยให้ไอทีวีจ่ายปีละพันล้าน ไม่กี่ปีก็เจ้งแล้ว ทำไมไม่มีแผนการเลย คิดทำวันต่อวัน ทำอะไรไม่รอบครอบ

    จากคุณ : Tingly - [ 9 มี.ค. 50 16:56:56 A:203.209.48.143 X:203.148.136.66, 203.148.136.67 TicketID:135734 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom