ความคิดเห็นที่ 1 ผมสลับ LTF1 กับ LTF3 โดยคิดแบบง่ายๆ อันไหนราคาสูงกว่า โอนมาอันที่ราคาต่ำกว่า ให้มีส่วนต่างซักอย่างน้อย 3-4% สับไปมาได้ 3 หน ตอนนี้ มูลค่าปัจจุบันมากกว่าเพื่อนที่ซื้อพร้อมกัน ซึ่งไม่เคยเปลี่ยนเลยอยู่ร่วม 10% จากคุณ : pichatey - [ 17 มี.ค. 50 16:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2 :: เทคนิคการลงทุน แบบ DCA :: วัตถุประสงค์เพื่ิอสร้างค่าเฉลี่ยการลงทุน ด้วยความน่าจะเป็นจากสภาวะการณ์จากการเปลี่ยนแปลงราคาแบบไม่คาดหวัง (คาดหวังไม่ได้) การสร้างโอกาสจากค่าเฉลี่ย เพื่อให้เกิดค่าเฉลี่ยที่อยู่ระหว่าง ค่าสูง กับค่าต่ำ ได้มากที่สุดน่าจะสร้างให้เกิดผลตอบแทนได้สูงสุดด้วย ดังนั้นถ้าจะเลือกกองทุนเพื่อลงทุนแบบ DCA น่าจะมองหากองทุนที่สร้างส่วนต่างของราคาที่อยู่ในช่วงกว้าง แบบเวลาขึ้นจะขึ้นแรง เวลาลงก็ลงแรงด้วย ซึ่ง SCBLT2 น่าจะดูเหมาะสมที่จะนำมาใช้ทดสอบทฤษฎี DCA ครับ ----------- :: การเพิ่มจำนวนวันในการขายคืน :: ข้อกำหนดหนึ่งของ LTF คือ การขายคืน จะทำได้แค่ 2 วันต่อปีเท่านั้น (วันหนึ่ง กี่รายการก่อได้) นั่นหมายถึงการลงทุนในกองทุนหนึ่ง ถ้าจะขายคืน จะทำได้แค่ 2 วัน ต่อกองทุนต่อปี แต่ถ้าเงินลงทุนอยู่หลายกองทุน ก็จะสามารถขายออกจากกองทุนได้กองทุนละ 2 วัน แต่ถ้ามี 3 กองทุน หมายถึงสร้างวันขายคืนได้ถึง 6 วันครับ ------------------ และจากการสับเปลี่ยน ด้วยราคาที่ไม่มีค่าธรรมเนียม ที่จะทำให้ ราคาสับเปลี่ยนออก =  ราคาหน่วยลงทุน (NAV) ราคาสับเปลี่ยนเข้า =  ราคาหน่วยลงทุน (NAV) + 0.0001 บาท จึงสามารถ ขยายการลงทุน จากแค่ 1 กองทุน ไปยัง กองทุน LTF อื่นๆ ได้โดยไม่ต้องเสียส่วนต่างของราคา จนทำให้เสียผลประโยชน์ จึงสามารถสับเปลี่ยนกองทุนได้อย่างอิสระ มากเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ หรือแม้จะสับเปลี่ยนออกนอก บลจ. เพื่อไปหากองทุน LTF อื่นๆ ที่สามารถขายได้ นอกเหนือช่วงเวลาที่ เป็นกองทุนที่ SCBAM กำหนดไว้ก็ได้ครับ SCBTL1, SCBLT2, SCBLT3 กำหนดให้ขายคืนได้เฉพาะช่วงวันที่ 2 - 15 ม.ค. และ 2 - 15 ก.ค. ของทุกปี ส่วนของ บลจ. อื่นๆ ดูช่วงเวลาการขายคืนได้ที่ http://www.aimc.or.th/2006/html/modules.php?name=List_Funds แล้วอาจจะทำได้มากกว่า 6 วันต่อปีด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 50 18:35:57 จากคุณ : pjuk - [ 17 มี.ค. 50 17:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาต่อ ท่อนกลางกันต่อครับ ---------------------------- :: ชลอการลงทุน :: จากการที่ LTF เป็นกองทุนประเภทหุ้น ไม่ว่าจะไปลงทุนในกองทุนใด สัดส่วนหุ้นมากน้อยแค่ไหน สุดท้ายก็หนี้ภาวะหุ้นไม่พ้น แต่ถ้าเราสามารถหยุดยังการเคลื่อไหวให้เงินลงทุน ให้ออกจากกองทุนได้ชั่วคราว (โดยไม่ใช่การขายคืน) ก็จะสามารถรักษาเงินลงทุนของเราให้คงอยู่ได้ ไม่ให้ไหลไปตามทิศทางตลาด จึงเป็นที่มาของการสับเปลี่ยน ย้ายกองทุน ด้วยการยืดระยะเเวลา ก่อนกลับเข้าลงทุนต่อใหนกองทุนครับ ด้วยหลักการการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน : วันที่ สับเปลี่ยนออกจากกองทุนปลายทาง เราจะได้ราคาหน่วยลงทุน ณ. สิ้นวันของกองทุนปลายทางเพื่อใช้คำนวณเงินลงทุน นั่นหมายถึง = จำนวนหน่วยที่สับเปลี่ยนออก x ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนต้นทาง : ระยะเวลาการสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน LTF จะใช้เวลา 3 วันทำการ (T+3) ทำให้เงินลงทุนที่ได้จากกองทุนต้นทาง จะคงอยู่ในภาวะนิ่ง ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่ได้อยู่ในกองทุน LTF นั่นเองครับ : วันที่ สับเปลี่ยนเข้ากองทุนปลายทาง ณ. วันนี้ (3 วันทำการหลังจากออกจากกองทุนต้นทาง) เงินลงทุนเราพร้อมแล้วที่จะกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง ภายใต้การลงทุนของกองทุน LTF โดยเช่นกันกับวันที่ออกจากกองทุนต้นทาง เงินลงทุนของเราจะได้รับการจัดสรรจำนวนหน่วย ด้วยราคาสับเปลี่ยนเข้า ณ.สิ้นวันทำการ (T+3) ซึ่งเสมือนว่าเงินลงทุนก้อนนี้ยังคงอยู่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามภาวะหุ้นเลย เนื่องจากจะมีผลการลงทุนจริง เมื่อสิ้นวันทำการแล้ว ซึ่งหมดแรงกระแทกจากตลาดหุ้นไปแล้วครับ ----------------- จากแนวทางการชลอการลงทุน มีทั้งข้อดี และข้อด้อย เนื่องจาการหลุดพ้นจากภาวะตลาดหุ้นนี่เอง 3 วันทำการ ที่เงินยังล่องลอยอยู่ในอากาศ ได้ลงทุนอยู่ในกองทุน ข้อดีคือ : ตลาดหุ้นร้าย กลายเป็นดี 3 วันที่ตลาดหุ้นลดต่ำลง - ถ้ายังอยู่ในกองทุน หมายถึง ราคาหน่วยลงทุนลดลง จนทำให้จำนวนหน่วยลงทุนที่เรามีอยู่ เกิดภาวะมูลค่าคงเหลือต่ำลง - ถ้าไม่อยู่ในกองทุน (สับเปลี่ยนออก) หมายถึง มูลค่าคงเหลือก็จะคงที่ อยู่เท่าเดิม นั้นอาจจะหมายถึงกำไรที่เราชนะตลาดหุ้นก็ได้ครับ : ตลาดหุ้นดี ทำให้แค่เสียโอกาส 3 วันที่ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น - ถ้ายังอยู่ในกองทุน หมายถึง ราคาหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น จนทำให้จำนวนหน่วยลงทุนที่เรามีอยู่ เกิดภาวะมูลค่าคงเหลือสูงขึ้นไปอีก - ถ้าไม่อยู่ในกองทุน (สับเปลี่ยนออก) หมายถึง มูลค่าคงเหลือก็จะคงที่ อยู่เท่าเดิม จึงเป็นเพียงแค่เสียโอกาสที่จะได้เพิ่ม แต่ไม่ได้ครับ จากคุณ : pjuk - [ 17 มี.ค. 50 18:25:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จาก 3 วัน สู่ 3 Style การลงทุน :: LTF กองทุนหุ้นระยะยาว SCBLT1 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 หุ้น SET50 - 70% ตราสารหนี้ระยะกลาง-ยาว + เงินสด - 30% มีนโยบายการจ่ายปันผล ประวัติการจ่ายปันผล : http://www.scbam.com/inc/Dividend/getdiv.asp?l=th SCBLT2 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส หุ้น SET50 - 90% ตราสารหนี้ระยะสั้น + เงินสด - 10% ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล SCBLT3 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ หุ้น SET50 - 40% หุ้น ต่ำกว่า SET100 + MAI - 40% หุ้น Trade + เงินสด - 20% ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล การการจายลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ  และสัดส่วนหุ้น จึงวิเคราะห์แนวทางสู้กับตลาดหุ้นตามภาวะการต่างๆ นอกจากเทคนิ ชลอการลงทุน คือ - ตลาดทิศทางยังไม่แน่ชัด ไปอยู่ที่ SCBLT1 จาก ตราสารหนี้ประมาณ 30% จึงช่วยลดความผันผวนจากตลาดหุ้นลงได้บ้าง - ตลาดถูกหุ้นใหญ่ช่วงส่งดัชนีขึ้น ไปอยู่ SCBLT2 จากสัดส่วนการลงทุนในหุ้นใหญ่ๆ 90% จึงสามารถสร้างโอกาสที่วิ่งไล่ตลาดหุ้นได้ในช่วงขาขึ้น - ตลาดเล่นมันทุกกลุ่ม ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ไปอยู่ที่ SCBLT3 ด้วยกลุ่มหุ้นที่ครอบคลุมทั้ง SET และ MAI ไม่ว่าตลาดจะ เก็บหุ้นใหญ่ ปั่นหุ้นเล็ก หรือแม้แต่สภาวะ SET มีแต่สีแดงๆ MAI กลับทำให้ตลาดหุ้นมีสีเขียวเจือปนได้หลายๆ ครั้งครับ จากคุณ : pjuk - [ 17 มี.ค. 50 18:47:56 ]