พอเพียงไม่ใช่ทางสายกลาง ไม่ใช่ทุกคนต้องขาดความหลากหลายในสังคมและพอเพียงไม่ใช่สังคมนิยม
แต่เป็นการลดแรงเสียดทานที่จะเกิดจากภายในตัวตนออกไปเพื่อให้เกิดกระบวนการความคิดที่ถูกต้องและแรงในการทำงานเกิดประโยชน์สูงสุด
ถูกต้องครับ กิเลส ตัณหาเป็นแรงต้านสำคัญ ถ้าเราลดกิเลสตัณหาได้มากเท่าไรก็จะเกิดปัญญาและมีแรงทำงานมากขึ้น ซึ่งการทำงานนั้นไม่เน้นเป้าหมายแต่เน้นทิศทาง ดังเช่นพระมหาชนกว่ายน้ำไปในทิศที่มณีเมขลานำไปโดยไม่คำนึงว่าจะถึงจุดหมายหรือไม่ ซึ่งสถานการณ์เช่นนั้นก็ป่วยการที่จะมัวแต่อาลัยอาวรณ์ว่าทำไมโชคชะตาจึงเป็นเช่นนั้น ดังนั้นทิศทางของแต่ละบุคคลแต่ละคณะต้องชัดและอยู่ในสัมมาฐิติ
นักร้องอย่าง ดาเอนโดรฟินก็มุ่งมั่นมาทางดนตรีตั้งแต่เรียนมัธยม เก็บค่าขนมที่อยากกินไว้เช่าห้องดนตรี มุ่งมั่นไปตามผับเพื่อเรียนรู้จนพัฒนาฝีมือการร้องเพลงขึ้นมาจนปัจจุบัน มีนักร้องวัยรุ่นอีกหลายคนที่เป็นแบบนี้ พอเพียงสำหรับกิเลสตัวเอง มุ่งมั่นในสัมมาชีพที่ตนรัก ไม่ได้คิดไปไกลว่าร้องเพลงแล้วจะได้รวยจะได้มีตังค์มีชื่อเสียง...สิ่งเหล่านั้นเป็นผลพลอยได้จากการทำงานต่างหากไม่ใช่ประเด็นหลัก
นักกีฬาไทยหลายคนที่ประสบความสำเร็จก็เพียงพอสำหรับกิเลสและมุ่งเน้นในงานทีทำ(เล่นเพราะอยากเล่นแล้วชนะไม่ใช่เล่นเพื่อชนะ)
คนอื่นๆในสังคมก็สามารถทำได้ถ้าลดกิเลสในตนลง
คมช.จะรู้ว่าควรมีพันธกิจต่อชาติอย่างไร รัฐบาลรู้ว่าจะนำชาติไปในทางใดและมุ่งมั่นไปทางนั้นอย่ามัวเหนื่อยมัวท้อ คลังจะดำเนินนโยบายอย่างไรในสภาพstagnationแบบนี้ แล้วจะเพิ่มทุนให้ทหารไทยอย่างไรจึงเกิดประโยชน์สูงสุด(หุ้นบุริมสิทธิ์ สลิปหรือแคปจะดีกว่าการเพิ่มทุนหุ้นสามัญหรือไม่) เมื่อตัวตนมีแรงต้านจากกิเลสภายในลดลงการตัดสินใจเดินหน้างานในหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ใส่หลักฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสาเข้าไปอีกนิดก็จะเดการปรับจูนการทำงานให้ดีขึ้นๆ ซึ่งอาจไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการแต่เราก็มีความสุขที่ทิศทางถูกต้อง
ไม่ลองไม่รู้ครับเรื่องsufficiency (make intelligent)economy
จากคุณ : think_pos - [ 20
จากคุณ :
think_pos
- [
20 มี.ค. 50 19:22:31
]