PANTIP.COM : I5266518 $$$ ABEG vs. ING EHD $$$ []

ความคิดเห็นที่ 4

Aberdeen European Growth Fund (ต่อไปจะเรียกว่า ABEG) นั้น เปิดกองมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนะครับ หากซื้อตอนนี้ ไม่ใช่ราคาพาร์ 10 บาท อย่าง ING Euro High Dividend Fund ซึ่งจะเรียกว่า ING EHD

โดย ING EHD จะเปิดเสนอขายช่วง IPO นี้ถึงแค่วันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายครับ ใครที่พลาดโอกาส ก็รออีก 1 เดือนให้หลัง ทางกองทุนจึงจะเสนอขายอีกครั้งนะครับ (ไปวัดดวงกันอีกว่าจะได้ NAV ที่ 10 บาท เท่ากับตอน IPO หรือเปล่า

การประกบคู่มวยคู่นี้ ผมให้คุณ Q กับ คุณ A เขามาเดินเรื่องแทนดีกว่าครับ อธิบายไปเรื่อยๆ อ่านแล้วอาจจะเบื่อได้ ^^

---------------------------

Q : ทำไมต้องไปลงทุนใน FIF ด้วยล่ะ
A : ถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง จากการลงทุนใน Asset Class เดียวนะครับ อย่างช่วงนี้ตลาดหุ้นบ้านเรา ก็ยังคงมีทิศทาง Side way ประกอบกับ ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนหลายอย่าง หากนักลงทุนยังแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้อยู่ การลงทุนในตลาดอื่น ก็นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

Q : เท่าที่ดูกราฟเนี่ย ดูเหมือน ยุโรป มีข้อดีอยู่หลายอย่าง แล้วข้อเสียละ
A : กราฟ ที่นำมาให้ดู ต้องขอขอบคุณข้อมูลจาก บลจ.อเบอร์ดีนนะครับ ที่ทำให้เห็นภาพรวมของตลาดในมุมกว้างๆได้ อย่างข้อเสียของยุโรป ที่ชัดๆก็คือ ถึงแม้จะมี P/E ที่ต่ำกว่าชาวบ้าน แต่ในอดีตที่ผ่านมา ก็เทรดกันที่ P/E ต่ำกว่าตลาดอื่นๆโดยเปรียบเทียบอยู่แล้วครับ และอีกข้อก็คือ เรื่องของราคาหุ้นอีกนั้นหล่ะครับ ตลาดยุโรปเป็นตลาดพัฒนาแล้ว บริษัทต่างๆมีขนาดใหญ่ ราคาหุ้นค่อนข้างนิ่งแกว่งตัวในกรอบแคบๆกว่าตลาดเกิดใหม่อย่าง ละตินอเมริกา หรือ เอเชีย เพราะฉะนั้น หากลงทุนในยุโรป ควรหวังผลตอบแทนในระยะยาว แนะนำลงทุนเกิน 1 ปีขึ้นไปครับ ใครมีเงินร้อน ไม่แนะนำ

Q : ฟังๆไปเหมือนจะเป็นข้อดีมากกว่านะ สำหรับคนที่ชอบความผันผวนน้อยๆ แต่โตเรื่อยๆ
A : ก็มองได้ 2 ทางครับ แล้วแต่คน

Q : ING EHD ลงทุนต่างจาก ABEG ยังไงบ้าง
A : ING EHD นั้น เน้นลงทุนเฉพาะกลุ่มประเทศในอียู 16 ประเทศ ที่มีความมั่นคงสูง และจ่ายปันผลต่อเนื่อง เปรียบเสมือนนักลงทุนรุ่นใหญ่ที่มั่นคงผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ
ส่วน ABEG นั้น ไม่ลงทุนเฉพาะกลุ่มอียู แต่ยังขยายไปยังกลุ่มนอกอียู ที่กำลังขยายตัวได้ค่อนข้างดี และบริษัทต่างๆในอียุ ก็เริ่มขยายฐานการผลิตเข้าไปในกลุ่มนี้ เนื่องจากระยะทางใกล้กว่าเอเชีย และต้นทุนแรงงานก้ยังไม่สูง ดูๆไป ABEG เหมือนนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พร้อมเผชิญโลกกว้างครับ

Q : ขนาดนั้นเลย เปรียบเทียบซะ!!
A : ดูชื่อเต็มสิครับ ING ก็บอกอยู่แล้วว่า High Dividend เพราะฉะนั้น หุ้นที่ลงทุนส่วนใหญ่จะเป็น Defensive Stock หมด แต่ ABEG ใช้คำว่า Growth ก็แน่นอนว่า เป็น Growth Stock ย่อมร้อนแรงและผันผวนกว่าเป็นธรรมดา

Q : รู้แล้วว่านโยบายต่างกัน แล้วเรื่องค่าเงินล่ะ
A : ING EHD อิงกับสกุลยูโร สกุลเดียวเลยครับ แต่ ABEG มีสกุลอื่นนอกกลุ่มอียูด้วย จึงถือเป็นการทำ Natural Hedging ไปในตัวอยู่แล้ว

แต่... ไม่ได้หมายความว่า ING EHD เสี่ยงในเรื่องค่าเงินกว่านะครับ เพราะที่เงินบาทเราแข็งค่านั้น เป็นการแข็ง Against กับ USD ไม่ใช่ Euro ที่ผ่านมา บาท กับ สกุลฝั่งยุโรป ยังคงไม่ผันผวนมากเกินไปครับ

เด๋วมีต่อ ไปทำงานก่อนจ้า...

------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ

จากคุณ : Mr.Messenger - [ 28 มี.ค. 50 10:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9

เอาครับ มาคุยกันต่อ แล้วค่อยไปว่ากันอีกทีถึงมุมมองเรื่องค่าเงินนะครับ

Q : มาเปรียบเทียบด้านอื่นกันต่อ แล้วกองทุนหลักที่ทั้ง 2 กองทุนไปลงทุนเนี่ย ขนาดแตกต่างกันไหม
A : แตกต่างกันเยอะมากครับ ABEG นั้น กองทุนคือ Aberdeen Global-European Equity Fund มีขนาดกองทุนอยู่ที่ 82.2 ล้านยูโร ส่วน ING (L) Invest Euro High Dividend กองหลักของ ING EHD นั้น มีขนาดกองทุนใหญ่มากถึง 1,976 ล้านยูโร เทียบกันไม่ได้เลยครับ

Q : แล้วผลดีผลเสียต่างกันยังไงล่ะ
A : ขนาดกองทุนใหญ่ ก้มีข้อได้เปรียบตรง Economic of Scale ครับ และตลาดหุ้นยุโรปก็รองรับเม็ดเงินขนาดนี้ได้สบายๆอยู่แล้ว ส่วน ABEG ถึงแม้จะเล็กกว่ามาก แต่ก็ไม่ได้สูญเสียโอกาสในการลงทุนบริษัทดีๆไปนะครับ และเนื่องด้วย บริษัทที่มี Growth สูงๆ นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงขยายกิจการ และยังไม่ถึงจุด peak ของวงจรอุตสาหกรรม อีกทั้งขนาดทุนจดทะเบียนก็เล็กกว่าโดยเปรียบเทียบกับหุ้นที่จ่ายปันผลต่อเนื่อง แน่นอนอย่างที่ ING EHD ที่ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรมากกว่านี้แล้ว จึงคืนผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยแทน ตรงนี้ ขึ้นอยู่กับความชอบของนักลงทุนแล้วครับ ไม่มีใครถูกใครผิด

Q : แล้วจำนวนบริษัทที่ทั้งสองบริษัทไปลงทุนละ เยอะเกินไปหรือน้อยเกินไปหรือเปล่า
A : คำถามนี้เป็นคำถามที่ดีครับ Active Fund ที่ต้องการชนะ Index จริงๆ ควรคัดสรรเลือกหุ้นเข้าพอร์ต โดยมีนโยบายที่ชัดเจน และจำนวนหุ้นในพอร์ตไม่ควรมากเกินไป เพื่อให้สามารถดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้แบบรายตัว ทั้งสองกอง ลงทุนในหุ้นอยู่ใกล้เคียงกันครับ ABEG ลงทุนในหุ้นทั้งหมด 61 ตัว ส่วน ING EHD อยุ่ประมาณ 50-70 ตัว แล้วแต่สภาวะตลาด และเพิ่มความยืดหยุ่นกว่า

Q : มาถึงคำถามสำคัญ ผลตอบแทนย้อนหลัง ใครเป็นยังไงบ้าง
A : เอาแค่ปี 2006 ที่ผ่านมานะครับ ABEG ได้อยู่ที่ 22.60%ต่อปี ส่วน ING EHD ได้อยู่ที่ 21.36%ต่อปี แต่สำหรับนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนจริงๆ น่าจะมีคำถามเพิ่มเติมว่า ทั้งสองกองลงทุนในตลาดไม่เหมือนกันซะทีเดียว อีกทั้ง เลือกหุ้นคนละกลุ่ม ดูเหมือน ABEG จะเสี่ยงกว่าด้วยซ้ำ เอามาเปรียบเทียบกันได้หรอ

Q : นั้นละ กำลังจะถามพอดีเลย
A : เลยทำ Sharp Ratio มาให้นะครับ คือเอาค่าความเสี่ยง หรือความผันผวนของผลตอบแทนไปหารผลตอบแทนย้อนหลังของทั้งสองกองทุนซะ กองทุนไหนที่ให้ Sharp Ratio มากกว่า ก็พอจะสรุปได้ทางทฤษฎีว่า มีผลตอบแทนเมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงแล้ว น่าพอใจกว่า (เป็นแค่ทฤษฎีครับ)
ABEG = 2.62
ING EHD = 2.20

Q : ทั้งสองตัว ใช้ Bechmark ตัวเดียวกันหรือเปล่า
A : ABEG ใช้ FSTE-World Europe ครับ
ING EHD ใช้ MSCI EMU Index เพราะลงในอียูอย่างเดียว

Q : กลับมาที่ค่าเงินนิดเนิง คห. ข้างบน มีคนให้ความเห็นว่า ค่าเงินบาทยังคงผันผวน
A : อย่าดูที่ ค่าเงินบาทเปรียบเทียบกับ USD เพียงอย่างเดียวครับ เราไปเข้าใจว่า ค่าเงินบาทถ้าเทียบกับ USD แล้วผันผวนมาก แปลว่า ไปลงทุนในต่างประเทศ ก็ผันผวนมากเช่นกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ขอให้พิจารณาสกุลที่เราไปลงทุนเป็นหลักนะครับ ทั้ง 2 กองทุน ไม่มี Exposure ด้าน USD เลย และอิงกับยูโร เป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมา USD อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า แต่ Euro แข็งขึ้นครับ และมีเสถียรภาพมากกว่าพอสมควร

มองอย่างนี้ครับ หาก บาทเทียบกับยูโร อ่อนค่าลง เป็นผลดีต่อนักลงทุน (ได้เงินกลับประเทศเยอะขึ้น)
แต่ถ้า บาทแข็งเมื่อเทียบกับยูโร อย่างนี้เสียผลประโยชน์ครับ ซึ่งค่าเงินเหล่านี้ กองทุนคำนวนรวมมาอยู่ใน NAV ที่ประกาศรายวันอยู่แล้วเรียบร้อย นักลงทุนไม่ต้องไปคำนวนเพิ่มเติมครับ

------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ

จากคุณ : Mr.Messenger - [ 28 มี.ค. 50 12:39:28 ]