ความคิดเห็นที่ 1 คุณพี่ พ่อแจ็บ...  อาจจะเข้าใจคำว่า "ข้อมูล"  ไม่ตรงกับผมนะครับ.. สำหรับ "ข้อมูล"  ในมุมมองผม... เป็น "ข้อมูล"  หุ้นในพอร์ต ที่ลงเงินจริงไปแล้ว... และรอการซื้อคืนอยู่ครับ.. ข้อมูลพวกนี้ จึงมีประโยชน์เฉพาะตัวคนทำเท่านั้นครับ.... ........................... ส่วนการลองผิดลองถูก........... ถึงแม้คนที่พอจะเข้าใจหลักการตามแนวทาง DSM แล้วก็ตาม.. ก็ยังต้องลองผิดลองถูกครับ... เพื่อหาจุดสมดุลของตัวเอง    ว่าจะสามารถบริหารจัดการกับพอร์ท.. ในลักษณะไหน เพื่อให้ได้ผลสำเร็จตามที่ต้องการครับ.. ......... ไม่ทราบว่าจะตอบได้ตรงกับคำถามคุณพี่ พ่อแจ็บ..  หรือป่าว.. แต่เดี๋ยวก็คงมีคนเข้ามาช่วยตอบอีกแหละครับ...    (ยิ้ม) จากคุณ : คนล่าห่าน - [ 4 เม.ย. 50 12:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ข้อ 1 รอพี่ท่านอื่นๆที่ทำมาเกิน 2 ปีมาบกอดีก่าครับ...(ก็มาหลายท่านนะครับ...) ข้อ 2 นี่คำว่าข้อมูล ผมก็เหมือนกับป๋าครับ...บัญชีมีไว้เพื่อ ลงรายการขาย-รายการซื้อ     แล้วนำมาจับคู่กัน เกิดเป็นกระแสเงินสดแฝง บัญชีทำให้เรารู้ว่า     2.1 เราขายหุ้นไปเท่าไร ที่ยังไม่ได้ซื้อคืน     2.2 เงินที่ขายหุ้นไปมียอดเท่าไร (ตรงนี้สำคัญถ้าเรานำเงินส่วนนี้ไปใช้ในทางอื่น ที่ยังไม่สมควรแก่เวลา ตรงนี้พังแน่ๆครับ)     2.3 ทำให้เรารู้ว่า กระแสเงินสดแฝงที่ได้จาการจับคู่ มียอดเท่าไร เพื่อจะได้แบ่งสัดส่วน 50:25:25 หรือตามความเหมาะสม     2.4 ทำให้รู้ว่าพอร์ตเรามีความเจริญเติมโตเท่าไร จากการลงทุนเริ่มต้น ซึ่ง สามารถชี้วัดได้จาก จำนวนหุ้น จำนวน กสงสฝ. จำนวนเงินสดคงเหลือ เป็นต้น     2.5 ที่สำคัญ ทำให้เรารู้ว่าเราควรจะขายหุ้นที่ราคาเท่าไร ซื้อหุ้นที่ราคาเท่าไร....     2.6 ทำให้รู้ว่าเงินที่อยู่ในพอร์ตเป็นก้อนๆ อ่ะมีรายการเงินอะไรอยู่บ้าง ตังตัวอย่างข้างต้น     2.7 ข้อสุดท้ายแล้วกัน .. ทำให้เราอยู่คู่กับตลาดหุ้นและหุ้นที่ครอบครองไปตราบนานเท่านาน... ฮิฮิฮิ.... คำว่าข้อมูลตอนนี้เก็ทเพียงเท่านี้ครับ.... รอฟังจากพี่ๆ ท่านอื่นด้วยดีก่า....(รอนั่งฟังข้างป๋าฯ..ฮิฮิฮิ อบอุ่นจัง...หุหุหุ เพิ่งจะมีข่าวกับพี่ดอกไม้ สงสัยคนต่อไปต้องเป็นป๋าแน่ๆ) เอาใจช่วยคุณจ๊าบพ่อ ครับ จากคุณ : akae - [ 4 เม.ย. 50 14:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นั่ง  แถวที่ 3    รอคำตอบอย่างเด่วเพราะยังอ่อน DMS /\ จากคุณ : จิกุง - [ 4 เม.ย. 50 14:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มาทักทายคุณ Jab father ครับ ข้อแรก ยังเทรดไม่ถึงสองปีเหมือนกันครับ ข้อสอง ข้อมูลที่ผมเก็บก็คล้าย ๆ ของท่านพี่ กับท่านซุนเอครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 4 เม.ย. 50 17:01:38 A:61.47.127.225 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 5 http://www.set.or.th/set/historicaltrading.do?type=trading&symbol=ASP&language=th&country=TH ตัวอย่างราคาปิดย้อนหลัง น้อง A ครับ จากคุณ : ดอกไม้ DSM - [ 4 เม.ย. 50 18:10:50 A:61.47.127.225 X: TicketID:125129 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณพี่ดอกไม้ครับ หาอยู่เหมือนกันครับ ทำลิงค์ให้ซะเลย http://www.set.or.th/set/historicaltrading.do?type=trading&symbol=ASP&language=th&country=TH จากคุณ : Pu'Chew - [ 4 เม.ย. 50 20:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ใช้โบรกซิกโก้จะมีราคาปิดย้อนหลังมาให้ใน SETSMART เป็นบริการใน webhoon สามารถเปิดจากหน้าจอเทรดได้เลย ถ้่าของใครยังใช้ไม่ได้ลองติดต่อลูกค้าสัมพันธ์ให้เปิด ไม่นานก็ใช้ไ้ด้ สะดวกดี ส่วนเรื่องการใช้ข้อมูลในอดีต จะบอกเพียงแนวโน้ม แต่ไม่สามารถทำนายอนาคตได้ ข้อมูลที่สร้างจะเป็นข้อมูลขายจริงๆ เท่านั้น ถึงจะสร้างกสงสฝ.ได้ ส่วนเรื่องการเสียเวลาในการสร้างฐานข้อมูล เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำ เพราะการเทรดไม่เพียงสร้างฐานข้อมูลเท่านั้น แต่เป็นการสร้างฐานความรู้ให้กับเราอีกทางหนึ่ง ทำให้เราสามารถตัดสินใจซื้อขายหุ้นได้ดีขึ้น เลยอยากให้มองว่าไม่ใช่การเสียเวลา แต่เวลากำลังจะสร้างทรัพย์สินให้กับเรา ดังนั้นเวลายิ่งผ่านไปนานเท่าไร ทรัพย์สิน และความรู้ของเราจะเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ DSM นั้นไม่ใช่เพียงวิธีการซื้อขายหุ้นเท่านั้น แต่แนวคิดในการจัดสรรเงินทุนเพื่อสร้างทรัพย์สิน ซึ่งไม่เพียงแค่หุ้นเท่านั้น ถ้าดูการวัดผลในกระทู้จุดอ่อน จะเห็นว่าการวัดผลไม่ได้รวมเพียงจำนวนหุ้นเท่านั้น มีอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาอีก ทั้งที่ดิน บ้าน คอนโด ทองคำ ฯลฯ ขึ้นกับความรู้ของเราที่จะเติบโตต่อไป อยากกลัวที่จะเสียเวลาศึกษา แต่กลัวที่จะเสียเวลาไม่ศึกษาจะดีกว่านะครับ สู้สู้ สู้ตาย แล้วเราสู้ไปด้วยกัน จากคุณ : wasansem - [ 5 เม.ย. 50 10:59:17 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สำหรับผม เทรดมาเกิน 2ปีแล้วครับ แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลอย่างใกล้ชิด และตีความหมายผิดตอนช่วงแรกๆ พอร์ทเลยไม่เติบโตเท่าที่ควร บอกได้แค่ว่า มันเป็นสิ่งที่ทำได้จริงนะ ถ้าเรามีเวลาเอาใจใส่ใน "กิจการ" ของเราอย่างดี ส่วนเรื่องข้อมูล ที่พี่ห่านโพสไว้ ตรงกับความคิดผมเลยครับ แต่ยังทำไม่ดีเท่าพี่ห่านเค้า อิอิ จากคุณ : Neverland_finder (cpiya) - [ 5 เม.ย. 50 11:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเคยทำได้หกเดือนต่อกัน ก็ได้ราวสามสิบเปอร์เซนต์ ทำเต็มเวลา  หยุดไปเกือบปี กลับมาใหม่คราวนี้กะให้ครบร้อยเปอร์เซนต์ก่อนค่อยหยุดครับ จากคุณ : trakulsom - [ 5 เม.ย. 50 11:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณพี่มากครับ แต่อยากได้ขอแนะนำอีก พี่wasansem ผมขอคำขยายความอีกนิดได้ไหมครับ ว่าฐานความรู้ด้านไหนที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อขายได้ดีขึ้น ใช่เกี่ยวกับอารมณ์ เห็นเป็นปกติเมื่อหุ้นขึ้หุ้นลง ทำให้มีสติในการทำตามแผน หรือมองธรรมชาติของหุ้นตัวนั้นได้ชัดเจนว่าพฤติกรรมมีอย่างไร หรือเห็นช่องว่างที่เจ้าสำนักบอกได้ชัดขึ้น แบบว่าขอทำตัวเป็นหนูจำไมหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ จากคุณ : จำไมซัง (Jab father) - [ 5 เม.ย. 50 14:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ฐานความรู้สำหรับผมเป็นความเข้าใจในวิธีการ อย่างที่รู้กันว่าหลักการของ DSM คือการซื้อถูกว่าขาย สร้าง และสะสมหุ้นจากเงินลงทุนเริ่มแรก วิธีการขายตอนแดง ซื้อคืนตอนเขียว เหล่านั้นเป็นหลักการกว้างๆ เท่านั้น เมื่อลงสนามจริงๆ จะพบคำถามอีกร้อยแปดที่เราจะต้องตัดสินใจ หลายๆ ท่านมีการรวมแนวทางอื่นๆ มาช่วยตอบคำถามเหล่านี้ ปรับปรุงให้เข้ากับวิธีเทรดของแต่ละคน ลองสังเกตในแก็งค์เฮฮา ถือหุ้นตัวเดียวกัน แต่ก็ซื้อขายไม่พร้อมกัน เหล่านี้มาจากฐานความรู้ที่แตกมาจากการตีความคำพูดของคุณเด่นศรีทั้งนั้น หนึ่งคำพูดแตกเป็นหลายวิธีการ จึงมาจากฐานความรู้ของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ได้ผลตอบแทนมากหรือน้อย ก็อยู่กับฐานความรู้เหล่านี้ อีกอย่างที่เราควรต้องศึกษาคือ วิธีคิดของคุณเด่นศรี เพราะเป็นผู้คิดหลักการนี้ขึ้น ว่าจริงๆ แล้วคุณเด่นศรีมีวัตถุประสงค์อย่างไรที่สร้าง DSM ขึ้นมา จะได้เข้าใจว่าสิ่งที่เราจะเป็นในอนาคตเป็นอย่างไร อย่างหนึ่งที่ผมได้จากการเทรดด้วยวิธีนี้ คือ ความช้า ทำอย่างไรที่เราจะทำตัวให้ช้าลง ไม่คิด ทำ และคาดหวังให้เร็วเกินไป หลายๆ ครั้งผมใจร้อนกลัวจะไม่ได้เงิน สุดท้ายก็ทำลายโอกาสดีๆ ที่จะสร้างเงินให้มากขึ้น อย่างหนังสือเล่มใหม่ของ ดร.นิเวศน์ บอกว่า "ชนะอย่าเต่า" ยังไม่ได้อ่าน แค่แอบไปมองๆ ที่แผง แต่ตรงใจในช่วงนี้อย่างมาก ทั้งหมดนี้เป็นฐานความรู้ที่เกิดจากการศึกษา DSM โดยหวังว่าจะเข้าใจ นำมาใช้ประโยชน์อย่างถูกต้อง และประสบความสำเร็จครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 50 15:23:14 จากคุณ : wasansem - [ 5 เม.ย. 50 15:22:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาอ่านด้วยคน จากคุณ : trakulsom - [ วันจักรี 01:05:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คำถามนี้เกิดเนื่องจาก DSM เป็นแนวความคิด แต่ผมคิดว่าเวลาจะให้ประสบการณ์จริง ในกรณีของพี่wasansem สิ่งที่ได้คือการผ่านการพิสูจน์ว่าแนวความคิดในการรักษาวินัยในการลงทุน ให้ผลตรงกับที่พี่ต้องการ เช่น สุขภาพจิตที่ดี ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี ทำให้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแบบที่เมื่อเป็นมือใหม่ไขว้เขว ก็นิ่งได้ใช่ไหมครับ เอาเป็นว่า แบบของผมเป็นแบบนี้ครับ ผมอ่านจาก เวป richdadthai แล้วพบหัวข้อกระทู้ที่พูดถึงแนวทาง DSM เลยตามมาจนเจอ เสียดายนิดที่ไม่เจอตอนที่เจ้าสำนักประจำการ ลองทำตามเดือนแรกได้ จำไม่ได้ว่าถึง 1 % หรือเปล่า แต่มีปัญหาในใจมากเลย จะขายตอนไหนยิ่งขาขึ้นขึ้นมา 4 step แล้วลงมา 2 step พรุ่งนี้นับราคาตอนไหนเป็นเกรณ์ ต้องขยับตามราคาวันนี้ไหม หรือลงอีก 2 step ขายหรือ 1 ก็ขาย มึนตัวอย่างก็ไม่มี ถามก็ไม่รู้จะสรุปคำถามอย่างไรดี ปรากฎว่ามั่วครับ มั่วๆมากๆ ครับงงด้วย ตามกระทู้ของพี่ๆโดยมากจะสับประยุทธทางแนวความคิด (ข้าน้อยขออภัย) เนื่องจากพี่ๆเลยจุดเบสิกไปแล้ว กำลังเข้าสู่ขั้นปรับเคล็ดวิชา เลยทำให้ผมรุ่นอนุบาลงงว่า ว่าแล้วข่อยจะยืนบนเสาแบกกระถางธูป แบบรุ่นก่อนที่หนังจีนฝึกกำลังภายในขั้นเบสิกจะทำจั้งได๋ ทำเดือนที่สอง เอาหว่าเงินก็ไม่เสีย ก็ใช้กระดานพันทิพนี่หว่า ก็ลองตามแนวสร้างขอบบ่อดักหัวดักท้ายไว้ดูสักหน่อยเป็นไรไม่สนแล้ว ว่าผลตอบแทนเป็นอย่างไรเอาว่าเดี๋ยวผลออกมาเอง ทำไป ทำไป บางตัวมันนิ่งๆ อย่าง CPF ไม่ไปไหนมาไหน ซื้อก็ไม่ได้ขายก็ไม่ได้ เลยได้อารมณ์ ว่า หนอตูเมื่อไหร่จริงลงมือพึงพิเคราะห์หน่อยว่าสาวเจ้า ที่หมายปองมีพฤติกรรมอย่างไร เรียบร้อย หรือบู๊ ถ้าเราอยากเป็นจอหงวนฝ่ายบูจะได้ปะมือกันสมอารมณ์หมาย ถ้าเป็นฝ่ายบุ๋นเกิดไปชอบสาวฝ่ายบู๊เข้าพลาดท่าแม่ดีดเอาจะเศร้าใจ เนี่ยครับอารมณ์และสิ่งที่ไดจากที่ข่อยยืนบนเสาแบกกระถางธูป มาสองเดือนฮับ (ทันไหมครับหนังรุ่นไอ้หนุ่มหมัดเมาแบบมีอาจารย์ปู่ดูดกล่อง ถือไม้คุมประพฤติอยู่ข้างๆพลาดท่าโดนธูป ที่ปักไว้จี้ด้วยอะ) พี่ท่านอื่นมีผ่านประสบการณ์อย่างไรเล่าให้ฟังบ้างซิครับ เผื่อรุ่นหลังโดนเข้าบ้างจะได้ใจชื้น โอ้ หนอมาถูกทางหนอเจอรอยรุ่นพี่ทิ้งไว้ให้ดูแล้วหนอ ประมาณนี้ครับ จากคุณ : จำไมซัง (Jab father) - [ วันจักรี 13:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 "จะขายตอนไหนยิ่งขาขึ้นขึ้นมา 4 step แล้วลงมา 2 step พรุ่งนี้นับราคาตอนไหนเป็นเกรณ์ ต้องขยับตามราคาวันนี้ไหม หรือลงอีก 2 step ขายหรือ 1 ก็ขาย มึนตัวอย่างก็ไม่มี ถามก็ไม่รู้จะสรุปคำถามอย่างไรดี ปรากฎว่ามั่วครับ มั่วๆมากๆ ครับงงด้วย" ฮิฮิฮิ...ผมก็ยังเตาะแตะเบสิคอยู่เลยกั๊บ ไม่รู้ว่าคุณJab father จะเข้ามาอีกหรือเปล่านะครับ ... ถ้าเป็นแบบที่ว่า พรุ่งนี้จะเอาราคาไหนเป็นเกณฑ์ .... อันนี้ขอถามคุณJab father ก่อน ว่ากำหนดราคาขายไว้แล้วหรือยัง เช่น ซื้อหุ้นมาราคา 1 บาท 10000 หุ้น ถ้า ลง จาก 1 บาทมา 2ช่อง(0.02) คือ 0.98 เราจะขาย 10% จำนวน 1000 หุ้น ถ้าลงอีกก็ขายอีก 10% คือ 0.96 ขายอีก 1000 หุ้น วันถัดมาหุ้นยังลงอีกก็ขายอีก แต่ต้องแบ่งจำนวนหุ้นที่เหลือเป็น 10ไม้นะครับ วันนี้เหลือหุ้น 8000 เพราะเมื่อวานขายไป 2000 ก็แบ่งเป็น 10 ส่วนได้ ไม้ละ 800 หุ้น ถ้าหุ้นลงอีก 2 ช่องวันนี้ คือ 0.94 ขาย 800 ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ในกรณีหุ้นขาลง แบ่งขายไปเรื่อยๆ เมื่อหุ้นเริ่มเขียวๆ **มีกฏการรับหุ้นคืนอยู่ 3 ข้อ** หวังว่าคงได้อ่านมาแล้วนะครับ ก็ลองพิจารณาการรับแต่ละวิธีตามความเหมาะสมครับ ส่วนการขายหุ้นขาขึ้น ถ้าถามว่าจะนับจากจุดไหนดี..ก็นับจากกองหลังราคาบนสุดที่เราขายไปครับ... เช่นเราขายกองหลังตัวบนสุดที่ราคา 0.98 เราก็จะกำหนดจุดนี้ให้เป็นจุดนับขาขึ้น การแบ่งขายก็จะแบ่งขายเพียง 1% ของปริมาณหุ้นที่มีอยู่ครับ และถ้ารับกลับ ได้ระหว่างวันก็รับกลับได้เลย ... แต่ปัญหาถ้าเกิดแบ่ง 1% แล้วเป็นเศษ 70 หุ้นบ้าง 80 หุ้นบ้าง ก็ให้ตีเป็น 100หุ้นสำหรับขายขาขึ้น แต่ให้กำหนด จุดขายหรือช่องให้กว้างขึ้นนะครับ อาจจะเป็น 4หรือ 5 ช่อง ขาย 100 หุ้น ก็ได้ครับ หรือปรับได้ตามควงามเหมาะสม .. ตามนิสัยหุ้นเพราะหุ้นบางตัว.. โวลุ่ม นักลงทุน ผู้สนใจ ผู้ไม่สนใจ ความต้องการไม่เหมือนกัน ... อันนี้ก็ต้อง ปรับแนวการเทรดเองอ่ะครับ ... (อันนี้เรื่องจริงครับ ... บอกตรง "ยากจะบอกได้" ) ปัญหาสำหรับมือใหม่ช่วงแรกคือ .. 1. กรณีขาลงไม่ค่อยมีปัญหานะผมว่า ... แต่ปัญหาจะอยู่ที่การแบ่งไม้ขาย   แต่ละวันมากกว่า ดังที่กล่าวมาแล้ว ทำให้หุ้นในมือลดลง 2. จากข้อ 1 หุ้นในมือลดลง  ก็จะเกิดอาการสงสารเงินในคลัง อยากจะพาเค้า   ออกวิ่งจ๊อกกิ้งบ้าง เอาเงินไปซื้อหุ้นตัวนั้น ตัวนู้น ตัวนี้ ปรากฏว่าเงิน   ที่จะใช้ซื้อหุ้นตัวเก่าคืนไม่มีแล้ว ... 3. พ่วงกันเป็นข้อเลย ... จากข้อ 2 ถ้าทำแบบนั้นวินัยทางการเงินก็จะแย่   ระบบบัญชีก็จะพัง เงินก็จะลดหาย พอร์ตก็จะเล็กลง ... 4. จาก 1~3 เมื่อเราชอบหุ้นตัวนั้นๆแล้วต้องยึดมั่นอยู่กับเค้านานๆ ซึ่งบางครั้ง   เมื่อหุ้นไม่วิ่งก็ขอให้เราอดทน (จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ..   หุ้นที่ผมเห็นว่านิ่งๆ ก็มีวิ่งให้เห็นก็หลายครั้ง) และก็มีวินัยทางการเงิน   อย่าเอาเงินหุ้นตัวโน้นไปซื้อตัวนี้...และก็ต้องทำระบบบัญชีที่ชัดเจน   ตัวเราเข้าใจง่าย หุ้นตัวนี้ พรุ่งนี้ราคาเท่านี้เราจะขายเท่าไร ซื้อเท่าไร   มีระบบบัญชีที่ดีก็จะช่วยผ่อนคลายจิตใจเราได้ สมกับคำที่ว่า ให้เงินทำงาน   โดยให้บัญชีควบคุม และสุดท้ายเมื่อได้ กสงสฝ.มาก็เอามาแบ่งตามสัดส่วน 50-25-25   หรือ 50-30-20 หรือตามความเหมาะสมความต้องการของเราแต่ต้องแบ่ง   ให้ชัดเจนนะครับ ทุกวันเมื่อตลาดปิดก็ตรวจสอบเงินในบัญชีโบรกว่ามีเท่าไร   ในระบบบัญชีเรามีเท่าไร ซึ่งมันควรจะเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน ฮิฮิฮิ..เมื่อยนิ้วกลางกะชี้เลย ... ทิ้งหมดนี้ก็มาจากประสบการณ์ตรงที่แย่ๆของผมเองแหละครับ... ฝากไว้ให้เป็นสิ่งตอกย้ำให้กับตัวเองและพเื่อนๆที่จะลงทุนแบบ DSM ... คุณJab father มีข้อสงสัยประการใด ก็ถามมาได้นะครับหรือเข้าไปในกระทู้ แก๊งค์เฮฮาได้ครับ มีพี่ๆเพื่อนๆ ที่ถือน้องไก่เหมือนคุณJab father หลายคน ทุกวันผมก็จะเห็นทุกๆคนโพสถึงน้องไก่อย่างโน้น อย่างนี้ .. ลองเข้าไปดูนะครับ... จากคุณ : akae - [ 23 เม.ย. 50 19:30:31 ]