ความคิดเห็นที่ 6
โอ้โห วันนี้มีแต่คนตรวจสอบพอร์ตตัวเองกันเยอะเลย ถ้าใครลงทุนในกองทุนหุ้นเยอะ ก็จะชื่นใจเป็นพิเศษ เพราะผลตอบแทนแค่ 2 วันที่ผ่านมา ก็เกือบ 3% ต่อ 2 วัน (ไม่ใช่ต่อปี)
หมีพูต้องขออภัยคุณ zbreeze ไว้ล่วงหน้า ถ้าการอธิบายอะไรบางอย่าง มันจะดูฟันธง บาดใจ เพราะหมีพูตรงไปตรงมา
ตามที่คุณบอกมาว่า รู้สึกว่าพอร์ตคุณจะเต็มไปด้วยกองตราสารหนี้ และคุณอยากจะปรับพอร์ตให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่านี้ (หวังผลตอบแทนที่ดี ในระยะปานกลางขึ้นไป) โดยรับความเสี่ยงได้ไม่สูงนัก หมีพูขอแนะนำให้จัดทัพดังนี้ครับ (ไม่ต้องเชื่อก็ได้ เอาไปดูสนุก ๆ)
***********************
ขั้นตอนแรก
จัดการขายคืนกองต่าง ๆ แล้วนำมารวมกันไว้เป็นกองเดียว
SFF - 100,000 (ให้โอนไปอยู่ ธนบดี 100,000 และให้ทำบัตร EXTRA CASH ด้วย) RF - 350,000 (ให้โอนไปอยู่ ธนบดี 350,000) AYFMTFI - 300,000 (ให้โอนไปอยู่ ธนบดี 300,000) ธนบดี - 200,000 ธนรัฐ - 250,000 (ให้โอนไปอยู่ ธนบดี 250,000) SCBSET นิดหน่อย เอาไว้ลุ้น - 30,000 (ขายทิ้งทำกำไร แล้วโอนไปอยู่ ธนบดี ทั้งหมด)
สรุปขั้นแรกให้คุณโอนทุกกองทุนไปอยู่ที่ ธนบดี ดังนั้นยอดเงินลงทุนของคุณ จะเป็นดังนี้
ธนบดี = 1,140,000 บาท (100%)
***********************
ขั้นตอนที่ 2
แบ่งเงินลงทุนในธนบดีเป็น 4 ส่วน โดยมีสัดส่วนดังนี้ (แบ่งตัวเลขในกระดาษแล้วเก็บไว้ก็ได้นะครับ ไม่ต้องถึงกับขายกองทุนออกมาเป็นส่วน ๆ ให้มันกินดอกเบี้ยไปก่อนทุกวัน)
ส่วนแรก 30% = 350,000 (ขอปัดเศษให้เต็ม ๆ ไปเลย จะได้คิดง่าย) ส่วนที่สอง 30% = 350,000 ส่วนที่สาม 30% = 350,000 ส่วนที่สี่ 10% = 90,000
***********************
ขั้นตอนที่สาม
- ส่วนที่หนึ่ง 350,000 ให้ทยอยนำไปลงทุนใน FIF
- ส่วนที่สอง 350,000 ให้ทยอยนำไปลงทุนในกองหุ้นคุณภาพสูง ถ้าชอบกองที่ผลงานดีและฟรีค่าซื้อขาย แนะนำของ ธนชาต คือ ธนชาติทุนทวี1 (TTW1) , ออมสินพัฒนาภูมิภาค (OSPD) หรือยอมเสียค่าโบรกให้กองทุนเพียงขาละ 0.25% ก็เลือก JUMBO25 หรือ อยุธยาหุ้นทุนปันผล
- ส่วนที่สาม 350,000 บาท ให้คงเอาไว้ในธนบดีเหมือนเดิมนั่นแหละ เพื่อถ่วงน้ำหนักและเฉลี่ยความเสี่ยงโดยรวม อีกทั้งยังเป็นสภาพคล่องฉุกเฉินได้ดีมากด้วย
- ส่วนที่สี่ 90,000 บาท กันเอาไว้ในธนบดีเพื่อ 1. คอยเติมในส่วนของ FIF , กองหุ้น เพื่อรีบาลานซ์สัดส่วนของพอร์ต รีบาลานซ์สักไตรมาสละครั้งหรือครึ่งปีครั้งก็น่าจะเพียงพอ รีบ่อย ๆ ก็ไม่ดี แสดงว่าใจโลเล ไม่มั่นคง เด๋วจะกลายเป็นแมงเม่าไปซะก่อน 2. บางเวลาที่โอกาสดีมาเยือน คุณเกิดสนใจอยากจะลงทุนเพิ่มในส่วนไหนเป็นพิเศษ เช่นเพื่อทำกำไรระยะสั้น ๆ ในกองหุ้นตามตลาด อะไรทำนองนี้ จะได้มีเงินมาเล่นทำกำไรให้ชุ่มชื่นใจได้บ้าง 3. หากตลาด FIF หรือกองหุ้น ไม่เป็นใจ ก็อย่าเพิ่งถอนการลงทุนไปซะดื้อ ๆ ถ้าคุณมั่นใจว่ากองทุนที่คุณไปลงทุนเขาจะทำผลงานได้ดี คุณก็ต้องอดทนครับ และให้นำเงินในส่วนที่สี่นี้แหละ ไปลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ เช่น ซื้อทองคำแท่ง กองทุนทองคำแท่ง กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า สินค้าเกษตรล่วงหน้า TFEX ฯลฯ เพื่อมาคานความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวมให้ลดต่ำลง แต่คาดการณ์ได้ว่าจะได้ผลตอบแทนดีเหมือนเดิม (แต่ความเสี่ยงลดลงไงครับ) ส่วนที่สี่นี้ไม่ต้องลงทุนพรวดเดียวนะครับ ค่อย ๆ ทยอย ๆ สัก 2-5% แล้วค่อยปรับไปเรื่อย ๆ ถ้าได้กำไรพอสมควร ก็อาจจะขายทิ้งแล้วเอาไปไว้ในธนบดีก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที
หากยังไม่ถึงเวลาที่ควรจะลงทุนใน asset class อะไรก็ตาม ก็พักเงินนั้นไว้ในธนบดีไปก่อนก็แล้วกันครับ อย่าไปทู่ซี้ตะบี้ตะบันลงทุนตามสัดส่วนเป๊ะ ๆ และก็ไม่ต้องไปเปิดความเสี่ยงอย่างอื่นที่ใกล้เคียงกับธนบดี เพราะถัวไปถัวมาแล้วก็ได้เพิ่มมากกว่ากันไม่กี่มากน้อย เสียเวลาติดตามเปล่า ๆ
สรุป : - ค่อย ๆ ทยอยลงทุนในจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม จนกระทั่งได้สัดส่วนตามที่กล่าวมา ก็ค่อยหยุด แล้วปล่อยให้พอร์ตมันเติบโตไป ภายใต้ความเสี่ยงที่เรากำหนดได้เอง (จากสัดส่วนไง) แล้วค่อยมารีบาลานซ์พอร์ตสักปีละครั้งสองครั้ง ก็ถือว่าใช้ได้นะครับ วิธีนี้จะทำให้คุณนิ่งขึ้นและมีสติรอบคอบในการลงทุนมากขึ้นด้วยครับ
1. กอง FIF คุณภาพดี = 350,000 (30%) คาดหวังผลตอบแทนสูงมาก เฉลี่ย 15-20% ต่อปี 2. กองหุ้นคุณภาพดี = 350,000 (30%) คาดหวังผลตอบแทนปานกลาง เฉลี่ย 10-15% ต่อปี 3. กองธนบดี = 350,000 (30%) เพื่อสภาพคล่องสูงสุด และยังได้ผลตอบแทนเทียบเท่าพันธบัตร 4. Commodities = 90,000 (10%) ถือเพื่อถัวเฉลี่ยความเสี่ยงโดยรวมให้ดีขึ้น และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ของการลงทุน
ถ้าไม่มีกรอบข้างต้นมาวางกำหนดแนวทางพอร์ตของคุณ คุณก็อาจจะลงทุนแบบสะเปะสะปะ ทำให้ผลตอบแทนที่ควรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ในเวลาที่โอกาสดีมาเยือน ก็จะได้มาแค่หยิบมือเท่านั้น
จากคุณ :
หมีพูหมูพี
- [
4 เม.ย. 50 23:48:43
]
|
|
|