ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าคนที่ชอบลงทุนแบบ VI จริง ๆ จะถูกใจมากครับ แต่ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้ หรือชอบ VI แต่ไม่ชอบถือยาว ๆ คงไม่ถูกใจนัก เพราะค่า Exit Fee ในปีแรกสูงถึง 2% หรือมากกว่า 500 บาท (แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า) หลังจากปีแรกไปแล้วคิดค่าขายคืนอีก 1% ตลอดเลย ถ้าคิดว่าได้ผลตอบแทนปีละ 20% แล้วโดนค่าธรรมเนียมแค่ 1% ก็คุ้มนะครับ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 7 เม.ย. 50 11:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อยากลงทุนเหมือนกัน แต่กลัวว่าจะไม่ได้ 20% อย่างที่คาดหวัง โดยส่วนตัวคิดว่า เพราะตลาดเกิดใหม่ คงไม่สามารถฟันกำไรอย่างมโหฬารได้เหมือน 5 ปีก่อนที่ผ่านมา คุณหมีพูหมูพีไปฟังบรรยายที่ ธนชาต มาเป็นงัยบ้างครับ แนวโน้มการลงทุน FIF ยังดีอยู่อีกหลายปีมั๊ยครับ แล้วถ้าหากหากำไรจำนวนมากจากตลาดเกิดใหม่ไม่ได้แล้ว แนวโน้มจะเป็นอย่างไรครับ จากคุณ : ชอบ ธนชาตเหมือนกัน - [ 7 เม.ย. 50 16:06:10 A:58.8.88.94 X: TicketID:084432 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตลาดของ FIF จะหลากหลายมากครับ ถ้าตลาดเกิดใหม่ไม่เวิร์ค ก็โยกไปตลาดที่พัฒนาแล้ว และยังโยกไปได้ทุกโซนของโลก บางทีโซนเอเชียเริ่มลง แต่โซนอื่นอาจจะขึ้นก็ได้ นอกจากตลาดหุ้นแล้ว ก็ยังมีตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าให้เราลงทุนได้ผ่าน FIF เช่นกัน และยังมีกองทุน FIF ทองคำแท่ง สำหรับคนที่ชอบทองแท่งที่อิงกับตลาดนิวยอร์ก รวมถึงยังมีตลาด FIF หุ้นกู้แปลงสภาพและตราสารหนี้ ดังนั้นหมีพูเห็นว่า FIF มีความหลากหลายมาก ทั้งความเสี่ยงและผลตอบแทน ต้องเลือกให้ดี ๆ ก่อนจะลงทุนครับ คิดให้รอบคอบ ทั้งสไตล์ของกองทุนเป็นตลาดแบบไหน ผู้จัดการกองทุนเก่งและมีธรรมาภิบาลแค่ไหน สมราคาคุยหรือไม่ และค่าธรรมเนียมเรียกเก็บ แพงเกินไปหรือเปล่า รวมถึงสภาพคล่องในการซื้อขายกองทุนคล่องตัวดีมั้ย เอาทั้งหลายนี้มาประมวลเข้าด้วยกัน แล้วจึงเลือกกองนั้นออกมาติดตามกันต่อไปครับ ถ้ามั่นใจแล้วจึงเข้าไปลงทุนด้วยความเชื่อมั่น และอดทนเพื่อรอผลตอบแทนตามที่เราคาดหวัง (อย่างมีเหตุผลที่ดีและเป็นไปได้มารองรับ) แต่บอกตรง ๆ ว่ายังไม่มั่นใจในผลตอบแทนย้อนหลังของกอง FIF ต่าง ๆ ที่เอามาโชว์กันตอนนี้เลยนะ บางกองก็บอกว่าย้อนหลังไป 1-3-5 ปี ได้เยอะเท่านั้นเท่านี้ ถ้าดีจริง ๆ ทำกำไรได้มาก แล้วทำไมเพิ่งมาเปิดขายกองทุนให้คนไทยตอนนี้ล่ะ ทำไมไม่เปิดให้คนไทยได้ลงทุนตั้งแต่เมื่อ 3-5 ปีที่แล้วล่ะ จริงมั้ย.... เพื่อนทำงานอยู่ที่ HSBC สิงคโปร์ เขาก็ลงทุนกับกอง FIF กันทั้งนั้น ไม่ได้สนใจลงทุนในตลาดหุ้นสิงคโปร์เลย เพราะถือว่าได้กระจายความเสี่ยงและยังได้ผลตอบแทนรวมที่ดีกว่าลงทุนในตลาดสิงคโปร์อย่างเดียว นี่ขนาดตลาดสิงคโปร์เขาพัฒนาไปมากแล้วนะ คนของเขาก็ยังชอบลงทุนกับ FIF มากกว่า ส่วนของบ้านเรา มักจะหวาดกลัวกับ FIF และตลาดหุ้นไทยกันมากเหลือเกิน เลยเห็นการลงทุนกับกองตราสารหนี้กันเยอะแยะ บางคนนะถ้าเป็น FIF ก็ยังขอเป็น FIF ตราสารหนี้เลย หลายวันที่ผ่านมา มีคนสนใจจะปรับพอร์ตลงทุนหลังสงกรานต์กันเยอะ รู้สึกหมีพูจะเป็นคนแรก (อีกแล้ว) ที่จุดประกายในบอร์ดสินธรว่า คนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ก็ควรมี FIF ถึง 30% ผสมกับกองหุ้นในประเทศอีก 30% นอกนั้นอีก 40% เป็นเงินสดหรือกองตราสารตลาดเงินเท่านั้น (พิจารณาดี ๆ มันคือ Balance Fund นั่นเอง) จะโดนว่าสวนกระแสอีกมั้ยล่ะเนี่ย จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 7 เม.ย. 50 22:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมกะว่าจะลองซื้อดู แต่ไม่รู้ว่าควรลงไปกี่เปอร์เซนต์ของพอร์ท ค่าธรรมเนียมแพงคงกะให้ถือยาวๆ ยังไงก็คงไม่น่าจะเลวกว่าฝากแบงค์กินดอกนะ จากคุณ : CMD - [ 7 เม.ย. 50 22:28:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่มีคำว่าลองครับ เพราะถ้ากองไหนคิดค่าธรรมเนียมแพงนั้น เราต้องคิดให้รอบคอบก่อนแล้วจึงตัดสินใจเข้าไปลงทุนด้วยความเชื่อมั่น และต้องอดทนรอจนกว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คาดหวังไว้ ไม่งั้นเข้า ๆ ออก ๆ ผลตอบแทนที่ควรได้รับจะโดนค่าธรรมเนียมกินไปซะเปล่า ๆ สำหรับคนที่ไม่สามารถรับค่าธรรมเนียมซื้อขาย FIF สูง ๆ ได้ หมีพูขอแนะนำกอง FIF ที่มีผลงานดีและตื่นเต้นมาให้ลองพิจารณาดูนะครับ มีหลากหลายตลาดน่าสนใจให้กระจายความเสี่ยงกันด้วยล่ะ 1. กองทุน 1AM-GEM ของ บลจ.วรรณ ซื้อขายได้ทุกวันศุกร์ ค่าธรรมเนียมซื้อคิดแค่ 0.50% ค่าธรรมเนียมขายคืนคิดถูกมากแค่ 0.25% ค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนก็ต่ำมากครับ ผลงานที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้วเป็นอันดับ 1 และจ่ายผลตอบแทนดีมากถึง 0.75 บาท/หน่วย 2. กองทุน GBFF ของ บลจ.วรรณ ซื้อได้ทุกวันศุกร์ -ขายคืนได้ทุกสิ้นเดือน แต่ต้องส่งคำสั่งก่อนวันที่ 15 เป็นกองทุนผสมที่ลงทุนทั้งหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลก จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่า กอง 1AM-GEM ค่าธรรมเนียมซื้อคิดแค่ 0.50% ค่าธรรมเนียมขายคืนคิดถูกมากแค่ 0.25% ค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนก็ต่ำมากครับ ผลงานที่ผ่านมาเมื่อปีที่แล้วอยู่ในอันดับกลาง ๆ ครับ กองนี้ไม่จ่ายปันผลนะครับ 3. กองทุนทหารไทยโกลด์ฟันด์ ของ บลจ.ทหารไทย กองนี้เหมาะสำหรับซื้อติดพอร์ตไว้สัก 10-20% โดยรวม เพื่อถัวเฉลี่ยความเสี่ยงและผลตอบแทน เพราะบางทีหุ้นดีแต่ทองตก บางทีหุ้นแย่แต่ทองพุ่งขึ้นสูง มันจะได้ถัว ๆ กันไปได้ แต่ไม่ควรมีเยอะเกินไป เพราะจะทำให้พอร์ตผันผวนจนน่าตกใจครับ ค่าธรรมเนียมซื้อคิดแค่ 0.50% ค่าธรรมเนียมขายคืนคิดแค่ 0.50% ค่าธรรมเนียมจัดการกองทุนก็ต่ำมากครับ ไม่ได้เข้ามาจุดกระแส FIF ของที่อื่น ๆ นะครับ ขออภัยเจ้าของกระทู้ด้วย หากกระทู้จะถูกเบี่ยงประเด็นไปกองอื่น ๆ ครับ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 7 เม.ย. 50 23:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านจากหนังสือชี้ชวนแล้วเข้าใจว่า กองทุนตัวนี้ไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนนะครับ จากคุณ : pokemon trainer - [ 7 เม.ย. 50 23:12:44 A:125.25.80.194 X: TicketID:000119 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หมีพูเห็นในหนังสือชี้ชวนของ T-VALUexUS เขาบอกไว้ว่าทางกองหลักที่เมืองนอกมีสิทธิที่จะเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในเรื่องค่าเงิน ถ้ากองนี้ไม่มี "เห็ด" ค่าเงินไว้ ผลตอบแทนแท้จริงจากกองหลักที่เมืองนอกอาจจะดีจริง แต่จะมาแย่เมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาทอ๊ะป่าว อย่างปลายปีที่แล้ว กอง FIF บางกองที่เขาทำเห็ดค่าเงินไว้ ก็ได้ผลตอบแทนแค่ 2-3% แต่ถ้าไม่ได้เห็ดเอาไว้ก็จะต้องติดลบถึง -4% ถึง -8% เชียวครับ จะถือว่าเป็นโชคดีได้มั้ยเนี่ย.... แต่ถ้ากอง FIF บางกองที่มีหลายสกุลเงินอยู่ในกองเดียว ก็จะกลายเป็น "เห็ดธรรมชาติ" ไปเลยครับ คือค่าเงินหลายสกุลที่มันแข็ง ๆ อ่อน ๆ กับเงินบาท พอมาถัว ๆ กันแล้วเลยไม่ต้องทำเห็ดไงครับ  นอกจากนี้กอง FIF ทองคำแท่ง เขาก็ไม่เห็ดนะครับ เหมาะสำหรับคนที่คิดจะเล่นกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินโดยเฉพาะเลยครับ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 7 เม.ย. 50 23:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีเรื่องค่าเงินมาเกี่ยวด้วย ไม่ค่อยถนัด และเป็นความเสี่ยง 2 ต่อ สงสัยกลับมาซื้อหุ้นเองดีกว่า จะดีจะร้ายก้เพราะเราเอง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ จากคุณ : CMD - [ 8 เม.ย. 50 23:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มุมมองผม การโตของตลาดหุ้น มันก็น่าสนใจ ผมมองอีกแง่หนึ่ง ธรรมดาตลาดหุ้นทั่วโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ มักจะเกิดจากปัจจัยของ เทคโน ทรัพยากร พลังงาน ราคา น้ำมัน ทอง ผมกับมองว่า กองทุนที่ลงทุนพวกนี้ รี่สิน่าสนใจกว่า ไม่รู้ว่าเพื่อนเพื่อนว่าไง ส่วนกองทุนไหน ผมไม่แน่ใจว่ามีกองทุนนี้หรือเปล่า แต่ได้ยินว่า ธนชาตมีนะ จากคุณ : หมูสีฟ้า - [ 9 เม.ย. 50 22:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่คุณหมูสีฟ้าพูดถึง น่าจะเป็นกองทุนที่ชือ T-Infra(structure) นะครับ จากคุณ : pokemon trainer - [ 9 เม.ย. 50 23:16:53 A:125.25.92.35 X: TicketID:000119 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กองทุน FIF ที่ลงทุนในดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ 35 ชนิด มีที่ บลจ.ฟินันซ่า ครับ ซื้อขายขั้นต่ำ 10,000 บาท คิดค่าซื้อ 1% ค่าขายไม่มีครับ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 9 เม.ย. 50 23:33:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 กองทุน FIF ส่วนใหญ่คิดค่าจัดการ รวมให้หมดนะครับ แพง ธนชาติ คิด 2.25% บวกกองแม่ที่เมืองนอกอีก 0.9 % ไม่ทันไรต้องจ่ายค่าจัดการไปร่วม 3% แล้ว ครับ ถ้าใครจะซื้อกอง FIF ให้ดูค่าจัดการต่าง ๆ ด้วยนะครับ จากคุณ : A - [ 12 เม.ย. 50 16:19:26 A:192.168.0.66 X:202.149.98.3 TicketID:123592 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กองทุนนี้ก้อมีเห็ดนะคะ เพราะวันก่อนมาอธิบายให้ที่บริษัทฟังอ่ะค่ะ แล้วก้อ เหนว่ากองทุนเนี๋ยะ เด่นที่performanceด้วย   งืมๆ เท่าที่ฟังๆมากองทุนนี้จะเน้นการลงทุนในยุโรปเป็นหลักและกระจายไปยังที่อื่นๆทั่วโลก เห็นเค้าโม้ว่าบริษัท ที่ธนชาติไปลงทุนอะค่ะ ควบรวมกับบริษัทที่มีการresearchที่ดีที่สุดในโลก และผู้จัดการกองทุนนะคะ จะไม่มีการเปลี่ยนกลางอากาศ บริหารกองทุนไหนก็ทำไปตลอดอ่ะค่ะ แล้วก้อการตัดสินใจซื้อขายของกองทุนนี้เหมือนผ่านรัดทะสภายังไงยังงั้น แล้วบุคคลากร ก็เหนเค้าย้ำนักหนา ว่าทุกคนต้องไต่เต้าขึ้นไปจากแค่อนาไลซิสธรรมดาเท่านั้น ถึงจะได้เป็นผู้จัดการกองทุน นั่นคือ ต้องทำงานในบริษัทนี้มาเกินสิบปี หน่ะเอง  อันนี้ข้อมูลที่พูดๆมาเนี่ย อ้างมาจากมาเกตติ้งของธนชาติที่เอากองทุนมาเสนอให้เอเย่นขายนะคะ แต่เนื่องจากมันเป็นการขายของ ก็นะ เก็บไปพิจารณากันด้วยละกันค่ะ เหะๆ เอามาแบ่งปันๆ ps กองทุนนี้แม้จะลงทุนในภูมิภาคบ้านเราแต่ไม่ยักกะลงทุนในบ้านเราแฮะ แหะๆ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 50 01:56:49 จากคุณ : Patty (jndioz) - [ 17 เม.ย. 50 01:55:51 ]