ความคิดเห็นที่ 1 โห... ถามแบบให้เล่าทั้งเรื่องมันคงยาวเหยียดน่ะ....เอาเป็นว่าปัจจัยพื้นฐานของประเทศตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกันเลย ช่วงนั้นที่เราล้มเพราะเงินกู้ต่างประเทศระยะสั้นในสกุลเงินต่างประเทศเรามีเยอะมาก ทั้ง BE ทั้ง NOTES ทั้ง CALL LOANS พวกปริษัทใหญ่ๆก็ระดมทุนกันมาได้แบบง่ายๆ เงินเหลือก็เอาไปเล่นหุ้น เก็งกำไรที่ดิน ...แบงค์ชาติหน่อมแน้มไม่รู้เหนือรู้ใต้ไล่ตามหายอดเงินกู้ที่ outstanding อยู่ก็แบบงูๆปลาๆ พอโดนเก็งกำไรค่าเงินก็เล่นบทจิ๊กโก๋สู้ยิบตาโดยไม่ดูสถาณภาพของประเทศเลยว่าสู้กับพวก hedge fund ไหวเหรอ.... งบประมาณก็ขาดดุล ดุลการค้าก็ติดลบ .... ท้ายสุดพอสู้ไม่ไหวก็ปล่อยค่าเงินไปตามยถากรรม เงินก็ร่วง... สถาบันการเงินไทยเองหลายแห่งก็ร่วมวงกับนักการเมืองบางคนกระทืบค่าเงินให้ย่ำแย่ลงไปอีก บริษัทต่างๆที่มีเงินกู้สกุลต่างประเทศก็กลายเป็นหนี้เพิ่มอีกเป็นเท่าตัว แล้วหนี้ระยะสั้นเมื่อถึงกำหนดชำระก็ไม่มีจะไปคืนเค้า เค้าเองก็ไม่ต่อเงินกู้ให้ ฟ้องล้มละลายอย่างเดียว กองทุนฟื้นฟูเองก็เค้าไปพยุงจนหลังแอ่นก็ไม่ไหว หันไปหาพันธมิตรเพื่อนบ้านรายใหญ่ ก็ไม่มีใครปล่อยกู้ให้อีก คนแห่ถอนเงิน แต่ไม่มีเงินให้ถอน ท้ายที่สุดก็สั่งปิดไฟแนนซ์ 56 แห่ง และตามมาด้วยผลกระทบแบบลูกโซ่ลามไปทั่วประเทศ.... คุณพ่อ IMF ถึงกระโดดเข้ามา ...ชักเมื่อยนิ้ว.... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตอนนี้ไม่คิดว่าประเทศไทยจะกลับไปเป็นเหมือนปี 40 เพราะปัจจัยหลายๆอย่างไม่เหมือนกันเลย อย่างแย่สุดก็น่าจะเป็นแค่เศรษฐกิจชลอตัวไปซักระยะ....เพียงแต่มีบางคนออกมาโหวกเหวกเพื่อให้คนแตกตื่น.... ความคิดเห็นส่วนตัวน่ะ เพราะผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว และตอนนั้นก็ทำงานเกี่ยวกับเงินกู้ระหว่างประเทศให้กับเครือบริษัทของ finance one ก็เลยมีความคิดเห็นแบบนี้... เรื่องมันยาว ไม่อยากท้าวความไปตั้งแต่เรื่องเปิด BIBF จนถึงแบงค์ BBC .... อะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะ..... จากคุณ : choc - [ 12 เม.ย. 50 03:58:53 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องมันยาวตั้งแต่ยุคน้าชาติครับ สมัยนั้นพวกเวียดนาม จีน ลาว  ยังเป็นคอมมิวนิสต์ ส่วนเขมร พม่า เป็นผเด็จการทหาร อินโด มาเลย์ ก็ยังกึ่ง ๆ ผเด็จการประชาธิปไตย ในย่านนี้มีไทยนี่แหละครับที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด นักลงทุนสนใจมากที่สุด ศํกย์ภาพดีที่สุด ค่าแรงต่ำ ที่สำคัญเป็นประขาธิปไตยกว่าเพื่อน โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุญ ใต้หวัน สนใจเข้ามาลงทุน ช่วงนั้นเกิดการลงทุนสูง เศรษฐกิจดี ราคาอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน พุ่งขึ้น เกิดการเก็งกำไร เกิดการกู้เงินดอลล่า ที่รัฐบาลไทยกำหนดอัตตราคงที่ที่ 25 บาทต่อดอลล่า คาดว่าไทยจะเป็นเสีอเศรษฐกิจเอเขียตัวที่ 5 ( ตัวที่ 4 คือเกาหลี )        นักการเมืองก็เกิดการโกงกินกัน  เรียกว่ายุกบุฟเฟ่ คาบิเนต ทหารจึงทำการปฏิวัติในยุค รสช เกิดความวุ่นวาย อย่างที่เรารู้กัน พอมายุคคุณบรรหารเศรษฐกิจเริ่มขลอตัว เงินทุนสำรองเริ่มหร่อยหรอลง ต่อด้วยยุคชวน1 ก็ทรง ๆ ต่อมายุคบิ๊กจิ๋ว ก็เป็นอย่างที่คุณ คห1 บอกแหละครับ ตอนกู้ กู้ที่ 25 บาท พอฟรั่งเอาเงินกลับก็สู้ค่าเงินที่ 25 บาท ทั้ง ๆ ที่เงินทุนสำรองมีไม่พอ ( เรียกว่า หลับหูหลับตาสู้ค่าเงิน ) ข่าวลือลดค่าเงินบาทกระจายไปทั่ว นักลงทุนไม่ถือเงินบาท สุดท้ายประกาศลอยตัวค่าเงินบาทจาก 25 บาท หล่นไป 56 บาท ไฟแนซ์ และ ธุรกิจหลายอย่างที่กู้เงินนอกประเทศ ล้มละลาย...        สมัยนี้มันคล้ายและต่างกันเยอะพอควร ทหารปกิวัติรัฐบาลที่อาจจะคอรัปขั่น v..v+  และกะลังถูกกล่าวหาว่าสมบัติชาติไป ขายกิน แต่ค่าเงินเราลอยตัวแบบมีการควบคุมครับ การต่อสู้ค่าเงินเลยลดลงไป ตอนนี้ห่วงภาคอุตสาหกรรมและท่องเที่ยวที่เรามีคู้แข่งมากขึ้น อย่างจีน เวียดนาม มาเลย์ ฟิลิปินส์ เราปรับตัวไม่ทันก็จะลำบากก ตอนนี้เราเกิดภาวะเงินไม่หมุนเวียน เพราะไม่มีเงินเข้ามาลงทุนเนื่องจากศักย์ภาพสู้คู่แข่งไม่ได้ ต้องให้กำลังใจรัฐบาลครับ        ตอนบิ๊กจิ๊วค่าเงิน 25 บาท  ผมเรียนจบใหม่ ๆ งานหายากมาก ผมไม่เก็บเงินบาทไว้เลยเอาไปให้แม่ใช้หนี้ ดอกเบี้ยแบงค์ร้อยละ 16 % ก่อน ที่เหลือซื้อของต่างชาติที่อยากได้ไว้ตอนค่าเงิน 25 บาท ไมใช่ไม่รักชาติ แต่ไม่อยากให้ใครปล้นเงินในกระเป๋าผม โดยที่ผมไม่ได้ก่อหนี้ จากคุณ : BigMooHuHu - [ 12 เม.ย. 50 06:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนั้นไม่เหมือนตอนนี้ครับ ต่างกันมากด้วย สิ่งที่เกิดตอนนั้น เราเรียกว่าขาด 3 ดุล คือ ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลการค้า และขาดดุลการชำระเงิน พูดง่าย ๆ คือ ซื้อของเขามากกว่า เขาซื้อของเรา เงินไหลออกมากกว่าเงินไหลเข้า นอกจากนั้นภาคเอกชนเป็นหนี้ต่างประเทศถึงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ คิดดูว่าประเทศที่เงินมันไหลออกตลอดเวลา เหมือนกับคนที่เลือดไหลออกตลอด มันจะอยู่ได้ยังไง สุดท้ายมันก็เลยแตก แต่ในขณะนี้ สภาพเศรษฐกิจ ต้องถือว่าแข็งแกร่งมาก ดุลการชำระเงิน และดุลบัญชีเดินสะพัดในขณะนี้เป็นบวก พูดง่าย ๆ คือ เงินไหลเข้า ปัญหาในขณะนี้ คือ เรื่องความเชื่อมั่น คือ ปัญหาบ้านเมืองเหมือนไม่ไปไหน คนเลยไม่ค่อยนำเงินออกมาจับจ่ายมากนัก มันก็เลยซบเซา ปัญหาที่ 2 คือ ปัญหาค่าเงิน ซึ่งตอนนี้ยังถือว่าบริหารจัดการได้ แม้จะหลงทิศหลงทางไปบ้าง จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ 12 เม.ย. 50 08:21:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โห... บอกถึงอายุของผู้ลงทุนเลยครับ อะ ล้อเล่นนะ จากคุณ : KOHAKU - [ 12 เม.ย. 50 08:58:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ข้อมูลแน่นกันจริงๆ ขอคารวะ จากคุณ : sace22 - [ 12 เม.ย. 50 09:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ให้ผู้รู้เข้ามาเล่าให้ฟัง ผมรู้แต่ว่าเอกธนกิจขาดทุนหลายพันล้านยังประกาศจ่ายปันผลเลย จากคุณ : สมชาย บางพลี - [ 12 เม.ย. 50 09:48:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ต้นเหตุอีกอย่างคือเรื่องการเปิดเสรีการเงิน BIBF ในสมัยรัฐบาล อานันท์2 และรัฐบาลชวน1 ที่ไม่ยอมควบคุมการเงินการคลังด้วย ดูจากกราฟตรงหน้าพล.อ.สุจินดา หุ้นขึ้นเร็วแรงแทบตั้งฉากทำนิวไฮ จากนั้นก็โดนทุบต่อเนื่องมาในยุคบรรหาร และมาแตกเอาในยุคชวลิตอันเป็นวิกฤติปี40   และมาโดนซ้ำเติมโดยรัฐบาลชวน2อีกรอบจากการปิดสถาบันการเงินเป็นการถาวรและ ปรส.1.4ล้านๆบาทอันลือลั่น เล่นเอามีผู้นำต่างชาติชมคุณชวนเลย"โง่อย่างเหลือเชื่อ"  วิกฤตมาสิ้นสุดในยุคทักษิณ1ที่ใช้หนี้สำเร็จ จากคุณ : waphoo - [ 12 เม.ย. 50 11:08:08 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รัฐบาลสมันนี้ก็เหมือนสมัยนั้น ต่างปกปิดไม่ให้ผู้คนได้รับรู้ว่าได้มีการเข้าไปสู้กับค่าเงิน ถ้าบอกให้รู้กันแต่เนิ่น ๆ ก็คงไม่เสียหายมากมายอย่างที่เกิดขึ้นในปี 2540 เพราะพวกที่กู้เขามาคงต้องรีบปรับตัวชำระหนี้ไปก่อน นี่เล่นปิดกัน กลัวเสียหน้าว่าดำเนินนโยบายผิดพลาด ให้รู้อีกทีก็ตอนออกมาบอกว่าสู้ค่าเงินไม่ไหวเพราะเงินในคลังหมด คนที่ไปกู้หนี้เป็นเงินต่างประเทศปรับตัวไม่ทัน ล้มละลายเป็นแถว หุ้นตกระเนระนาดลงจาก 1700 จุด มาเหลือ (จำไม่ได้ แระ) ชาวหุ้นบางคนหมดตัวถึงกับยิงตัวตาย ............... ส่วนที่กลัวว่าจะซ้ำรอยเดิมปี 40 ก็เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยเริ่ม (แบบโง่ ๆ อีกแระ) เอาเงินในคลังไปสู้กับค่าเงิน(ไม่รู้จักเข็ด อีกแระ) เพื่อให้เงินบาทอ่อนค่าโดยอ้างว่าเพื่อช่วยพวกส่งออก หมดเงินไปร่วมล้านล้านบาท คนที่เขารู้ เอามาปูด ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เลยเพลา ๆ ไป หันมาลดดอกเบี้ยแทน จากคุณ : Green Turbo - [ 12 เม.ย. 50 11:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 รัฐบาลทักษิณมาแบบฟลุ๊กและกินบุญเก่ามากกว่า เพราะตอนนั้นประเทศรอบๆบ้านและทั่วโลกเริ่มฟื้นจากโรคต้มยำกุ้งเป็นพิษ จึงทำให้การค้าขายเริ่มดีขึ้นมีเงินมีทองมากขึ้นกว่าเดิมที่เริ่มจะดีตอนปลายสมัยชวน2 จากคุณ : สมชาย บางพลี - [ 12 เม.ย. 50 11:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ตอน40 ผมพึ่งจะอายุได้แค่ 5 ขวบเอง อิอิ จากคุณ : benzzuza - [ 12 เม.ย. 50 12:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ความคิดเห็นที่ 9   รัฐบาลทักษิณมาแบบฟลุ๊กและกินบุญเก่ามากกว่า เพราะตอนนั้นประเทศรอบๆบ้านและทั่วโลกเริ่มฟื้นจากโรคต้มยำกุ้งเป็นพิษ จึงทำให้การค้าขายเริ่มดีขึ้นมีเงินมีทองมากขึ้นกว่าเดิมที่เริ่มจะดีตอนปลายสมัยชวน2 จากคุณ : สมชาย บางพลี  - [ 12 เม.ย. 50 11:18:45 ] ตอนปี 2540-2542 มี Bank ไหนปล่อยกู้บ้าง  ดบเงินฝาก ต่ำกว่า 1% บ้านล้างเกลื่อนเมือง เกษตรกรมีหนี้แต่ไม่สามารถมาจ่ายหนี้ได้ คนอพยพเข้ามาทำงานใน กรุงเทพ ก็ได้ การกระตุ้นอสังหาทั้งทางด้านภาษี การให้ Bank รัฐนำร่องปล่อยกู้ SMEs   การพักหนี้เกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรมีระยะเวลาฟื้นตัว ไม่ใช่หาเท่าไรก็ต้องมาจ่ายดอก กระตุ้นนำเงินใหม่กระจายสู่ชาวบ้านโดยตรงผ่านกองทุนหมู่บ้าน การเสริมสร้างรายได้โดยการพัฒนา OTOP โดยใช้เงินกองทุนหมู่บ้าน บางจังหวัดหากดูยอดขายสินค้า OTOP ตั้งแต่ปี 2544-2549 เพิ่มขึ้นกว่า 400-500% (มีหลักฐานเพราะผมดูตัวเลขอยู่) การเปิดตลาดต่างประเทศ เพื่อสินค้าเกษตร การทำ ACCOUNT TRADE   กระตุ้นการท่องเที่ยว  เร่งสร้างสุวรรณภูมิรองรับการเคลื่อนย้ายคนโดยเสรี จนชาวบ้านพูดว่า OTOP นี่ทำให้ลูกหลานเค้าอยู่บ้านมากขึ้น รองรับงาน และพัฒนาฝีมือ เพราะหากทำงานโรงงานอายุ 30-35 ต้องยืนทั้งวัน เพ่งทั้งวัน โรงงานเค้าก็ไม่รับแล้ว โดยการทำกองทุนหมู่บ้านให้ แต่ละหมู่บ้านมีเงินกองทุนพัฒนาภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งต้องยอมรับว่า  ดีบ้างแย่บ้าง แต่ยังไงชาวบ้านก็ต้องจ่ายคืน บางหมู่บ้านนำเงินกองทุน 1 ล้านบาทไปพัฒนา หาดอกผลได้ เกือบ 20% แล้ว อีกทั้งยังดีกว่าเงินให้เปล่า หรือเงินผ่านกระทรวงต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะเสร็จ หัวคิวเหมือนรัฐบาลที่แล้วๆมา รวมถึงการนำเงินไปให้เปล่าเป็นส่วนใหญ่ทำให้ชาวบ้านเสียนิสัย ไม่ต้องส่งคืน ชาวบ้านรอแต่รัฐจะช่วย ซึ่ง รบ ทหารนี้เอาอีกแล้ว กระตุ้นเอาเงินมาอัดฉีดเข้าหมู่บ้าน  แต่ไม่ต้องใช้คืนเหมือนเงินกองทุนหมู่บ้าน ohhh นอกเรื่องไปเยอะ ขอโทษนะครับ จากคุณ : Mr Google - [ 12 เม.ย. 50 13:24:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คห 9 นี่ รบนี้ ทำนโยบายผิดพลาด นี่เกิด เพราะ ทักษิณด้วยป่าว เฮียแก มาบอกให้ คลัง กะ ธปท ทำที่ว่ามาด้วยช่ายป่ะ จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 12 เม.ย. 50 13:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยอมรับครับ ว่าทักษิณเก่ง และรู้จักใช้คนเก่ง และไม่ว่าทักษิณจะโกงประเทศ จนเป็นอย่างไร แต่ต้องยอมรับว่าทักษิณทำคุณประโยชน์ให้ประเทศ อย่างมากมายมหาศาล และไม่คิดว่าประเทศไทยจะได้นายกที่เก่งขนาดนี้อีกในระยะอันใกล้ ไม่ว่า OTOP กองทุนหมู่บ้าน 30 บาท ล้วนแต่เป็นแนวความคิดที่ดีทั้งสิ้น เสียดายที่มันไม่ได้รับการดูแลที่ดี ไม่มีการพัฒนาให้เติบโตมากพอ เพราะในช่วงหลังดูเหมือนทักษิณได้ละทิ้งแนวความคิดเดิม โดยไม่ได้มีการลงไปสานต่อให้มันเติบใหญ่ แม้ข้าราชการเอง ก็โดน กพร. หน่วยงานที่ตั้งใหม่ สร้างตัววัดต่าง ๆ มาให้ทำ จนมีการพัฒนาที่ดีขึ้น เสียดายจริง ๆ มันไม่น่าโกงเลย จากคุณ : ผู้เฒ่าสายลม - [ 12 เม.ย. 50 14:47:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 จำตอนปี40ได้ สมัยก่อนรุ่นพี่ๆจบกันมีคนไปจองตัวถึงคณะ ลดค่าเงินบาทตอนฝึกงานปี4เห็นพี่ๆที่ฝึกงานโดนเลิกจ้างแล้วเศร้าใจ ยิ่งเห็นบัญชีของบริษัทนี่หดหู่อย่างมาก จบมหาลัยตอนรัฐบาลชวน2ไปสมัครงานที่นิคมบางประกง ถ้าคนงานเข้ากะกันหมดนี่เหมือนนิคมร้างเลย รถราวิ่งน้อยมากมันเงียบมากนะเงียบจนน่าตกใจ เห็นความเปลี่ยนแปลง10ปีที่ผ่านมากับ3รัฐบาล ชวลิต ชวน ทักษิณ ติดตามการเมืองเรื่อยมา อยู่กับตัวเลขเศรษฐกิจมาหลายปี เทียบปัจจัยยุคทักษิณมันมีเหตุการณ์รุนแรงเยอะนะ ตั้งแต่ ซาร์ ไข้หวัดนก 11กันยา สงครามอัฟกัน สงครามอีรัก สึนามิ ราคาน้ำมัน ผมว่าไม่ฟลุคนะ ต้องยอมรับ เสียดายมาตกม้าตายวิกฤติลิ้มทองกูล ไม่งั้นน่าได้เห็น800จุดแน่นอน จากคุณ : p_d - [ 12 เม.ย. 50 15:03:29 A:125.27.6.62 X: TicketID:141293 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องบอกว่าตกม้าตาย เพราะซุกหุ้นรอบสองและโกงภาษีถึงจะถูก เพราะปลายปีสนธิปลุกกระแสได้ แค่หลักพัน  แต่ขายหุ้นเทมาเสก ได้คนเป็นแสน จากคุณ : นาย ก๊าก - [ 12 เม.ย. 50 15:52:12 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคร้าบ จากคุณ : หมาร่าหมาหรอด - [ 12 เม.ย. 50 17:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอแค่ฟัง กลัวคนทราบอายุจิง จากคุณ : * - [ 12 เม.ย. 50 18:04:39 A:58.9.176.19 X: TicketID:138376 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ได้ยินเรื่องคุณทักษิณกินบุญเก่ามาหลายหน แสดงว่าถึงไม่ใช่ทักษิณ เศรษฐกิจก็รุ่งเรืองอยู่ดีล่ะซี  แล้วเป็นไงล่ะ คุณอุ๋ย ก็คนนึงล่ะ ใครเป็นรัฐบาลก็ได้ เพราะเรามีเงินเยอะ แล้วเป็นไงล่ะ ไม่กีเดือนก็จอด ยังมีเวลาให้พสูจน์อีกเยอะว่าฝีมือใครจะเจ๋งกว่ากัน จากคุณ : Kpetcharat - [ 12 เม.ย. 50 20:47:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พวกท่านพี่เยี่ยมจริงๆ สรุปเหตุการณ์ได้ภายในสิบบรรทัด จากคุณ : rigor - [ 12 เม.ย. 50 21:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าเศรษฐกิจ ดีหรือไม่ดีเนี่ยต้องดูย้อนกลับไป 1-3 ปีก่อนหน้านั้นว่าใครบริหาร นะ ไม่ใช่ว่าน้าชาติบริหารดี หรือ ทักษิน บริหารดีซะทีเดียว ถ้ารัฐบาล เปรม ไม่ลดค่าเงินบาท ไม่ทำให้การเมืองแข่งแกร่ง มั่นคง ไม่มีปัญหาคอมมิวนิสต์ รัฐบาลน้าชาติก็จะไม่มีจุดสูงสุด        ถ้าชวนสองไม่เคลียร์หนี้เน่า มีหรือรัฐบาลทักษินจะทำนโยบายประชานิยมได้คล่อง        ถ้ารัฐบาลชวลิตไม่ต่อสู้ค่าเงินบาทแบบหลับหูหลับตาสู้ มีหรือรัฐบาลชวน 2 จะต้องมี ปรส. จะต้องมี imf        ถ้าไม่ปล่อยให้มีการเกงกำไรในสมัยน้าชาติ และ ชวน 1 มีหรือรัฐบาลชวลิตจะต้องต่อสู้ค่าเงินบาท        ปัญหาในวันนี้อาจจะมาจากรัฐบาลทักษินก่อไว้ก็ได้ในหลาย ๆ เรื่อง อย่างเรื่องปฏิวัติเนี่ย ถ้าการเมืองมันไม่วุ่นวาย มีการแบ่งปันประโยชน์กันอย่างยุติธรรมในสังคม ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ความวุ่นวายก็ไม่เกิด         อย่ามัวแต่มองว่าใครในอดีตเจ๋งกว่า น่าจะมองว่าสถานการ์ณอย่างปัจจุบันเนี่ย เราจะทำยังไงกันต่อไปจริงมะ จะทำยังไงกะวังวน คอรัปชั่น > แตกแยก > ปฏิวัติ แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 50 09:15:57 จากคุณ : BigMooHuHu - [ 12 เม.ย. 50 22:16:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ขอออกเรื่องการเมืองนะครับเพราะสามารถติดตามได้ที่ รดน  เลือกๆอ่านดูก็จะได้ข้อมูลดีๆครับ ลบเรียบร้อยแล้วครับ :) แก้ไขเมื่อ 13 เม.ย. 50 13:06:49 จากคุณ : Mr Google - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 08:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^..^ +    ผมเอาข้อความผมออกแล้ว โทษทีมันส์ไปหน่อย ลืมไปไม่ใช่ราชดำเนิน ที่นี่สินธร ช่วยเอาข้อความคุณออกด้วยครับ เห็นต่างได้แต่ไม่แตกแยกดีกว่ามะ จากคุณ : BigMooHuHu - [ วันมหาสงกรานต์ (13) 09:18:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ วันเถลิงศก (15) 13:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาดู จากคุณ : หนูปุ๊ก - [ วันเถลิงศก (15) 14:37:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ธุรกิจแบบทุนนิยมจะล่มสลาย ทุกคนอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง โลกแห่งทุนนิยมแบบปีระมิดที่คนที่ด้อยกว่าจะเสียเปรียบหมดไปเพราะทุกคนจะรู้เท่าทันกันหมดความน่าเชื่อถือต่อระบบทุนนิยมนี้ต่อไป ธุรกิจแบบพึ่งตนเองจะเกิดขึ้น ทุกคนอยากเป็นเจ้านายตัวเอง แต่ไม่สำเร็จทุกคน ธุรกิจแฟรนไชด์ต่างๆจึงเป็นคำตอบ ..รวมทั้งธุรกิจเนตเวริ์คมาเก็ตติ้ง จากคุณ : วงศ์วัฒน์ - [ 17 เม.ย. 50 08:12:18 A:203.107.194.160 X: TicketID:140455 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าจำไม่ผิดเพราะตอนนั้นยังเรียนอยู่ จำได้แค่ว่า ราคารถยนต์ก่อนเจอวิกฤตกับหลังเจอวิกฤติต่างกันมาก ... เพราะตอนคุณพ่อซื้อรถกระบะแรกสมัยก่อนเจอวิกฤติ เพิ่งจะ 3-4แสนเอง (ถ้าจำผิดบอกด้วย) จากคุณ : Magic Pig (Magic Pig) - [ 28 เม.ย. 50 14:32:37 ]