ถ้า trend ดอกเบี้ยตลาดชัดเจน เช่นดอกเบี้ยลดแน่นอน สิ่งที่เรารู้ก็คือ ราคา mark-to-market ก็จะเพิ่มขึ้น สมมุตินะครับ ว่าถ้าตราสารหนี้นั้นมีอายุ 10 ปี การที่ดอกเบี้ยลดลง 0.1% จะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นประมาณ 1 % ซึ่งการที่ดอกเบี้ยลดอาจเกิดขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ นั่นหมายถึงราคาจะปรับตัวเพิ่ม 1% ใน 1-2 สัปดาห์เช่นกัน จึงเป็นที่มาว่า หากดู performance กองทุนตราสารหนี้ จะพบว่า ใน 3 เดือนที่ผ่านมา บางกองทุนทำได้ถึง 15% ต่อปีก็มี
แต่ ไม่ใช่ตราสารหนี้ทุกตัวจะได้อานิสงฆ์นี้เท่ากันทุกตัวนะครับ
ตราสารหนี้ที่อายุสั้นกว่า จะได้ผลนี้น้อยกว่า ตราสารหนี้ที่อายุยาวกว่า และที่แย่ยิ่งกว่านั้น ในกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น พอตราสารหนี้ที่ถือหมดอายุ ก็ต้องเอาเงินไปซื้อตราสารหนี้ตัวใหม่ ที่มีอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วลดลง ตามตลาด กลายเป็นว่า มีทิศทางผลตอบแทนที่ตรงกันข้ามด้วยซ้ำคือ เมื่อดอกเบี้ยลด กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นหรือตลาดเงิน จะให้ผลตอบแทนที่ลดลง
ส่วนกองทุนที่เป็นตราสารหนี้ระยะยาว อย่าลืมนะครับ ว่า กองทุนไม่ได้ขายตราสารหนี้นั้นออก ราคาที่เพิ่ม เกิดจากการ mark-to-market เท่านั้น นั่นหมายความว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไป กำไรที่เกิดขึ้นก็จะลดลง(ถ้างง กลับไปอ่านข้อ 2 ตอนต้นบทความนี้) อ้าว อย่างนี้อีกหน่อยก็แย่สิครับ และยิ่งกว่านั้น ด้วยกระแสความเห่อ (คล้าย ๆ แมงเม่า effect) ทำให้คนแห่ไปซื้อกองทุนตราสารหนี้กันเยอะ (เหมือนในช่วงนี้) ถามว่ากองทุนทำอย่างไร ก็ต้องเอาไปซื้อตราสารหนี้เพิ่มสิครับ ไอ้ตัวที่ซื้อเพิ่มนี่สิ ผลตอบแทนมันก็จะไม่สูงเหมือนตัวที่ถืออยู่ตอนแรก กลายเป็นว่ากองทุนก็จะถูก dilute กำไรไปเรื่อย ๆ จนกว่าความเห่อจะหมดไป
งั้นใครได้กำไรหละ
ก็คงเป็นคนที่เข้ามาซื้อตั้งแต่ 2-3 เดือนก่อน แต่ซื้อตอนนี้ก็ยังพอไหว ขอให้ออกให้ทันแล้วกัน ออกช้าก็ไม่ได้เจ็บตัวหรอกครับ แค่ผลตอบแทนมันไม่ดีเท่านั้นเอง
อ่านทั้งหมดที่นี่ครับ
http://www.policehospital-coop.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=464880&Ntype=5
จากคุณ :
krit587
- [
22 เม.ย. 50 16:05:57
]