ความคิดเห็นที่ 1 แล้วก็ช่วยแนะนำการลงทุนลกษณะนี้ด้วยคะว่าควรถือยาวหรือถือสั้นดี จากคุณ : motie@mimi (Motie@Mimi) - [ 22 เม.ย. 50 18:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รอท่าน mr.massenger มาตอบดีกว่า บอกได้แต่ว่าควรลงระยะสั้น น่าจะดีกว่านะครับ จากคุณ : dr.nitid - [ 22 เม.ย. 50 18:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กองทุน TMBSET50 และกองทุน TMBSET50ปันผล เป็นกองทุนหุ้นที่ลงทุนตามดัชนี SET50 แบบเต็มอัตราครับ ดังนั้นผลตอบแทนก็จะเดินตามดัชนี ซึ่งทั้งสองกองนี้ก็มีทั้งกองที่จ่ายและไม่จ่ายปันผลให้เลือกครับ การลงทุนในกองนี้ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าควรถือลงทุนสั้นหรือยาว ขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ลงทุนครับว่า พอใจในผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน และมองว่าดัชนีตลาดจะไปในทิศทางใด ก็ปรับแผนการลงทุนของเราเท่านั้นเองครับ ส่วนกองทุนหุ้นตระกูล JUMBO25 เป็นกองทุนหุ้นที่เลือกหุ้นแบบ Active ตัวใหญ่ ๆ ในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมไม่เกินกลุ่มละ 3 ตัวภายใต้เงื่อนไขการเลือกหุ้นที่วางโมเดลไว้ และรวมกันแล้วให้ได้หุ้นใหญ่ 25 ตัว แล้วนำมาเข้าพอร์ตกองทุนครั้งละ 6 เดือน เมื่อครบกำหนดแล้วจึงทำการปรับพอร์ตใหม่ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ครับ ดังนั้นจึงเป็นกองทุนที่จะทำผลตอบแทนได้ดีกว่ากองดัชนี แต่ก็มีความเสี่ยงและความผันผวนได้มากกว่าเช่นกันครับ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 22 เม.ย. 50 19:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ได้ความกระจ่างเพิ่งเยอะเลยคะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : motie@mimi (Motie@Mimi) - [ 22 เม.ย. 50 21:36:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สรุปให้อีกทีครับ มาช้าไปหน่อย คงไม่เป็นไรนะครับ ^^ เอาวิธีการลงทุน หากพอใจกองทุนนี้ก่อนนะครับ ระหว่างSET50 กับ SET50 ปันผล   ทั้งคู่เป็น Index Fund ที่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้นที่นักลงทุนคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มตลาดจะเป้นอย่างไร แต่หากตลาดกำลังเดินแบบ Side Way ในกรอบแคบๆ การทำกำไรในกองทุน Index Fund ทำได้ก็จริง แต่ Timing นั้น กะได้ยากมากด้วย 2 เหตุผลครับ 1. เราสั่งซื้อหน่วยลงทุนได้ช้าสุดก็ตอน 15.30น. ซึ่งตลาดหุ้นยังไม่ปิด จึงคาดการณ์ได้ยากว่าจะได้ราคาหน่วยเท่าไหร่ 2. หากลงทุนด้วยจำนวนเงินไม่สูงพอ ผลตอบแทนที่ได้ หากอยุ่ในรูปของร้อยละ อาจดูสูง แต่ถ้าเปรียบเทียบเป็นตัวเงิน อาจไม่น่าจูงใจ สู้เอาเวลาไปทุ่มเทในงานการที่เราทำ น่าจะดีกว่า SET50 นั้น ที่ผ่านมานักลงทุนได้ผลตอบแทนจากกองทุนนี้ต่ำกว่า SET50 ปันผล เนื่องจาก ไม่จ่ายปันผล ทำให้นักลงทุนต้องกะเวลา และจังหวะในการขายทำกำไรเอง ซึ่งส่วนใหญ่ กะผิด มากกว่า กะถูก (อย่าน้อยใจไปนะครับ เป็นธรรมดาของนักลงทุนทุกคน) การจ่ายปันผลเรื่อยๆ จึงลดความเสี่ยงตรงนี้ได้ ------------------------ JB25 นั้น ถึงมีหุ้นแค่ 25 ตัว ก็ยังถือว่าเป็นกองทุน Passive Fund อยู่ดีครับ เพราะอะไรนะหรือ? ก็เพราะเมื่อคัดเลือกหุ้นเข้าพอร์ตไปแล้ว กองทุนจะไม่ปรับพอร์ต หรือดำเนินกลยุทธ์ทำกำไรซื้อขายระหว่างทาง แต่จะเป็นการปรับพอร์ตเพื่อรักษาสัดส่วนการลงทุนเพียงอย่างเดียวครับ ดังนั้น วิธีการลงทุนใน JB25 นั้น มีข้อจำกัดเหมือนกันๆกองทุน Index Fund อย่าง SET50 ครับ แต่ความต่างที่ชัดเจนออกมาก็คือ มีความผันผวนของ NAV ที่รุนแรงกว่า SET50 เนื่องจากกระจายความเสี่ยงน้อยกว่า และลงทุนในหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงทุกตัว ขนาดทุนจดทะเบียนก็ใหญ่ จะเลือก JB25 กับ SET50 ดูที่? 1. ตั้งเป้าหมาย กรอบระยะเวลาการลงทุน ถ้าสั้น ไปข้อ 2. ถ้ายาว ไป ข้อ 3. 2. ภาวะตลาดขณะนั้น หากเป็นขาขึ้น ไป ข้อ 4. หากเป็น ขาลง ไป ข้อ 5. 3. หากภาวะตลาดเป็นขาขึ้น ลงทุนโดยใช้วิธี DCA เข้าเฉลี่ยในวันที่ NAV ตกแรงกว่าปกติ หากภาวะตลาดไม่ใช่ขาขึ้น ไปข้อ 5. 4. เป้าหมายการลงทุนระยะสั้น และภาวะตลาดเป็นขาขึ้น ให้ทำกำไรในระยะสั้นๆ (ซื้อและขาย ถี่กว่าปกติ) จับจังหวะตลาด และภาพรวมของเศรษฐกิจเป็น 5. หากเป้าหมายการลงทุนระยะยาว แต่ภาวะตลาดไม่ใช่ขาขึ้น แนะนำไปหากองทุน Active Fund ดีๆกองอื่น ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 23 เม.ย. 50 12:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 6 555 ผมดันเห็นตรงข้ามกับเซียนทั้งสองเลยครับ ผมมองว่า set 50 กับ jumbo 25 น่าจะลงระยะยาว โดย jumbo 25 ความผันผวนสูงกว่า จะเห็นว่า tmb เสนอกองทุนแบบเดียวกันใน LTF (Jumbo 25/Plus LTF) และ RMF (Jumbo 25 RMF, SET50 RMF) ด้วย ผู้ที่ลงทุนในกองทุนพวกนี้ ส่วนหนึ่งคือผู้ที่เชื่อว่า ตลาดหุ้นอาจมีความผันผวน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ตลาดหุ้นจะโตไปตามเศรษฐกิจ คือระหว่างวัน สัปดาห์หรือ เดือน ดรรชนี อาจมีความผันผวน แต่ถ้ามองระยะยาวแล้วดรรชนีน่าจะเพิ่มตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เท่าที่ผมทราบ ทฤษฎีนี้เป็นจริงในตลาดอเมริกา เพราะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน สามารถตรวจสอบได้ ส่วนไทยนี่ 10 ปีผ่านไป ดรรชนีลดลง ผมมองทั้ง SET, JUMBO เป็น passive และน่าจะลงระยะยาวครับ ถ้าจะเล่นสั้นไปเล่นพวก active ที่ hot hot น่าจะดีกว่า วิธีการซื้อที่ดี น่าจะเป็นการซื้อเฉลี่ยแบบที่คุณ messenger ว่าไว้ แต่ผมสงสัยที่คุณ messenger กล่าวไว้ว่า ถ้าเป็นขาลง ควรหลีกเลี่ยง ผมก็เลยสงสัยว่าจะรู้ได้อย่างไร ว่าตอนนี้เป็นขาขึ้น หรือ ลง ถ้าไม่ใช่การคาดเดาอนาคต และถ้าคาดเดาได้แม่นยำ น่าจะเล่น active fund หรือ อนุพันธ์มากกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 50 18:14:12 จากคุณ : อวิรุืทธ์ - [ 23 เม.ย. 50 18:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 7 "จะรู้ได้อย่างไร ว่าตอนนี้เป็นขาขึ้น หรือ ลง ถ้าไม่ใช่การคาดเดาอนาคต" จริงครับ ไม่มีใครรู้ แต่เราสามารถคาดเดาได้ เช่นเดีวกับที่นักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่คาดเดากันไว้ แต่บางช่วง ตลาดก็ส่งสัญญาณชัดเจนนะครับ ว่ากำลังอยู่ในภาวะใด เอางี้ๆ ถามคุณ อวิรุทธ์ ผมถามกลับแล้วกันครับ ช่วงนี้ตลาดอยู่ในภาวะใด?? คำตอบที่ได้รับอาจต่างกัน แต่ผมว่า เกิน 80% ต้องบอกว่าตลาดหุ้นไทยไม่ใช่ขาขึ้นแน่นอน เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจนในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ประกอบกับแบงก์ชาติก็ลดดอกเบี้ยเรื่อยมา อาจมีนักลงทุนบางกลุ่มที่เห็นว่านี้อาจเป็นโอกาสเก็บของถูก ซึ่งก็ไม่ว่ากันครับ เพราะแล้วแต่มุมมอง ในกลยุทธ์แบบ VI นั้น ก็ถูกต้องเลย "ลงทุนตอนที่คนอื่นกลัว แล้วทำกำไรตอนนี้คนอื่นกำลังอยากเข้ามาลงทุน" ---------------------- ส่วนความเห็นต่อ Passive Fund ที่ระยะยาวน่าจะดีกว่า Active Fund นั้น อาจเป็นไปได้ครับ แต่ในอดีตสำหรับตลาดหุ้นไทยนั้น ผลการดำเนินงานกองทุนหุ้น 3 ปีย้อนหลังเป็นต้นไป กอง Avtive Fund ชนะ Passive Fund ขาดลอยครับ อาจมี Passive Fund บางกองหลุดสายตาผมไปได้ ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าเทียบกับ Set Index ละก็ Active Fund ทำผลงานดีกว่าอย่างชัดเจนครับ สำหรับ Emerging Market อย่างตลาดหุ้นไทย ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 23 เม.ย. 50 19:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คงต้องศึกษาเพิ่มอีกเยอะเพราะเพิ่งเริ่มสนใจลงทุน เท่าที่อ่านมายังไม่กระจ่างเท่าไหร่เพราะข้อมูลเรื่องหุ้นยังไม่แน่นพอคะ คิดว่าคงต้องศึกษามากกว่านี้อีกหน่อยถึงจะพร้อมลงในกองทุนหุ้นทุน ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านมากนะคะ จากคุณ : motie@mimi (Motie@Mimi) - [ 24 เม.ย. 50 23:28:05 ]