********กองทุนรวมเดือนเม.ยโต5.2หมื่นล.



ไทยพาณิชย์ยังรั้งแชมป์เบอร์หนึ่ง

รายงานข่าวเปิดเผยว่า


ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ธุรกิจกองทุนรวม   ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนสูงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ    กองทุนตราสารหนี้    ที่มีเงินลงทุนไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง


ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เนื่องมาจากธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับ   ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก     ทำให้ผู้ฝากเงินโยกเงินลงทุนบางส่วนมาลงทุนใน กองทุนรวม มากขึ้น


เพราะว่าสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่า   การฝากเงิน ขณะเดียวกันก็    ไม่ต้องเสียภาษี  อีกด้วย และจากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้เดือนเมษายนมี   กองทุนตราสารหนี้กองใหม่ออกมาระดมทุนเป็นจำนวนมาก


ทั้งนี้ในช่วงเดือนเมษายนเดือนเดียว ตัวเลขเงินลงทุนผ่านกองทุนรวมยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 27 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา


กองทุนรวมทั้งระบบ   มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (เอ็นเอวี) รวมทั้งสิ้น 1,187,622.62 ล้านบาท หรือคิดเป็นเงินลงทุนใหม่ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 52,584.91 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่า   ทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น 1,135,037.71 ล้านบาท


ซึ่งจากการสำรวจ    เงินลงทุนที่เข้ามาส่วนใหญ่ พบว่าการขยายตัวมาจาก      กองทุนรวมตราสารหนี้       เป็นหลัก ซึ่ง ณ วันที่ 27 เมษายน 2550 มีมูลค่า    ทรัพย์สินสุทธิรวมทั้งหมดประมาณ 782,698.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39,519.02 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น 743,179.22 ล้านบาท


ส่วนการลงทุนในตลาดทุน


มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น 92,826.68 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่มีเงินลงทุนรวม 91,261.99 ล้านบาท


สำหรับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) กองทุนรวมสูงสุด 10 อันดับแรกในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

อันดับ 1 ได้แก่ บลจ.ไทยพาณิชย์


โดยมีสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) รวม 235,693.32 ล้านบาท

อันดับ 2 ได้แก่ บลจ.กสิกรไทย


โดยมีสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารรวม 175,418.87 ล้านบาท


อันดับ 3 ได้แก่ บลจ. บัวหลวง


ที่มีทรัพย์สินสุทธิ 112,940.97 ล้านบาท


อันดับ 4 บลจ.กรุงไทย

มีทรัพย์สินสุทธิ 109,118.91 ล้านบาท


อันดับ 5 ได้แก่ บลจ.ทหารไทย


ซึ่งมีทรัพย์สินสุทธิ 108,658.42 ล้านบาท


อันดับ 6 บลจ. เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน)

มีทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น 105,408.94 ล้านบาท


อันดับ 7 บลจ. ยูโอบี (ไทย ) จำกัด


มีทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น 58,024.41 ล้านบาท



อันดับ 8 บลจ. ธนชาต


มีทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น 57,863.68 ล้านบาท


อันดับ 9 บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด

มีทรัพย์สินสุทธิทั้งสิ้น 49,549.99 ล้านบาท


อันดับ 10 บลจ.อยุธยา


มีสินทรัพย์รวมภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 40,399.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 92.88 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีทรัพย์สินสุทธิ 40,306.79 ล้านบาท



ทั้งนี้ การขยายตัวของ   ธุรกิจกองทุนรวม    ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 ที่ผ่านมา สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริการของบริษัทจัดการกองทุนทั้งระบบ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2550 อยู่ที่ 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเงินลงทุนใหม่ที่ไหลเข้ามาประมาณ 94,559.46 ล้านบาท จากสินทรัพย์รวม 1.04 ล้านล้านบาทในปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ   9.08%