PANTIP.COM : I5381642 เรียนเชิญคุณหมีพูและผู้รู้ทุกท่าน เข้ามาแนะนำ "กองทุนหุ้นคุณภาพสูง" สำหรับผู้เริ่มออม{แตกประเด็นจาก I5378276} [การลงทุน]

ความคิดเห็นที่ 10

หมีพูกลับมาแว้ววว ขอบพระคุณทุกท่านที่มาช่วยกันแนะนำให้ความรู้ต่อเพื่อนผู้ลงทุนของเราครับ มาต่อกันเลยนะครับ

กองทุนหุ้นแบบ Active นั้นเขาต้องการเอาชนะดัชนีชี้วัด ยิ่งชนะมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อผู้ลงทุนมากเท่านั้น ซึ่งแนวความคิดนี้จะสวนทางกับกองทุนหุ้นแบบ Passive ซึ่งต้องการแค่เสมอกับดัชนีก็พอใจแล้ว ดังนั้นกองทุนหุ้นแบบ Passive จึงมีค่าธรรมเนียมซื้อขายและค่าธรรมเนียมบริหารกองทุน ที่ถูกกว่ากองทุนหุ้นแบบ Active (ถ้าเป็นที่เมืองนอกน่ะใช่ แต่ที่เมืองไทยกองหุ้นแบบ Active บางกองก็คิดถูกกว่ากอง Passive นะครับ ต้องลองหาดูกัน มีเยอะนะครับขอบอก)

สำหรับในปัจจุบันนี้ มีกองทุนหุ้นคุณภาพสูง จำนวนไม่มากนักที่ได้ผลตอบแทนชนะดัชนีอย่างมาก แถมยังชนะอย่างสม่ำเสมออีกด้วย สังเกตุได้จากพอร์ตการลงทุนที่ตัวหุ้นที่ลงทุนไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก และกองทุนมักจะลงทุนในหุ้นตัวนั้น ๆ นานพอสมควร ขอยกตัวอย่างให้ดูดังนี้ครับ (แต่ไม่ต้องเชื่อนะครับ เอาไปดูสนุก ๆ ครับ)

บลจ.บัวหลวง (http://www.bblam.co.th)
ที่นี่จะลงทุนแนวอนุรักษ์นิยมมาก ๆ ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว ทำตัวประเภท Low Profile, Highly Perform แต่ให้ข้อมูลการลงทุนที่รวดเร็วและชัดเจนมากครับ ไม่เน้นการตลาด ใครอยากซื้อก็ซื้อ ใครไม่อยากอยู่จะไปที่กองอื่นก็ไป เชิดใส่ เพราะมีกลุ่มลูกค้าประจำที่อยู่โยงยาวนาน กินผลตอบแทนกันแบบอิ่มแล้วอิ่มอีกอยู่เป็นพะเรอเกวียน ไซส์กองทุนก็นิ่ง ไม่ค่อยขยับไปไหน แต่ผลตอบแทนขึ้นเอ้าขึ้นเอา ถ้าใครอดทนต่อวิธีการซื้อขายแบบ Low Tech ได้ (เอทีเอ็มและโทรศัพท์ ส่วนซื้อขายทางอินเตอร์เน็ท ให้ฝันไปก่อนเถอะ เจ้าหน้าที่ บลจ.บอกว่าแบงก์ยังไม่มีนโยบาย เพราะที่มีให้ใช้อยู่ทางเอทีเอ็มและโทรศัพท์ ก็รองรับได้ดีมากแล้ว) ถ้าคุณเป็นคนที่ลงทุนในกองทุนบัวหลวงมาสักระยะนึง รับรองได้ว่าคุณจะได้กินอิ่มมากกว่าและอิ่มนานกว่าที่อื่นจริง ๆ นะครับ การที่เขา Low Tech นี้ก็ดีนะครับ ทำให้ใจเรานิ่งดีครับ ไม่วอกแวก บ่อยครั้งที่หมีพูก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ในบอร์ดนี้มองข้ามและไม่สนใจกองทุนรวมของบัวหลวง ขืนสนใจเข้ามาลงทุนกันเยอะ ๆ กลัวว่าเด๋วเขาไม่รู้จะเอาเงินของพวกเราไปลงทุนในอะไรดี ของดี ๆ ในตลาดหุ้นทุกวันนี้ ยิ่งหายากอยู่ด้วยนะเนี่ย ยังไงก็โปรดเห็นใจไปลงทุนกองหุ้นที่อื่นกันเถอะนะ อย่ามาร่วมแชร์ผลตอบแทนที่ดี ๆ กับพวกเราเลยนะขอร้อง อยากรวยกันเงียบ ๆ ง่ะ เอ้า....มีกองทุนที่น่าสนใจมาให้ดูสนุก ๆ ครับ ไม่ต้องไปคิดมากว่าดีเด่นยังไง เจ๋งยังไง ถ้าอยากรู้ ให้เข้าไปดูใน fund fact sheet ในเวปของ บลจ.ได้เลยครับ เขาเขียนได้ชัดเจน แจ่มมั่กมั่ก อ่านเสร็จรู้เรื่องเลย ไม่ต้องถามต่อ
- บัวหลวงทศพล (เน้นหุ้นใหญ่ ฐานะมั่นคง ผลงานเจ๋งเข้าตา แค่ 10 ตัวเท่านั้น)
- บัวแก้ว (เน้นหุ้นใหญ่ ฐานะมั่นคง ผลงานเจ๋ง และจับต้องได้)
- บัวแก้ว 2 (นโยบายลงทุนเหมือนบัวแก้ว)
- บัวหลวงโครงสร้างพื้นฐาน (เน้นหุ้นใหญ่เฉพาะกลุ่มพลังงาน สื่อสาร ขนส่ง วัสดุก่อสร้างและอสังหา ไม่ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร เงินทุนและหลักทรัพย์)

บลจ.อเบอร์ดีน (http://www.aberdeen-asset.co.th)
สำหรับที่นี่ต้องรบกวนให้ Mr.Messenger มาพร่ำพรรณนาให้เป็นฉาก ๆ แบบกระทู้เก่าก่อน ว่าการบริหารกองทุนของเขานั้น ดีเลิศวิเศษอย่างไร แถมวิธีการซื้อขายที่ใครเขาว่ามันช่างยากลำบากเหลือหลาย ก็รับรองว่าโดดเด่นไม่แพ้บัวหลวงเช่นกัน มีกองทุนมาแนะนำให้ดูสนุกสนานเหมือนกันครับ
- อเบอร์ดีนโกรท (เน้นหุ้นทุกขนาด ขอให้โตดี ๆ และเจ๋งจริง)
- อเบอร์ดีนสยามลีดเดอร์ส (เน้นหุ้นใหญ่ ตัวเจ๋ง ๆ)
- อเบอร์ดีนสมอลแค๊พ (เน้นหุ้นเล็ก แบบเล็กพริกขี้หนู)

เอาแค่ 2 แห่งก่อนนะครับ (แค่นี้ก็ปาเข้าไปตั้ง 7-8 กองทุนแล้ว) เพราะผลงานเขาดีมากและโดดเด่นมากกว่าที่อื่น จนอดไม่ได้ที่ต้องกล่าวแนะนำ แต่แนะนำมากเกินไปจนเหมือนกับเทิดทูนบูชา (ว่าไปโน่น) ก็ไม่ดีอีก เพราะไม่ใช่หน้าที่ (ถ้าได้ค่าจ้างที่มาเขียนเชียร์ก็คงจะดีเนอะ) หมีพูเป็นแค่ผู้ลงทุนธรรมดาคนนึง ที่ลงทุนกับเขาไปแล้วได้ผลดีผลเสียกลับมาอย่างไร ก็มาว่าไปตามเนื้อผ้านั้นครับ

จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 6 พ.ค. 50 22:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15

วันนี้ไปดู Spider Man ภาค 3 มาครับ พอกลับมาดูมาดูบอลคู่ Arsenal กับ Chelsea อีก กว่าจะเปิดคอมก็ไปเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว

หลายๆท่านคงรู้จัก ปีเตอร์ ลินช์ กันนะครับ ความโด่งดังของ ปีเตอร์ ลินช์ ก็มาจากกองทุน Magellan (ในบริษัท Fidelity Investment ) เป็นกองทุนที่ใช้การบริหารแบบ "Active Management" ผลการดำเนินงานที่เข้าทำได้ ชนะ Index ขาดลอย ด้วยอัตราผลตอบแทน 29% อัตราทบต้น ตลอดเวลา 13 ปี ที่เขาบริหาร (หรือ หากเริ่มต้นลงทุนที่ 100 บาท ในปีแรก 13 ปีต่อมา มีเงินลงทุนทั้งหมด 2739.46 บาท!!!)

ถือว่าไม่ทำธรรมดาครับ คนๆนี้ แต่หลังจากหมดยุคของเขาไป ผู้บริหารคนใหม่ที่เข้ามา ซึ่งก็คือ เจฟ วิคนิค แรกๆ ก็ทำผลการดำเนินงานได้ดี แต่เมื่อบริหารผิดพลาดครั้งหนึ่ง ผลการดำเนินงานก็ดิ่งรูด แพ้ S&P500 ยับเยิน นักลงทุนเจ็บตัวกันเป็นแทบๆ กว่าจะเรียกความมั่นใจให้กลับมาใหม่ กฌใช่ระยะเวลาพอสมควรเลย ความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนั้น ส่วนหนึ่งมาจาก การบริหารกองทุน ที่พึ่ง Star Fund Manager มากเกินไป และการจัดพอร์ตแบบมั่นใจในตัวเอง (Agressive) สูงเกิน คนเก่งๆ เขาเป้นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่าผมก็ไม่รู้นะครับ

แต่ถึงขาดทุนยังไง หากใครลงทุนกับกองทุนนี้ในระยะยาวก่อนหน้านั้น ก็ถือเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย เหมือนเทียบกับผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมา

----------------------

มาที่ความโด่งดังของ Passvie Management กันบ้าง ไม่ใช่ว่าไม่มีนะครับ ใครรู้จักกองทุน Vanguard บ้างเอ่ย กองทุนนี้โด่งดังด้วย ผู้จัดการกองทุนที่ชื่อ จอห์น บูเกิ้ล (John Bogle) ไอ้เจ้าคนนี้ เขาเชื่อว่าไม่มีใครที่สามารถเอาชนะ Index ได้ตลอดไป (หากอยู่ในตลาดหุ้นตลอด ไม่เลิกไปเสียก่อน) เพราะตลาดหุ้นเป็น Zero Sum Game และผลตอบแทนโดยรวมของตลาดก็จะกลับมาเท่ากับค่าเฉลี่ยเสมอ อีกทั้งยังเชื่อในทฤษฎี Random Walk อย่างมาก ซึ่ง Random Walk กล่าวไว้ว่า ไม่มีใครคาดเดาทิศทางของตลาดหุ้นได้ถูกต้องเสมอไป ผลการดำเนินงานแม้ไม่แรงสะใจอย่าง Active Management แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีต่อเนื่อง

----------------------

ต่อหากมองย้อนในปี 2006 และปีนี้ (2007) กองทุน Index Fund ในตลาดสหรัฐอเมริกา ก็ผลตอบแทนไม่ดีเท่า Active Fund เพราะภาวะเศรษฐกิจอย่างที่เรารู้ๆกัน เพราะฉะนั้น ประเด็นที่สำคัญที่นักลงทุนควรตระหนักก็คือ เมื่อเราไม่ยึดติดกับ บลจ. หรือ กองทุนใดๆ เพื่อแสวงหากองทุนหุ้นคุณภาพสูงแล้ว เราก็ไม่ควรยึดตึดกับ นโยบายการลงทุนแบบใดแบบหนึ่งด้วย ทั้ง Active และ Passive แต่ควรมองภาวะการลงทุนให้ออก ว่าช่วงใด เหมาะกับการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ประเภทใด

อย่างกองทุนหุ้นในไทย ของ บลจ.อเบอร์ดีน นั้น มีทั้งหมดด้วยกัน 3 กอง และเหมาะสมกับภาวะตลาดที่แตกต่างกันทั้ง 3 กอง นักลงทุนจึงไม่ควรมองแค่ผลตอบแทนย้อนหลัง หากแต่ต้องศึกษานโยบายการลงทุน และวิธีการบริหารกองทุน (เพราะขนาดกองทุนระดับโลกอย่าง Magellan ก็ผิดพลาดได้ ด้วยข้อเสียที่นักลงทุนไม่เคยมองว่าเป็นข้อเสีย)

กลับมาที่ บลจ.อเบอร์ดีนนะครับ ใครจะว่าผมเชียร์ ผมก็รับตรงๆว่าเชียร์ก็แล้วกันครับ
สำหรับ บลจ.อเบอร์ดีน นั้น วิธีการคัดเลือกหุ้น กลายเป็นมาตราฐานใหม่สำหรับผู้จัดการกองทุน Active Management ในแทบทวีปเอเชียไปแล้ว ด้วยการคัดเลือก Universe ให้น้อยลง ปัจจุบัน แต่ละกองทุน กลุ่มหลักทรัพย์ที่นำมาพิจารณาเข้าพอร์ต ไม่เกิน 35 ตัว ซึ่งข้อดีของ Universe น้อยๆ ก็ทำให้ ผู้จัดการกองทุนมีเวลาทำความรู้จักกับธุรกิจของบริษัทนั้นๆได้ละเอียด และรู้ข้อมูลในเชิงลึกมากกว่า โดยทางอเบอร์ดีน จะทำ Company Visit บริษัทที่สนใจ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากบริษัทนั้นๆไม่ได้ทำ Company Vist ถึงแม้จะดียังไง ทางกลุ่มก้ไม่ลงทุนเด็ดขาด เรียกว่ามีระเบียบวินัยในการลงทุนมากๆ

มาที่ตอนคัดเลือกหุ้น ทาง อเบอร์ดีน ก็จะมีประชุม tele conference ทุกๆวันจันทร์ เพื่อสรุปภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และคุยในประเด็นที่สำคัญๆ เป็นการใช้ประโยชน์ข้อมูลภาพกว้างของกลุ่ม ทำให้ผู้จัดการกองทุนมองเห็น trend ของตลาดทั่วโลกได้ดี และกว้างกว่า

ดังนั้น การปรับพอร์ต หรือจังหวะซื้อขาย สำหรับอเบอร์ดีนจึงเป็นเรื่องรอง หากธุรกิจและปัจจัยพื้นฐานของหุ้นยังไม่เปลี่ยน ทางอเบอร์ดีนก้ยังคงหนักแน่น และเข้าลงทุนเพิ่ม หากราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน นี่ก็เป็นที่มาที่ว่า ทำไมขึ้นปี 50 มา อเบอร์ดีนถึงผลการดำเนินงานแย่ลง เนื่องจาก กองทุนไม่ได้ปรับพอร์ตขายทำกำไรแต่อย่างใด แต่กลับเก้บหุ้นเพิ่มอีก

คนลงทุนในอเบอร์ดีน ส่วนใหญ่หวังผลตอบแทนในระยะยาวเกิน 1-2 ปีขึ้นไปครับ หากจะเปรียบเทียบกองทุนหุ้น ณ ตอนนี้ ก็ต้องยอมรับว่าอเบอร์ดีนแน่ลงมา แต่หากมองที่ 3-5 ปีย้อนหลัง ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ถึงความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานครับ

http://www.aberdeen-asset.co.th/aam.nsf/Thailand/Funds&PricesPerformance

------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ

จากคุณ : Mr.Messenger - [ 7 พ.ค. 50 01:10:42 ]