ความคิดเห็นที่ 1 AYFGCBF เป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่ใช่กองทุนหุ้นต่างประเทศ นะครับ อ่านหนังสือชี้ชวนให้ละเอียดก่อนการตัดสินใจครับ http://www.ayfunds.com/th/fundDetail.asp?code=AYF-GCBF จากคุณ : piyabute - [ 9 พ.ค. 50 10:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเป็น FIF ของ บลจ.อยุธยา ยังไม่มี FIF ที่ลงทุนในหุ้นสามัญนะครับ คำถามก็คือ ยึดติดกับ บลจ.อยุธยา หรือไม่? และอยากจะลงทุนใน FIF ที่ลงทุนในหุ้นหรือไม่? ถ้าไม่อยากย้ายข้าม บลจ. ก็แนะนำว่า ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะ FIF ของ บลจ.อยุธยา มีแค่ AYF-GCBF กองเดียว และไม่ได้ลงทุนในหุ้น แต่ถ้าแสวงหาที่ๆผลตอบแทนสูง รับความเสี่ยงได้พอสมควร  ก็ต้องเปลี่ยน บลจ. ครับ กองทุนที่มีผลการดำเนินงานย้อนหลังโดดเด่น มีอยู่ไม่เยอะครับ หาได้ง่ายๆ KGLOBE ของ บลจ.กสิกรไทย กองทุนนี้ลงทุนทั่วโลก ไม่เว้นตลาดอเมริกาที่คนกลัวๆ ถือเป็นกองทุนกระจายความเสี่ยงทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในตลาด ปัจจุบันกองทุน KGLOBE เป็น Fund of Funds ที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศมากกว่า 1 กองทุน ปัจจุบันลงทุนกับ IXIS ครับ ABAPAC กองนี้ของ บลจ.อเบอร์ดีน ลงทุนในทวีปเอเชียอย่างเดียว ไม่รวมณี่ปุ่น ปีที่แล้วเป็นปีที่หุ้นเอเชียร้อนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เนื่องจากตลาดจีนเป็นตัวผลักดันที่สำคัญ หากนับที่ PAR 10 บาทแล้ว ปัจจุบันใครลงทุนใน ABAPAC ตั้งแต่ IPO ได้ผลตอบแทนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30% ครับ เท่าที่ดูพอร์ตการลงทุนของคุณ Tiyaya ดูจะจงรักภักดีใน AYF อยู่ไม่น้อยทีเดียวนะครับ อันนี้ไม่ว่ากัน ถือว่าอ่านกองทุนอื่นๆขำๆก็แล้วกันครับ กลับมาที่ AYF-GCBF กองทุนนี้ไม่ได้ลงทุนในหุ้นสามัญ อย่าง 2 กองข้างต้นที่ผมแนะนำนะครับ แต่ลงทุนในตราสารหนี้แปลงสภาพ (convertible bond) โดยกองทุนหลักบริหารโดย JP Morgan ซึ่งเป็น Partner เก่าของ AYF นั้นเอง ความเสี่ยงของหุ้นกู้แปลงสภาพนั้น แน่นอนว่าต่ำกว่าหุ้นสามัญอยู่แล้วครับ ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ก็เลยไม่เร้าใจเท่ากับกอง FIF ที่ลงทุนในหุ้นจริงๆ เนื่องจากเป้นหุ้นกู้ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งโลก เพราะฉะนั้น นักลงทุนจึงคาดเดาได้ยากว่า ช่วงใด NAV จะวิ่งแรง หรือวิ่งช้า ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลง ของประเทศๆหนึ่ง อาจทำให้ตราสารหนี้อีกตัวซึ่งอยู่ประเทศอื่เปลี่ยนแปลงในทางผกผันกันไป เพราะฉะนั้นปัจจัยที่ทำให้ NAV กองนี้โต คือ การแปลงหุ้กู้เป็นตราสารทุน กับดอกเบี้ยรับที่สูงกว่าตราสารหนี้ธรรมดา ซึ่งการที่จะได้ Yield ที่สูงขึ้น ทาง JP Morgan ไปเล่นที่ความเสี่ยงด้าน Credit Risk และ Duration ทั้งคู่ครับ ปัจจุบัน กองทุนหลัก ลงทุนในตราสารหนี้แบบ none rated หรือ ไม่ได้รับการจัดอันดับ ถึง 22% ทีเดียว ใครเคยเจอกับตัวตอน AYFSMUL โดยเทเลมาติกซ์ เห้นอย่างนี้ ก็สะดุ้งเหมือนกันนะครับ อีกทั้งอายุเฉลี่ยของตราสารที่ลงทุน กว่าจะครบกำหนดก็ 9 ปี เพราะฉะนั้น ความผันผวนด้านอัตราดอกเบี้ย ก็เป็นปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่ง หากคิดจะกระจายความเสี่ยงกับกองทุนนี้ ต้องถือยาวพอสมควรเลยครับ ถึงจะได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ถามตัวเองนะครับ ว่าลงทุนได้นานหรือเปล่า หากลงุนกองนี้ไปซัก 3 เดือน แล้วขายทิ้งไปซื้อกองอื่น ก็เท่ากับเราเสียเวลาไป 3 เดือน แต่หากต้องการลงทุนในระยะยาว และความเสี่ยงต่ำกว่า ก็แนะนำว่า หาข้อมูลเพิ่มเติม และโทรถาม จนท. ของ บลจ.อยุธยาโดยตรงเลยครับ ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 9 พ.ค. 50 10:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณ คุณpiyabute กับคุณ messnger ที่เข้ามาแนะนำอย่างรวดเร็ว  ดิฉันก็ไม่ได้จงรักภักดีอะไรกับAYF มากหรอกค่ะ แต่ว่าเพิ่งมาลงทุนในกองทุนนะคะ แต่ก่อนฝากเงินธนาคารไว้ เฉย  เงินมันโตช้า พอมากระทู้นี้แล้ว หูตาสว่างขึ้นเยอะเลยค่ะ  พอเปิดบัญชีกองทุนกับAYF ที่แรก เห็นว่ามันสะดวก ซื้อขายonline ได้เลย ก็เลยใช้มันอยู่ที่เดียว  แต่ตอนนี้ก็กำลังพัฒนาไปอีกก้าวแล้วค่ะ  ก็กำลังหากองทุนจาก บลจ อื่นบ้าง และผลตอบแทนดี ในระยะยาว นะคะ (1 ปี-2 ปี) และก็มองๆ FIF ของ aberdeen อยู่ค่ะ รอฟังความคิดเห็นท่านอื่น หากมีเพิ่มเติมค่ะ จากคุณ : Tiyaya - [ 9 พ.ค. 50 11:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเองมองๆ FIF ของ aberdeen อยู่ครับ อเบอร์ดีน ยูโรเปี้ยน โกรท ฟันด์ (ABEG) กระทู้ข้างล่างก็พึ่งคุยกับเรื่อง FIF ลองอ่าน คห. คุณหมีพูหมูพีดูครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I5386026/I5386026.html จากคุณ : คนสวนพลู - [ 9 พ.ค. 50 12:47:22 ]