ความคิดเห็นที่ 1 มะได้เล่นหุ้นปั่นเป็นชีวิตแต่ก็มาช่วยตอบคับ 1.เวลาเล่นหุ้นปั่น ผมเล่นครั้งละ 100 หุ้นคับ ถ้าเป็นเงินก็ไม่เกิน 500 บาทคับ 2.ปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะทำกำไรซัก 100% ของพอร์ตคับ 3.ไม่ได้นึกถึงเวลาเท่าไหร่คับ เอาสนุกเข้าว่าคับ 4.ทำตลอดคับ 5.ทานข้าวให้อร่อยนะครับ ส่วนผมกินแล้วคับ ^^ จากคุณ : Bomb308 - [ 18 พ.ค. 50 12:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ท่านโนครับ ผมเลิกเล่นแล้วครับ หุ้นปั่น ... มันคิดขึ้นมาได้เอง ถ้าจะชักชวนให้คนเลิกเล่นหุ้นปั่น มันเหมือนชวนคนเลิกติดเหล้า ยังไงมันก็จะเล่น เห็นคนอื่นๆ ได้ๆๆๆๆ ออกมาขอบคุณ เฮ้ย เอามั่ง ทั้งๆที่คนบอกไม่เคยเอาใบซื้อขายมาให้ดู ... ออกมา วันนี้ได้ 2 แสน วันเสียเงียบ ตัวผมเสียมากกว่าได้ครับ ผมเข้ามาหมดแล้วหุ้นปั่นๆ Power, Picni, TT&T, KMC, Singha, เสียหมดครับ ... เสียทั้งเงิน ทั้งสุขภาพจิต ... มีอย่างที่ไหน ไปกินข้าวกลับมาเงินหาย โดนไป 10 ช่อง ... ไปประชุม ออกมาเงินหาย ไปห้องน้ำ ยังโดน นอนไม่หลับ นั่งซึม เหงา เหม่อ ... ทั้งๆที่เงินสำรองยังมีอยู่เดือดร้อน แต่มันเซ็งครับ เราอย่างเก่ง อยากเอาชนะ หรือ อยากเป็นมืออาชีพ .... กว่าจะได้ทุนคืน อาจจะอีก 10 ปี แต่วันนี้ ขอทำเงินทีเหลือ ให้งอกเงิน 100% ซะก่อน ก่อนที่จะทุ่มเงินลงมาใหม่ จากคุณ : KENG76 - [ 18 พ.ค. 50 13:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ลองดูหุ้น  ยอดนิยม  ที่ใครๆก็รู้จัก    อิอิอิอิ.... แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 13:19:52 จากคุณ : no_lagging - [ 18 พ.ค. 50 13:17:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 . [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : no_lagging - [ 18 พ.ค. 50 13:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 1 เล่นโดยกำหนดจำนวนเงินที่จะขาดทุนได้ 2 กำไรเท่าไรก็ได้...แต่ต้องไม่ขาดทุนจากราคาตลาด 3 ทำตามระบบ ทำตามขั้นตอนที่เตรียมไว้อย่างเคร่งครัด...ไม่ได้ดูเวลา 4 ทำบัญชีตลอด...รวมๆ แล้วขาดทุนค่าคอม-กำไรประสบการณ์และเวลาที่ทุ่มลงไป...คุ้มกับหนทางอนาคตข้างหน้า 5 ข้าวไช่ดาว (ที่บ้าน) ---> เมนูประจำ # 4 แม้แต่เจ้าของบริษัทยังไม่รู้อนาคตเลยครับ...แต่อาจเห็นอะไรที่เลือนลางข้างหน้า เขาเลยทุ่มที่จะพนัน บริษัทของตัวเขาเอง หุ้นปั่น -- คุณ จขกท นิยามไว้เช่นไรครับ                 คือว่าไม่แน่ใจว่าผมเล่นหุ้นจำพวกนี้ด้วยหรือเปล่าอะ ^.^ งุงิ แวะมาแซวฮับ จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 18 พ.ค. 50 13:31:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 6....ท่านคิดว่า  มีซักกี่คน  ที่เล่นหุ้นปั่น   ชนะหุ้นเป็นส่วนใหญ่   ไม่นับเจ้ามือ   แล้วคิดว่า   คนเก่งคนนั้น  คือท่านหรือเปล่า 7....ถ้าท่าน  คิดว่า  ท่านคือ  คนที่เล่น  หุ้นปั่นชนะซะส่วนใหญ่    บอกคุณสมบัติ   ของท่านให้เป็นวิทยาทาน   กับน้องๆที่กำลังจะเกิดเป็นสิงห์นักปั่น  หน่อยสิคับ    ....แต่ถ้าท่านคิดว่า  ท่านไม่สามารถ   ทุกวันนี้ก็เล่นตามโพย  ชาวบ้านไปวันๆ   กลับไปอ่านข้างบนอีกครั้ง 8...ก่อนจะเล่นหุ้นปั่น   เอาแค่หุ้นปั่นะคับ...ท่านคิดว่า  จะเอากำไรกี่ _%   มีเป้าหมายเท่าไหร่   หรือมีทางเผ่น   ยังไง  ถ้าเกิดพลิกหุ้นวิ่งสวนทางกับท่าน 9...ข้อนี้   อาจจะถามแรงไปซะหน่อย   .....แต่ผมสงสัยมานาน   ถามจริงๆเหอะ....เล่นหุ้นปั่นแค่หลักพันบาท   เล่นไปทำไมคับ   สมมตเล่น _THL  3 พันหุ้น  ทั้งหมดก็ประมาณ 7 พันบาท  ....กำไรขาดทุนไม่เกิน 500-1000 บาทต่อครั้ง   หาอย่างอื่นทำไม่ดีกว่าเหรอคับ.....เวลาที่เสียไป  กับความมันส์  ความสะใจ  และความเครียด   ปสด   ....มันคุ้มกันเหรอ จากคุณ : no_lagging - [ 18 พ.ค. 50 13:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 7 55555  คงเหมือนเพิ่มสีสันให้ชีวิต ไม่งั้น เดี่ยวจะไม่มีกำลังใจมานั่งเช็คราคา จากคุณ : pantippp - [ 18 พ.ค. 50 13:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 6 ไม่คิด 7 ไม่เล่นตามโพย 8 ช่องเดียวก็แย่แย้ว 555+ 9 น่านอะจิ...เดาๆ ว่าคงยังไม่ได้มาวางแผนทางด้านการเงินอะ ( MM ) ------> หรือไม่ก็ลืม 0 ไปอีกสัก 2-5 ตัว ^.^ คือว่าเวลาโพสแล้วขี้เกียจพิมพ์ศูนย์ต่อท้ายเยอะๆ อะ ... ขำขำ ...หักค่าใช้จ่ายแล้ว ขอค่าแรงขั้นต่ำก็พอครับ แฮะๆ...มะซีเรียสฮะ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 14:00:57 จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน - [ 18 พ.ค. 50 13:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ใช่นักเล่นหุ้นปั่นครับ  แต่อยากตอบน่ะครับ 1.ข้าม ไม่มีประสบการณ์ 2.ตั้งเอาไว้ 30 % เมื่อเทียบกับมูลค่าพอร์ตของปีก่อน  หรือพูดอีกอย่าง  ต้องการผลตอบแทนแบบทบต้นปีละ 30 % ครับ 3.รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็ว  แต่ไม่เกี่ยวกับการเล่นหุ้นปั่นนะครับ 4.ทำครับ โดยใช้โปรแกรม Quicken  ได้สูงสุดประมาณ 6 เด้ง  แต่ถืออยู่ประมาณ 4 ปีกว่า 5..... 6.ไม่ทราบครับ  ส่วนผมไม่ใช่คนเก่ง  แต่เป็นคนอดทนครับ 7 - 8 ไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไรดีครับ  ข้ามล่ะกันครับ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 14:21:32 จากคุณ : GS Mobile - [ 18 พ.ค. 50 14:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ... ยี้ .... หุ้น ป่าน แบ่ร แบ่ร จากคุณ : ปลิงไทยก้าวไกลไประดับโลก - [ 18 พ.ค. 50 14:32:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 บอกแล้วจะหาว่าคุย เงินต้น แสนห้าหมื่น ทำกำไรได้ 8 แสนไม่รวมทุน ในเวลา ไม่ถึง 1 ปี คิดเป็นกี่ % ไม่รู้ (ไม่ใช่เราทำนะ คนอื่นทำแต่ใช้ port ของเราเล่น ก็เลยรู้หมดว่า กำไรเท่าไร  แต่ตอนนี้ เราไม่ให้เล่นแล้ว) จากคุณ : Kpetcharat - [ 18 พ.ค. 50 14:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 1. เล่นประมาณ 10% ของ Port ครับ 2. ไม่ตั้ง เอามันส์ครับ 3. เวลาผ่านไปเร็วครับ งานเงินไม่ได้ทำเลยครับ 4. เคยครับ ได้เยอะ ก็เสียเยอะครับ 6. หาได้ยากครับ ต้องเซียนจริง ซึ่งไม่ใช่ผมแน่นอน 7. อย่าปั่นครับ เด๋วเมื่อยขา ถ้าไม่แน่จริงก็เหมือนเล่นพนันครับ เน้นยั่งยืนดีกว่ารวยแบบล้มง่ายเสี่ยงเกินไปครับ (ความคิดเห็นส่วนตัว) 8. ไม่ถือเกิน 2-3 วันครับ ส่วนใหญ่ก็ไปแจมตอน Volume เข้าแรงๆ กิน 3-4 ช่องแล้วเผ่น 9. ข้อนี้ผมเล่นเยอะกว่านั้นน่ะครับ ไม่รู้จะตอบไง แต่มันส์มาก จากคุณ : ข่าววงนอก - [ 18 พ.ค. 50 14:34:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ...หักค่าใช้จ่ายแล้ว ขอค่าแรงขั้นต่ำก็พอครับ แฮะๆ...มะซีเรียสฮะ จากคุณ : นกเพนกวินอ้วน กร๊ากกกกกกกกกกกกก พี่ GS Mobile   พี่ถือ 4 ปี 6 เด้ง....สงสัยถือต่ออีก 2 ปีจะเป็น 16 เด้งอ่ะเป่าหว่า จากคุณ : no_lagging - [ 18 พ.ค. 50 14:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าถือต่ออีก 2 ปีได้เป็น 16 เด้ง  อย่างนี้ผมคงต้องเสียดายอย่างแรงเลยครับ นับจากที่ขายหุ้นตัวนี้ออกไป  ปัจจุบันราคามันยังไม่กลับมาเท่าเดิมเลยครับ จากคุณ : GS Mobile - [ 18 พ.ค. 50 14:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ no_lagging ครับ THL เนี่ยหุ้นปั่นจริงๆเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าหุ้นพื้นฐานซะอีก เห็นในสินธรซื้อเก็บกันจังเลย ตัวนี้ผมเข้าซื้อขายตาม modify sto. ครับ สามวันแรกใช้กราฟ 10-30 นาทีจับ ส่วนวันหลังๆ ใช้กราฟชั่วโมงแทน (volumn 30 นาที ข้อมูลไม่พอ เริ่มเป็น fault signal) ตัดขึ้นขาย ตัดลงซื้อ ภาพรวมถือว่า ok ยังไม่โดนกราฟหลอก คุณ KENG76 ครับ ตัวที่บอกมาตอนนี้ไม่คิดว่าเป็นหุ้นปั่นแล้วนะ เพราะมันปั่นไม่ขึ้นแล้ว คนติดกันเป็นเบือแบบนี้ปั่นยังไงก็ขึ้นไม่ไหว ไปได้ไม่กี่ช่องก็ถอยหลังแล้ว ส่วนผมเข้าไปเล่นหุ้นปั่นเฉพาะที่มีเวลาจริงๆ ใช้ย่อเวลาเอาจากกราฟครับ บางที 5 นาที, 10 นาที หรือ ครึ่งชั่วโมง = 1 วัน บ้าง  เพื่อฝึกวิชาเทคนิค เพราะหุ้นพวกนี้สามารถย่อเวลา จาก 1 เดือน เหลือแค่วันเดียว กราฟแท่งเทียนใน 5 นาที ของหุ้นปั่น ยังเหวี่ยงมากกว่าหุ้นปกติตัวอื่นๆ ใน 1 วัน  ทำกำไรดีพอควร แต่ต้องเปิดคอมพร้อมกัน 2 จอ ส่วนหุ้นที่เล่นส่วนใหญ่ตามเทคนิคบ้าง เกร็งข่าวบ้าง เล่นไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เล่นหุ้นทั้งคนไทยปั่น ฝรั่งปั่น กองทุนปั่น อย่าง ASL, STEC, ASP, TOP, PTT แบงค์ใหญ่บ้าง JAS, TT&T, THL, EVER ก็เล่น หรือตามๆ คุณ TER2000 บ้าง เล่นระยะสั้นปานกลางเข้าแล้วเห็นผลใน 3-10 วัน ได้มากได้น้อยบ้าง ผิดบ้าง แต่ภาพรวมถือว่าได้ซัก 5-10% จาก PORT ต่อเดือนครับ ทั้งขาขึ้นขาลง แต่ช่วงนี้กลับรู้สึกว่าทำได้ไม่ดี เพราะหุ้นขึ้นมาแบบฝืนๆความรู้สึกตัวเองยังไงไม่รู้ คือรู้สึกว่าข้างนอกแย่ แต่ตลาดหุ้นทำไมมันขึ้นดีแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 18:10:46 แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 15:22:29 จากคุณ : pichatey - [ 18 พ.ค. 50 15:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หุ้นปั่น ต้องเล่น 2จอค่ะ พึ่งรู้ ดีแล้วที่เราไม่เล่นหุ้นปั่น เดี๋ยวตาลายกันพอดี จากคุณ : หนูปุ๊ก - [ 18 พ.ค. 50 18:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เหอะๆ ข้างบนตอบไม่ครบ หุ้นปั่นที่ได้กะตังแยะสุดคือ ROJANA ถือก่อนแตกพาร์ที่ 56 บาท 20000 หุ้น ซื้อตอนมีข่าวแตกพาร์แจก warrant ซื้อๆขายๆได้ 3 เดือนมันไปร่วม 10 กว่าบาท เราไม่ได้เอา warrant เลยขายออกไปก่อน  กำไรมา 2 ล้าน กลับมาเล่นอีกที ที่แถวๆ 6 บาท ปี 2004 กลับมาขายปี 2005 คราวนี้ขายหมูไปแถวๆ 12 บาท สุดท้ายได้กำไรตัวนี้ 3 ล้านก่าๆ จากลงทุนแค่ล้านนิดๆ ประทับใจหุ้นปั่นตัวนี้สุด ๆ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาที่ 6 บาทให้ซื้ออีกทีนึง นานแค่ไหนก็จะรอ ตอนนั้นยังไม่ได้เรียนเทคนิคัล เลยซื้อขายบ่อยๆ ไม่ค่อยเป็น แต่ตอนนี้เริ่มเพี้ยนไปหมดแล้ว ตั้งแต่พอเริ่มดูเทคนิคได้บ้าง ถือไม่ทันไรก็เห็นแต่สัญญาณซื้อ สัญญาณขาย ก็เลยซื้อๆขายๆไปเรื่อย แต่ยังมีแรงที่สนุกกับมันอยู่ครับ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 23:07:00 จากคุณ : pichatey - [ 18 พ.ค. 50 22:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รบกวนถามคุณ pichatey ครับ เจ้ากราฟ 10 30 หรือ 1 ชม. เนี่ยใช้ software อะไร เอาข้อมูลแบบ streaming ที่ไหนครับ ผมสงสัยมานานแล้ว ผมเทรดกับ poems ก็มี metastock ให้ดู แต่ก็ไม่เห็นมันจะมีอะไรแบบที่คุณ pitchatey บอกเลย ยิ่งกราฟแท่งเทียนที่เป็นรายนาทีนี่.... ยิ่งอยากได้ใหญ่เพราะจะทำให้ดูอะไรได้เยอะขึ้น.... ทุกวันนี้เทรดแบบใช้อารมร์ของหุ้นเป็นส่วนใหญ่ จะซื้อหรือขายตอนที่หุ้นมันกำลังวิ่งแรงๆ จากคุณ : choc - [ 19 พ.ค. 50 01:33:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมใช้ efinancethai.com ครับ ไม่ทราบ คุณ choc ใช้ broker ไหน ลองสอบถามผ่าน broker หรือ โทรติดต่อตรงทาง efinance ก็ได้ จากคุณ : pichatey - [ 19 พ.ค. 50 07:47:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 หวัดดีครับคุณ no_lagging ผม ไม่มีความเห็นแต่อยากให้อ่านอันนี้ เกลียดตัว กินไข่ เกลียดปลาไหล กินน้ำแกง พี่คนนึงเข้ามาคุยด้วย “ช่วงนี้จะซื้อหุ้นอะไรดี” พอตอบกลับไป พี่เขาก็บ่นว่าไม่รู้จัก ผมก็แนะนำใหม่ เลือกตัวที่คิดว่าพี่เขารู้จักแน่ๆไปให้ พี่เขาก็ยังไม่ชอบใจอีก “นี่มันหุ้นเก็งกำไรนี่ ไม่เอาอ่ะ อยากจะได้หุ้นพื้นฐานดีๆ ไว้ถือลงทุนอย่างสบายใจ” ผมก็แนะนำใหม่ คราวนี้พื้นฐานเยี่ยม บรรษัทภิบาลยอด พีอีต่ำ พีวีต่ำ ปันผลสูง EBITDA งาม Cash Flow from Operation เพียบ อยู่ใน industry ที่กำลังจะขยายตัว และราคาก็ลงมาในระดับ undervalued แล้ว หลังจากพี่คนนั้นซื้อหุ้นตามคำแนะนำของผมไปได้ 2 วัน ก็โทรมาบ่น “หุ้นที่เธอแนะมา ไม่เห็นมันไปไหนเลย สู้ตัวนั้นก็ไม่ได้ ซิลลิ่งแล้ว” แป่ววววว! เกลียดหุ้นเก็งกำไร แต่อยากได้กำไรจากหุ้นไวๆ????? การเลือกหุ้นโดย Fundamental Analysis มันก็คือ การเก็งกำไรเหมือนกันล่ะครับ เพียงแต่มันเป็นการเก็งกำไรจากการเก็งมูลค่ากิจการโดยนักวิเคราะห์ หรือจะเรียกให้ดูดีก็บอกว่า security valuation ในขณะที่การเล่นหุ้นเก็งกำไรเป็นการเก็งกำไรจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าหุ้นตัวนั้นๆโดยนักเล่นหุ้นในตลาด ณ ขณะนั้น หรือที่นักวิเคราะห์เรียกให้ดูแย่หน่อยว่า หุ้นปั่น แต่จะวิเคราะห์แบบไหน ก็เก็งกำไรทั้งนั้นแหละ ไม่งั้น จะกำหนด fair value หรือ target price กันทำไม เพราะการกำหนดเช่นนั้น ก็คือการเก็งแหละว่าถ้าคุณซื้อที่ราคานี้ คุณน่าจะขายได้ที่ราคานั้น เราไม่ได้สนับสนุนหุ้นปั่นนะครับ แต่ต่างชาติหรือกองทุน หรือ เราๆท่านๆ ซื้อหุ้นก็หวังกำไรกันทั้งนั้น แต่ทำไม เวลามีข่าวว่า หุ้น small cap. จะได้ นาย กขค. มาร่วมทุน ก็บอกว่า ยี้ เจ้ามือจะเข้ามาปั่นหุ้น แต่พอ big cap. จะได้ มิสซะเตอร์ โรเบิร์ต มาร่วมทุน กลับบอกว่า ว้าว Joint Venture! .. เวลามี หุ้น small cap. วิ่ง ก็บอกว่า ยี้ หุ้นเก็งกำไร แต่พอ big cap. วิ่งวันละ 5% หรือ 8% กลับบอกว่า มันเติบโตตามปัจจัยพื้นฐาน??? แล้วอาการวิ่งขึ้นพรวดๆ ซึ่งเกิดจากการใช้เงินกวาดซื้ออย่างรวดเร็วและรุนแรงภายในวันเดียวของหุ้น big cap. ไม่เรียกว่าปั่นหรือครับ ไม่เรียกว่าเก็งกำไรหรือครับ Fundamental Analysis ก็มีรากฐานแก่นแท้มาจากการเก็งกำไรเหมือนกัน เพียงแต่เรียกให้ดูดีในคำที่แตกต่างกันไป เช่น เรา Estimate ว่า, เรา Forecast ว่า, เรา project ว่า, เรา think ว่า, เรา evaluate ว่า, เรา calculate ว่า, เรา appraise ว่า, เรา compute ว่า จริงๆแล้ว ก็คือ เรา guess ว่า นั่นเอง เพราะโลกของความเป็นจริง ใครจะมาทำนายทายได้อย่างแม่นยำล่วงหน้าเป็นปีๆ เห็นบางทีให้ target 12 เดือน เท่านั้นเท่านี้ พอหุ้นร่วงลงมา “เรายังคงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมาย xxx บาท” พอหุ้นร่วงลงอีก “เรายังคงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมาย xxx บาท” พอหุ้นร่วงลงสุดๆ “อ้อ โทษที เราปรับประมาณการรายได้ลงมาแล้ว เราแนะนำขาย ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ xxx บาท” แป่ววววววว! อยู่กับปัจจุบัน ดีที่สุดครับ เงินเรามีเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณเงินทั้งตลาด เซียนหุ้นตัวจริงถึงกล่าวอยู่เสมอว่า “ว่าไปตามภาวะตลาด” “น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง” และถ้าท่านเล่นหุ้นเพื่อหวังกำไรแล้ว อย่าไปยึดติด ว่าตัวไหนพื้นฐาน ตัวไหนเก็งกำไร เพราะถ้านักวิเคราะห์แนะนำหุ้นพื้นฐานแล้ว ราคามันลงไปเรื่อยๆ ลงไปนานๆ เดี๋ยวเขาก็จะปรับให้หุ้นพื้นฐานดี เป็นแค่ หุ้นเก็งกำไร ขณะเดียวกัน หากหุ้นเก็งกำไรตัวไหน ราคามันขึ้นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนักวิเคราะห์ก็จะ แนะนำซื้อ พร้อม upgrade หุ้นเก็งกำไรให้เป็นหุ้นพื้นฐานดีเองแหละครับ copy อีกทีครับเผื่อเป้นประโยชน์และได้ข้อคิด จากคุณ : ห้าแยก - [ 19 พ.ค. 50 10:30:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาเห็นด้วยกับคุณห้าแยก ถ้าเราดูกราฟไม่เป็น เทคนิคไม่เก่ง ซื้อ ADVANC CP7-11 TTA PHATRA PTTEP อยู่ดีๆ หุ้นพวกนี้ก็โดนปั่นได้ แต่ไม่รู้พี่หรั่งจะเลือกตัวไหนมาปั่นก่อน ปั่นหลัง หุ้นพวกนี้ต้องอดทนถือนานมากๆ ถ้าเทียบกับตัวเล็ก ทีแรกก็ปั้นกลุ่มสื่อสาร แล้วก็ไปปั่นพลังงาน แต่ปั่นไปปั่นมา ลืมกลุ่มแบงก์เลยอ่ะ แต่ถ้าหุ้นตัวเล็ก ก็พวกรายใหญ่ ในประเทศปั่นกันเอง แบบนี้จะเร็วทันใจ พวกขาโจ๋ชอบมาก จากคุณ : หนูปุ๊ก - [ 19 พ.ค. 50 17:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 Fundamental analysis ถูกคิดขึ้นมาเพื่อใช้ประเมินมูลค่าของบริษัท  ทั้งนี้ก็เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าควรเข้าซื้อหุ้นตัวหนึ่งๆ ในราคา ณ ขณะนั้นหรือไม่ ? การมองภาพลักษณะนี้เป็นการมองเหมือนกับการซื้อทั้งกิจการ การมองว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน  อยู่บนฐานความคิดเก็งกำไร  ผมว่าขึ้นอยู่กับมุมมองของคนที่ใช้มากกว่า   อย่างที่คุณกล่าวมา  นั่นเป็นการเก็งกำไรบนปัจจัยพื้นฐาน  ซึ่งไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานมาจากแก่นแท้ของการเก็งกำไร Fair value เป็นการมองในปัจจุบัน  ส่วน Target price เป็นเรื่องของอนาคต  ถามว่าอย่างนี้ก็เป็นการหวังกำไรจากส่วนต่างระหว่างราคาหุ้น ณ ตอนเข้าซื้อ  กับ Fair price หรือ Target price หรือเปล่า ?   อย่างที่บอกว่ามันถูกมองจากใคร  หากเป็นนักเก็งกำไร  ก็เป็นการเก็งกำไรบนปัจจัยพื้นฐานของกิจการ  หรือเล่นตามข่าว  ลองไปถามคนกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเล่นตามปัจจัยพื้นฐาน  นอกจากอ่านบทวิเคราะห์ของโบรกฯ แล้ว  เคยหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทในด้านอื่นๆ  แล้วนำมาวิเคราะห์ปัจจัยเชิงคุณภาพหรือไม่ ?  และเคยเอางบการเงินมาวิเคราะห์หรือไม่ ?  แต่หากเป็นนักลงทุนทางปัจจัยพื้นฐาน  มูลค่าที่เหมาะสม  หรือราคาเป้าหมายจากโบรกนั้น  ไม่ใช่เกณฑ์หลักในการตัดสินใจว่าควรซื้อหรือไม่ ? เขาต้องประเมินความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนกับความเสี่ยงก่อนการลงทุนในหุ้นตัวหนึ่งๆ   ไม่ใช่มองราคาตลาดเทียบกับ Fair price  หรือ Target price การลงทุนต้องการผลตอบแทน  การหวังผลตอบแทนเป็นการเก็งกำไร ?  ไม่ว่าจะลงทุนทางตรง  หรือลงทุนทางอ้อมต่างก็หวังผลตอบแทนกันทั้งนั้น   ขนาดฝากเงินยังได้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยเลยครับ  แล้วยิ่งเอาเงินมาลงทุนในหุ้น  ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า  จะหวังให้เสมอตัวหรืออย่างไรครับ ?  การหวังผลตอบแทนจากการลงทุน  ไม่ใช่การเก็งว่าเมื่อเข้าซื้อแล้ว  จะต้องได้เท่านั้นเท่านี้ ผมมองการลงทุนเป็นเรื่องของโอกาส (ในผลตอบแทน)  ซึ่งถูกสร้างจากอารมณ์ของผู้คนในตลาด  การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร  และเครื่องมือในการวิเคราะห์  มันไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นในตลาดสะท้อนความเป็นจริงตลอดเวลา  แต่มันถูกบิดเบือนได้ทุกเวลา  โดยบางทีอาจจะมากไป  หรือน้อยไป  ตรงนี้หมายความว่าความมีประสิทธิภาพแบบสมบูรณ์แบบของตลาดไม่มีอยู่จริง ส่วนเรื่องการปรับคำแนะนำของนักวิเคราะห์  นั้นผมมองว่าไม่ถือเป็นสาระสำคัญ  บทวิเคราะห์ที่ทำออกมา  กลุ่มเป้าหมายที่เขาต้องการให้อ่าน  และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ  คือกลุ่มคนที่ไม่ใช่นักลงทุนทางปัจจัยพื้นฐานโดยแท้  แต่เป็นกลุ่มพวกเก็งกำไรบนพื้นฐาน  หรือเล่นตามข่าว  และผู้ไม่มีความรู้  และความเข้าใจถึงหลักการลงทุนดีพอต่างหากครับ  ดังนั้นควรแยกแยะให้ออกด้วยว่ากลุ่มนี้เป็นพวกเล่นตามพื้นฐาน  ไม่ใช่การลงทุนเชิงปัจจัยพื้นฐาน แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 50 15:32:15 จากคุณ : GS Mobile - [ 20 พ.ค. 50 15:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ครับคุณ gs mobile ทุก ๆ ตลาดในโลกนี้...ไม่มีหุ้นที่ดีจริง ๆ ตลอดไปหรอกครับ หุ้นตัวนั้น ๆ ดีเป็นช่วง ๆ ดีเป็นพัก ๆ เท่านั้น เราอย่าไปยึดติดให้มาก...ทำกำไรได้ก็ทำกำไร.. "เรามาเล่นหุ้นเอาตังค์นะครับ ตังค์คือเป้าหมายการเล่นหุ้น...ตัวหุ้นเป็นเพียงเกมส์การเล่นเท่านั้นเอง... "  หุ้นจะขึ้นหรือลงเกิดจากแรงซื้อและแรงขาย การตัดสินใจสร้างแรงซื้อและขายเกิดจากกลุ่มคน 3 กลุ่ม คือ ฝรั่ง กองทุน และรายใหญ่+รายย่อย แต่ละกลุ่มก็มีเกมส์และมุมมองที่สวนทางกันเสมอ ๆ ดัชนีจึงผันผวนได้บ่อย ๆ  รายใหญ่หรือเจ้ามือต่าง ๆ เขาปั่นหุ้นเพื่อขาย หรือทุบหุ้นเพื่อเก็บของ...เขาก็มีเจตนาเดียวกันกับรายย่อยคือ มาเล่นหุ้นเพื่อกินตังค์จากคนอื่น ๆ ... (รายย่อยก็มาเล่นหุ้นเพื่อที่จะชนะได้ตังค์เหมือน ๆ กัน _ แต่รายย่อยปั่นหุ้นไม่ได้) รายใหญ่หลาย ๆ ราย ร่วมมือกันกับโบรกฯ สร้างรีเสิร์ทเองได้เป็นเรื่องเป็นราวเลย ผู้มีอำนาจออกข่าวร้าย (หลอกลวง_ปัจจัยพื้นฐานหุ้นยังเหมือนเดิม) เพื่อทุบหุ้นเก็บของ และไม่นานต่อมาก็ออกข่าวดีต่าง ๆ นานา เพื่อล่อให้นักลงทุนกลับเข้ามาในตลาดหุ้น มาซื้อหุ้นที่เขาเคยเก็บไว้ตอนออกข่าวร้าย พวกเขาก็ขนหุ้นเหล่านั้นกันออกมาขาย กองทุน อยากได้หุ้นตัวไหนอย่างไร ก็ออกรีเสิร์ทเน่า ๆ ออกมาและก็กดหุ้น(ขวางอ็อฟเฟอร์) ทุบไล่ลงมาเรื่อย ๆ รายย่อยก็ตกใจขายหุ้นที่ตัวเองถืออยู่ในตัวนั้น ๆ ออกมาด้วย เมื่อเก็บหุ้นได้จนพอแล้ว ก็เปลี่ยนแปลงบทวิเคราะห์เปลี่ยนเป้าหมาย ไล่ราคาหุ้นด้วยวอลลุ่มและยกโชว์ไม้ใหญ่ ๆ ... (เหตุการณ์หลังจากนี้ คงไม่ต้องอธิบาย) ฝรั่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม พวกเล่นสั้น (หัวดำ_เอเซีย) หลาย ๆ ครั้งก็เก็งกำไร 20-30-50-70 จุด และพวกยุโรป (กองทุนหัวแดง) พวกนี้เล่นยาว ระดับเป็น 100 จุดขึ้นไป (นาน ๆ จะมาลงทุนในไทยอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักครั้งหนึ่ง)  สรุปว่า....ในวงการหุ้น ทุก ๆ ฝ่ายจะพยายามอย่างยิ่งยวดทำทุก ๆ วิธีทางที่จะทำได้ (ไม่เกี่ยงว่าดีเลวอย่างไร) เพื่อที่จะได้มาซึ่งตัวเลขที่ใคร ๆ ก็ถวิลหากันทุก ๆ คนและเรียกมันว่า "กำไร"..  ในแต่ละวัน แต่เดือน แต่ละปี.. รายใหญ่เจ้ามือต่าง ๆ นักการเมือง กองทุนและฝรั่งจากค่ายต่าง ๆ จะคิดกลวิธีทั้งจากภายนอก (การสร้างข่าว การออกรีเสิร์ท ฯลฯ) และจากการสร้างราคาจากตัวหุ้นเอง (ทำกราฟ ทั้งดันและทุบราคาหุ้น) เพื่อมาหลอกกินตังค์รายย่อย..กลวิธีการทุบ_บิดดัน_ออกของ_เก็บของ_หลอกเอา หุ้น_หลอกขายหุ้น...อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ..รายย่อยจะตามไม่ทันเลย กลยุทธ์และวิธีการที่ไม่ยุ่งยากและซับซ้อนเลย คือ อย่าโลภ ตลาดเข้าสู่สภาวะ Oversold มาก ๆ ก็เข้าทยอยซื้อ.. ตลาดเริ่มดีขึ้น ก็เอาออกมาขาย.. "กำไร" เก็บเข้ากระเป๋า.. ตลาดหุ้นเมืองไทยมีการเล่นรอบแบบนี้เป็นร้อย ๆ ครั้ง ใน 1 ปี ..(ไม่ว่าตลาดหุ้นจะเป็นขาขึ้นหรือไซด์เวย์หรือตลาดหุ้นเป็นขาลง_สูตรนี้ใช้ได้ทั้งนั้น) รายใหญ่เจ้ามือต่าง ๆ นักการเมือง กองทุนหรือฝรั่ง ต่างคนก็ต่างมีกลวิธีในการเอาชนะ ในตลาดหุ้น เรารายย่อยก็ต้องหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง ที่สำคัญคือ "อย่าโลภ" อย่างเด็ดขาด เพราะความโลภจะทำให้พวกคุณหูตามืดบอดและวิธีการที่กลุ่มอื่น ๆ สามารถหลอกหรือเอาชนะรายย่อยได้เสมอ ๆ คือ ... ใช้ความโลภของรายย่อยเป็นตัวฆ่ารายย่อยเอง จากคุณ : ห้าแยก - [ 20 พ.ค. 50 16:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ทุก ๆ ตลาดในโลกนี้...ไม่มีหุ้นที่ดีจริง ๆ ตลอดไปหรอกครับ หุ้นตัวนั้น ๆ ดีเป็นช่วง ๆ ดีเป็นพัก ๆ เท่านั้น เราอย่าไปยึดติดให้มาก...ทำกำไรได้ก็ทำกำไร.. ครับเข้าใจแล้วครับ  ผมนึกว่าคุยกับคนที่เข้าใจการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ? นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน  ต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมภายนอก และภายใน  ซึ่งมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางปัจจัยพื้นฐานของบริษัทหนึ่งๆ อยู่แล้วครับ   นั่นแหละคือสิ่งที่คุณได้กล่าวเอาไว้ข้างบน   ขอจบสั้นๆ แบบนี้แหละครับ  และคงไม่เข้ามาตอบอีก  เนื่องจากกำลังปวดหลังครับ จากคุณ : GS Mobile - [ 20 พ.ค. 50 18:29:22 ]