ความคิดเห็นที่ 12
..
แนะนำให้อ่าน "พ่อรวยสอนลูก"
คุณจะรู้จักคำว่า "สินทรัพย์ กับ ทรัพย์สิน" และคำว่า "สินทรัพย์ กับ หนี้สิน"
สิ่งที่คุณมีอยู่ตอนนี้ เป็นทั้ง สินทรัพย์ และ ทรัพย์สิน (ซึ่งปู่ย่าตายายได้สร้างไว้ให้แล้ว)
คร่าวๆ
- ทรัพย์สิน คือ อะไรสักอย่างที่คุณมีอยู่ (อาจเป็นตัวดึงเงินออกจากกระเป๋าคุณ หรือ หาเงินเข้ากระเป๋าคุณก็ได้)
- สินทรัพย์ คือ อะไรสักอย่าง ที่มีไว้แล้ว มันดึงเงินเข้ากระเป๋าคุณตลอดเวลา - หนี้สิน คือ อะไรสักอย่าง ที่มีไว้แล้ว มันดึงเงินออกจากกระเป๋าคุณตลอดเวลา
สินทรัพย์ที่คุณมี
ถ้าเลือกวิธีที่ 1 : หลังจากที่ได้เงินก้อนมาแล้ว คุณจะมีรายได้ต่อเนื่อง เดือนละ 100,000 บาท แต่คุณก็ไม่สามารถขายที่ตรงนั้น ไม่สามารถเอาไปให้เช่าในราคาที่สูงกว่านั้นได้อีก แต่มีข้อดีคือ ถึงอย่างไร มันก็จะตกเป็นมรดกให้ลูกหลานคุณต่อไป (เหมือนอย่างที่คุณกำลังได้อยู่ตอนนี้)
ถ้าเลือกวิธีที่ 2 : คุณไม่ได้เงินก้อน คุณมีรายได้ต่อเนื่อง เดือนละ 400,000 เป็นเวลา 7 ปี (หลังจากปีที่ 7 คุณอาจให้เช่าได้ราคาสูงกว่า หรือ น้อยกว่านี้ก็ได้ หรือ คุณอาจจะขายได้ราคาสูงกว่า 110 ล้าน) ข้อดีคือ ช่วง 7 ปีนี้ คุณจะได้เงินจำนวนประมาณ 33.6 ล้าน และมีที่ดินไว้ให้เช่าต่อ หรือ ขายก็ได้ ข้อเสียคือ หากคุณขายไปในช่วงหลัง 7 ปีนั้น คุณจะได้เงินก้อนเข้ามาจำนวนมาก แต่สินทรัพย์คุณจะหายไป หากคุณไม่สามารถนำไปซื้อ สินทรัพย์อันใหม่ ที่ให้ผลตอบแทน เท่ากับสินทรัพย์อันนี้ ลูกหลานคุณก็จะเสียประโยชน์ไป
ถ้าเป็นผม ผมเลือกวิธีที่ 1 เหตุผลก็คือ 1. ผมจะยังเหลือที่ดินตรงนั้นไว้ให้ลูกหลาน เมื่อผมตายไป 2. ผมได้เงินก้อน 40 ล้าน เพื่อเอามาฝึกฝนให้รู้จักเรื่องการลงทุน 3. ถึงเงิน 40 ล้านหมดไปจากการลงทุน ผมก็ยังจะมีรายได้อย่างน้อยเดือนละ 100,000 บาท ตลอดไป (คุณต้องทำสัญญาให้รัดกุม กรณีผู้เช่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า จะทำอย่างไร)
เงิน 40 ล้าน ผมจะเอาไปทำอะไร การลงทุนนั้นมีวิธีการมากมาย ขึ้นอยู่กับว่า คุณ (รู้ดี) กับธุรกิจที่คุณทำแค่ไหน สำหรับผม ผมจะเอามา (ซื้อหุ้น เพื่อ สะสม ให้เป็นสินทรัพย์ตัวใหม่) ผมจะเลือกดูหุ้นที่(น่าจะ)มีผลประกอบการที่ดี มีเงินปันผลทุกปี
ไม่ใช่เอาเงินไป (เล่นหุ้น) นะครับ เป็นการเอาเงินไป (ลงทุน ซื้อหุ้น สะสมหุ้น)
และไม่ใช่การเอาเงินไปซื้อหุ้นตูมเดียว 40 ล้าน ให้คุณทยอยซื้อหุ้นเรื่อยๆ เพราะเงิน 40 ล้าน แม้จะอยู่กับธนาคาร หรือ โบรกเกอร์ คุณก็ยังได้ดอกเบี้ยทุกวัน
ลงทุนในธุรกิจอื่นๆ นั้น คุณต้องดูแลกิจการด้วยตัวเองทั้งหมด ลงทุนในหุ้น คุณเพียงแค่ใช้เวลาในการเลือกเฟ้นหุ้นที่ดี ส่วนที่เหลือ มีคนบริหารให้คุณ และสิ่งหนึ่งที่คุณจะทำควบคู่ไปด้วย คือ การดูแลพอร์ต (ทรัพย์สิน) ที่คุณมี
แต่ไม่ว่าการลงทุนอะไรก็แล้วแต่ มันมีความเสี่ยงตามมาเสมอ มากน้อยต่างกันไป คุณจะได้เรียนรู้ว่าจะวางตัว วางใจ กับเงินที่คุณมีอยู่อย่างไร คุณถึงจะไม่ทุกข์ เมื่อ เสียมันไปหมด คุณถึงจะไม่ตื่นเต้นดีใจ เมื่อ ได้มันมา
แต่ถ้าคุณไม่ได้เรียนรู้ตรงนี้ มีเงินมากน้อย ก็ไม่ได้มีสาระสำคัญกับชีวิตครับ
..
จากคุณ :
ไม่เป็นดั่งใจ
- [
19 พ.ค. 50 13:05:03
]
|
|
|