 |
ประชัยเล่นกลฟ้องบริษัทตัวเอง สร้างหนี้เพิ่มแล้วสั่งล้มฯ ไออาร์พีซีจ่อสูญ9พันล.
นสพ.โพสต์ทูเดย์
ประชัยเล่นกลฟ้องบริษัทตัวเอง สร้างหนี้เพิ่มแล้วสั่งล้มฯ ไออาร์พีซีจ่อสูญ9พันล.
22 พฤษภาคม 2550 กองบรรณาธิการ
ประชัยเดินแผนใหม่ สร้างหนี้ให้กับบริษัทตัวเอง 3 บริษัท แล้วดำเนินการฟ้องล้มละลายมูลค่า 12,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัท ไออาร์พีซี ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ บริษัท พรชัยวิสาหกิจ
บริษัท ทีพีไอ อีโอจี และบริษัท พรชัยโฮลดิ้ง รวมกันประมาณ 9,000 ล้านบาท จากกรณีค่าเช่าอาคารทีพีไอล่วงหน้า 90 ปี และจากเงินกู้ในตั๋วสัญญาใช้เงินอาจไม่ได้เงินคืน
รายงานข่าวจากบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด ระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการบริษัท ไออาร์พีซี ได้ข้อมูลใหม่ว่า นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ได้จัดตั้งบริษัทขึ้นมาบริษัทหนึ่ง ชื่อว่า บริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหหกิจ จำกัด แล้วให้บริษัทในเครือของตัวเองที่อยู่ในภาวะมีปัญหาภาระหนี้อยู่กับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) สามบริษัท คือบริษัท ทีพีไอ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท พรชัยวิสาหกิจ จำกัด และบริษัท ทีพีไอ อีโออีจี เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหกิจ ซึ่งมีมูลค่าบัญชีอยู่ที่ราคาหุ้นละ 121 บาท แต่ทั้ง 3 บริษัทของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ดังกล่าวซื้อในราคาหุ้นละ 5,500 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 12,000 ล้านบาท ต่อมาบริษัททั้งสามของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ก็ไม่ชดใช้ค่าหุ้นให้กับบริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหกิจ จำกัด ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์
ส่งผลให้บริษัททั้งสามของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เป็นหนี้บริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหกิจของนายประชัยเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 12,000 ล้านบาท
วันที่ 18 ตุลาคม 2549 และในระยะเวลาใกล้เคียงกันบริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหกิจ จำกัดของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ จึงฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้เรียกให้บริษัททั้งสามของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ชดใช้หนี้ให้แก่บริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหกกิจของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์เอง โดยให้เวลาถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2549
บริษัททั้งสามของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ก็ปฏิเสธไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่บริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหกิจของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ได้
วันที่ 18 ธันวาคม 2549 บริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสากิจ จำกัด เข้าร้องขอต่อศาลล้มละลายกลาง ขอนำบริษัททั้ง 3 เข้าสู่กระบวนการศาลล้มละลายกลาง
แหล่งข่าวในไออาร์พีซีระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลต่อบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด อย่างแน่นอน และการกระทำการดังกล่าวทำให้บริษัททั้งสามอาจไม่ต้องชำระหนี้ให้กับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ที่ค้างอยู่เป็นจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 9,000 ล้านบาท ภายหลังเข้าสู่กระบวนการศาลล้มละลายกลาง
โดยรายงานข่าวระบุว่า หนึ่งในบริษัททั้งสาม คือ บริษัท พรชัยวิสาหกิจ จำกัด ของนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ นั้น มีภาระเรื่องหนี้สินอยู่กับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ในประเด็น ค่าเช่าอาคารทีพีไอล่วงหน้า 90 ปี ซึ่งบริษัท พรชัยวิสาหกิจ ต้องคืนเงินให้กับบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ตามสัญญาเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1,000 ล้านบาท
เนื่องจากในสัญญาการเช่าระบุว่า กรณีที่ ทีพีไอ (ชื่อเดิมของไออาร์พีซี) เลิกสัญญาเช่า ผู้ให้เช่าคือ บริษัท พรชัยวิสาหกิจ จะคืนเงินค่าเช่าที่ได้ชำระล่วงหน้าไป อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่บริษัท ไออาร์พีซี ยกเลิกสัญญาเช่า และไปใช้ที่ทำการที่ใหม่แล้ว บริษัท ไออาร์พีซียังไม่ได้รับการคืนเงินแม้แต่บาทเดียว
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ในช่วงที่บริษัทไออาร์พีซี (หรือทีพีไอในขณะนั้น) ประสบปัญหาทางการเงิน ได้ให้เงินกู้แก่บริษัททั้งสามคือ บริษัท พรชัยวิสาหกิจ บริษัท ทีพีไอโฮลดิ้ง และบริษัท ทีพีไออีโออีจี เป็นเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท จนเกิดกรณีตั๋วสัญญาใช้เงิน 3 ฉบับอันโด่งดัง และเกิดคำพูดที่ว่า ประชัย ประทีป ให้ประทีปและประชัยกู้
ในกรณีนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฯ ได้เคยมีคำสั่งให้บริษัททั้ง 3 ชำระหนี้ดังกล่าว แต่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ร้องคัดค้านต่อศาล และเมื่อไออาร์พีซีออกจากศาลล้มละลายกลางแล้ว คดีดังกล่าวจึงต้องย้ายไปสู่ที่ศาลแพ่ง
อย่างไรก็ตาม การที่นายประชัยเดินแผนตั้งบริษัทตัวเองขึ้นมา แล้วฟ้องล้มละลาย 3 บริษัทดังกล่าวด้วยมูลหนี้ถึง 12,000 ล้านบาท จะทำให้บริษัท ไออาร์พีซี ประสบกับความยากลำบากเป็นอย่างยิ่งในการทวงหนี้ 9,000 ล้านบาท.
จากคุณ :
ดิ.เอฟ.
- [
25 พ.ค. 50 10:46:23
A:125.27.1.245 X: TicketID:070639
]
|
|
|
|
|