ความคิดเห็นที่ 1 A   ถือตราสารทุน ตอบได้อ่ะป่าว จากคุณ : หลิวลู่ลม (เพียงผ่านมา) - [ 25 พ.ค. 50 12:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คำตอบครับ..... มีหลาย A/C หน่อยนะครับ อย่างง ว่าใช้จากประสบการณ์ ไม่ได้ให้ความรู้อย่างเดียวครับ SCBRF อยู่ให้ทนที่สุด เท่าที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน แล้วผลตอบแทนสะสมจะตามมาในอนาคตครับ จากคุณ : pjuk - [ 25 พ.ค. 50 12:28:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ตัวผมลงทุนใน AYFMTFI ตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ. เป้าหมายที่ตั้งใจไว้คือ ถือยาวมากกว่า 1 ปีขึ้น ผลตอบแทนคาดหวังคือ 5%ต่อปี (ขอแค่มากกว่า Money Market Fund ก็พอแล้ว) เพราะฉะนั้น ที่กองทุน Fixed Income Fund ผลตอบแทนสูงๆในช่วงที่ผ่านมา ผมไม่ได้ Take Profit จากมัน เนื่องจากตั้งใจไว้แล้วว่าจะอยู่ยาวๆ คำถามคือ ทำไมไม่ทำกำไรซะ? ขายก่อนที่ NAV จะลง - แม้แต่ตัวผู้จัดการกองทุนที่ดูแลกองทุนนั้นๆ ยังไม่สามารถคาดเดาตลาดและความผันผวนระยะสั้นได้ ถามกลับกัน ถ้าแบงก์ชาติบอกว่าการปรับลดดอกเบี้ยที่ผ่านมา ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย อาจมีอีก กลับคำซะอย่างนั้น เหมือนที่เคยทำกับกรณีมาตราการ 30% ขายออกไปก็เท่ากับเสียโอกาส อีกอย่าง เงินลงทุนเหล่านี้ ได้ถูกแบ่งกระจายความเสี่ยง ซึ่งผมยอมรับได้อยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร สรุปคือ ผมก็ได้รับผลกระทบ NAV ติดลบ เหมือนกับเพื่อนๆพี่ๆในห้องเช่นกันครับ แต่.... ในไม่ใช่ว่าจะมีแค่กองทุนตราสารหนี้ให้ลงทุนนี้ครับ หลักที่สำคัญกว่า timing การลงทุน ก็คือ การกระจายความเสี่ยงไปลงทุนใน Asset Class อื่นๆด้วย ผมเชื่อว่า คนลงทุนใน SCBRF ก็ต้องแบ่งเงินลงทุนใน SCBSET และ SCBSFF ไม่มีใครลงใน SCBRF ทั้งจำนวน ซึ่งเท่ากับได้กระจายความเสี่ยงไปแล้วบางส่วน หรือใครที่ลงทุนด้วยหลักคิดอย่างผม คือ หาที่ๆผลตอบแทนดีและเหมาะสมกับตัวเองโดยไม่จำกัด บลจ. ก็อาจลงทุนใน T-CASH บ้าง AYFMTFI หรือ KTDF บ้าง และอาจมีกองทุนหุ้นอย่าง บัวแก้ว หรือ กองต่างประเทศอยู่แล้ว ที่สำคัญคือ พิจารณาภาพรวมของพอร์ต ว่า การปรับลด NAVของ Fixed Income ครั้งนี้ มีผลกระทบกับพอร์ตการลงทุนอย่างเลวร้ายหรือไม่ มุมมองต่อภาวะการลงทุน ยังมีโอกาสต่อไปหรือเปล่า? ถ้า ok ก็ติดตามผลกันในระยะยาวครับ ------------------------ จริงๆแล้วผมเข้าใจกับนักลงทุนที่ลงทุนใน Fixed Income เพื่อเล็ง Capital Gain นะครับ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ที่จะลงทุนในระยะสั้นแต่อย่างใด แต่หากเราเก็งผิดด้าน เราก็ต้องบอกกับตัวเองว่า รับได้ วินัยการลงทุน ดูที่ตรงนี้ครับ กำหนดเป้าหมาย มองภาพกว้างๆ ทำให้ได้ ไม่วอกแวก หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น (ถ้าระยะยาวยังมีโอกาส) ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 25 พ.ค. 50 12:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณทุกคำตอบครับ.. ..แต่เท่าที่ดูของ pjuk (พอดีผมถือ rf อยู่เหมือนกัน)แล้วเทียบกับของผม ผมก็งง อยู่ครับ เพราะของผม ต้นทุนโดยประมาณ = ผลรวมของจำนวนเงินที่จัดสรร แต่ที่ p juk โชว์ ไม่ตรงล่ะครับ จากคุณ : ม้าบก (ม้าบก) - [ 25 พ.ค. 50 13:30:12 ]

ความคิดเห็นที่ 5 รายการเก่าๆ ที่เกิน 6 เดือนบน SCB Easy Net จะไม่แสดงออกมาครับ ต้องปรับวันที่เริ่ม และย้อนหลังไป อีกถึงจะเห็นครับ ค่าเริ่มต้นของรายงาน คือวันที่ล่าสุดที่ทำรายการ แล้วย้อนหลังให้ 6 เดือน ดังนั้นถ้าต้องการดูรายการก่อน 6 เดือนย้อนหลัง ต้องปับวันที่ด้วยครับ จากคุณ : pjuk - [ 25 พ.ค. 50 13:38:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับหมีพูไม่ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ (Fixed Income Fund) มานานเกือบสิบปีแล้ว เนื่องจากเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงมาก จึงรอดพ้นทุกวิกฤตตราสารหนี้ (ยกเว้นวิกฤตปี 2540) ส่วนกองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund) มีลงทุนบ้างเป็นบางเวลาเท่านั้น เอาไว้สำหรับพักเงินเพียงสองสามวันเท่านั้น เพื่อรอโอนเข้าซื้อกองทุนหุ้น (Equity Fund) หรือกองทุนต่างประเทศ (FIF) เพราะปกติเงินลงทุนโดยทั่วไปจะอยู่ในกองทุนหุ้นในประเทศที่คุณภาพดีและมีสภาพคล่องสูงเท่านั้น ดังนั้นปัจจุบันนี้เงินลงทุนร้อยละ 95% จะอยู่ในกองทุนหุ้นต่างประเทศคือ KGLOBE, ABAPAC, TVALUexUS (กองต่างประเทศนี้แค่กินปันผลอย่างเดียวก็อิ่มจนจุกแล้วล่ะครับ) และอีก 5% อยู่ในกองทุนหุ้นในประเทศคือ ABSM, BTP เพื่อเป็นสภาพคล่องในยามฉุกเฉินเท่านั้นครับ (สวนกระแสคนอื่นมั้ยล่ะเนี่ย ที่เอากองทุนหุ้นในประเทศเป็นแหล่งสภาพคล่องยามฉุกเฉิน) ฉะนั้นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยซบเซา หมีพูก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย เพราะลงทุนไว้ไม่มาก แต่ถ้านำไปรวมกับกอง FIF จากเมืองนอก ก็ถือได้ว่ายังกินอิ่มนอนหลับได้เหมือนเดิมครับ ยกเว้นช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก ๆ นานหลายเดือน ทำให้ FIF ผันผวนมาก ช่วงนั้นก็ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกันครับ ต้องปรับพอร์ทและจัดเงินลงทุนใน FIF ให้มากกว่าเดิม บางช่วงนั้นมีเงินลงทุนเท่าไหร่ก็โถมใส่เข้าไปที่ FIF หมดเลยเต (งกครับ เพราะค่าเงินบาทเป็นใจครับ) เนื่องจากพอร์ตการลงทุนของหมีพูเป็นไปในลักษณะนี้ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องติดตามการลงทุนแบบใกล้ชิดวันต่อวัน เพียงแค่ตามดูเดือนละครั้งสองครั้ง และดูพอร์ตของแต่ละกองทุนประกอบด้วยก็เพียงพอแล้วครับ เอาเวลาที่เหลือไปหาอะไรสนุก ๆ ทำเพิ่มความสุขให้ชีวิตกันดีกว่าครับ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 25 พ.ค. 50 14:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณ เซ๊ยนทั้ง 3 ที่เข้ามาให้ความรู้ โดยเฉพาะคุณหมีพู ที่แบไต๋ให้ทราบ ว่าเก็บไรไว้บ้าง  จะได้ดูไว้เป็นแบบอย่าง อ่ะ จากคุณ : Tiyaya - [ 25 พ.ค. 50 14:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนของผมไม่เดือดร้อนเลยครับ ผมกระจายasset allocation อย่างกระจายเลยละ มีทั้ง money market fund       Fixed income  fund       Property fund       equity fund      ลงทุนหุ้นรายตัวเอง      กองทุนต่างประเทศ      และยังมี หุ้นสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานของผมอีก ในส่วนของfixed income fund ผมก็ถืออยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ทำอะไร ผมเน้นที่ asset allocation มากกว่า สรุปง่ายๆก็คือ ผมตอบแทนแต่ละปีของผมมีความผันผวนไม่เยอะเลยครับ แต่ว่าในแต่ละปีก็ได้ผลตอบแทนไม่น้อย และเป็นที่น่าพอใจครับ จากคุณ : pongto - [ 25 พ.ค. 50 14:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 95% ของเงินออม ลงทุนใน FIF จะเอาเป็นแบบอย่างได้หรอครับ พอร์ตพี่หมีพูเนี่ยต้องยกไว้เป็นกรณีศึกษาเลยนะ take risk สุดๆ นักลงทุนหน้าใหม่ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดอีกต่างหาก ไม่งั้นเวลาต่างประเทศปรับฐานที ห้องสินธรเดือดกว่า Fixed Income ตกแน่ๆ เพราะว่ากันเป็น % เลยครับ ปล. ดูจากพอร์ตพี่หมีพูแล้วรู้เลยว่า อายุยังน้อย รับความเสี่ยงได้มาก และหน้าตาดีอีกต่างหาก ไม่ได้หน้าตาปานกลางอย่างผม 555 ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 25 พ.ค. 50 14:50:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับผมเองนั้น ผมจัดสรรเงินลงทุนเป็นหลายๆส่วนน่ะครับ และลงทุนในAssets ต่างๆ น่ะครับเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยที่สำหรับประเภท ตราสารเงิน ตราสารหนี้นั้น ผมมีแนวคิดแบ่งละเอียดกว่าปกตินิดหน่อยน่ะครับตรงที่ แรกเริ่มสุด ผมทำบัญชีส่วนตัว ดังนั้นพอจะประเมินได้ว่าในรายอาทิตย์ ผมจะต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ใช้เงินเท่าไหร่ ก็จะกันเงินไว้ใช้จ่ายในกระเป๋าตังค์ เป็น Monthly Cashflow น่ะครับ ค่อยๆเบิกมาใช้ทีละนิด คุมตัวเองไปในตัวด้วยไม่ให้ใช้เงินเกินงบประมาณรายอาทิตย์เกินไปนัก ต่อมา จะเป็นขั้นของ Emergency Cash ซึ่งเป็นเงินที่กั๊กเอาไว้บ้าง หรือจำเป็นต้องใช้เงินเดี๋ยวนั้นในทันที แต่อยู่นอกเหนืองบประมาณรายสัปดาห์ ผมเลือกที่จะไม่พักเงินไว้ใน กองทุนตราสารเงิน แม้สภาพคล่องกองทุนประเภทนี้จะสูง (ขายวันนี้ พรุ่งนี้ได้เงิน ในวันทำการ) ก็ตาม เพราะเงินส่วนที่มีไว้พักนี้มันไม่ค่อยเยอะ จนไม่มีนัยสำคัญในการเอาไปพักไว้เพื่อสร้างผลตอบแทน แต่สิ่งที่อยากได้คือ "สภาพคล่องทันที" มากกว่า เพื่อหากวันนั้นเกิดมีโอกาสการลงทุนที่รอคอยมานานเกิดขึ้น จะได้ลงทุนได้ทันที (อย่างเช่นวันที่เกิดเหตุมาตรการ30% หุ้นตกร้อยจุด) ซึ่งจริงๆแล้วตอนนี้ผมกำลังรอกองทุนธนบดีให้อนุมัติตัด ATS กับบัญชีออมทรัพย์ไทยพาณิชย์น่ะครับ แล้วใช้บัตร Extra cash เพื่อสามารถใช้ธนบดี+Extra cash แทนวิธีที่ทำอยู่ตอนนี้ได้ เงินที่ถัดไปหลังจากนี้ของผมจึงเป็นเงินลงทุนครับ โดยผมใส่ไว้ในกองทุนตราสารหนี้ แยกเป็นสองกองคือ TSB และ AYFMTFI โดยที่ศึกษาแล้วสองกองนี้ผลตอบแทนใกล้เคียงกัน TSBมั่นคงกว่าในแง่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ไม่เสี่ยงโดนชักดาบ แต่สภาพคล่องขายได้เดือนละครั้ง แต่ AYFMTFIเสี่ยงกว่าเล็กน้อย แต่ก็แลกมาด้วยสภาพคล่องที่ขายได้ทุกวันทำการ ที่ต้องแยกลงทุนกองทุนตราสารหนี้ที่คุณสมบัติใกล้เคียงกันออกเป็นสองกองเพราะเรื่องสภาพคล่องนี่แหล่ะครับ เพราะระดับของความฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ ที่อาจเกิดกับผมมันอาจจะรุนแรงจนเงินใน Emergency cash ใช้หมดเกลี้ยงก็ยังไม่พอจ่าย เช่นโดนรถชนต้องผ่าตัด ต้องนอนโรงพยาบาล เลยยังเหลือก๊อกสุดท้ายใน AYFMTFI ไว้สำรองจ่ายอีกก้อนด้วยน่ะครับ แต่โอกาสที่จะต้องใช้เงินฉุกเฉินขนาดนั้นน่าจะมีไม่มาก แต่ก็มีโอกาสเกิดได้ จึงเลือกลงทุนใน AYFMTFI ระยะยาวครับ ไม่สับไปสับมา เพราะเงื่อนไขของตนเองคือ ถือเพื่อลงทุน ไม่จำเป็นไม่สั่งขายออกมา และ TSB จึงเป็นเงินที่ถือลงทุนระยะยาวเช่นกัน แต่ความเสี่ยงต่ำสุดเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องโดนชักดาบ ทำให้ในกรณีที่ภาวะเศรษฐกิจไทยตกต่ำจริงๆ อย่างน้อยถ้าโชคร้าย AYFMTFI โดนชักดาบ เงินก้อนก็ไม่สูญไปหมด ยังเหลือ TSB ไว้ให้อุ่นใจประทังชีวิต ระหว่างที่ทาง AYF ทำเรื่องฟ้องศาลทวงเงินจากบริษัทที่ชักดาบ พวกนี้จะเป็นประตูหลังกับกองหลัง กองกลางของผมน่ะครับ ส่วนแนวรุกที่เป็นกองหน้านั้น ผมเน้นไปที่ FIF ครับ ก็คือ KGlobe , ABAPAC, T-ValueEXUS (แป่ว :P แบบพี่หมีพูหมูพีเลย) โดยที่ KGlobe จะเน้นลงทุนใน USA ตัวใหญ่ +ยุโรป และ ญี่ปุ่น ขณะที่ TValue เติมเต็มส่วนที่ขาดหายของ KGlobe โดยลงทุนใน หุ้นValue นอกUSA ทั่วโลก ส่วน ABAPAC นั้นผมชอบเอเชียแปซิฟิคเป็นพิเศษครับ(ซึ่งกองทุนนี้ไม่ลงทุนในญี่ปุ่น แต่ก็ได้ KGlobeมาลงทุนในญี่ปุ่นแทนให้แล้ว) และมองว่าจะลงทุนระยะยาว 3-5ปี ดังนั้นความผันผวนระยะสั้นที่เกิด น่าจะชดเชยได้ด้วยระยะเวลาการลงทุน และการทยอยซื้อเฉลี่ย+หาจังหวะซื้อเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง สำหรับกองทุนหุ้นไทยนั้น ผมลงทุนในบัวแก้วอยู่ ผลตอบแทนทำได้น่าพอใจเลยครับ ใช้วิธี DCAทยอยซื้อ + หาจังหวะเข้าซื้อเพิ่มโดยดูจากพอร์ตกองทุนที่ถือครองไว้10ตัวแรก ซึ่งฝึกฝนมาจากตอนเล่น SCBSET แต่ผมเองยังไม่ค่อยมั่นใจในเสถียรภาพการเมืองไทย เลยไม่ค่อยกล้าลงทุนในไทยมากน่ะครับ และพวก Comodities ผมลงทุนในกองทองของ TMB ไปครับ แต่จุดประสงค์อันนี้จะลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงมากกว่าคาดหวังผลตอบแทนทะลุทะลวง มีไว้ไม่เกิน10-15%ของพอร์ต เพื่อสร้างเสถียรภาพมากกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 50 15:04:31 จากคุณ : EncodeO - [ 25 พ.ค. 50 15:01:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณ ข้อมูล คุณEncodeO อีกท่าน ที่ทุกท่านอธิบายมา  ชัดเจน และเห็นภาพ มากเลยว่า ตอนนี้เราใช้หลักการตามคุณMessenger  เพราะ รับความเสี่ยงได้ไม่มาก (เพราะแก่แล้ว) เท่าคุณหมีพูที่ รับความเสี่ยงได้มาก แถมหน้าตาดีอีกต่างหาก ตามที่คุณ messenger บอกมา ^_^ จากคุณ : Tiyaya - [ 25 พ.ค. 50 15:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปรบมือดังๆ ให้เซียนทุกท่านเลยครับ ที่เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผมและชาวสินธร ได้รู้ แต่ยังไง ผมก็ถือคติค่อยเป็น ค่อยไป เรียนรู้เพื่อก้าวต่อไปครับ.. เซียนท่านอื่นๆ เข้ามา share อีกยิ่งดีเลยครับ จากคุณ : ม้าบก (ม้าบก) - [ 25 พ.ค. 50 15:30:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอแจมได้มั๊ยครับ จากการตามศึกษาของเหล่าปรมาจารย์ ทั้งพี่หมีพูหมูพีหมีพู กะ พี่ Pjuk ผมทิ้งไว้ที่ fix income ส่วนใหญ่ มี AYFMFI กะ TSB NFF ครับ ตอนนี้ถึงมันผันผวน แต่ ก็ยังมี กำไรครับบุญเก่าครับ (ไม่เอาออก) เศษๆ ก็ทิ้งติด MMF ครับ (เอาไว้ลุย) แต่ล่าสุดอัดเพิ่มก้อนใหญ่สุดท้ายไปแช่ที่ TSB ครับ สดสดเลยครับ อิอิ โดนซะ ( ออกจาก SCBRF ไปอัดเพิ่ม TSB) ส่วนกองหุ้นก็มี OSPD TTW1  SCBDV SCBSET FIF มี T Value ครับ (นิดหน่อยเอง) ค่อนข้าง ปอดๆครับ เมียกำลังท้อง อิอิ เมื่อวานจุกครับ กองหุ้นผม จากคุณ : boota99 - [ 25 พ.ค. 50 15:45:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ของพี่หมีพูหมูพีหมูพู จัดอยู่ใน Rate อะไรครับ ผู้ปกครองและเมียควรให้คำแนะนำครับ จากคุณ : boota99 - [ 25 พ.ค. 50 15:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาเฝ้ากระทู้ดูเซียนคุยกัน ขอบคุณมากๆๆเลยค่ะ จากคุณ : I Promise - [ 25 พ.ค. 50 16:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Tiyaya ->> โอ๊ยโย๋...เผลอแบไต๋ออกไปให้คนอื่นจัดพอร์ตเลียนแบบ..อิอิ ------------------------------------------------------------ Mr.Messenger - >> ขอบคุณที่ชมพี่..เอ๊ย..น้องหมีพู วันหลังน้องหมีจะมาแอ๊บแบ๊วให้น่ารักมากกว่านี้นะฮับ น้องหมีพูคิดว่าพอร์ตลงทุนของพี่แมสเซนเจ้อร์ คงจะ take risk มากกว่าน้องหมีอีกนะฮับ แต่ไม่อยากเปิดเผยให้ดู กลัวโดนน้องหมีพูยืมตังก์ใช่ปะ...อิอิ ------------------------------------------------------------ pongto - >> จัดพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงได้ครอบคลุมเกือบทุก Asset Class เลยนะครับ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีน่าศึกษาครับ ------------------------------------------------------------ EncodeO - >> เมื่อก่อนนี้หมีพูก็จัดคล้าย ๆ แบบที่คุณ EncodeO กำลังจัดอยู่นี่แหละครับ พออายุ(เหลือ)น้อยลงเรื่อย ๆ ก็รับความเสี่ยงได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน ก็เลยจัดการปรับพอร์ตซะ ยุบรวมพวกเศษเล็กเศษน้อยไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เช่น Emer.Cash, Money Market Fund, Property Fund, Gold Fund เอามารวมกันอยู่ใน Equity Fund ซะเลย ส่วนพวก RMF & LTF ที่เคยซื้อไว้ก็ขายทิ้งไปโปะหนี้บ้านให้หมดเกลี้ยง (นับว่าโชคดีมากที่ขายทิ้งต้นเดือนธันวาคม ก่อนเกิดวิกฤต 30%) ดังนั้นที่เหลือก็เลยกลายเป็นพอร์ตปัจจุบันอย่างที่โชว์ให้ดูครับ ------------------------------------------------------------ boota99 - >> พอร์ตของน้องหมีพูจัดอยู่ในเรต X ครับ (Xtraordinary) ที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยแพร่ด..ผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชม. เยยนะก๊า...ก๋าก๊ะ... ส่วนพอร์ตคุณ boota99 มีกองทุนซ้ำซ้อนกันมากไปนิ้สนึงนะครับ ถ้ามีโอกาสดีได้กำไรงาม ก็พยามยามยุบรวมกันบ้างนะครับ จะได้ติดตามดูแลได้ง่ายขึ้นครับ ตัวอย่างเช่น AYFMTFI เอาไว้เหมือนเดิม ส่วน NFF, SCBRF เอาไปรวมกับ TSB ก็จะได้พอร์ตตราสารหนี้ระยะกลางและระยะยาว รวมทั้งได้สภาพคล่องที่ดีขึ้นครับ สำหรับกองหุ้นพวก SCBSET, SCBDV, OSPD ก็ยุบรวมมาอยู่ใน TTW1 หรือถ้าชอบแต่หุ้นกลุ่ม real sector ก็ให้เอา SCBSET, SCBDV, TTW1 มารวมอยู่ใน OSPD แทนครับ ส่วน TVALUexUS เอาไว้เหมือนเดิม สรุปว่าก็จะเหลือแต่ - AYFMTFI (ตราสารหนี้ระยะกลาง) - TSB (ตราสารหนี้ระยะยาว) - OSPD (หุ้นในประเทศ) - TVALUexUS (หุ้นต่างประเทศ) เพียงเท่านี้ก็ติดตามดูแลพอร์ตได้ง่ายขึ้น (เหลือแค่ 2 บลจ.) และยังเห็นวัตถุประสงค์การลงทุนในแต่ละกองอย่างชัดเจนขึ้นด้วยนะครับ อีกทั้งยังสามารถปรับและจัดสัดส่วนเงินลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ได้อย่างยืดหยุ่นดีขึ้นอีกด้วยนะครับ (ไม่ต้องเชื่อนะครับ เอาไปดูเล่น ๆ ให้น้ำลายไหล) ------------------------------------------------------------ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 25 พ.ค. 50 16:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 กระทู้นี้เอาไปเลยสิบเต็ม จากคุณ : weeras (weeras) - [ 25 พ.ค. 50 16:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณพี่หมีครับ สุดยอดกระทู้ รวบรวม 4 จตุคามรุ่น โคตรกองทุนรวมพี่ให้พวกน้องรวย แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 50 16:52:49 จากคุณ : boota99 - [ 25 พ.ค. 50 16:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แหะ...แหะ....พอร์ตหมีพูจัดอยู่ในเรต X แต่ภาพประกอบของ boota99 ที่จัดอยู่ในเรต Y เชียวครับ น่าหวาดเสียว...บรื๋ยส์ส์ส์ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 25 พ.ค. 50 17:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พี่หมีพู ครับ ให้ผมรับความเสี่ยงได้เยอะแค่ไหน ผมก็ไม่ลงในหุ้น 95% แน่นอน -*- ยอมรับเลยครับว่าถ้าลงทุนอย่างพี่หมีพู ตัวผมเองไม่เป็นอันทำงานทำการแน่ๆ อินทรีย์ยังไม่แกร่งกล้า ข้าน้อยขอคารวะ ตัวผมเองก็อยู่ในกองทุนไม่เกิน 4 กองเหมือนๆกับพี่หมีพูนั้นล่ะ แต่ไม่ขอเปิดเผยนะ เอาเป็นว่า แตกต่างจากพี่หมีพูแน่นอน หุหุ ที่พี่หมีพูแนะนำให้ลงทุนในกองทุนไม่ต้องกระจายความเสี่ยงเยอะเกินไปนั้น ผมเห็นด้วยนะ ไม่ใช่แค่เพราะว่าติดตามลำบากเท่านั้นนะ แต่ทาง Morning Star Mutual Fund ของ สหรัฐ เองก็เคยวิจัยมาแล้วว่า การกระจายความเสี่ยงมากเกินไป ไม่ได้ช่วยลดความผันผวนของ Expected Return  ในขณะที่ความเสี่ยงก็ไม่ได้ลดลง เหตุผลที่เป็นอย่างนั้นเพราะ กองทุน ได้ทำการกระจายการลงทุนตามความเห็น และความเหมาะสมเท่าที่ผู้จัดการกองทุนได้มองไว้แล้ว และสินค้าในตลาดทุน ก็มีอย่างจำกัด ไม่ได้มีมากมายอะไรให้เลือกเฟ้นมากนัก การกระจายการลงทุนเยอะเกินไป อาจทำให้ บางกองทุนที่เราลงทุน มีกลุ่มหลักทรพัย์กลุ่มเดียวกับกองทุนอีกกองหนึ่ง เพราะฉะนั้น พิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนต่างกันดีกว่าครับ หากคิดจะลงทุนระยะยาว ขอยกตัวอย่างนะครับ กองทุนหุ้นที่สวนตลาด    : ABSM กองทุนหุ้นที่ค่า Beta สูง  : OSPD, BKA, JB25 กองทุนหุ้นเน้นรายได้สม่ำเสมอ (ในรูปปันผล) : AYFSDIV, KTSF กองทุน FIF เน้นกระจายความเสี่ยง : KGLOBE ,TVALUexUS, ABEG, MGA กองทุน FIF เน้นเชิงรุก                 : ABAPAC, 1AM-GEM ส่วนกองทุน MMF ก็เลือกเอาทีสะดวกครับ เพราะเป็นแค่กองทุนพักเงินเท่านั้น ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 25 พ.ค. 50 17:39:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่อยากเข้ามาแจมด้วยคนอ่ะค่ะ ของเราลงทุนในกองทุนหุ้น 40% กอง FIF แบบคุ้มครองเงินต้น 23% กองเฟล็กซิเบิล 23% เงินสด 10% กองธนบดี (Money Market Fund) 4% จริง ๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้เลยว่าเราจะมีสไตล์การลงทุนแบบไหน แต่พอคิดออกมาเห็นตัวเลขอย่างนี้ ก็ดูออกได้เลยว่าท่าทางเราจะเป็นคนชอบความเสี่ยงแฮะ ... (-_-") แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 50 18:30:37 จากคุณ : endimian - [ 25 พ.ค. 50 18:29:32 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามาชม  ขอบคุณครับ จากคุณ : TheBugMaker - [ 25 พ.ค. 50 20:21:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คือจริง ๆ แล้วพี่..เอ๊ยน้องหมีพูเองก็ไม่ได้ชื่นชอบความเสี่ยงสูงแต่อย่างใดหรอกนะฮับ ต้องรีบมาแก้ข่าว กลัวหลายคนจะเข้าใจผิด ๆ แล้วไปลงทุนเลียนแบบหมีพู เด๋วขาดทุนแล้วจะมาว่ากันไม่ได้นะฮับ เรื่องก็คือว่าน้องหมีพูมีวัตถุประสงค์ในการลงทุน ที่ต้องการได้รับผลตอบแทนที่สูงมากกว่า 10% ต่อปีขึ้นไป ก็เท่านั้นเองฮับ (มักน้อยไปมั้ยเนี่ย) แล้วอีกประการนึงคือวันและเวลามันก็ช่างผ่านไปเร้วเร็ว เผลอแป๊บ ๆ เป็นหมดไปแล้วอีกปี...เฮ้อ... ดังนั้นถ้ามัวแต่มาลงทุนในกองทุนที่ให้ผลตอบแทนโดยรวมแล้วต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ มีหวังคงได้กินแกลบตอนแก่แน่ ๆ เพราะเงินเฟ้อมันวิ่งตามมาไวเหลือเกินครับพี่ ๆ ทั้งหลาย คิดได้ดังนั้น จึงไม่รอช้า เพราะช้าไม่ได้ เด๋วผลตอบแทนมันจะวิ่งตามไม่ทันวันเวลาและเงินเฟ้อ ดังนั้นไม่เสี่ยงไม่ได้แล้ว เหมือนสุนัขจนตรอก ต้องเสี่ยง และต้องเสี่ยงแบบสุด ๆ ด้วย ฉะนั้นทุกการลงทุน หมีพูจึงต้องศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างรอบคอบ การลงทุนแบบใดที่ไม่คุ้นเคย ไม่ถนัด ก็ต้องหัดเรียนรู้จากของจริง ประสบการณ์จริง ด้วยการนำเงินเพียงก้อนเล็ก ๆ หย่อนลงไปดูว่ามันเป็นอย่างไร ถูกใจเราหรือเปล่า ซับซ้อนยากเกินกว่าจะเข้าใจได้มั้ย ลงทุนไปแล้วกินไม่ได้นอนไม่หลับหรือเปล่า จะแก้ไขอย่างไร สอบถามใครดี ฯลฯ ลองดูจนกว่าจะเข้าใจและคิดว่าเหมาะสมกับตัวเรา รวมถึงคิดว่าการลงทุนนั้นน่าจะให้ผลตอบแทนตามที่เราคาดหวังได้ เริ่มใหม่ ๆ ก็เจ็บตัวมากหน่อย เช่นเข้าลงทุนผิดจังหวะบ้าง แถมยังถอนการลงทุนผิดจังหวะอีกต่างหาก สารพัดจะโดน บางกองทุนแค่ข้ามคืนเดียวก็ขาดทุนเท่ากับซื้อแพ็คเก็จไปฮ่องกง 2 ที่นั่ง (สมัยเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน ตอนที่ยังไม่มี Low Cost Airline) โอ๊ย..น้ำตาลูกผู้ชายแทบเล็ด... เจ็บใจชะมัด เสียตังค์ฟรี เพราะความไม่เข้าใจและไม่ลึกซึ้งกับกองทุนหุ้น คิดว่าซื้อกองไหนก็เหมือน ๆ กัน เลือกแต่ยี่ห้อชื่อเสียง ซื้อขายสะดวก หรือไม่ก็เลือกกองทุนที่ NAV ต่ำ ๆ เห็นเจ้าหน้าที่แบงก์เขาเชียร์กองไหนก็ซื้อกองนั้น โทรไปถามเจ้าหน้าที่ บลจ. เขาโปรโมทกองไหนก็ซื้อกองนั้น ไม่เคยที่จะคิดขอดูพอร์ตกองทุน หรือขอข้อมูลเปรียบเทียบเลย เฮ้อบรรยาความโง่มาซะเยอะ นี่แหละที่เขาเรียกว่าโง่จะมาก่อนฉลาด แต่ก็เสียเงินไปแล้วนิ คิดว่าเป็นค่าบทเรียนที่ไม่มีใครเขาสอนกัน หลังจากนั้นหมีพูจึงเริ่มต้นลงทุนในแบบที่สมควรต้องทำ และทำอย่างจริงจัง ต้องรู้จักควบคุมความเสี่ยง ต้องรู้จักควบคุมจิตใจของตัวเอง ถ้ายังไม่ถึงเวลาที่ควรเข้าลงทุน ก็อย่าไปคันไม้คันมือ ต้องคอยตีมืออยู่เรื่อย เพราะแค่กดปุ่มคลิกเดียวก็อาจจะทำให้ขาดทุนได้แล้วนะเออ สมัยก่อนเคยตั้งปณิธาณว่าจะต้องเอาเงินที่เสียไปเพียงแค่ข้ามคืนเดียว เหมือนเป็นค่าตั๋วเครื่องบินนั้นกลับคืนมาให้ได้ และต้องได้กลับคืนมาให้มากกว่าที่เสียไปอีก คือคุณเข้าใจอารมณ์ของคนที่เสียแล้วเสียเล่า จนรู้สึกเหมือนว่าถ้าจะเสียอีกหน่อยก็ช่างมัน เพราะมันแทบไม่มีอะไรจะเสียแล้วมั้ยครับ มันต้องสู้ตายอย่างเดียวแล้วครับพี่น้อง... ฉะนั้นอย่าได้แปลกใจว่าทำไมถึงได้รับความเสี่ยงได้สูงมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้หันมาลงทุนอย่างใช้สติให้รอบคอบมากขึ้นแล้วครับ แค่นี้ยังจิ๊บ ๆ นะฮับ หมีพูรู้จักผู้ลงทุนหลายคนที่มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อหุ้นหรือกองทุนหุ้นหมดเลย ซื้อแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมือนกับวัดดวงกันไปเลย แต่ถือลงทุนยาวมากครับ บางคนแทบจะไม่ได้ขายออกไปเลย มีแต่ซื้อเข้าอย่างเดียว นานน้านจะขายกินกำไรสักหน่อยนึง (แล้วจะขายทำไมเนี่ย) ประเภทนี้ก็มีเยอะนะครับ รวยเงียบ ๆ กันทั้งนั้นเลย วิธีที่เขาใช้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากที่หมีพูกล่าวมาเลยครับ ฉะนั้นทุกท่านก็ทำได้ครับ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 25 พ.ค. 50 20:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เก็บเข้าคลังกระทู้ กะ โหวต 1 ทีค่ะ จากคุณ : แนนแนน - [ 25 พ.ค. 50 21:05:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เอามาแชร์บ้างครับ 1) ก่อน NAV ตก ได้เอาออก ไปไว้ที่อื่นๆ ไหม -- อันนี้ ไม่ได้เอาไปไว้ที่ไหน เลยครับ แต่วันที่ 23 กลับซื้อ OSPD เพิ่มด้วย 2) ใน สำรับ ผมก็จะมี TSB        53% OSPD       8  % ABSM     15 % ABAPAC  24% 3) 2-3 วันมานี้ มี ABAPAC ตัวเดียวเท่านั้น ที่เป็นบวก ทำให้ ยังลบไม่มาก นั่นหมายถึง หมีพูน่าตาดี คงไม่สะทกสะท้าน อะไร . . . สงสัยต้อง ค่อยๆ ทยอยเอาไปไว้ใน ต่างแดน แบบคนหน้าตาดี บ้างแล้ว แก้ไขเมื่อ 26 พ.ค. 50 08:01:21 จากคุณ : หมูอวบ - [ 26 พ.ค. 50 07:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โหวต โหวต และโหวตค่ะ ได้ความรู้และเคล็ดลับมากมาย ขอแชร์ port ของตัวเองบ้างค่ะ TSB 50% AYFMTFI 30% SCBSFF 10% บัวแก้ว 10% ลงทุนแบบ DCA หยอดกระปุกไปเรื่อย ๆ (อันนี้ต่อให้เจ๊งไปก็คิดไว้แล้วว่าทำใจได้แน่)  ตามคำแนะนำของคุณพี่หมีพู ปรากฏว่าเป็นกองที่ให้ผลตอบแทนคิดเป็น % ต่อปีแล้วสูงกว่าเพื่อนเลยค่ะ ได้ผลดีแฮะ ขอบคุณมากค่ะ SCBSET อันนี้เล่นบ้าง ไม่เล่นบ้าง แล้วแต่จังหวะ และเอาเงินมาลงตรงนี้ไม่เยอะ และเงินเย็นแช่อยู่ในสหกรณ์อีกล้านนึง ปันผล 5% ต่อปีค่ะ จากคุณ : หวานใจกัปตัน - [ 26 พ.ค. 50 09:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ในที่นี้อาจจะมีหลายท่านที่ลงทุนในกองทุนหุ้นโดยใช้วิธี DCA แล้วได้ผลดีเช่นคุณหวานใจกัปตัน ดังนั้นหมีพูจึงขออนุญาตนำกระทู้ดังกล่าวมาแปะไว้ให้ท่านอื่น ๆ ที่อาจจะยังไม่ได้อ่าน ได้เข้ามาอ่านสนุก ๆ กันนะครับ http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2007/02/I5173172/I5173172.html จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 26 พ.ค. 50 11:17:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โหวต ขอบคุณเซียนเซียนทั้งหลาย จากคุณ : junichi - [ 26 พ.ค. 50 11:58:22 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โหวตครับ อยากจัดพอร์ตใหม่บ้าง แต่ว่าตอนนี้อยู่ต่างประเทศครับ ก็ได้แต่คิดไปก่อน จากคุณ : Pu'Chew - [ 26 พ.ค. 50 12:39:31 ]

ความคิดเห็นที่ 30 vote ให้กระทู้นี้เช่นกันครับ สุดยอด จากคุณ : pokemon trainer - [ 26 พ.ค. 50 13:38:41 A:10.114.0.126 X:202.12.97.114 TicketID:000119 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านของปรมาจารย์แล้ว มาดูของเราช่างสะเปะสะปะ ไร้จุดหมายน่าอายจริงๆ สงสัยต้องยกเครื่องใหม่ทั้งชุด แต่รู้สึกได้อย่างนึงว่าแบบของใครก็บ่งบอกนิสัยของคนๆ นั้นจริงๆ อย่างนี้ต้องเรียกว่าการลงทุนมี individualized นาเนี่ย -_- จากคุณ : v (ลานดอกปีป) - [ 26 พ.ค. 50 14:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วย  Vote ครับ จากคุณ : สำเร็จด้วยใจ - [ 26 พ.ค. 50 14:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 33 หมีพูขอแนะนำเทคนิคง้ายง่ายมาให้ดูกันสนุก ๆ ครับ (แต่เวลาทำจริง ยากชะมัดเล้ย) 1. คัดเลือกกองทุนในแต่ละประเภทให้รอบคอบ และคัดสรรมาประเภทละแค่ "หนึ่งกองทุนเท่านั้น" เอาแบบที่ผลงานดี คุณภาพสุดยอดไปเลยนะครับ พวกผลงานประเภทกุ้งหอยปูปลา คุณภาพกรวดหินดินทรายไม่ต้องเอามา เพราะเปลืองเนื้อที่ในพอร์ตและเสียเวลาเราติดตามเปล่า ๆ - กองทุนตลาดเงิน ที่ยอดเยี่ยมคือ กอง..... - กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง ที่ยอดเยี่ยมคือ กอง..... - กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว ที่ยอดเยี่ยมคือ กอง.... - กองทุนหุ้นใหญ่คุณภาพดี ที่ยอดเยี่ยมคือ กอง.... - กองทุนหุ้นเล็กคุณภาพดี ที่ยอดเยี่ยมคือ กอง.... - กองทุนหุ้นต่างประเทศแบบลงทุนทั่วโลก ที่ยอดเยี่ยมคือ กอง.... - กองทุนหุ้นต่างประเทศแบบลงทุนเฉพาะโซน ที่ยอดเยี่ยมคือ กอง.... - ฯลฯ ได้ชื่อกองทุนยอดเยี่ยมมาแล้วก็จดจำกันเอาไว้นะครับ ที่สำคัญวันเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ก็อาจจะทำให้กองทุนนั้นมีนิสัยที่เปลี่ยนไปได้เช่นกัน ดังนั้นอย่าลืมอัพเดทข้อมูลบ้างนะครับ กองทุนประเภทไหนที่ไม่ชอบ ไม่ถนัด ไม่สนใจ ก็ควรจะศึกษาเอาไว้บ้างนะครับ ของพวกนี้ไม่ยากเกินเรียนรู้เลยครับ เมื่อถึงวันที่เป็นโอกาสทองของกองทุนประเภทนั้นมาเยือน คุณจะได้ไม่ตกรถไงครับ คิดจะลงทุนก็ต้องมีการเตรียมตัวที่ดีเช่นกันครับ 2. เมื่อได้รายชื่อกองทุนที่คุณคิดว่ายอดเยี่ยม (ในขณะนั้น) แล้ว ก็ค่อยพิจารณาว่า คุณควรจะเลือกลงทุนในกองทุนประเภทไหนดี ถึงจะทำให้คุณไปถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งใจไว้ ได้คำตอบแล้วก็ค่อยจัดการนำเงินไปลงทุนในกองทุนนั้น ๆ ครับ เห็นมั้ยว่าจัดสำรับลงทุนด้วยตัวเราเองก็ได้ ง่ายจัง...หึหึ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 26 พ.ค. 50 18:52:29 ]

ความคิดเห็นที่ 34 หมีพูมีเพื่อนสนิทที่ทำงานในสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงอยู่ที่สิงคโปร์ แต่เพื่อนคนนี้ไม่เคยลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นสิงคโปร์และตลาดเพื่อนบ้านใกล้เคียงเลย (น่าสงสัยมั้ยล่ะ) ทั้ง ๆ ที่ตลาดบ้านเขาก็ทำนิวไฮอยู่บ่อยครั้ง แต่ปีที่แล้วเขากลับสวนกระแสไม่ทำตามคนอื่น ๆ ที่ชอบแช่เงินไว้เฉย ๆ ในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เขากลับนำเงินไปลงทุนผ่านกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่ที่ร้อนแรงสุด ๆ อย่างอินเดียและจีน (ในขณะที่กองพวกนี้กำลังจะเกิดขึ้นในบ้านเรา...ดูสิ ล้าหลังเขาจริง ๆ) เพื่อนหมีพูคนนี้บอกว่า เป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากจริง ๆ แต่ก็ต้องทำ เพราะไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะเนี่ย ต้องศึกษาและลงมือทำอย่างจริงจัง อีกทั้งการเลือกบริษัทและทีมจัดการลงทุนก็สำคัญมากเช่นกัน (ที่บ้านเขาเป็นศูนย์กลางเรื่องพวกนี้เชียวล่ะ) โดยปีที่ผ่านมากองทุนที่เขาไปลงทุน ทำผลงานรวมให้เขาได้เกิน 30% (หมีพูเริ่มรู้สึกตาร้อนผ่าว ๆ) โดยเขาเพิ่งจะขายทิ้งไปหมดแล้ว ฟันกำไรอื้อซ่าเลย  เขาบอกว่าต้องทำอย่างนี้จึงจะมีเงินก้อนใหญ่สะสมไว้ และเพียงพอที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณต่อไปได้โดยคุณภาพชีวิตไม่ลดลงไปจากเดิม เพราะจะอาศัยแต่เงินบำนาญจาก CPF (ประกันสังคมของสิงคโปร์) นั้นไม่เพียงพอแล้ว (ทั้ง ๆ ที่สิงคโปร์เรียกเก็บประกันสังคมสูงถึง 20% ของรายได้ต่อเดือน ในขณะที่บ้านเราโดนเรียกเก็บแค่ 5% ก็ร้องโอดโอยกันแย้ว) โดยขณะนี้ก็ได้พักการลงทุนเอาไว้ซักระยะก่อน เพื่อรอจังหวะดี ๆ และแสวงหาแหล่งลงทุนอย่างอื่นต่อไป จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 26 พ.ค. 50 19:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พี่หมีพู หากองทุนยอดเยี่ยมในอดีตนั้นไม่ยากเลยครับ ข้อมูลก็มีแล้ว คนบอกก็มีแล้ว (พี่หมีพู กับ ผม) อยู่ที่ใครจะศึกษาข้อมูลต่อ สานต่อเฉพาะแค่อ่านกระทู้ ก็เท่านั้น ผลตอบแทนดีๆ ไม่ได้ลอยมาจากฟ้านี่นา ต้องหาเอาในพื้นดินนี่ล่ะ จริงมั้ย?? แต่ที่สำคัญกว่า และยากกว่าก็คือ ไอ้เจ้ากองทุนที่ดีๆในอดีตเนี่ย เราจะรู้ได้ยังไงว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร บางกองทุน 3 เดือนย้อนหลัง ดูสวยหรูเชียว แต่ย้อนหลังไป 3 ปี ก็แพ้กองอื่นกระจุย ก็เห็นมาเยอะแยะ เป็นนักลงทุนเนี่ยลำบากเนอะครับ ดูข้อมูลแค่ทางเดียวก็ไม่ได้ เหมือนๆกับตาบอดจับหางช้าง แล้วบอกว่าช้างตัวนิดเดียว เป็นเส้นๆ นั้นล่ะ สำหรับการหา Top Pick แบบพี่หมีพู ผมขอยกมือหนบหนุนด้วยคน แต่เพิ่มเติมว่า หากเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงๆ เราอาจจำเป็นต้องลงทุนมากกว่า 1 กอง เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการบริหารผิดพลาดของผู้จัดการกองทุน อีกหนึ่งทอด เข้าทำนองว่า ไว้ใจให้เขาบริหาร แต่อย่าไว้ใจความเสี่ยง ครับ เงนทองไม่เข้าใครออกใคร คนกำไรขาดทุน ก็คือเราเองน้ออออ... พี่หมีพูมีเพื่อนเป็นคนสิงค์โปร์ด้วยอ่ะ อย่างงี้หูตากว้างไกลแน่นอน เดินตามพี่หมีพู รับรองว่าปลอดภัยไหมครับ!@!??@! ขอบคุณพี่หมีพูสำหรับประสบการณ์ลงทุนดีๆครับ (ผมขอบคุณพี่หมีพูมากี่ทีแล้วเนี่ย -*-) ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 27 พ.ค. 50 09:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เราคงยังต้อง ขอบใจ คนหน้าตาดี กับ คนหน้าตา ปานกลางไปอีกนาน จากคุณ : หมูอวบ (หมูอวบ) - [ 27 พ.ค. 50 10:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เคยได้ยินมั้ยว่า ถ้าเราเข้าไปในป่าแล้วเจอหมี ยังต้องทำเป็นแกล้งตาย....ฉะนั้นหากจะเดินตามหมีพู คงจะไม่ปลอดภัยมังครับ...หมียิ่งหิว ๆ อยู่ด้วย...อิอิ โดยเฉพาะหมูอวบ คนหน้าตาดีมากที่สุด หมีช้อบชอบ เพราะทำให้อิ่มท้องได้นานดี...อิอิ จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 27 พ.ค. 50 11:33:38 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กระทู้นี้มีประโยชน์จริงๆ ขอบคุณมากๆครับ + โหวตด้วยคน จากคุณ : มารหัวบุบ - [ 27 พ.ค. 50 12:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : trakulsom - [ 27 พ.ค. 50 18:02:09 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาขอบคุณพี่หมีพูหมูพี และ พี่Mr.Messenger เช่นกันครับ สำหรับแนวคิด มุมมอง และ ความใส่ใจ ต่อพี่น้องสินธรทุกท่าน เข้ามาโหวตและเก็บเข้าคลังด้วยอีกคนครับ ;) จากคุณ : EncodeO - [ 27 พ.ค. 50 18:56:35 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว จากคุณ : แรงเกินใคร ถ้าใจแรงพอ - [ 27 พ.ค. 50 19:28:21 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นพี่หมี พี่หมู เต็มไปหมด  แล้ว แมวอย่างเราจะทำไงดี   โอ๊ย ขอจัดพอร์ท ใหม่ดีกว่า จากคุณ : CityKat - [ 27 พ.ค. 50 21:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากครับ ผมได้ความรู้เยอะเลยครับ โหวตให้เหมือนกันครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคร๊าบ จากคุณ : waterman_tmec (waterman_tmec) - [ 27 พ.ค. 50 21:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 44 พอร์ตของผมเพิ่งลงทุนครับ เงินยังน้อยอยู่เลยมีส่วนเป็นเงินสดเยอะหน่อย เก็บไว้เผื่อฉุกเฉินจะได้มีค่าเรือกลับไทย ^^ พอร์ทที่คิดไว้คงเป็นกองทุนหุ้นสัก 70% ~ 75% แบ่งๆไปตามตลาดจีน(เฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนใน Hang Seng เท่านั้น) อินเดีย และยุโรป เก็บเป็นเงินสดไว้ซัก 10% หรือเทียบเท่ากับค่าใช้จ่าย 5 เดือนแล้วแต่ว่าอะไรจะน้อยกว่า ที่เหลือคงเป็นกองทุน Bond - Investment grade ที่มี Duration สัก 5 ปี เป้าหมายรวมๆได้ซัก 8 - 12% ต่อปี ก็พอครับ แต่ไม่แน่ในอนาคตอาจจะเพิ่ม Index Fund เข้ามาซะหน่อยจะได้ไม่ต้องเรื่องมาก จากคุณ : Nexus - [ 28 พ.ค. 50 16:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ส่วนตัวชื่นชอบสไตล์หมีพู เพราะชอบเล่นเสียว ผมเองก็หน้าตาดี พร้อมรับความเสี่ยงระดับเดียวกับหมีพูเช่นกัน แต่จังหวะการเข้าทำ ยังคงจดๆ จ้องๆ รถผ่านไปหลายคันแล้ว ก็ยังมัวแต่งตัว กลัวไม่หล่อ ส่วนหมีพูคงเตรียมตัวพร้อมมานานแล้ว ถึงได้พรวดพราดเข้าไปลึกสุดด้าม จากคุณ : โป้ง - [ 28 พ.ค. 50 22:52:38 A:58.8.76.94 X: TicketID:121262 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อุ๊ย เพิ่งสังเกต ขึ้นกระทู้ยอดนิยมแล้ววว จากคุณ : boota99 - [ 29 พ.ค. 50 10:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณจริง ๆ จากคุณ : Porich (Porich) - [ 29 พ.ค. 50 20:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เรียนถาม ท่านเซียน ทั้งหมดทุกท่านแล้วนะครับ พอดีเพิ่งไปซื้อ RKFC เมื่อวันที่ 22 นี่เอง ตอนนี้ ก็ navติดลบเรียบร้อยแล้วครับ ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ   ถือยาวจนสิ้นปีไปเลย  ตั้งจุดหมายไว้ว่ายอมขาดทุนเท่าไรแล้วขาย หรือ ขายทิ้งเลย แล้วถ้าจะเปลี่ยนไปลงทุนใน กองทุนหุ้นต่างประเทศ ตอนนี้ จังหวะเวลาเหมาะสมมั้ยครับ  แต่ละที่ก็ทำนิวไฮ กันหมดแล้วน่าจะเป็นของแพง... กลัวเหมือน RKFC อีกนะครับ ขอบคุณมาก มาก จากคุณ : thankyouverymuch (author unknown) - [ 29 พ.ค. 50 20:35:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณทุกๆท่านมากๆเลยครับที่มาให้ความรู้ พอร์ตผมส่วนใหญ่จะอยู่กองตราสารหนี้ กะ เงินฝากระยะยาว มีกองหุ้นรวมถึง LTF อยู่บ้าง ยังไม่ได้โกอินเตอร์ไป FIF เลยครับ แบบว่าอนุรักษ์นิยมไปหน่อย จากคุณ : DENDEN - [ 1 มิ.ย. 50 23:29:41 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านมานานแล้ว มาเปิด port เล่าให้ฟังบ้าง 65% หุ้นสามัญ 25% กองทุนตราสารหนี้ 10% กองทุนต่างประเทศ (FIF) 65% หุ้นสามัญ ปัจจุบัน ประกอบด้วย กลุ่มธนาคาร ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่ม อสังหาริมทรัพย์ Port หุ้นผมปรับเปลี่ยนทุกๆ โอกาสที่สามารถทำกำไรได้ครับ บางช่วงมีแต่หุ้นน้ำมัน บางช่วงมีแต่อสังหาฯ ก่อสร้าง ไม่เคยถือหุ้นตัวไหนนานถึงครึ่งปีเลย กำไรถึงขั้นที่พอใจ หรือเห็นตัวอื่นน่าสนใจกว่าก็ขายออกแล้ว คาดหวังผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 15% ต่อปี (ปีก่อนทำได้ 17%) 25% กองทุนตราสารหนี้ RKFC   จริงๆ แล้วไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนเลย ขอแค่มากกว่าเงินฝากออมทรัพย์ เลือก RKFC เพราะ บ/ช หุ้น ตัดเงิน ATS กับ KBANK จึงใช้ RKFC เป็นที่พักเงินระหว่างขายหุ้นออก รอซื้อตัวอื่น 10% กองทุนหุ้นต่างประเทศ ABEG ลงไว้อย่างนั้นแหละ เพื่อให้ได้ไปลงต่างประเทศบ้างเท่านั้นเอง และเพื่อให้ได้กระจายการลงทุนนอกเหนือจากตลาดหุ้นบ้านเรา   กำลังพิจารณาขยับขยาย เพิ่มเติม หรือย้าย ไปกองทุนที่ลงในภูมิภาคอื่นๆ นอกจากยุโรปด้วยครับ ------------------------------------- ทั้งนี้ ไม่นำธนบดีมารวมคำนวณด้วย เพราะใช้เป็นที่พักเงินแทน บ/ช เงินฝากออมทรัพย์ เพื่อพักเงินค่าใช้จ่ายซึ่งคาดว่าจะใช้ในแต่ละเดือน และค่าหุ้นสหกรณ์ออมทรัพย์ของที่ทำงาน ซึ่งจะหักเงินเดือนเป็นค่าหุ้นเป็นประจำทุกเดือน และมีปันผลประมาณ 5% ต่อปี จะไม่นำมาคำนวณเพราะเป็นเงินแช่แข็งซึ่งจะนำออกมาลงทุน ใช้จ่ายในยามหลังเกษียณ จากคุณ : คนสวนพลู - [ 3 มิ.ย. 50 09:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณครับ จากคุณ : พ่อน้องบุ๊ค - [ 4 มิ.ย. 50 21:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 5 มิ.ย. 50 03:48:44 ]