ความคิดเห็นที่ 2
Yield คือ ผลตอบแทนที่จะได้ เมื่อซื้อ ตราสารหนี้ (พันธบัตร) มาไว้ในครอบครอง
** Yield ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Coupon) **
ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้จากตราสารหนี้ (พันธบัตร) คือ ดอกเบี้ย (Coupon) ที่จะจ่ายให้ในแต่ละงวด และเมื่อครบกำหนด ก็จะคืนเงินต้นให้ด้วย
สิ่งที่ผู้ลงทุนจะได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ คือ ดอกเบี้ยที่ยังไม่ได้ถึงกำหนดจ่าย และเงินต้นเมื่อครบกำหนด
แต่สำหรับผู้ที่ซื้อตราสารหนี้ ต่อมาจากผู้อื่นอีกที ย่อมไม่ได้ซื้อตั้งแต่แรก (ราคาหน้าตั๋ว) แต่ซื้อหลังจากที่อายุของตราสารหนี้นั้นลดลงไปบ้าแล้ว
ดังนั้นราคาที่ซื้อต่อมาอีกทอด จึงไม่ใช่ราคาเริ่มแรกของตราสารหนี้นั้นๆ แต่เป็นราคาที่ถูกลดทอน ดอกเบี้ยงวดก่อนๆ ลง (เจ้าของเดิมได้ไปแล้ว) หรือแม้แต่ระยะเวลาที่เหลือน้อยลงก่อนจะได้รับเงินต้นคืนด้วยครับ
และเรื่องดังกล่าว จึงมีผลทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของตราสารหนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไป จาก ดอกเบี้ย เป็นผลตอบแทน (Yield) แทนครับ
จำนวนเงินทั้งหมดที่ได้รับจากตราสารหนี้ สำหรับผู้ลงทุน ที่ซื้อตั้งแต่แรก (เปิดจอง) คือ ดอกเบี้ย + เงินต้น สำหรับผู้ลงทุน ที่ซื้อต่อจากผู้ลงทุนรายอื่น คือ Yield + เงินต้น
ย่อมไม่มีใครที่ต้องการ ซื้อของ ที่จ่ายผลตอบแทน ต่ำกว่า ดอกเบี้ยปัจจุบัน ย่อมไม่มีใครที่ต้องการ ขายของ ที่จ่ายผลตอบแทน สูงว่า ดอกเบี้ยปัจจุบัน
ดังนั้นเมื่อ ดอกเบี้ยสูงขึ้น Yield ก็สูงขึ้นด้วย เมื่อ Yield คือผลตอบแทน ที่สุดท้ายจะได้เงินต้น บวกดอกเบี้ย (คงค้าง) คืน ดังนั้นจะทำให้ Yield สูงขึ้นได้ ต้องซื้อของที่ทำให้ช่วงห่างระหว่างราคาซื้อ กับสิ่งที่จะได้รับห่างกันมากๆ ด้วย นั่นคือต้องซื้อที่ราคาต่ำๆ
และเมื่อ ดอกเบี้ยลดต่ำลง Yield ก็จะต่ำลงด้วย ดังนั้น ราคาซื้อ-ขายจึงสามารถกำหนดได้สูงขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว ความห่างของราคาที่ลงทุน กับสิ่งที่ได้คืนมาจะไม่ห่างกันมาก ตามที่ควรจะได้จากดอกเบี้ยครับ
จากคุณ :
pjuk
- [
29 พ.ค. 50 11:39:28
]
|
|
|