ความคิดเห็นที่ 1 แนะนำอย่าเล่นหุ้นเด็ดขาด จะหมดตัวครับ ถ้าเล่นไม่เป็น จากคุณ : poo (poosakulkow) - [ 3 มิ.ย. 50 01:21:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลงทุนทองได้ แต่อย่าให้เกิน10%ของทุนทั้งหมด ส่วนเรื่องหุ้น ถ้าเทียบกับหุ้นต่างประเทศ หุ้นของไทยยังถูกครับ แต่ต้องเลือกดีๆ ใช่อิมอิม ที่จบโทนิเทศจุฬาหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ ก็mailมานะครับ sjuly@yahoo.com จากคุณ : September - [ 3 มิ.ย. 50 04:17:41 A:203.188.14.184 X: TicketID:107886 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รายได้ของคุณนับว่าค่อนข้างสูง ผมคิดว่าคุณฝากเงินมากเกินไป---ผมเห็นต่างกับ #1, 2 แบ่งเงิน 30 % ซื้อหุ้น TPC, SCC, PRANDA, PTT,RRC, ATC แล้วแต่จะศึกษา----ทุกเดือนๆละ 20,000 บาท ---ต้องใจเย็นและอย่าหวั่นไหวว่าหุ้นขึ้น-ตก---อีก 5 ปีคุณจะเห็นผลคำแนะนำนี้ จากคุณ : บัตรผ่านใหม่ - [ 3 มิ.ย. 50 10:00:15 A:125.24.17.20 X: TicketID:146938 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดูแล้วน่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน และอายุไม่มากนัก อะไรที่ไม่รู้ไม่ถนัด อย่าไปยุ่ง หรือถ้าจะลองก็ลองแต่น้อยๆก่อน มั่นใจแล้วค่อย เพิ่ม 1. มองบ้านก่อนครับ เอาแบบอยู่เองได้ ให้เช่าได้ จำเป็นขายทิ้งได้ไม่ยาก ดอกเบี้ยเงินกู้เอามาลดหย่อนได้ปีละ 100000 ฐานคุณ 20% ก็ประหยัดไปเยอะ 2. เงินฝากทั้งหลายที่เป็นระยะยาวๆ ที่จะออมไว้ใช้ตอนเกษียณ แบ่งไปซื้อ RMF ซึ่งเอามาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% หรือ 300000 ฐานคุณ 20% ก็ลดไปได้อีกพอควร 3. เรื่องหุ้นถ้าจะเล่น ให้ซื้อกองทุนหุ้นก่อน แล้วค่อยขยับไปเล่นรายตัว แล้วค่อยไปดู LTF ดูความถนัดและเวลาของเราเป็นหลัก 4. เรื่องสหกรณ์ ไม่รู้ว่าของที่ไหน บางที่ก็โอ บางที่ก็ไม่ ดูหน่อยแล้วกัน จากคุณ : ปลาทู - [ 3 มิ.ย. 50 10:12:20 A:58.8.124.221 X: TicketID:116053 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอแนะนำคร่าวๆครับว่า ต้องรู้จักตนเองก่อนครับ เดือนนึงโดยเฉลี่ยมีรายได้ รายจ่ายอะไรบ้าง จำแนกออกมาได้ เป็นรายจ่ายที่จำเป็น รายจ่ายฟุ่มเฟือย ร่ายจ่ายคงที่ รายจ่ายผันแปร เพื่อประเมินตนเองได้ครับ การจะให้เงินงอกเงยนั้น ต้องทำทั้ง เพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้คล่องตัวครับ พอทำบัญชีส่วนตัวซัก3เดือน น่าจะพอประเมินรายจ่ายต่อเดือนได้ ให้สำรองเงินไว้เป็นจำนวน 6เท่าของรายจ่ายต่อเดือนนั้น ไว้ในกองทุนตราสารเงินสภาพคล่องสูงครับ เงินส่วนนี้จะเป็นเงินออม ไม่หวังผลในการลงทุน เพราะต้องเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน อย่างน้อยเรายังพอมีโอกาสตั้งตัว มีเงินสำหรับประทังชีวิตอยู่6เดือน เงินถัดจากนี้ไปจึงค่อยนำไปลงทุนครับ ซึ่งกรณีของคุณทำงานแล้ว น่าจะพิจารณาการลงทุนที่เอาไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ เช่น การซื้อ LTF , ประกันชีวิต ,กองทุนProvident Fundของที่ทำงาน etc. ซึ่งกรณีของคุณมีประกันชีวิตแล้ว ก็อาจซื้อให้เบี้ยประกันเต็มวงเงินลดหย่อน ตรงนี้อาจปรึกษา Tax consultant เพื่อวางแผนภาษีได้ครับ พอลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีจนเต็มที่แล้ว จึง พิจารณาลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน ภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น การ Allocate asset classes เป็นสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ครับ สำหรับสัดส่วนว่า ควรลงทุนในหุ้น ในกองทุนหุ้น ในทองคำ ใน FIF กี่% นั้น ให้พิจารณา "ความเย็น" ของเงิน และ"ความสม่ำเสมอ"ที่เราสามารถลงทุนเพิ่มได้อย่างมีวินัย ครับ โดยพิจารณาจาก กระแสเงินสดต่อเดือนว่าเราพอเหลือเท่าไหร่ที่จัดสรรมาลงทุนได้ และเป็นเงินที่รับความเสี่ยงได้ หากมันพร่องลงไปบ้าง เราก็ยังนอนหลับเป็นสุข มีชีวิตอย่างปกติได้ เริ่มแรกอาจจะลองแหย่ๆ ลงทุนเพียงขั้นต่ำของแต่ละกองทุนที่เราสนใจครับ เพื่อศึกษาระบบ ศึกษาตนเองว่ารับความเสี่ยงได้แค่ไหน ให้ดูว่าตนเองอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของเงินลงทุนแค่ไหน สำหรับหุ้นนั้น แนะนำว่าควรหาความรู้ให้มั่นใจก่อนเริ่มลงทุนครับ ซึ่งใน Settrade.com, Pantip.com มีพอร์ตจำลองให้เราลองซื้อลองขายหุ้นจำลอง ลองซ้อมมือในนั้นก่อนก็ได้ครับ พอมั่นใจแล้วค่อยลงทุนเพิ่ม ให้เข้ากับบุคลิกและความสุขของตนเองที่สุดครับ เพราะเป้าหมายเรานอกจากความมั่งคั่งแล้ว ควรเป็นความสบายใจ ความสุขในชีวิตด้วย แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 50 11:16:45 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 50 11:15:22 จากคุณ : EncodeO - [ 3 มิ.ย. 50 11:15:10 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำค่ะ พี่ปลาทูคะ อิมมีบ้านอยู่แล้วอ่ะค่ะ ส่วน RMF อิมมองว่าระยะเวลามันยาวเกินไป ตอนนี้สนใจ LTF ค่ะ แต่รอให้ NAV ลงมาอีกหน่อย เรื่องสหกรณ์ อิมอยู่การบินไทยค่ะ พี่ Encodeo คะ อิมจ่ายประกันชีวิต 60000 บาทต่อปีค่ะ แล้วก็หัก Provident Fund ของบริษัทเต็มจำนวนแล้วค่ะ ตอนนี้สนใจ LTF กองทุนหุ้น แล้วก็ กองทุน FIF พี่ Encodeo ช่วยแนะนำทีนะคะ จากคุณ : im_im - [ 3 มิ.ย. 50 15:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณเป็นมนุษย์เงินเดือน เวลาลงทุนต้องดูสิ่งที่ รัฐให้ประโยชน์ก่อน ซึ่งได้แก่รายการหักลดหย่อนทั้งหลาย ไม่ว่าเป็นดอกเบี้ยบ้าน ประกันชีวิต RMF LTF หากสังเกตุจะเห็นว่ารัฐส่งเสริมให้คนที่มีรายได้ในวัยหนุ่มสาวออมเงินส่วนหนึ่งเก็บไว้ยาวๆเพื่อวัยเกษียณ ดังนั้นคุณต้องถามตัวเองว่าเงินที่จะออมสั้นเท่าไร ออมยาวเพื่อใช้ตอนเกษียณได้ประโยชน์ทางภาษีเท่าไร หลังจากนั้นค่อยมาหาตัวที่จะลงทุน คุณว่า RMF ยาว ก็ถูก เนื่องจากมันยาวคุณจึงสามารถโยกไปมาได้ระหว่างกองที่เสี่ยงต่ำสุดถึงเสี่ยงสูงสุดโดยไม่เสียประโยชน์ทางภาษี ขณะที่คุณมอง LTF ซึ่งต้องถืออย่างน้อย 3ปี 2 วัน ถ้าเข้าจังหวะไม่ดีขาดทุนไม่รู้ทำใจได้หรือเปล่า อย่างตอนนี้พวกถือยาวระดับ 3-5 ปี เค้าจะเข้าซื้อกัน แต่คุณรอ คุณต้องถามใจตัวเองว่า Nav เท่าไรถึงจะพอใจเข้าซื้อ เพราะมันขึ้นลงทุกวัน แต่ LTF มันต่างกับอันอื่นคืออยากขายก็ขายไม่ได้ถ้ายังไม่ถึงเวลา สหกรณ์การบินไทยก็น่าจะโอ ดูเงินปันผลเป็นหลักว่าจ่ายปีละเท่าไร จริงๆน่าจะได้ระดับ 5-8% ต่อปีนะพวกสหกรณ์ เงินฝากก็เอาตามสะดวก จากคุณ : ปลาทู - [ 3 มิ.ย. 50 20:28:42 A:58.8.120.46 X: TicketID:116053 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สำหรับกองทุนที่น่าสนใจในแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็น LTF, FIF, Equity อันนี้ผมเกรงว่าไม่อยากชี้นำน่ะครับ เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยง และมีความสะดวกในการซื้อขายกับกองทุนแตกต่างกัน สำหรับการแนะนำนี่ คิดว่าทาง พี่ Mr.Messenger น่าจะให้คำแนะนำได้กระจ่างกว่าครับ ^^ ในฐานะที่พี่เขาเป็น Selling Agent ผู้มีประสบการณ์ ส่วนสำหรับตัวผมเองนั้น ผมมีพอร์ตการลงทุนคร่าวๆ ตามในกระทู้นี้เลยครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I5444595/I5444595.html โดยจัดพอร์ตตามความจำเป็นในการใช้เงิน และ ความเสี่ยงแลกกับผลตอบแทนที่ยอมรับได้ จากคุณ : EncodeO - [ 4 มิ.ย. 50 14:28:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณอิม เรียกคนอื่นว่าพี่เนี่ย ผมเลยไม่กล้าคุยด้วยเลย เพราะผมมั่นใจว่าตัวเองเป็นน้องคุณอิมแน่นอน โฮะๆ เข้าเรื่องดีกว่า สำหรับดอกเบี้ยสหกรณ์ที่ 3.75%เนี่ย ถือว่าใช้ได้เลยครับ ไม่แนะนำให้นำออกมาหมด กันไว้เป็นเงินยามฉุกเฉินส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่ง หาที่เพิ่มความเสี่ยงเอา และส่วนที่น่าจะนำมาลงทุนเพิ่มผลตอบแทนได้แบบ ไม่ริดรอนภาะทางการเงินได้ น่าจะเป็น 10,000 บาท ทุกเดือน ที่เอาไปไว้ในเงินฝากออมทรัพย์ธนชาติ แล้วเอาไปลงทุนในไหนดีเอ่ย.. - สำรวจตัวเองครับ รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน และมีความรู้ความเข้าใจในตลาดหุ้นมากน้อยแค่ไหน แล้วตลาดตราสารหนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้าพอมีเวลาติดตามข่าวเศรษฐกิจ และสนใจการลงทุนจริงๆจังๆ อาจจะเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์ได้ แต่แนะนำว่าต้องมีความรู้หน่อยนะครับ เด๋วโดนโบรกเกอร์ปั่นหัว จะยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่มีเวลา กองทุนหุ้นปันผลดีๆ น่าจะเป็น choice ที่ 2 ครับ ปัจจุบัน ตลาดหุ้นไทยถือเป็นตลาดที่มีการจ่ายปันผลดีเป็นอันดับ 4 ของโลกเลยนะครับ ไม่ธรรมดาๆ แต่อย่างที่รู้สึกว่าหุ้นแพงไปนั้น อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ครับ ที่บอกว่าอาจจะจริงนั้นก็เพราะ หุ้นขึ้นมาแรงมากในระยะเวลาไม่กี่วัน ทั้งนี้เป็นเพราะประเด็นทางการเมืองคลี่คลาย แต่ในระยะยาวจะดีคต่อไปหรือเปล่า ก็ไม่สามารถฟันธงได้ แต่อีกมุมหนึ่ง ลองนึกกันเล่นๆดูก็ได้ ว่าถ้าไม่เกิดวิกฤตทางการเมืองอย่างทุกวันนี้ หรือไม่มีนโยบาย 30% ของแบงก์ชาติ ตอนนี้หุ้นไทยไปถึงไหนแล้ว เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน?? หุ้นไทยโดนลงโทษมามากกว่าที่ควรได้รับแล้วครับ แต่ในขณะเดียวกัน ก็ดูเหมือนจะยังดื้อๆอยู่หน่อยๆ ความผันผวนระยะสั้นจึงยังมีอยู่แน่นอน หากลงทุนในหุ้นไทย คงต้องลงทุนแบบ Value Investor เน้นปัจจัยพื้นฐานไว้ก่อนดีกว่า หรือ หากอยากกระจายความเสี่ยงไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ก็ต้อง FIF แนะนำ เป็นภูมิภาคยุโรป ไม่ก็กระจายมันไปทั่วโลกก็ได้ KGLOBE ของ บลจ.กสิกร ไม่ก็ ABEG ของ บลจ.อเบอร์ดีน ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger - [ 4 มิ.ย. 50 16:25:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรียกหมีพูว่า "พี่" (หูย...แก่มั่ก ๆ) เลยแอบงอนอยู่ข้างห้อง จากคุณ : หมีพูหมูพี - [ 4 มิ.ย. 50 21:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แง้ว แง้ว อย่างอนเลยนะเฮียหมีพู อิมเรียกพี่ เพราะเห็นเป็นกูรูเรื่องการลงทุนน่ะค่ะ จากคุณ : im_im - [ 6 มิ.ย. 50 04:18:44 ]