ความคิดเห็นที่ 1
1.ถ้าบางประเทศลบ บางประเทศบวก ผมจะไม่ซื้อเพิ่มครับ ^^; เพราะจุดประสงค์ที่ต้องเข้าไปซื้อเพิ่ม เนื่องจากว่า มุมมองต่อ trend ระยะยาว ของทั้งภูมิภาคยังคงมีช่องให้หุ้นทั้งภูมิภาคขึ้นไปได้อีก
ดังนั้นแล้ว การที่หุ้นในภูมิภาคนั้นพร้อมใจเทกระจาดตกลงมาเหมือนลดราคา ผมจึงมองเป็นโอกาสเข้าเก็บของถูก เพื่อซื้อให้ได้หน่วยลงทุนมากขึ้น โดยคาดหวังว่าการตกนั้นเป็นแค่ชั่วคราว เดี๋ยวก็ฟื้นคืนชีพขึ้นต่อไป ตามtrendใหญ่
และจริงๆแล้วสำหรับช่วงนี้แม้หุ้นจีน ( ^SSEC) จะตกระนาวกระจาย แต่ประเทศอื่นในภูมิภาคยังบวกอยู่ ผมเลยยังไม่ได้ซื้อเพิ่มน่ะครับ ยังไม่ถึงเวลาลงหนักๆ ทั้งภูมิภาค ยังตกหนักไม่พอให้เข้าซื้อ
แต่จริงๆต้องระวังว่า "วันนี้หุ้นตก พรุ่งนี้ไปซื้อเลย" มันใช้งานได้ระดับนึงนะครับ เพราะอย่างที่เคยบอกไว้ในกระทู้ก่อนๆ ว่า กองทุนABAPAC ถือหุ้นรายตัวของแต่ละประเทศ ซึ่งทำให้บางครั้ง แม้ดัชนีประเทศนั้นตก แต่หุ้นที่ถืออาจจะแข็งแกร่งท้าฝนท้าหนาวไม่ยอมตก หรือตกน้อยกว่าดัชนีก็เป็นได้ กลยุทธ์นี้จึงทำได้แค่ดูแนวโน้มครับ
และ ไม่แนะนำให้ดูว่าหุ้นตกแค่วันเดียวแล้วเข้าซื้อเลย ผมจะรอให้ตกจนสุดก่อน แล้วเปลี่ยนtrendระยะสั้นเป็นขาขึ้น (นั่นคือปรับฐานแน่นเพื่อขึ้นต่อแล้ว) ค่อยเข้าซื้อ
ยอมไม่ได้ซื้อที่ราคาต่ำสุด ดีกว่าซื้อว่าถูกแล้วยังมีถูกกว่าน่ะครับ
2.ดูดัชนีต่างประเทศได้ที่ http://finance.yahoo.com และดูพอร์ตกองทุนของ ABAPAC masterfund ที่สิงคโปร์ได้ที่
http://www.aberdeen-asset.com/pdfupload.nsf/BF7003AA8D7081ED802570C1004BFDBD/$file/PacificEquity.pdf?OpenElement
พบว่าสัดส่วน top ten holding, countries allocation จะเน้นไปที่ อินเดีย สิงคโปร์ จีนฮ่องกง ครับ *แต่เท่าที่ตามดู NAV แม้ตลาดจีนเซี่ยงไฮ้ ^SSEC จะดิ่งเหวไปกว่า10% แต่ NAVกองทุนกลับตกลงไปไม่เยอะ แสดงว่าน้ำหนักของหุ้นจีนที่ABAPACไปลงทุน ควรจะเน้นดูที่ดัชนี ^HSI มากกว่าครับ*
*ความเห็นส่วนตัวนะครับ ยังไงให้ชัวร์ควรโทรถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กองทุนอีกทีครับ
จากคุณ :
EncodeO
- [
5 มิ.ย. 50 23:50:54
]
|
|
|