Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สพรั่งล่าล้างผลาญ โละบอร์ด AOT วันนี้ (จากข่าวหุ้น settrade)

    --- ไม่ได้โจมตีใครครับ แต่นี่คือความจริงที่กำลังเกิดขึ้นกับ AOT ---

    "สพรั่ง" บ้าเลือด เสนอเปลี่ยนบอร์ด AOT วันนี้ เข้าพบ "ธีระ" ขอไฟเขียวระบุทำงานล่าช้า เพราะมัวแต่รอบคอบเกินไป "พี่ห้าว" เบรก ชี้บอร์ดทำงานดีแล้ว แต่อาจไม่ถูกใจ ด้าน "บรรณวิทย์" พุ่งเป้าใหญ่ที่ "ต่อตระกูล" จวกเละทำงานสุดอืด วงในชี้ขัดแย้งกันมาตลอด แถมบอร์ดอีก 5-6 คนก็ไม่เอานโยบายบรรณวิทย์ ด้านคิงเพาเวอร์ยอมหักไม่ยอมงอ ลั่นไม่เซ็น MOU ถ้าถึงที่สุดยื่นศาลคุ้มครองฉุกเฉิน
             พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในฐานประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า ได้เสนอต่อพล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม วานนี้ (6มิ.ย.) เพื่อขอปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ AOT (บอร์ด) หลังจากพบว่าการทำงานที่ผ่านมามีความล่าช้าเกินไป เช่นการอนุมัติงานที่คั่งค้าง
             ทั้งนี้สาเหตุเนื่องจากบอร์ดวิตกกังวลและรอบคอบมากเกินไป ซึ่งตนเข้าใจว่าบอร์ดแต่ละคนมีความรู้ความชำนาญในสาขาที่กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลังสรรหามา มีความมุ่งมั่นตั้งใจ ทำให้การตกลงใจร่วมกันมีปัญหาบ้างในบางครั้ง อย่างไรก็ตามปัญหาความล่าช้าไม่ได้เกิดจากการถูกขัดขวางหรือถูกเตะถ่วง
             นอกจากนี้วัฒนธรรมภายใน AOT ค่อนข้างเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ทำให้ตนรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจในการทำงาน จึงเห็นควรว่าต้องปรับการทำงาน โดยจะมีการหารือกรณีดังกล่าวในที่ประชุมบอร์ดวันนี้ (7 มิ.ย.) แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการปรับเปลี่ยนหรือไม่
             "ผมเข้าใจว่ากรรมการทุกท่านมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำงาน แต่เมื่อทุกอย่างมันรอบคอบมากเกินความจำเป็น อะไรก็ป้องกันไว้ก่อน มันจะยิ่งส่งผลทำให้งานมีปัญหา ซึ่งโดยส่วนตัวผมขอหลักการทำงานแค่ 3 ข้อ คือ ขอให้มีผลงาน อย่าสร้างความหนักใจให้ผู้บังคับบัญชา อย่าเกี่ยงงานกัน และให้ออมชอมกันบ้าง" พล.อ.สพรั่ง กล่าว
             ด้านพล.ร.อ.ธีระ กล่าวว่า หากบอร์ด AOT มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเพื่อประสิทธิภาพการทำงานก็สามารถกระทำได้ เพราะถือเป็นอำนาจของบอร์ดอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาเห็นว่าบอร์ดทำงานอย่างเต็มที่ เพียงแต่ปัญหาภายใน AOT และสนามบินสุวรรณภูมิมีมากรวมทั้งติดเงื่อนไขสัญญาต่างๆ จึงอาจทำให้ดูเหมือนว่างานมีความล่าช้าบ้าง
             "จริงๆแล้ว ผมว่าเค้าก็ทำกันเต็มที่นะ แต่อาจจะมีบ้างที่ไม่ถูกใจ เราต้องเข้าใจว่าปัญหามันเยอะ เงื่อนไขกฎหมายด้วย สัญญาด้วย ก็อาจมีบ้างที่งานจะล่าช้า" พล.ร.อ.ธีระกล่าว
             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียนประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในฐานะประธานที่ปรึกษาบอร์ด AOT ได้เดินทางเข้าพบ พล.ร.อ.ธีระ เพื่อเสนอให้ช่วยพิจารณาปรับเปลี่ยนกรรมการ AOT บางคน โดยอ้างว่าให้การทำงานมีความคล่องตัวมากขึ้น
             โดยพล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า การทำงานของ ทอท.ล่าช้ามาก โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความชำรุดของรันเวย์และแท็กซี่เวย์ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการตรวจสอบชุดที่มีนายต่อตระกูล ยมนาค เป็นประธาน ซึ่งยืดเยื้อมากว่า 6เดือนแล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่ชัดเจนและวิธีการซ่อมแซมถาวรได้
             ทั้งนี้ในช่วงแรกของการเปิดบริการสนามบินสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ พยายามที่จะบอกกล่าวแก่สาธารณชนว่าควรปิดสนามบินสุวรรณภูมิก่อนชั่วคราวอย่างน้อย 2 -3 เดือน เพื่อปรับปรุงและซ่อมแซม โดยเฉพาะปัญหารันเวย์ที่น่าจะส่งผลกระทบต่อการขึ้น-ลงของเครื่องบิน
             ขณะที่นายต่อตระกูล ซึ่งรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว ได้นำคณะวิศวกรร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ และสรุปในเบื้องต้นว่าไม่จำเป็นต้องปิดสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อซ่อมแซม เพราะสามารถดำเนินการไปพร้อมกับการเปิดให้บริการได้
             นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า ทั้ง 2 คนมีความขัดแย้งกันในเรื่องแนวทางการดำเนินการกับบริษัท คิงเพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และยังมีกรรมการอีกไม่ต่ำกว่า 5-6คน ที่มีแนวคิดขัดแย้งกับการทำงานของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ โดยส่วนใหญ่เป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาใหม่ ไม่ใช่กรรมการที่สืบทอดตำแหน่งมาจากบอร์ดชุดเก่าคิงเพาเวอร์ลั่นไม่เซ็นMOU
             นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท คิงเพาเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า คิงเพาเวอร์จะไม่ยอมลงนามในบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ที่ AOT ส่งมาให้ เพื่อแลกกับการที่จะต่ออายุบัตรผ่านเข้า-ออกพื้นที่ ให้แก่พนักงานคิงเพาเวอร์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายในอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากเห็นว่าในMOU มีเงื่อนไขหลายประการที่ทำให้คิงเพาเวอร์เสียเปรียบ และการลงนามยังเสมือนว่าคิงเพาเวอร์ยอมรับความผิดกรณีที่ AOT ให้สัญญาบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์และร้านค้าปลอดภาษีเป็นโมฆะ
             ส่วนปัญหาการเข้าพื้นที่นั้น นายจุลจิตต์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนพนักงานที่บัตรยังไม่หมดอายุ เข้าไปทำงานในพื้นที่ก่อน ซึ่งยอมรับว่าจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้า ที่อาจไม่ได้รับความสะดวก เพราะจำนวนพนักงานน้อยลง
             อย่างไรก็ตาม หากการแก้ปัญหาตามวิธีดังกล่าวถึงจุดวิกฤติ คิงเพาเวอร์จะร้องต่อศาลแพ่งอีกครั้ง เพื่อขอให้ไต่สวนคุ้มครองฉุกเฉิน ก่อนจะถึงวันนัดสืบพยานในวันที่ 24 ก.ย.2550
             "เราคงลงนามในข้อตกลงไม่ได้หรอก เพราะจะเหมือนกับว่าเรายอมรับสภาพที่เกิดขึ้น ตอนนี้ก็เป็นห่วงพนักงานและครอบครัวของเค้าที่ต้องมารับผลกระทบ เพราะเรื่องนี้ยืดเยื้อมา 7-8เดือนแล้ว ซึ่งเราจะพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ถ้าทนไม่ไหวจริงๆคงต้องพึ่งศาลให้ช่วยไต่สวนฉุกเฉิน เพราะใช้เวลาแค่ 1-2 วัน เท่านั้น" นายจุลจิตต์กล่าว
             นายจุลจิตต์ กล่าวอีกว่า ในการประชุมบอร์ด AOT วันนี้ (7 มิ.ย.) อยากขอให้ AOTช่วยพิจารณาผ่อนปรนอุปสรรคต่างๆ ในการทำงานภายในสนามบินสุวรรณภูมิให้กับคิงเพาเวอร์ด้วย
             สำหรับเนื้อหาใน MOU ประกอบด้วย 3 ประเด็น คือ 1. โครงการดำเนินการในร้านค้าปลอดภาษี และร้านค้าเชิงพาณิชย์ จะต้องผ่านกระบวนการพ.ร.บ.ร่วมทุน พ.ศ. 2535 และไม่มีสัญญาผูกพัน, ไม่ก่อให้เกิดสิทธิการใช้พื้นที่ 2. ถ้าประสงค์ออกบัตรอนุญาตรวมถึงพาหนะเข้า-ออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ทาง AOT จะออกบัตรชั่วคราวให้โดยมีกำหนดระยะเวลา 3 เดือน แต่ AOT จะสงวนสิทธิ์ ยกเลิกบัตรโดยไม่บอกล่วงหน้า
             และ 3. ข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ถือเป็นการสละสิทธิ์ของ AOT ที่จะยกเป็นข้อต่อสู้ของAOT เพราะเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา AOT ได้แจ้งว่าคิงเพาเวอร์ไม่มีสิทธิ์เข้าไปใช้พื้นที่ในสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว
             นางกัลยา ผกากรอง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า จะรายงานกรณีที่คิงเพาเวอร์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก ทอท. 6.8 หมื่นล้านบาท ให้บอร์ดรับทราบ พร้อมทั้งแนวทางการดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และกำหนดเวลาที่ศาลนัดสืบพยาน ซึ่ง AOT จะประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้เป็นทนายแก้ต่าง
             นางกัลยา กล่าวอีกว่า มั่นใจว่า AOT มีความพร้อมต่อการสู้คดี เพราะในบอร์ดมีผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระดับมืออาชีพ และบอร์ดทุกคนจะรับทราบข้อมูลของคิงเพาเวอร์เป็นอย่างดี เนื่องจากที่ผ่านมา AOT ได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดของคิงเพาเวอร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้แก่บอร์ดแล้ว
             "ในบอร์ดเรามีนักกฎหมายมืออาชีพอยู่แล้ว จึงไม่น่าห่วง เพราะน่าจะมีการหารือและทางออกที่ดี ประกอบกับบอร์ดแต่ละคนจะมีข้อมูลทั้งหมดของคิงเพาเวอร์อยู่ในมือ เพราะเรารวบรวมไว้ให้ ตั้งแต่ที่มา ที่ไป อดีตจนปัจจุบัน"นางกัลยา กล่าว
             ด้านพล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า รับทราบการฟ้องร้องดังกล่าวในเบื้องต้นแล้ว และไม่มีความหนักใจอะไร เพราะถือว่าคิงเพาเวอร์กระทำเพื่อปกป้องสิทธิของตัวเอง ส่วน AOT จะต่อสู้ตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งน่าจะมีทางออกที่ดีและไม่ยืดเยื้อ เพราะส่วนตัวอยากให้ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว มากกว่าการมาเผชิญหน้ากันในลักษณะแบบนี้
             อย่างไรก็ตาม พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า มีความเห็นใจคิงเพาเวอร์ที่เข้ามาดำเนินกิจการ เพราะระหว่างขั้นตอนการอนุมัติ ไม่มีความรอบคอบ แต่คิงเพาเวอร์ก็ควรยอมรับเช่นกันว่าทำไม่ถูก แม้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจ
             "คิงเพาเวอร์ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง แม้จะไม่ได้ตั้งใจ เพราะทุกอย่างมันตบมือข้างเดียวไม่ได้ ผมอยากให้เรื่องจบลงด้วยดี สิ่งที่ผิดก็แก้ไขให้ถูก และหากเขาเดือดร้อนเราก็ต้องช่วยบรรเทาความเดือดร้อนนั้น อย่าไปทำให้เขาทั้งผิด ทั้งแย่และเดือดร้อน"พล.อ.สพรั่ง กล่าว
             ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมบอร์ด AOT จะมีการพิจารณารายชื่อผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงานเพื่อดำเนินคดีเกี่ยวกับกรณีคิงเพาเวอร์ และความชำรุดของรันเวย์และแท็กซี่เวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งล่าสุดสำนักงานอัยการสูงสุดได้ส่งรายชื่อตัวแทนที่จะเข้าร่วมในคณะทำงานมาให้ AOT แล้ว
             นอกจากนี้จะมีการพิจารณาเพื่อออกใบรับรองงานที่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข (Variation Order) รวม 3 งาน จากทั้งหมด 1,650 งาน คือ สัญญาก่อสร้างระบบถนนภายในสนามบินระดับพื้นและสะพานเข้าสู่สนามบินของกลุ่มบริษัท BP • KPV JV วงเงิน138.96 ล้านบาท , งานปรับปรุงคุณภาพดินบริเวณลานจอดประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 วงเงิน 5.64 ล้านบาท และทางวิ่งเส้นที่ 3 วงเงิน 2.22 ล้านบาทของบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน)
             พร้อมทั้งจะพิจารณาอนุมัติผลการเจราจาต่อรองในการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม งานAirfield Pavement ของทางวิ่งเส้นที่ 3และระบบทางขับ ของกลุ่มไอทีโอ จอนย์เวนเจอร์ วงเงิน417.65 ล้านบาท และพิจารณาการออกหนังสือรับรองงานให้แก่ บริษัท จีอีอินวิชั่น ผู้จัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตุถุระเบิด ซีทีเอกซ์ 9000 หลังจาก ทอท.ได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปขอความเห็นจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือ คตส. ซึ่งกำลังตรวจสอบมูลความผิดในกระบวนการจัดซื้ออยู่ โดยคตส.ได้ส่งหนังตอบกลับมายัง ทอท.แล้ว
             ขณะเดียวกัน บอร์ด ทอท.จะพิจารณางบลงทุนเพิ่มเติมประจำปี 2550 จำนวน 400ล้านบาท เพื่อนำมาดำเนินการในส่วนของสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินภูมิภาคที่อยู่ในความดูแลของ ทอท. รวมทั้งผู้บริหาร ทอท.จะเสนอการจัดทำงบประมาณประจำปี 2551 โดยจะมีทั้งงบประมาณทำการ และงบลงทุนซึ่งตั้งไว้ 6,050 ล้านบาท ก่อนเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.ต่อไป


    ----- ทีมา .. ข่าวหุ้น

    จากคุณ : smurfy - [ 7 มิ.ย. 50 11:39:03 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom