ความคิดเห็นที่ 1
อืม ไม่มีคนตอบกันเลย งั้นตอบให้นิดนึงละกันนะ
Passive Fund นี่จะออกเป็นแนวของ index fund ซึ่งจะอิงอยู่กับดัชนีของตลาดต่างๆ เช่น SET, SET50, SET100, etc.... ซึ่งจุดมุ่งหมายของ index fund คือ การกระจายความเสี่ยงให้รายย่อยโดยที่จะซื้อหุ้นเยอะๆเพื่อ diversify portfolio.... ผลตอบแทนก็แน่ล่ะครับ ควรจะเท่าๆกับตัวดัชนีที่เขาอ้างอิง.... หากผลตอบแทนดัชนีbenchmark อยู่ที่ 10%..... ผลตอบแทนก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 10% ครับ.... หากผลตอบแทนต่ำกว่ามาก หรือแม้แต่สูงกว่ามาก แสดงว่าการบริหารไม่ดีครับ เพราะไม่ทำตามหนังสือชี้ชวน... กองที่ดีต้องมีการเติบโตถดถอยเท่ากับตลาดครับ ไม่ควรห่าง.... ข้อดีก็คือสำหรับคนที่ลงทุนแบบติดตามหน่อย ซื้อขายได้บ่อย เพราะค่าธรรมเนียมมักจะถูกกว่า active funds.... ตัวอย่างกองพวกนี้ก็พวก SCBSET
Active fund มีจุดมุ่งหมายที่จะชนะตลาดให้ได้.... หากตลาดขึ้น 10% เป้าหมายของเค้าคือจะขึ้นมากกว่า 10%... หากตลาดลง 10% เค้าก็จะพยายามให้ลงน้อยกว่า 10%.... บางคนอาจจะคิดว่าแล้วทำไมไม่เล่น active fund กันหมดล่ะ.... ก็เพราะผู้จัดการกองทุนจะลงทุนเพื่อชนะตลาดครับ.... หากผลไม่เป็นอย่างที่คาดล่ะ... อาจจะลบมากกว่าตลาดก็ได้... พวกกอง active นี่ก็จะมีนโยบายลงทุนของตัวเอง เช่น Aberdeen จะไม่ลงทุนในบริษัทที่เป็นแบบ holding company structure คือรับรู้รายได้จากลูกๆ เช่น PTT.... (Aberdeen ถือ PTTEP แทน).... บางกองก็จะลงเฉพาะหุ้น small cap... ต้องถือเงินสดไม่เกินกี่เปอร์เซนต์ etc..... ข้อเสียก็คือกลุ่มกองพวกนี้เราต้องเชื่อมั่น ผจก กองทุนนั้นๆครับ ว่าเค้ามีความสามารถ และ ควรจะเป็นนักลงทุนระยะยาวๆหน่อย ที่ไม่ใช่แบบเห็นราคาหล่นหน่อยก็มาโพสต์ถามว่าทำไมอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะเขาจะซื้อขายหุ้นอยู่ตลอด.... ค่าธรรมเนียมการซื้อขายก็จะสูงกว่ากอง passive ด้วย ..... กองที่ดีก็จะเป็นกองที่ชนะตลาดมาตลอดครับ (อย่าดูแค่ปีนี้ปีเดียวครับ) กองพวกนี้ก็เช่นพวก aberdeen growth, aberdeen smallcap
หากจะลงทุนใน passive fund ก็ต้องรู้เรื่องแนวโน้มดัชนีนิดหน่อย ส่วน active fund ก็ต้องศึกษาความสามารถในการชนะตลาดย้อนหลังครับ การลงทุนมีความเสี่ยง คิดดีๆก่อนลงทุนนะครับ อย่าเน้นแค่ความสะดวกใกล้บ้าน เพราะค่าเดินทางไปอีกธนาคารอาจจะถูกกว่าเงินที่หายไปกับการลงทุนกับแบงค์ที่สะดวกก็ได้
จากคุณ :
Blahz -_-'
- [
8 มิ.ย. 50 15:09:01
]
|
|
|