|
-- ขึ้นๆๆๆๆๆๆๆ ลงๆๆๆๆๆๆๆ ขึ้นๆ ลงๆ --
..
ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ ความไม่แน่นอน ของตลาด ไม่ได้อยู่ที่ ระบบ DSM
ผมได้วิเคราะห์มาหลายแง่หลายมุม ไม่ว่าระบบใดๆ ก็ตาม มันจะมีจุดอ่อนอย่างน้อย 1 จุด เสมอ (ตามทฤษฎี)
บางครั้ง คุณจะติดปัญหา ว่าขายหุ้นออกไปแล้ว หุ้นตัวนั้นราคาสูงขึ้น ไม่กลับมาให้ซื้อคืนได้ บางครั้ง คุณซื้อคืนมาได้แล้ว หุ้นตัวนั้นก็ยังราคาตกต่อไปอีก
ปัญหา ก็มาอยู่ที่ว่า ถ้าเป็นตลาดขาขึ้นจะทำอย่างไร ถ้าเป็นตลาดขาลงจะทำอย่างไร ถ้าเป็นตลาดที่เอาแน่กับทิศทางไม่ได้ว่าจะขึ้นหรือลง จะทำอย่างไร
ผมได้ข้อสรุปง่ายๆ 3 ข้อ ครับ 1. เมื่อใดคุณ(ค่อนข้าง) แน่ใจว่า ตลาดกำลังจะเป็นขาขึ้น ให้คุณใช้เงินทั้งหมดที่มีอยู่ เข้าถือหุ้นเอาไว้
2. เมื่อใดที่คุณ(ค่อนข้าง) แน่ใจว่า ตลาดกำลังจะเป็นขาลง ให้คุณซื้อๆ ขายๆ โดยมีเงินสำรอง (กองหลัง) 70% ขึ้นไป
3. เมื่อใดที่คุณแน่ใจว่า ตลาดยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ให้คุณซื้อๆ ขายๆ โดยมีเงินสำรองไว้ 30% (หรืออาจจะเป็น 50% ก็ได้)
ทีนี้ถ้าเป็นขาขึ้น คุณไม่ต้องสำรองเงิน 30% เอาไว้อีกเลย เพราะนั่นคือจังหวะที่จะทำให้คุณใช้ศักยภาพของเงินได้เต็มที่
ถ้าเป็นขาลง เสมือนว่าคุณลงทุนด้วยเงินเพียง 30% ซึ่งก็ยังพอมีจังหวะให้หุ้นกระเตื้องขึ้นบ้างเป็นระยะๆ
ถ้าเป็นทิศทางที่ยังไม่ชัดเจน นั่นแสดงว่า หุ้นยังแกว่งตัว ให้คุณใช้ DSM โดยไม่ต้องกังวล เพราะ DSM ถูกออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะอยู่แล้ว
..
จากคุณ :
ไม่เป็นดั่งใจ
- [
21 มิ.ย. 50 17:06:34
]
|
|
|
|
|