Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ว.วชิรเมธี : จตุคามรามเทพกับสังคมไทย

    พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี  หรือ ว.วชิรเมธี กล่าวถึงเรื่องจตุคามรามเทพกับสังคมไทย ในบทสัมภาษณ์อินเทรนด์ อินธรรม โดยเพ็ญศิริ จันทร์ประทีปฉาย นิตยสาร สารคดี ปีที่ ๒๓ ฉบับที่ ๒๖๘ มิถุนายน ๒๕๕๐


    ว่ากันว่าที่คนไทยหันไปพึ่งจตุคามรามเทพ เป็นเพราะขาดที่พึ่งทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และศาสนา แต่ถ้าจะวิเคราห์กันจริง ๆ คนไทยขาดอะไรกันแน่

    อาตมาวิเคราะห์ว่าสังคมไทยขาดความรู้ ขาดความรู้สึก ขาดจิตสำนึกสาธารณะ และขาดปัญญาที่เป็นกลาง

    ทั้งพระสงฆ์และคนไทยขาดความรู้อย่างมหาศาล เช่นความรู้พื้น ๆ ด้านพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ที่พูดตรงกันว่าสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นไปตามกฎแห่งเหตุและผล ตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เพราะเทพดลบันดาลให้มี แต่พระกลับบอกว่าสิ่งนี้มีเพราะเทพบอกว่ามี พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา แต่เรากำลังนำพุทธศาสนาไปเป็นศาสนาของคุณวิเศษไสย พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการพึ่งตนเอง แต่พระกลับสอนให้ชาวพุทธพึ่งเทพ คนไทยเองก็รู้อยู่ว่าวิถีทางที่แท้จริงในการสร้างเนื้อสร้างตัวคือการทำงานหนักและประหยัดอดออม แต่พอเทพองค์ไหนมา คนไทยก็เอาด้วยทุกครั้ง พุทธศาสนาสอนให้คนลดละเลิกกิเลส แต่พระสงฆ์ทุกวันนี้กระตุ้นให้ชาวบ้านตกเป็นทาสของความโลภ ถึงขนาดออกจตุคามฯ รุ่น "รวยไม่มีเหตุผล" มา การขาดความรู้นี้ไม่ใช่เกิดแต่พระชั้นผู้น้อย แต่ยังเกิดกับพระระดับมหาเถระด้วย ถ้าสถาบันสงฆ์ซึ่งเป็นสถาบันตัวอย่างทางจริยธรรมกลับเต็มไปด้วยคนขาดความรู้และบกพร่องทางจริยธรรม ท่านเหล่านั้นจะนำสังคมไทยไปสู่อนาคตแบบไหน อาตมาก็ยังไม่กล้าคาดเดา

    นอกจากนี้วิทยาศาสตร์ยังบอกว่าโลกนี้มีแรงดึงดูดของโลก แรงแม่เหล็ก แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อนอย่างเข้ม พุทธศาสนาเพิ่มไปอีกแรงหนึ่งคือ แรงกรรม แต่ตอนนี้สังคมไทยกำลังบอกว่ามีแรงเทพด้วย  ถ้าแรงเทพมีจริง ทุกวันมีคนอธิษฐานพร้อมกันนับล้าน ๆ คน เทพจะช่วยเหลือคนเหล่านั้นได้อย่างไร ยกตัวอย่างประเทศอินเดียซึ่งเป็นสังคมที่นับถือเทพเจ้าเข้มข้นทีสุดในโลก ว่ากันว่าเทพในอินเดียมีมากมายเหมือนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา คำถามคือทำไมเทพเหล่านั้นยังปล่อยในอินเดียมีคนจนนับร้อยล้านคน และไหนว่าเทพรักษาพุทธศาสนา สุดท้ายทำไมปล่อยให้พุทธศาสนาสูญหายไปจากอินเดีย อาตมาจึงสรุปได้ว่า ถ้าคนไทยเข้าใจวิทยาศาสตร์และพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง จตุคามรามเทพจะไม่มีที่ยืนในสังคมไทย

    ขาดความรู้สึก สังคมไทยพลาดทางการเมืองและเศรษฐกิจมาแล้ว ยังมาพลาดทางสังคมด้วยการสร้างวัฒนธรรมแหห่งความมั่งคั่งร่ำรวยในทางที่ผิด เรากำลังก่อวินาศกรรมทางปัญญา สร้างมรดกบาปทางสติปัญญาส่งไปถึงคนรุ่นลูกหลานอีกเป็นร้อยปี แต่ก็ยังไม่รู้สึกกันว่าเรากำลังก้าวพลาดตรงจุดไหน

    ขาดจิตสำนึกสาธารณะ อาตมาขอตำหนิรัฐบาล ผู้นำคณะสงฆ์ ชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง สื่อมวลชน ปัญญาชน คนเหล่านี้ได้เปรียบจากสังคมไทยมากพออยู่แล้ว แต่ยามที่บ้านเมืองวิกฤต แทนที่จะเป็นหลักให้สังคมคืบเคลื่อนไปในศทางที่ถูกต้อง กลับซ้ำเติมด้วยการร่วมกันปลุกเสกจตุคามรามเทพ ใช้กลยุทธ์ทางการตลาดทำให้ความงมงายกลายเป็นสินค้าชนิดหนึ่ง โดยถือว่านี่เป็นโอกาสทองในการสูบเลือดสูบเนื้อจากประชาชนที่กำลังหน้ามืดตามัวเพราะตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของวิกฤต แล้วก็ดีใจกันว่าก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศตั้ง ๒ หมื่นล้าน นี่ไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ แต่น่าสมเพชมากกว่าว่าเรากระตุ้นเศรษฐกิจกันด้วยวิธีนี้หรือ

    ที่ร้ายแรงที่สุดคือสื่อมวลชน ไม่เพียงแต่ไม่ชี้นำประชาชนในทางที่ถูกต้อง ไม่นำความจริงมาเสนอต่อประชาชน แต่ยังหลอกประชาชน ยอมทิ้งจุดยืน ยอมขายจิตวิญญาณเพียงเพื่อแลกกับเงิน จนตอนนี้กลายเป็น สื่อ-มอม-ชน ไปแล้ว ถ้าแม้แต่สื่อซึ่งควรจะเป็นตัวแทนการเมืองภาคประชาชนที่ดี่สุดยังไม่มีจริยธรรม ก็อย่าไปหวังเลยว่านักการเมืองจะมีจริยธรรม

    ขาดปัญญาที่เป็นกลาง ถามว่านักวิชาการ ปัญญาชนทั้งหลายไปไหนหมด ทำไมจึงแทบไม่มีใครกล้าอุทิศตัวออกมายืนท่ามกลางกระแสที่เชี่ยวกรากนี้ แล้วบอกว่าสังคมกำลังก้าวผิดทาง เรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเสรีภาพทางความเชื่อแล้วคิดว่านั่นคือรูปแบบหนึ่งของประชาธิปไตยหรือเปล่า มนุษย์มีเสรีภาพทางความเชื่อก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเชื่ออะไรก็ได้ ถ้าสังคมไทยยังไม่มีใครเตือนใครอย่างทุกวันนี้ เราจะเป็นสงคมที่ล้มเหลวแทบจะทุกทาง

    ประเทศไทยพัฒนาประชาธิปไตยมา ๗๕ ปี แทนที่จะก้าวไปสู่ยุคดิจิทัล เป็นผู้นำในการส่งออกเทคโนโลยีขายทั่วโลกเหมือนจีน เวียดนาม สิงคโปร์ เรากลับส่งเทพออกไปขายทั่วโลก อาตมาเพิ่งไปอเมริกา วัดไทยที่นั่นตั้งแผงขายจตุคามรามเทพกันมากมาย หลอกคนไทยที่นี่ยังไม่พอ ยังไปหลอกคนไทยในเมืองนอกอีก ลูกศิษย์ของอาตมาเรียนอยู่ที่ฮาร์วาร์ดเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งเขาเข้าไปในห้องสมุด เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวกระแสจตุคามรามเทพในเมืองไทยในลักษณะตั้งคำถามว่า สังคมไทยกำลังย้อนยุคหรือเปล่า เขาถึงกับหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเก็บใส่กระเป๋ากลับบ้าน พร้อมรำพึงกับตัวเองว่า อย่าให้ฝรั่งได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เลย มันขายหน้าคนไทยมาก นั่นคือสิ่งที่ชาวโลกมองมายังสังคมไทยในเวลานี้

    มนุษย์ควรปฏิสัมพันธ์ต่อเทพด้วยท่าทีอย่างไร

    ท่าทีที่ถูกต้องของพุทธศาสนาต่อเทพ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนมาตลอดคือ ต้องทิ้ง "เทพ" สยบ "ธรรม" ยกธรรมขึ้นเป็นสิ่งสูงสุด มนุษย์ควรอยู่กับเทพในฐานะสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งในเอกภพนี้ เทพเป็นเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายเหมือนเรา มนุษย์กับเทพแตกต่างกันได้ก็เพราะธรรมะ แต่เวลานี้คนไทยปฏิบัติต่อเทพเหมือนเป็นสิ่งสูงสุดยิ่งกว่าพระพุทธเจ้า โดยลืมไปว่าแท้ที่จริงเทพก็อยู่ในช่วงฝึกหัดพัฒนาตัวเองเช่นเดียวกับมนุษย์ไม่สามารถเป็นที่พึ่งของตัวเองได้ ขอตั้งข้อสังเกตว่าคนโบราณที่สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ ที่วัดพระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช นั้นฉลาดมาก ท่านสร้างเจดีย์สูงใหญ่ แล้วสร้างเทพไว้รักษาตรงฐานเจดีย์ แสดงว่าคนสมัยนั้นเข้าใจคติว่า "เทพ" รับใช้ "ธรรม" แต่คนไทยในปัจจุบันจะไปไหว้พระเจดีย์ตรงนั้น พอเห็นเทพก็ยกเอาเทพมาเป็นสรณะที่พึ่งเลย ไม่สามารถก้าวต่อไปถึงองค์เจดีย์ซึ่งเป็นสิ่งสูงสุดคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เห็นได้ว่าภูมิปัญญาคนไทยทุกวันนี้มีวิวัฒนาการอยู่แค่ขั้นบันไดเท่านั้นเอง

     
     

    จากคุณ : เพ็ญชมพู - [ 22 มิ.ย. 50 10:04:10 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom