ความคิดเห็นที่ 2
ลองอ่านข้อคิดของท่านกับบางเรื่องราวในสังคมไทย พระมหาวุฒิชัยกล่าวว่า
ทุกวันนี้ประเทศของเรากำลังประสบปัญหาวิกฤติหลายด้าน ซึ่งก็สืบเนื่องมาจากลัทธิบริโภคนิยมของคนไทยที่หันมาให้ความสำคัญกับวัตถุมากขึ้น ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ อยากรวย ซึ่งความต้องการอยากรวยนั้นไม่ได้ผิดบาป หากเป็นความรวยที่มาจากการลงทุนลงแรงของตัวเอง แต่ความหวังที่จะรวยโดยไม่ต้องออกแรง อันเนื่องมาจากการเคารพบูชากราบไหว้วิงวอนเทพเจ้า
พระมหาวชิรเมธีได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องของคนไทยในยุคปัจจุบันที่มักจะไม่ค่อยใช้กำลังความสามารถของตนเองแต่หวังเพียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์สมมติอย่างจตุคามรามเทพ ที่ท่านได้เปิดเผยว่ารู้สึกไม่สบายใจที่พ่อค้าแม่ค้านำเอาแบรนด์ของพุทธศาสนาเข้าไปใช้ และอ้างว่าจตุคามเป็นพระโพธิสัตว์ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ทำให้เสียถึงพระพุทธศาสนา ทำให้คนในยุคนี้งมงายและรวมถึงเป็นการส่งต่อความงมงายให้แก่เยาวชนรุ่นต่อไปด้วย
ว.วชิรเมธีแสดงธรรมต่อไปว่า ทุกวันนี้มีจตุคามในประเทศไทยประมาณ ๓๐-๖๐ ล้านชิ้น ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วคนไทยจะมีจตุคามคนละหนึ่งชิ้นคล้องคอมาตั้งแต่แรกเกิด ตนเองจะไม่เดือดร้อนเลยถ้าพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นจะไม่เติมคำว่าพระโพธิสัตว์ลงไป จะไม่เดือดร้อนเลยหากไม่นำมาปลุกเสกในวัด และจะไม่เดือดร้อนเลยหากคนที่นั่งปลุกเสกเหงื่อไหลไคลย้อยนั่นนุ่งห่มผ้าเหลือง แถมมีกระแสข่าวว่านักการเมืองระดับผู้นำจะทำจตุคามแข่งกัน บอกว่าจะนำรายได้ไปทำอะไรดีๆ ให้สังคม แต่ถ้ามองคำสอนพระพุทธศาสนาจริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้ากล่าวว่าถ้าอยากจะได้ผลดีก็ต้องทำเหตุให้ดี แต่ในวันนี้ผู้ใหญ่ระดับผู้นำของประเทศหวังจะนำผลที่เป็นรายได้ไปช่วยสังคม แต่มาจากเหตุที่ไม่ดี มันทำให้หลักการเสียหาย ทุกวันนี้คำว่า "ใคร ๆ ก็ทำกัน" , "ใคร ๆ ก็โกงกัน" หรือ "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" นั้นกลายเป็นมโนธรรมใหม่ ๆ ของสังคมไทย ซึ่งนั่นทำให้เกิดความ "ขลาดเขลาเบาปัญญา" ในสังคมไทย"
ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๐
ลิงก์เดียวกับคุณนายท้ายเรือ http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=4374.msg33557
จากคุณ :
เพ็ญชมพู
- [
22 มิ.ย. 50 10:38:30
]
|
|
|