ความคิดเห็นที่ 1 NAV แทนด้วยราคาหน่วยลงทุน ที่คำนวณมาจาก NAV = ทรัพย์สินสุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว / จำนวนหน่วนลงทุนทั้งหมดของกองทุน NAV = ราคาหน่วยลงทุน หน่วยเป็น บาท = ราคา ต่อ 1 หน่วย :: ราคาเสนอขาย (ผู้ลงทุนซื้อ) = ราคาหน่วยลงทุน + 0.0001 บาท เสมอ ในการคำนวณราคาเสนอขาย ให้ปัดจุดทศนิยมตำแหน่งที่ 4 ขึ้น ดังนั้น ราคาเสนอขาย แม้จะไม่มีค่าธรรมเนียม ก็จะมากกว่าราคาหน่วยลงทุน 0.0001 บาท เสมอไม่ว่าราคาหน่วยลงทุนจะเท่าไหร่ก็ตาม (ยกเว้นตอนจองซื้อ ที่ 10 บาทครับ) :: ราคารับซื้อคืน = ราคาหน่วยลงทุน ในการคำนวณราคารับซื้อคืน ให้ปัดจุดทศนิยมตำแหน่งที่ 5 ทิ้ง จากข้อกำหนด ตามประกาศ http://capital.sec.or.th/webapp//nrs/data/3789s.pdf หน้า 7 ข้อ 2 (ข) ครับ ดังนั้นไม่ว่ากองทุนใดๆ ก็ตาม และทุก บลจ.จะมีวิธีการเดียวกันหมดครับ แต่ถ้ามีค่าธรรมเนียม ก็จะมีการคำนวณจาก ราคาหน่วยลงทุน แล้วแสดงผลเช่นเดียวกันตามประกาศข้างต้นครับ ดังนัน NAV หรือ ราคาหน่วยลงทุนนั้น จึงเป็นค่ากลาง ที่ต้องได้มาก่อน ราคา ซื้อ-ขาย หน่วยลงทุนเสมอครับ โดยถ้ากองทุนมีค่าธรรมเนียม จะมีผลลัพท์คือ ราคาเสนอขาย = [ ราคาหน่วยลงทุน x (1 + ค่าธรรมเนียม รวม VAT) ] + 0.0001 บาท ราคารับซื้อคืน = ราคาหน่วยลงทุน x (1 - ค่าธรรมเนียม รวม VAT) ----------------------- ดังนั้นสำหรับ SCBSET ที่มีค่าธรรมเนียมเฉพาะตอนขายคืน 0.1% + vat แล้ว ราคาเสนอขาย = ราคาหน่วยลงทุน + 0.0001 บาท ราคารับซื้อคืน = ราคาหน่วยลงทุน x (1 - 0.107%) :: รวม VAT 7% จากคุณ : pjuk - [ 27 มิ.ย. 50 23:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เคยตอบไปแล้ว มันต้องมี NAV ก่อนครับ ราคาซื้อ/ขาย เป็นค่าที่ derived จาก NAV ถ้าไม่มี NAV ก็ไม่มีราคาซื้อ/ขายครับ นั่นคือ มันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีครับ เหมือนกับถามว่า เรามีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทำไม มีแค่บัญชีกองทุน ก็พอไม่ใช่เหรอ มันต้องมีบริษัทหลักทรัพย์ฯ ก่อนครับ ถึงจะมีคนเปิดบัญชีกองทุนให้คุณได้ จากคุณ : DD - [ 27 มิ.ย. 50 23:46:39 A:210.203.177.170 X: TicketID:100823 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอเสริมด้วยคนครับ  มูลค่าต่อหน่วย ไว้ช่วยให้เราเปรียบเทียบผลการดำเนินงานของกองทุนได้ง่ายขึ้นด้วย ครับ  ลักษณะนี้ เรียกว่า unitization   คือเอา NAV ทั้งหมด ที่เป็นล้านบาท  มาหารด้วยหน่วยของกองทุนทั้งหมด  ทำให้ได้ มูลค่าต่อหน่วย     เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงมูลค่าต่อหน่วยในระหว่างเวลาที่แตกต่างกันได้  เราจะได้รู้ว่าเราได้กำไรเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไร การเปรียบเทียบผบกำไร  ถ้าดูเผิน ๆ จะรู้สึกว่าง่าย  แค่เอาเงินที่ได้ หักด้วยเงินต้น  และก็มาเทียบบัญญัติไตรยางค์  ก็จะได้ผลตอบแทน     ในความเป็นจริง มีอะไรซับซ้อนกว่านี้ครับ  หลายกองทุนมีการจ่ายเงินปันผล  มีการขายคืนอัตโนมัต  และในหลายๆ ครั้ง ก็มีซื้อ ๆ ขาย ๆ เข้า ๆ ออก ทำให้ยอดเงินเราไม่คงที่ให้วัดกันง่าย ๆ     ดังนั้น การมีมูลค่าหน่วยจะช่วยตรงนี้ ได้มากทีเดียว  เพราะจะทำให้เราทราบผลตอบแทนได้จากมูลค่าต่อหน่วยที่เปลี่ยนแปลงไป  ในช่วงเวลาที่เราอยากจะวันผลตอบแทนได้ครับ   และที่สำคัญมูลค่าหน่วย ทำให้เรารู้ว่าขณะนี้ เรามียอดเงินทั้งหมดตามสิทธิที่เราถือหน่วยไว้  เป็นยอดเงินเท่าไร   ที่ไม่ต้องไปรวมกับค่าธรรมเนียมไงครับ  ไว้เกิดเหตุกับกองทุน  เราจะได้รับเงินตามสิทธิที่เรามีไงครับ หรือบางแห่งเขาอาจเอาหน่วยไปจำนำ  ในลักษณะนี้ เขาก็ต้องเอามูลค่าจริง ๆ ในการลงทุน  เขาคงไม่เอาราคาขายหรือราคารับซื้อคืนมาคำนวณครับ จากคุณ : คนช่างรู้ (micmin) - [ 28 มิ.ย. 50 07:57:12 ]