ความคิดเห็นที่ 1 xxx capital of the world! จากคุณ : tonjung - [ 17 ก.ค. 50 16:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นด้วยทุกประการ....... จะให้ดังก่อนอื่นเราต้องสร้างแบรนให้ติดตลาด ......แต่นิสัยคนไทยชอบก็อปปี้  ของแบรนเนม 555...... จากคุณ : ตี๋น้อยMBA - [ 17 ก.ค. 50 17:22:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อสิบปีที่แล้ว ( 2540 ) และประเทศจีน +เวียดนาม +ประเทศอื่น ๆ ยังพัฒนาไม่มาก  บริษัทในไทยส่วนมากก็มีปัญหาเรื่องค่าเงินบาทที่แข็ง   ทำให้แข่งขันประเทศอื่น ๆ ยาก ปัจจุบัน ( 2550 ) และประเทศจีน+เวียดนาม+ประเทศอื่น ๆ มีการพัฒนาดีขึ้นมาก   แต่บริษัทในไทยส่วนมากก็ยังมีปัญหาเรื่องค่าเงินบาทที่แข็ง  ทำให้แข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ยากขึ้น   เหมือนปี 40   เท่าที่ฟัง รมว.คลัง ( คุณโฆษิต ฯ ) บอกว่าเกิดจาก   บริษัท ฯ ยังไม่มีการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ  เพื่อลดต้นทุนการผลิต     อีกประเด็นจากความเห็นผมที่เคยอ่านเจอ คือ ประเทศไทยยังมีต้นทุนการขนส่งสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับบางประเทศ    เพราะระบบ โลจิติก ในไทยยังอยูในช่วงกำลังพัฒนา   ซึ่งต้องมีการวางแผน  กำหนดนโยบายและลงมือทำจากรัฐบาล   ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลยังทำส่วนนี้ไม่ดีนัก ในอีก 10 ปี  ข้างหน้า ( 2560 )  ถ้าระบบโลจิติกยังไม่เป็นรูปธรรมและใช้งานได้จริง     บริษัทต่าง ๆ ยังไม่สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้    ต้นทุนต่อหน่วยผลิตยังสูง    มาตรการควบคุมและป้องกันเงินบาทยังไม่มีประสิทธิภาพ     เทคโนโลยีที่จะมาแทนแรงงานคนถึง 1 : 50  ซึ่งจะทำให้คนตกงานมากยิ่งขึ้น  หรือหางานยากขึ้น     ค่าน้ำมันอาจแพงกว่า 2550  อีกหนึ่งเท่าตัว    คนไทยไม่อยู่แบบพอเพียง   ซื้อบ้านเกินกำลัง    ยาเสพติดระบาดมากขึ้น    โรคเอดส์เพิ่มมากขึ้นในหมู่วัยรุ่นหนุ่ม-สาว  ฯลฯ   ประเทศไทยน่าจะมีคนเครียด  และอาจฆ่าตัวตายมากขึ้นครับ จากคุณ : Learn and Live - [ 17 ก.ค. 50 17:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 งบของประเทศด้านการวิจัยและพัฒนาน้อย การสร้างแบรนหรือนวัตกรรมใหม่ก็ลำบาก ปัจจุบันส่วนหนึ่งก็ได้แต่ก็อปปี้ หรือรับจ้างผลิต OEM จากคุณ : dewvy - [ 17 ก.ค. 50 17:35:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทหารคงออกมาปฏิวัติอีก แล้วก็มีประกาศอะไรๆออกมา ว่านักการเมืองคอร์รัปชั่น ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องให้ทหารปฏิรูป จากคุณ : Zeq - [ 17 ก.ค. 50 17:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยู่ที่การพัฒนาคนเป็นสำคัญ ทุกวันนี้ประเทศที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ก็ใช่ว่าจะต่อรองกับประเทศอื่นได้ บางประเทศแทบไม่มีทรัพยากรธรรมชาติอะไรเลยยังเจริญได้ เช่น สิงค์โปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน หรือ ญี่ปุ่น บางประเทศต้องเจอภัยธรรมชาติแทบทุกปี อย่าง ไต้หวัน ญี่ปุ่น ต้องเจอพายุไต้ฝุ่นทุกปี แถมประเทศตั้งอยู่รอยต่อเปลือกโลก เกิดแผ่นดินไหวอยู่บ่อยครั้ง ประเทศเหล่านี้ยังพัฒนาไปไกลได้เลย ส่วนประเทศไทยภัยธรรมชาติไม่ได้มากขนาดประเทศเหล่านี้ ภูมิประเทศไทยดีกว่าด้วยซ้ำไป แต่กลับพัฒนาได้ช้ากว่า ผมว่าเป็นที่ทรัพยากรมนุษย์กับเทคโนโลยีเนี่ยแหละที่สำคัญ คนไทยเก่งๆมีเยอะ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล งบประมาณการวิจัยของประเทศไทยถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อจีดีพี ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น แม้กระทั่งสิงค์โปร์ก็ยังมากกว่าไทย การวิจัยจะได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ ซึ่งมีประโยชน์มหาศาลต่อประเทศ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงแนวคิด หรือแนวทางในการผลิตสินค้า หรือฯลฯ อีกมากมายมหาศาลไม่จำเป็นจะต้องการผลิตสินค้าอย่างเดียว อาจเป็นความรู้ทางด้านต่างๆก็ได้ นักคิด นักประดิษฐ์ในไทยเมื่อเทียบต่อประชากรทั้งประเทศก็ยังน้อยมาก ถ้าเทียบกับประเทศอื่นๆ ก็ยิ่งห่างชั้นเข้าไปอีก ผมว่า รัฐบาลควรให้การสนับสนุน ทรัพยากรมนุษย์และเทคโนโลยีให้มากกว่านี้ เพราะสุดท้ายทรัพยากรมนุษย์ที่แหละจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของชาติ จากคุณ : panon - [ 17 ก.ค. 50 17:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เกาหลีใต้มี ส.ส. ชกกันได้ในสภา  10 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นเขามีปฏิวัติ 10 ปี ข้างหน้า ไทยเราก็คงยังมีปฏิวัติ ตามวัฏจักรทางการเมืองของไทย ดูเหมือนการปฏิวัติจะพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยไปเสียแล้ว ดูจากการปฏิวัติครั้งนี้ มีประชาชนชื่นชม และยอมรับการปฏิวัติได้อย่างเปิดกว้าง       ปฏิวัติแต่ละครั้งมีผลให้การพัฒนาประเทศหยุดชะลอลง  ขณะที่ประเทศเราหยุดชะลอการพัมนา แต่ประเทศอื่นเขาพัฒนาก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง ด้วยเหตุนี้ ประเทศคู่แข่งที่เคยรั้งอยู่ปรายแถว จึงก้าวเดินมาทัน และล้ำหน้าไป       10 ปี ข้างหน้า ไม่แน่นะ เราอาจจะเห็นประเทศกัมพูชา ไล่ตามหลังเรามาติด ๆ และก็จะแซงไปข้างหน้า จากคุณ : After Hll (After Hill) - [ 17 ก.ค. 50 17:56:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณpanon คิดตรงใจผมที่สุด เด็กไทยไม่ใช่ว่าไม่เก่ง แต่ขาดการต่อยอด ส่วนที่เหลือก็ท่องเก่ง คิดอย่างเดียวจะเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ เพื่อที่จะได้งานดีๆ ขาดประสบการณ์เรียนรู้ โลกแห่งการต่อสู้ ทำเพื่อให้มันหมดวัน เหมือนโรงงานที่คิดแต่จะผลิตอย่างไรให้ทัน เพิ่มการผลิต การลงทุนเรื่องเครื่องจักร ทุกวันนี้ เครื่องจักรเราเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเทียบกับ เวียดนามและจีน ประเทศเค้าพึ่งเริ่มเครื่องจักรใหม่กว่า ค่าแรงคนงานถูกกว่า สรุปแล้ว ไทยเราดีนะ แต่ขาดการต่อสู้ สู้แต่กับภายในประเทศ แต่พอมีอะไรจากนอกประเทศมากระทบ ก็จะเสียหายเป็นวงกว้าง พัฒนาคนให้ถึงขีดสุด คุณจะลงทุนด้านนี้มากเท่าไหร่ เชื่อว่าน้อยคนจะคัดค้าน เพราะมันเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวจริงๆ ศึกษาจากประเทศคู่แข่งก็ได้ ว่าเค้าทำอย่างไรถึงได้โตแบบก้าวกระโดดเช่นนี้ แทบทุกประเทศทำไม่ต่างกันเท่าไหร่ อย่ามองแต่ปัญหาระยะสั้น แก้ได้แค่วันนี้พรุ่งนี้ ประเทศมันจะต้องอยู่ยาวกว่านั้นมาก วิสัยทัศน์จึงจำเป็นอย่างมากกับคนกลุ่มที่ต้องขับเคลื่อนประเทศไทย จากคุณ : BMWTurboman - [ 17 ก.ค. 50 17:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จุดอ่อนของคนไทยที่เพื่อนร่วมงานคนต่างชาติเห็น หลัง จากที่ผมได้มีโอกาสเขียนคอลัมน์ชื่อ Bridging the Gap ในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ในส่วนของ Business Section ซึ่งตีพิมพ์ทุกวันศุกร์มาตั้งแต่ปลายปี 2543 ซึ่งคอลัมน์มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมและความเป็นไทยที่มีผลกระทบในการ ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นที่จะช่วยให้ความรู้กับชาวต่างชาติ เพื่อให้เขาทำงานร่วมกันกับชาวไทยได้ดียิ่งขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายว่าจะช่วยลดความเครียดของชาวไทยที่ทำงานร่วมกับชาวต่าง ชาติเหล่านั้น เมื่อเดือนพฤษภาคม 2544 ผมได้ออกแบบสอบถามไปยังผู้อ่านคอลัมน์ Bridging the Gap ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทางอีเลคทรอนิคเมล์ (Email) โดยส่งออกไปประมาณสามสิบท่านแยกเป็นชาวไทยและต่างชาติจำนวนเท่าๆกัน มีผู้ตอบรับเป็นชาวไทยห้าท่านและชาวต่างชาติเจ็ดท่าน จำนวนของผู้ตอบแบบสอบถามแม้ว่าจะมีไม่มากนักซึ่งไม่ถือว่ามีนัยสำคัญทาง สถิติ แต่ก็ได้ภาพสะท้อนมุมมองในเชิงคุณภาพ ซึ่งผมเห็นว่าสอดคล้องกับสิ่งที่เคยได้รับฟังมาจากชาวต่างชาติทั่วๆไป บทความต่อไปนี้คือบางส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับชาวไทย โดยเป็นผลคำตอบจากคำถามที่ถามว่า “ในฐานะที่ท่านเป็นชาวต่างชาติ ท่านคิดว่าพฤติกรรมหรือบุคลิกเรื่องใดบ้างที่เป็นจุดอ่อนของเพื่อนร่วมงานชาวไทยในที่ทำงาน ซึ่งท่านคิดว่าอยากให้เขาเลิกพฤติกรรมหรือเปลี่ยนบุคลิกเหล่านั้นเสีย” สิ่งที่ชาวต่างชาติคิดว่าเป็นจุดอ่อนของชาวไทยในที่ทำงานมีดังต่อไปนี้ icon5 ทัศนคติที่มีต่อการเปลี่ยนแปลง - ไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลง ชาวไทยชอบที่จะยึดติดกับวิธีการทำงานรูปแบบเดิมๆ การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานใหม่ๆมักจะถูกมองว่าเป็นการสร้างความรำคาญใจและรบกวนพวกเขาเสมอ icon5 กล้าพูด / กล้าแสดงออก / กล้าแสดงความคิดเห็น / กล้าถาม Assertiveness / Initiative - ไม่พูดในสิ่งที่ควรพูดเมื่อเวลาทำการเจรจาต่อรอง (น่าจะหมายความว่าเกรงใจไม่กล้าเจรจาต่อรอง โดยยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้เปรียบเมื่อเจรจาต่อรองทั้งๆที่ทราบ แต่ไม่กล้าจะพูดออกมา) icon5 ไม่สามารถจะพูดสิ่งที่ควรพูดออกมาในช่วงเวลาที่ควรพูด - ไม่กล้าที่จะเสนอแนะความเห็นเพื่อให้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น - อยากให้ชาวไทยกล้าที่จะถามมากว่านี้ ถามหากสงสัย ถามหากไม่แน่ใจ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเป้าหมายของงาน icon5 Accountability / Commitment / Ownership - ความผูกพันรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ค่อยยอมตั้งเป้าหมายในขณะที่งานบางอย่างนั้นจะต้องทำให้ลุล่วงภายในกำหนดเวลา - ไม่ยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร - รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้ แทนที่จะวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด (ต้องให้มีการสั่งเสมอ) icon5 คอยบอกแต่ข่าวดี - ไม่บอกผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติเมื่อเกิดปัญหาขึ้น จนกระทั่งปัญหาบานปลายไปเกินแก้ไขได้ เช่นบางครั้งเรื่องเล็กน้อยไม่แจ้งให้ผู้บริหารทราบจนถึงขั้นพนักงานเกือบจะสไตร์คไปแล้ว - บอกในสิ่งที่คิดว่าผู้บังคับบัญชาต้องการฟัง มีแต่เรื่องดีๆ แทนที่จะบอกเล่าไปตามความเป็นจริง เช่นบอกว่า “งานนี้ผมทำเสร็จแน่นอนครับอาทิตย์หน้า″ แต่พอถึงเวลาจริงๆกลับไม่เสร็จ และในความเป็นจริงไม่เคยเสร็จตามวันเวลาที่รับปากไว้เลย - ไม่กล้าที่จะบอกว่า “มีปัญหาเกิดขึ้น” icon5 ไม่เป็นไร Pro-active / Mai pen rai / Wait and see - รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้ แทนที่จะวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด (ต้องให้มีการสั่งเสมอ) - ทักษะในการวิเคราะห์ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น - ไม่สุขุมรอบคอบและไม่มองการณ์ไกล icon5 การบริหารเวลา - คนไทยมีจุดอ่อนในเรื่องการตรงต่อเวลา และการบริหารเวลา icon5 ทักษะในการทำงาน - ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ - เรียนรู้และฝึกฝนทักษะในการทำงานเพียงเพื่อให้พอทำงานได้เท่านั้น แม้ว่าอาจจะมีรายละเอียดของสิ่งที่จะต้องเรียนรู้มากก็ตาม จะไม่ค่อยพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพสูง และไม่ค่อยมุ่งมั่นและภาคภูมิใจสู่ความเป็นเลิศเท่าใดนัก - “พนักงานชาวไทยเท่าที่ผมรู้จัก ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของโลกเท่าใดนัก แม้กระทั่งเรื่องราวและความเคลื่อนไหวของประเทศไทยก็ตาม ผมเพิ่งมาทำงานในประเทศไทยเพียงปีเดียวแต่ผมได้เห็นและสัมผัสเกี่ยวกับวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมที่ดีงามของเมืองไทยมากกว่าพนักงานชาวไทยหลายๆคนในบริษัทของผมเสียอีก ผมคิดว่าหากคนไทยได้สัมผัสกับประเทศของตัวเองมากเพียงพอ มันจะช่วยให้เขาแต่ละคนเข้าใจโครงสร้างและภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น มิฉะนั้นแล้วแต่ละคนก็อาจจะมีโลกทัศน์เพียงแค่ในตำบลที่ตัวเองอาศัยอยู่เท่านั้น (ผมต้องขอโทษหากผมพูดตรงหรือแรงไปบ้าง แต่ผมพูดจากประสบการณ์และมุมมองของนักธุรกิจที่ทำงานระหว่างประเทศมามาก)” icon5 ความซื่อสัตย์ - “ชาวไทยควรจะมีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากกว่านี้ เช่นเวลากรอกใบสมัครงานส่วนใหญ่มักจะกรอกว่ามีทักษะการพูดภาษาอังกฤษดี แต่ว่าพอถึงเวลาสัมภาษณ์จริงกับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้แต่ประโยคเดียว พนักงานชาวไทยบอกกับผมว่าใครๆเขาก็ปฏิบัติกันอย่างนั้นเพราะส่วนใหญ่ถือว่าทักษะในข้อนี้มักจะไม่ได้มีการทดสอบกันแต่อย่างใด คำตอบที่ว่านี้ผมไม่สามารถจะรับได้จริงๆ” icon5 ระบบพวกพ้องและอาวุโสนิยม - “ชาวไทยมักจะชักนำเพื่อนฝูงมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเสมอ ผมไม่เคยชอบวิธีการดังกล่าวเลย ตัวอย่างเช่นการจัดซื้อสิ่งต่างๆภายในสำนักงาน พวกเขามักจะแนะนำเพื่อนๆมาก่อนโดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทที่ควรจะได้รับเลย นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ผมประสบมา การให้ความช่วยเหลือกับเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเลยเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเป็นอย่างมาก” - ปกป้องและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเมื่อเพื่อนพนักงานด้วยกันทุจริต icon5 ยึดติดกับระบบอาวุโสนิยม - เปลี่ยนทัศนคติจาก “บอกฉันมาว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร แล้วฉันจะลงมือทำตามที่บอก” มาเป็น “ผลลัพธ์ที่คุณต้องการให้ฉันทำคืออะไร และฉันมีทรัพยากรอะไรบ้างเพื่อช่วยให้ฉันทำงานนั้นลุล่วงได้ตามที่เราจะตกลงกัน” - อย่าหลับหูหลับตาทำตามที่หัวหน้าบอกทุกๆเรื่องโดยไม่ยอมใช้ความคิดของตนเอง - อย่าหวังพึ่ง “พี่ชาย” ให้คอยบอกให้ทำทุกๆอย่าง icon5 แยกไม่ออกระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว - ไม่แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน - สอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะในเรื่องส่วนตัว - การพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานมากเกินไป บางครั้งทำให้บานปลายและนำไปสู่ข่าวลือและการติฉินนินทากันภายในสำนักงาน icon5 จุดอ่อนอื่นๆ - ลาออกจากบริษัทโดยไม่แจ้งล่วงหน้า แต่คาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที่ - ไม่ยอมรับภารกิจและความรับผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ - ต้องการมากขึ้นแต่กลับไม่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้นเลย - องค์กรควรจะมุ่งเน้นการจัดหาบุคลากรที่มีคุณสมบัติตรงกับงาน แทนที่จะสรรหาคนที่มีคุณสมบัติสูงล้นเกินลักษณะของงานที่รับผิดชอบ คุณเกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย ที่ปรึกษา The Coach จากคุณ : platalay - [ 17 ก.ค. 50 18:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอ ทำไมคุณว่าเมืองไทยมีปัญหา จนละครับ ผมเห็นคนไทยห้อย รุ่นโคตรรวย กันทั่วบ้านทั่วเมือง ตอนนี้คนไทยรวย ไม่รู้เรื่องแล้ว ทำเล่นไป จากคุณ : -e - [ 17 ก.ค. 50 19:31:38 A:203.157.29.214 X: TicketID:107433 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มันคงแก้ยากครับ เพราะว่าโดยพื้นฐานของคนไทยแล้ว ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ไม่มีเหตุผลใดที่คนไทยต้องดิ้นรนให้มากมาย สิ่งนี้มันเป็นมาหลายร้อยปีแล้วนะครับ การที่จะปรับเปลี่ยนพื้นฐานที่สืบทอดต่อกันมาช้านานนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าพื้นฐานประเทศคุณยังไม่มีภัยธรรมชาติมาก่อกวน หรือว่า ต้องตกเป็นเมืองขึ้นเนื่องจากสงคราม โดนกดขี่ข่มเหงต่างๆนานา จนเกิดแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ และ สอนลูกหลานให้เข้มแข็งมีระเบียบวินัย รวมถึงพัฒนาตัวเองให้ทัดเทียมหรือชนะ คู่ต่อสู้ที่เราเคยแพ้ ประเทศเรายากมากที่จะก้าวขึ้นไปในโลกที่มีการแข่งขันสูงนี้ได้ แต่ถ้าเราอยากมองในอีกแง่มุมหนึ่งคือ อยู่กันในแบบเดิมๆ คือพอเพียง ผมก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ ความพอเพียงนั้น ต้องมีระบบสาธารณะสุขที่ดีเอาไว้รองรับด้วย คนไทย หมดตัวกับเรื่องการรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยกันเยอะมาก เป็นหนี้ท่วมหัวกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย ต่อให้คุณอยากจะพอเพียง ขนาดไหน แต่พอเจ็บไข้ได้ป่วย ต่อให้ต้องขายบ้าน ขายรถ กู้เงิน เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เราก็ต้องทำ จากคุณ : เปลี่ยนยากส์หน่อย - [ 17 ก.ค. 50 20:15:07 A:125.25.141.162 X: TicketID:038237 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นด้วยกับคห 11.อย่างมาก เพราะความที่ประเทศอุดมสมบูรณ์เกินไป ไม่มีความจำเป็นต้องดิ้นรน หรือแข่งขันกับใคร เพราะ ฉันไม่อดตายแน่นอนถ้ายัง อยู่ประเทศนี้  ดังนั้นพื้นฐานคนส่วนใหญ่ของประเทศจึงไม่อดตาย แต่ไม่เจริญรุ่งเรือง  และไม่ต้องการ การพัฒนา  แล้วตอนนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ ก็ประโคมแต่คำว่า พอเพียง  แล้วต่อไป เด็กรุ่นใหม่จะยึดนโยบายนี้ แน่นอน พอเพียงทุกอย่างแม้กระทั่งการเรียนรู้ และการศึกษา จากคุณ : Kpetcharat - [ 17 ก.ค. 50 21:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อ่านแล้วไม่มีอะไรจะเขียนเพิ่มเติมครับ ครบถ้วนสมบูรณ์ตามความคิดผม โดยเฉพาะคคห. 9 จากคุณ : ขุนอิน - [ 17 ก.ค. 50 21:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ประเทศไทย พัฒนายากถ้าขาด ความเป็นชาตินิยม คนไทยส่วนมากไม่ยอมรับสิ่งที่คนไทยทำเอง โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นเทคโนโลยี ทำกันเองก็เจ๊งกันเอง ตย. มีคนไทย(คนรู้จักของผม) ทำSoftware ERP เรียกว่าระดับน้องๆSAP กลับได้คำประนามหยามเหยียด ว่า อย่าเอาเทียบมันคนละชั้นกัน ไม่เคยใช้ก็ด่ากันก่อนแล้ว   , มอไซต์ไท..เ ก เหรอ :-) และอีกหลายอย่างสำหรับแบรนด์ไทย เป็นต้น  คิดกันอย่างนี้ มันจะโตได้ไง คนในประเทศยังไม่สนใจ แล้วเค้าจะมีทุนที่ไหนไปพัฒนาต่อละ จากคุณ : jenwit - [ 17 ก.ค. 50 22:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 15 1) เลือกตั้ง 2) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน 3) เลือกตั้งใหม่ 4) ได้รัฐบาลประชาธิปไตยมาบริหารบ้านเมือง 5) เกิดความวุ่นวายทางการเมือง 6) ปฏิวัติ, รัฐประหาร 7) ทหารควบคุมประเทศ 8) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 9) ตั้งคณะร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร 10) ย้อนกลับไปข้อ 1) ใหม่ จากคุณ : Conundrum - [ 17 ก.ค. 50 23:49:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ถะ...ถะ...ถะ...ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบบบบบ จากคุณ : มาตรฐานชายไทย - [ 18 ก.ค. 50 00:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความเห็นที่9. สุดยอดครับ จากคุณ : คนไทยครับ (บัฟเฟต์น้อย) - [ 18 ก.ค. 50 04:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 นิทานอ่านแล้ว คันหัวใจ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ ของวิเศษต่างๆ พระองค์เริ่มต้นด้วยการ สร้างมหาสมุทร ทั้ง7 โดยการวางของวิเศษของพระเจ้า พระองค์จะต้องวางทั้งของดีและของไม่ดี คู่กันไป เพื่อไม่ให้ประเทศหนึ่งประเทศใด สมบูรณ์ไปกว่าประเทศอื่นๆ ทรง เอาเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกไนแองการ่า วางไว้ให้อเมริกา แล้วก็เอาทะเลทรายอริโซน่า กับพายุทอนาโดวางไว้ด้วย เอาป่าอเมซอน วางไว้ให้บราซิล ทรงเอาไข้ป่า วางไว้ให้ด้วย เอาขั้วแม่เหล็กโลก วางไว้ให้แคนาดา แต่ก็ทรงเอาความหนาวเย็นวางไว้ให้ เอาเทือกเขาหิมาลัย ให้ธิเบตกับเนปาล เพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก แต่ก็เอาความเบาบางของอากาศ และความแห้งแล้งไว้ให้ ทุกประเทศจะได้ของคู่กันแบบนี้ ทั้งหมด จึงไม่มีประเทศใดน้อยหน้ากว่ากัน คราวนี้ พระองค์ทรงลืมประเทศรูปขวานเล็กๆ ทางแหลมอินโดจีน ทรงสะพายถุงวิเศษ แล้วก้าวข้ามเขาหิมาลัยไป แต่ด้วยความที่เขาสูงมาก เกี่ยวถุงของพระเจ้าขาด ข้าวของที่ดีๆที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่นๆ เช่น ชายหาดสวยๆ ผืนดินอุดมสมบูรณ์ ศิลปะวัฒนธรรมดีๆ อาหาร อร่อยที่สุดในโลก ดอกไม้ ผลไม้ ชายทะเล ก็เทไปกองรวมกันที่ประเทศไทยหมด ว้า แย่แล้ว พระเจ้า ทรงคิด ประเทศนี้ ท่าทางต้องเจริญกว่าประเทศอื่นๆทั้งหมดแน่นอน พระเจ้า ทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุล แต่สายเสียแล้ว พระองค์ทรงเอาภูเขาไฟ กับแผ่นดินไหว ให้ญี่ปุ่นไปแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ประเทศอื่นๆ จะมาฟ้องร้องพระองค์ได้ว่าพระองค์ไม่ยุติธรรม จะมีภัยธรรมชาติอันใดหนอที่ จะทำให้ประเทศไทยไม่เจริญกว่า ประเทศอื่นๆได้ เมื่อทรงคิดได้ เพื่อเป็นการป้องกันประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้ ไม่ให้ล้ำไปกว่าที่อื่นๆ พระองค์ก็เลยสร้าง คนไทยขึ้นมา ถ้ามีคนไทยอยู่ล่ะก็ ต่อให้สมบูรณ์แค่ไหน ไทยก็ไม่มีวันเจริญ จากคุณ : (Peter) - [ 18 ก.ค. 50 07:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อยากให้คิดกันง่ายๆ อย่างโครงการ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ที่ผมกำลังทำอยู่นี่ เสนอ กระทรวงมา ๕ ปี ๓ รัฐบาล ก็ยังไม่ได้สร้างซักกาที ไอ้ผมก็งง ว่า โครงการ ดีๆ คน กทม. ก็ต้องการ ถามกี่โพล กี่โพล คนกรุงก็อยากได้ ใจจะขาด แต่มันไม่เกิดเพราะอะไร? แล้วก็มาถึงบางอ้อ ว่า ก็เพราะโครงการมันดี เกินไปนั่นเอง หน่วยงาน ทั้งหลายแหล่ เช่น  กทม. รฟม. รฟท. สนข. สบน. สคช. กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ฯลฯ อยากมีเอี่ยว ด้วยทั้งนั้น ได้ทัง ผลประโยชน์ ได้ทั้งกล่อง พี่ๆ หน่วยงานทั้งหลายข้างต้น ก็เลย"ช่วยกัน" ดึง  แทนที่จะช่วยกัน ดัน งานนี้ Parties Involved มีเยอะจนมึนไปหมดแล้ว ฮับ จากคุณ : (Peter) - [ 18 ก.ค. 50 07:13:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ประเทศไทยจะล้าหลังเวียดนาม เพราะเรามีขุนนางที่ ไม่ยอมวางอำนาจอยู่ พวกนี้นึกว่าประเทศไทยยังเพิ่งวางรางรถไฟ ต้องควบคุมประชาชนให้งมงายกับบางอย่าง ดังนั้น ทำใจครับ ผมบอกลูกหลานไว้ครับ ว่าศักดินาพวกนี้จะทำให้ประเทศชาติไม่เจริญ จากคุณ : Tokyo Godfather - [ 18 ก.ค. 50 09:33:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การสั่งสอน และการศึกษา.. การสั่งสอน..สร้างให้มีระบบ ซิเนี่ยริตี้..ซึ่งจริงๆ ความนอบน้อม ถ่อมตน เป็นสิ่งที่ดูน่ารัก..แต่ก็ทำให้..เด็กรุ่นใหม่ ไม่กล้า แย้ง หรืออาจจะรุนแรงถึงไม่กล้า คิดแย้ง..ด้วยซ้ำ..กับผุ้ใหญ่ หรือผู้มีอำนาจมากกว่า ตั้งแต่ในโรงเรียน..จนถึงขั้นการทำงานในบริษัท..ในที่ประชุม..เมื่อมีคำถาม ว่า มีใครสงสัยอะไรไม๊..?.......................................เงียบ.. แต่พอออกนอกห้องประชุม.. คุยกันใหญ่..ไอ้โน้นไม่ดี ไอ้นี้ผิด เก่งกันหมด..แต่ไม่กล้าพูด.. การศึกษา ..ถูกสอนให้ท่องจำ..ไม่ได้ ถูกสอนให้คิดนอกกรอบ..เวลามอง อะไรมักจะมองมุมเดียว... ไม่ได้นึกว่า..การที่จะรวมตัวเลขให้ได้สิบ...เคยถูกสอนมา ว่า 5+5 =10 ก็จะทำตามแบบแผน ที่เคยได้รับมา..ว่า...5+5 เท่านั้นที่ = 10 ถ้ามีคนสักคน มาบอกว่า...ลอง 7+3 หรือ ..6+4 ดูดีไม๊.. ก็จะกลายเป็นพวก..ที่..ไม่เคารพกฏเกณท์ หรือ ระเบียบแบบแผนที่เคยปฏิบัติมา.. แล้วคุณคิดว่า..ถ้าคนของเรายังเป็นแบบนี้..อีกสิบปี ..ประเทศ เราจะเป็นอย่างไร??? ในเมื่อ ถ้าเราต้องการคิดต่าง หรือ พัฒนา..เราก็จะกลายเป็นพวกหัวแข็ง..หรือเป็นพวก ฝืนธรรมชาติ..ผิดแบบแผน.. แต่ถ้า เราต้องการยึดหลักการณ์ เดิม..พอเพียง...การก้าวเดินในแต่ละก้าว มันยากลำบากเหลือเกิน.. คู่แข่งเรา...หนีไปไกลขึ้นทุกวัน.. เรายังคง วิ่งวอร์ม อยู่..เป็นประเทศกำลังพัฒนา..มาแล้วเป็น สิบปี..ก็ยังไม่ได้ พัฒนา ซะที.. คู่แข่งของเรา ออกวิ่งหลังจากวอร์ม แล้ว.. ของเราขาซ้าย ยังเตะขาขวา..หน้าคว่ำอยู่ที่เดิม.. เราจะไปไหนได้??? จากคุณ : ~cupid~ - [ 18 ก.ค. 50 10:06:47 A:124.157.206.34 X: TicketID:139017 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าคนส่วนใหญ่ฉลาด ก็ปกครองยากซิครับ ตระกูลนักการเมืองที่กุมการปกครองประเทศมายาวนานจะไปอยุ่ที่ไหนละครับ สู้เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้ เค้าก็ทำแบบทุกวันนี้ที่ทำ ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ความรู้น้อย เค้าก็สืบทอดอำนาจทางการเมืองไปได้ง่าย ได้เรื่อยๆ ส่วนเรื่องแข่งขันกับประเทศอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่เอกชน อยากได้อะไรก็บอกถ้ามีน้ำมันหล่อลื่นก็เร็วหน่อย เมืองไทยต้องมี วิกฤษใหญ่ๆ ที่ต้องพลิกหรือเลิกบทบาทของหลายๆหน่วยงานของรัฐแบบไม่ต้องมีเหตุผลมาก แล้วเอาคนกลุ่มใหม่เข้าไปบริหารแทน หลังจากนั้นจะเกิดการเปรียบเทียบว่าอะไรดีอะไรไม่ดี ปัจจุบันมันไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีข้อเปรียบเทียบ จากคุณ : ปลาทู - [ 18 ก.ค. 50 10:51:33 A:124.120.148.114 X: TicketID:116053 ]