Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ******** "กรรมของนักเล่นหุ้น" ภาค 10 ตอน ถ้าฉันย้อนเวลาได้ *********

    ตอนเก่าๆ หาอ่านได้ที่นี่ครับ

    http://www.118doctor.com/stock/stock.htm

    สำหรับตอนนี้ ผมยกเอาข้อความจากหนังสือ "เกิดเพราะกรรม หรือ ความซวย" มาให้อ่าน

    ........คนเล่นหุ้นทุกคน ต้องเคยมีความรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้ซื้อ หรือซื้อไม่ทัน ในขณะตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะกระทิง และคอยเฝ้าดูหุ้นที่ตัวเองเคยหมายปองไว้ เมื่อตอนราคาต่ำๆ ( แต่ไม่ยอมตัดสินใจซื้อ ) ราคาพุ่งเอาๆ  

      บางคน เจ็บใจตัวเอง กี่ครั้งแล้ว ที่หุ้นมันตก แต่ไม่ยอมซื้อ พอมันขึ้นก็มานั่งเป็นทุกข์  พอมันตกอีกรอบ ก็ไม่กล้าซื้ออีกนั่นแหละ

      หลายคนบอกว่า แหม ถ้าฉันย้อนเวลาได้ ขอแค่ย้อนไปเมื่อตอนต้นปีนี้ ก็พอ ฉันจะทุ่มหมดหน้าตักเลย ตอนนั้นก็ว่าจะซื้อ ปตท.ที่ 200 เก็บไว้ แต่อะไรดลใจให้ไม่กล้าซื้อก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นป่านนี้รวยไปแล้ว

       การคิดย้อนเวลา เป็นการเอาอารมณ์ ประสบการณ์ และข้อมูล ในปัจจุบัน ไปตัดสินเหตุการณ์ในอดีต ซึ่งไม่มีทางจะเหมือนกับ อารมณ์ ประสบการณ์ และข้อมูล ในอดีตขณะนั้น ผสมกับจินตนาการและกิเลสในปัจจุบัน ทำให้ความนึกคิดมันเกินเลยตามความเป็นจริง    

       เราเอาอารมณ์ในปัจจุบันที่รู้ผลแล้วไปตัดสินอดีต มีคำกล่าวของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งบอกว่า  “ การที่คนเราจะทำผิดพลาดในอดีตสักครั้งสองครั้งไม่ใช่เรื่องผิด แต่จะผิดจนไม่น่าให้อภัยถ้าปล่อยให้มันมีความผิดพลาดแบบนั้นเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม”

       เป็นความฝันของคนทุกคน ถ้าย้อนเวลาได้ ฉันจะ....... แต่ในความเป็นจริงเราย้อนเวลาไม่ได้ เช่นเดียวกับเราไม่รู้อนาคต...

        เราสามารถดำเนินชีวิต ได้ด้วยสติ แม้ว่าเราไม่รู้อนาคต แต่เรารู้อดีต เหมือนการขับรถ ที่มองไม่เห็นทางข้างหน้า แต่เราสามารถมองกระจกหลัง เห็นเส้นแนวทางข้างหลังที่เพิ่งผ่านมา พอจะใช้นำมาคาดหมายเส้นทางในอนาคตของเราได้

        เราย้อนเวลาในปัจจุบันไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้ และแค่วันนี้ผ่านไปเป็นพรุ่งนี้ ปัจจุบันที่เราว่าในวันนี้ก็จะกลายเป็นอดีตไป ปีหน้ามาถึง ปีนี้ก็จะกลายเป็นอดีต ถ้าทำปัจจุบันให้ดี ไม่ว่าอีกกี่ปีผ่านไปจะไม่คิดถึงประโยคนี้เลย .........แหม.....ถ้าย้อนเวลาได้ ฉันจะ........ เพราะทำปัจจุบันให้ดีที่สุดแล้ว อีกไม่นานปัจจุบันมันจะกลายเป็นอดีต

      การจะทำปัจจุบันให้ดีได้ ต้องมีสติสัมปชัญญะ วิเคราะห์รู้ตัวเองว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน และ ความผิดพลาดเก่าๆเกิดขึ้นเพราะอะไร จะได้หมดกรรม

       การตัดสินใจทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเคยสงสัยกันบ้างไหมว่า ถ้าเราตัดสินใจอะไรบางอย่างในอดีตเป็นอีกแบบจะเกิดอะไรขึ้น

       เรามีสิทธิที่จะคิดย้อนกลับ ว่าน่าตัดสินใจเป็นอีกแบบ แต่ในความเป็นจริงทำไม่ได้ เพราะการตัดสินใจเป็นเรื่องของความรู้สึก จิตวิญญาน  พลังแห่งกรรมในขณะนั้น ทำให้เกิดเจตสิกและดวงจิต ขึ้นมารับอารมณ์ความรู้สึก ที่ทำให้เกิดการตัดสินใจแบบนั้น ไม่ว่าจะย้อนอดีตไปสักกี่ครั้ง ถ้ากรรมเก่ายังไม่หมด ก็จะตัดสินใจแบบเดิม

        ในทางฟิสิกส์ควอนตัม อธิบายว่า การตัดสินใจของมนุษย์ ไม่ได้เกิดจากตัวมนุษย์เอง แต่เป็นเรื่องของระดับอนุภาคที่เล็กที่สุด และจำนวนความน่าจะเป็นของการตัดสินใจใดๆของมนุษย์ จะเป็นไปได้กี่ทาง ล้วนแล้วเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ จำนวนและลักษณะของอนุภาคที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในจักรวาล

      ควอนตัม อธิบายว่า ในหนึ่งวินาที จะเกิดจักรวาลคู่ขนานขึ้นมากมาย จำนวนนับไม่ถ้วน เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นได้หลายทาง ทุกครั้งที่เราตัดสินใจจะมีจักรวาลคู่ขนานเกิดขึ้นมาเสมอ หากเราตัดสินใจอะไรไปแล้วเราก็จะอยู่ในจักรวาลอันหนึ่ง และไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าจักรวาลคู่ขนานที่สร้างขึ้นมาจะเป็นอย่างไร เช่นถ้าเราแต่งงานกับแฟนคนนี้ เราก็จะไม่ทางรู้เลยว่า ถ้าเกิดเราเลือกแต่งกับอีกคนอนาคตจะเป็นอย่างไร

       ในความเป็นจริง จักรวาล คู่ขนานนั้น เกิดขึ้นแล้ว แต่เราไม่สามารถรับรู้ได้

         ในอนาคต หากนักวิทยาศาสตร์ สามารถสร้างเครื่องย้อนเวลาได้  มีคำถามว่า ถ้าเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ย้อนเวลากลับไป เพื่อแก้ไข ไม่ให้ พ่อและแม่ แต่งงานกัน แล้วให้กำเนิดบุตรเป็นตัวเขา  คำถามก็คือ ทีนี้ถ้าตัวเขาไม่เกิดมาบนโลก ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แล้วเขาจะย้อนเวลากลับไปทำให้พ่อกับแม่ไม่ได้แต่งงานกันได้อย่างไร

       ควอนตัมให้คำตอบว่า การย้อนเวลาของเด็กหนุ่มคนนั้น จะไปสร้างจักรวาลคู่ขนานขึ้น ที่ดำเนินเรื่องราวใหม่ในจักรวาลนั้น คือพ่อกับแม่ไม่ได้แต่งงานกัน และในจักรวาลใหม่นั้น ก็จะไม่มีตัวเขาเกิดขึ้น ในขณะที่จักรวาลเดิมคือ พ่อและแม่แต่งงานกัน และมีตัวเขาเกิดขึ้น ทั้งสองจักรวาลนี้ เกิดเป็นคู่ขนานกันไป ไม่มีวันจะบรรจบกัน และ ไม่มีทางที่มนุษย์ในจักรวาลหนึ่ง จะข้ามไปใช้ชีวิตในอีกจักรวาลหนึ่งได้

      สองจักรวาลดำรงอยู่ทั้งคู่และดำเนินไปขนานกันตามแกนเวลา

       ควอนตัม มองทุกอย่างเป็นเรื่องของความน่าจะเป็น คือโอกาสที่สามารถเกิดเหตุการณ์หนึ่งๆ เป็นไปได้กี่ทาง และสรุปว่าจักรวาลคู่ขนานมีได้เป็นจำนวนตามนั้น

         ควอนตัมพยายามจะโยงเรื่องอิทธิพลของอนุภาคในจักรวาล ที่มีผลทำให้เกิดเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง หรือ ตัดสินใจแบบใดแบบหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า กลไกการทำงานในระดับอนุภาคเป็นอย่างไร แม้ว่า ทางควอนตัม จะตั้งชื่ออนุภาคแปลกๆขึ้นมา เพื่อใช้อ้างอิง แต่ก็พิสูจน์ไม่ได้ 

       ถ้ามองในทางพุทธศาสนา การตัดสินใจของมนุษย์ เป็นไปตามกฎแห่งกรรม การที่คนเราจะได้แต่งงานกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นเรื่องของพลังแห่งกรรมที่ทั้งคู่ได้ทำร่วมกันมา ก่อให้เกิด เจตสิก และดวงจิต ที่รักใคร่ ชอบพอตามกฎแห่งกรรม ทั้งคู่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงกันได้ ต้องมาเป็นคู่กรรมกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะถูกขัดขวางจากอำนาจภายนอกใดๆ  ดังนั้น จักรวาลที่เกิดขึ้นมีเพียงจักรวาลเดียวคือ ทั้งคู่ได้แต่งงานกันดังนั้น

        ถ้ามีการย้อนเวลาจริง ในทางพุทธศาสนามองว่า คนที่ย้อนเวลา จะไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนอดีตได้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร พ่อกับแม่ ก็ต้องได้แต่งงานกัน และกำเนิดขึ้นมาเป็นตัวเขา

         เช่นเดียวกัน คนที่คิดว่าถ้าย้อนเวลาได้จะกลับไปซื้อหุ้น แต่เมื่อวัฏจักรขาลงนั้นกลับมาอีกครั้งจนราคาหุ้นต่ำเท่าเดิม ก็เหมือนการย้อนเวลา แต่ถ้ากรรมเก่ายังไม่หมด การตัดสินใจที่เกิดขึ้นก็จะผิดซ้ำซากอยู่นั่นแหละ

       ถ้าในอนาคต มีนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะแบบ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เกิดขึ้น อีก เชื่อว่า ทฤษฎีใหม่ที่ค้นพบ จะเข้าใกล้ความเป็นจริงที่พระพุทธองค์ค้นพบ และสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ว่า ทุกสิ่งที่อย่างที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความบังเอิญตามกฎของความน่าจะเป็น แต่มีพลังอย่างหนึ่งไปทำให้มันเป็นแบบนั้น นั่นก็คือ พลังแห่งกรรม นั่นเอง

        แต่ตราบใดที่นักวิทยาศาสตร์ยังละเลยในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับจิต  ก็ไม่มีทางที่จะเข้าใจกฎแห่งกรรมได้ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เองก็รู้ ในบั้นปลายของชีวิตเขาจึงพยายามหันมาศึกษาเรื่องจิต วิญญาน   น่าเสียดายที่เสียชีวิตก่อนที่จะได้ค้นพบอะไร  แต่ก็ทิ้งประโยคอมตะไว้ให้นักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังได้พยายามศึกษาต่อว่า "สิ่งที่ปรากฏอยู่ในโลกนี้บางครั้งอยู่สุดเอื้อมของการจะพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำก็เนื่องมาจากความหลากหลายของปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เพราะการขาดระเบียบในธรรมชาติแต่ประการใด ”

       ตามมาด้วยประโยค  ที่เขากล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าที่ประชุมใหญ่ของนักวิทยาศาสตร์โลกมีใจความว่า   “.....ภารกิจอันสำคํญยิ่งของนักฟิสิกส์ก็คือ  การแสวงหากฎหรือทฤษฏีที่ตรงกับความเป็นจริงแห่งสากลมากยิ่งขึ้น  มันไม่มีวิธีการทางคำนวณหรือตรรกศาสตร์ใดๆ ที่จะนำไปสู่กฎหรือทฤษฏีสากลเช่นที่ว่านี้ได้  นอกเสียจากการหยั่งรู้ของจิตเท่านั้น ซึ่งมีพื้นฐานคล้ายๆกับพุทธิปัญญาญาน ”

     
     

    จากคุณ : ปัจจตัง - [ 28 ก.ค. 50 00:34:02 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom