PANTIP.COM : I5669007 $$ ทำอย่างไรกับกองทุนหุ้นไทยในช่วงนี้ดี ....(มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันหน่อย) $$ []

$$ ทำอย่างไรกับกองทุนหุ้นไทยในช่วงนี้ดี ....(มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันหน่อย) $$

ถามเข้ามากันเยอะนะครับ เห็นกระทู้สะเป๊ะสะป่ะไปหมด มารวมกันไว้ในนี้เลยดีไหมครับ ไม่ว่าจะ Passive หรือ Active ก็ตาม เราชาวรายย่อย จะทำอย่างไรกับสถาณการณ์อย่างนี้ดี และมาประเมิณกันหน่อยสิว่า เกิดจากอะไรกันบ้าง

ณ ตอนนี้ ทุกกองทุน ก็ NAV ลงมาแรงกันถ้วนหน้านะครับ ไม่เว้นซักกองเลย ที่น่าเจ็บใจก็คือ ตอน SET Index วิ่งจาก 750 จุด ขึ้นมาที่ 870 จุด รอบอาทิตย์ก่อนนั้น เป็นการขึ้นมาของกลุ่มหุ้นที่กระจุกตัวในกลุ่ม พลังงาน และ ธนาคาร เป็นหลัก โดยที่กองทุนหุ้นกลุ่ม Defensive Stock อย่าง บลจ.อเบอร์ดีน และ AYF ได้อานิสงส์จากแรงซื้อของต่างชาติน้อยกว่า Index เยอะเลย

กลับกัน พอมีการ Sell Off ออกมาจากตลาด US และทั่วโลก ดันทำให้หุ้นทั้งตลาดตกลงมาแรงเหมือนกันหมด (ดูเหมือนจะไม่ยุติธรรมเลยเนอะ) ดังนั้น ถ้าให้แนะนำในภาพกว้างแล้ว หุ้นบางตัว ณ ตอนนี้ ถือว่าถูกกว่าปัจจัยพื้นฐานครับ หากเป็นนักลงทุนในตลาดโดยตรงก็ต้องใช้กลยุทธ์ Selective Stock มากกว่าเล่นหุ้น Market Cap ใหญ่ เหมือนในช่วง Upside รอบที่ผ่านมา

------------------------

แล้วชาวกองทุนรวมหุ้นล่ะ จะทำอย่างไรกับมันดี?
- แนะนำกันมาตลอดว่า ไม่มีใครรู้ว่าตลาดจะแก่วงตัวทศทางใดในระยะสั้นๆ ดังนั้น การเข้าทยอยลงทุนเพื่อเฉลี่ยต้นทุน ดูจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นนะครับ ใครเพิ่งลงทุนกันไปเมื่อสัปดาห์ก่อน อย่าเพิ่งตกใจแล้วขายออกมากันหมด ขอให้ทบทวน และลำดับเหตุการณ์และวิเคราะห์ด้วยตัวเองก่อนว่า อะไรเป็นอะไร

เกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเนี่ย?
- เคยคุยไว้กับหลายคนแล้วว่า ตลาดหุ้นขึ้นมารอบนี้ มาจาก Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติเพียงอย่างเดียว ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจประเทศเลย ร่างรัฐธรรมนูญจะรับไหม? การเลือกตั้งจะมีแน่หรอ? แล้วม็อบจะรุนแรงกว่านี้ไหม? เพราะฉะนั้นเมื่อขาดปัจจัยสนับสนุน ก็เป็นธรรมดาครับ ที่จะมีกลุ่มคนที่ไม่มั่นใจ ขายทำกำไรออกมาบ้าง และก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าครับ รายย่อยมักมั่นใจในตลาด และเข้าลงทุนในตลาดช้ากว่านักลงทุนต่างชาติทุกครั้งไป ก็เลยติดดอยกันเป็นแถว แหะๆ

ต่อๆ ... เอาสาเหตุหลักๆนะครับ คราวนี้เกิดจากอะไรกันแน่..... เพราะปัญหาด้าน subprime loan morgage ในตลาด US ครับ ซึ่งก็คือ สินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ ซึ่งมีแนวโน้มว่า Bank ในอเมริกา จะมีปัญหาจนก่อให้เกิด NPL และทำให้ขาดทุนได้ มาถึงตรงนี้ ก็คงมีคนถามว่า แล้วเกี่ยวอะไรกับหุ้นไทยหรอ? จริงๆเป็นทางอ้อมครับ เพราะกองทุน Hedge Fund ในต่างประเทศ ไปลงทุนใน Subprime Loan ผ่านทาง CDO (Colatteral Debt Obligation) ซึ่งคล้ายๆกับกองทุนที่ไปลงทุนใน Subprime loan ทั้งหลายนั้นล่ะครับ

พอ subprime loan มีปัญหา CDO ก็ต้อง mark to market ราคาตลาด ทำให้อาจมีการ call margin กันเกิดขึ้น แต่เนื่องจากขาย CDO ออกมาไม่ได้ จึงต้องไปขายสินทรัพย์อื่นๆในพอร์ตซึ่งมีกำไรอยู่ก่อน และปรับพอร์ตไปในตัวแทน คราวนี้ ก็เลยกระทบกันเป็นวงกว้างเลยครับ เกิด panic ทั่วโลก เพราะอย่าลืมนะครับ ว่าธนาคารในยุโรปหลายแห่ง ก็ไปลงทุนใน US เหมือนกัน

แล้วยังไง ไม่เข้าใจเลย แล้วไทยล่ะ?
- ความผันผวนนี้ น่าจะมีอยู่อีกครับ ไม่หมดแค่นี้แน่นอน แต่ทั้งนี้หากปัจจัยทางการเมืองของไทยคลี่คลายไปในทางที่ดี 900 จุด ผมก็ว่ายังเป็นเป้าหมายที่ต่ำไปสำหรับครึ่งปีหลังนี้ อีกอย่าง GDP ของไทย ในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา ก็โต 4.5% มากกว่าประมาณการณ์ที่ 4% ซึ่งแสดงถึงสัญญาการกลับตัวของเศรฐกิจ แต่ทั้งนี้ ตลาดหุ้น เราไม่ได้ดูแค่ตัวเลขเศรษฐกิจครับ อาจต้องรอความชัดเจนอีกนิดเนิง

ฟังๆดู เหมือนไม่น่าเข้าไปเฉลี่ยตอนนี้หรือเปล่า?
- ยังมีความผันผวนครับ แค่แนะนำให้ระมัดระวังไว้ก่อน คาดว่า เราอาจเห็น SET Index แตะที่ 820 จุด (อันนี้ความเห็นส่วนตัว) ใครเห็นต่าง ก็เข้าเฉลี่ยนะครับ ใครเห็นเหมือน ก็รอรับไป ใครมองว่าหุ้นไทยน่ากลัว ก็ไปไว้ใน Money Market Fund

สรุป คือ ตลาดปรับตัวคราวนี้ ไม่ได้มีประเด็นที่มีนัยสำคัญในระยะยาว แต่ในช่วงสัปดาห์นี้ ก็ยังถือว่าไม่แน่นอนอยู่ รอจังหวะเข้าทยอยเฉลี่ยต้นทุนครับ

------------------------
โชคดีในการลงทุนครับ

จากคุณ : Mr.Messenger - [ 1 ส.ค. 50 16:35:54 ]