PANTIP.COM : I5717781 รบกวนพี่ GABLIEL พี่ปลานิลจิ๋ว และพี่ ๆ ทุกท่านที่เล่นหุ้นมาเกินกว่า 10 ปี ขอเชิญหน่อยครับ [หุ้น]

ความคิดเห็นที่ 6

ช่วงที่ 1 เป็นช่วงที่ พลเอกชาติชาย เป็นนายก ทำนโยบายเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า มีเงินนอกไหลเข้ามามากมาย เพราะคิดว่าประเทศไทยจะเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย เมือ่เงินเข้ามามาก และขาดการควบคุม ทางบริษัทต่างๆเมื่อมีเงินกู้ถูกๆก็กู้มาขยายบริษัทกันขนานใหญ่ บางทีก็เอามาเก็งกำไรในตลาดหุ้น ทำให้ราคาหุ้นวิ่งกระจายทั้งกระดาน เพราะทุกบริษัทขยายงาน กำไรน่าจะดี ยิ่งมีข่าวว่าบริษัทไหนเพิ่มทุน เป็นต้องวิ่ง ซิลลิ่งหลายวัน เพราะบอกว่าบริษัทกำไรโต ช่างต่างกับปัจจุบันนี้เหลือเกิน หุ้นกลุ่ม FIN PROP BANK BUILDING เป็นตัวนำตลาดราคาวิ่งเป็น 10 เท่าในราคา1 ปี จนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไป peak ตอนต้นปี 1994 ที่ 1789.16 จุด
ช่วงที่ 2 หลังจากเปิดปีใหม่ได้ไม่กี่วันก็เริ่มขายถล่มแหลก จำได้ว่าวันแรกที่เห็นก็งงเหมือนกัน อยู่ดีๆ หุ้นก็ตกจากบวกๆเป็นลบเกือบ 100 จุดในวันเดียว ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยเลย พวกรายย่อยก็ยังเพลินคิดว่าหุ้นลงมาดีแล้วจะได้ของถูก เพราะเชื่อโบรกบอกว่าจะไปที่ 2000+ แหง๋ๆ ในอีกไม่กี่เดือน รายย่อยเลยอัดเข้าไปเต็มที่เพราะยังมั่นใจเต็มที่อยู่ พวกฝรั่งก็ชอบใจใหญ่เพราะมีรายย่อยมาช่วยรับของต่อ ก็ทะยอยออกของไปเรื่อยๆเป็นปีๆ วิ่งอยู่แถวๆ 1200-1500 จุดอยู่ เกือบ 2 ปี ช่วงนั้นเริ่มมีตัวเลขเศรษฐกิจออกมาไม่ค่อยดีแล้ว ตัวเลขขาดดุลมากติดต่อกันหลายปี เงินทุนสำรองเหลือ ประมาณ 3 หมื่นล้านเหรียญ ตอนนี้เริ่มมีปัญหาแล้วเพราะเอกชนไปกู้เงินนอกมามากกว่าเงินทุนสำรองที่มีอยู่ บวกกับขาดดุลการค้าอีก ตามหลักการแล้วค่าเงินจะต้องอ่อนค่าลงแน่นอน เงินที่กู้มาแทนที่จะนำไปขยายงาน กับนำไปใช้เก็งกำไรที่ดิน คอนโด หุ้น เมื่อหุ้นไม่ขึ้นเพราะบริษัทกำไรเริ่มไม่ดีราคาก็ไม่ขึ้น ต่างชาติพวก Hedge fund เขาดูอยู่ก็รู้ว่ายังไงค่าเงินก็อยู่ไม่ได้แน่นอน เลยหวานหมูเพราะมีแบงค์ชาติไทยเป็นเจ้ามือ เมื่อเปิดรับประกันค่าเงินที่ 25 บาทต่อดอลล์ พวกHedge fund เลยถล่มเสียเละเทะ ก็แหมจะไม่ถล่มได้ไงเล่นเปิดไพ่ให้ดูเขาก็แทงเต็มที่ สุดท้ายแบงค์ชาติก็ไม่มีเงินจ่าย ไปขอยืม IMF ในวันที่ 2 กค 1997 เป็นอันจบช่วงที่ 2 หมดยุคกินดีอยู่ดี ไปสมัครไปทาส IMF อยู่ช่วงหนึ่ง
ช่วงที่ 3 หลังจากลดค่าเงินบาท ค่าเงินก็อ่อนจาก 25 ไปที่ 55 บาท + ดอกเบี้ยแบงค์ช่วงนั้นวิ่งไปที่17-20% ต่อปีเพราะต่างชาติขายทรัพย์สิน และเอาเงินที่ปล่อยกู้คืนทำให้บริษัทเอกชนที่ไปกู้เขามาเป็นเงินกู้ระยะสั้นต้องคืนเขาไป ยิ่งค่าเงินอ่อนค่าลงไปต้องจ่ายเป็น 2 เท่าเพราะกู้มา 1 ดอลล์ 25 บาท เวลาคืนต้องเอาเงิน 50 บาทไปแลกเงิน 1 ดอลล์ไปคืนเขา ไม่ว่าธุรกิจก็ต้องเจ๊งครับงานนี้ หนี้ท่วมบริษัท พวก FINANCE ที่ปล่อยกู้ก็มีปัญหาเริ่มโยกเงินช่วยระหว่างบริษัทแม่บริษัทลูกไม่ให้ล้ม จึงต้องให้แบงค์ชาติเข้ามาช่วยก็ช่วยไม่ไหว คนเริ่มไปถอน ตั๋ว PN ทางไฟแนนซ์เริ่มไม่มีจ่าย เลยลามไปแบงค์ ต่างๆเช่น นครหลวงไทย จำได้ว่าช่วงนั้นต้องขอให้ป๋าเปรมมาช่วงฝากเงินกับแบงค์และนำเงินมาตั้งโชว์ว่ามีเงินนะ อย่าตกใจ แต่ไม่นาน คนก็แห่ไปถอนเงินเรื่อยๆจนต้องปิดไปหลายแบงค์ แต่คนฝากเงินยังไม่กระทบเพราะแบงค์ชาติรับประกันการจ่าย เหตุการณ์ช่วงนี้วุ่นวายสับสนมากเพราะมีแต่เรืองการจัดการหนี้กับ IMF เคลียร์เรื่อง ไฟแนนซ์เน่า
ตั้ง ปรส จัดการหนี้เน่า ตั้งหน่วยงานอีกมากมายใช้เวลาหลายปีในการจัดการ มีคนเคยบอกว่า เศรษฐกิจหลังจากฟองสบู่แตกนั้นต้องใช้เวลา 7 ปีประเทศถึงจะฟื้นตอนนั้นคิดว่าทำไมนานนัก ไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ก็รอดูไป
ช่วงปี 1998-1999 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจพยายามปรับตัวเต็มที่ บริษัทใหญ่ๆ เช่น ปูนใหญ่ แบงค์ต่างๆ พยายามลดเข็มขัด ลดพนักงานตัดธุรกิจที่ไม่ใช่ core business ออกไปให้เหลือน้อยที่สุด ช่วงนี้บริษัทหลายแห่งถูกต่างชาติเข้ามาถือหุ้นใหญ่ การบริหารก็เปลี่ยนแปลงไป บริษัทพยายามลดหนี้หรือประนอมหนี้ให้เหลือน้อยที่สุด ประกอบกับค่าเงินที่อ่อนค่ามากอยู่ที่ 40+ ทำให้บริษัทส่งออกได้รับผลดีเพราะส่งออกได้มากขึ้นมากจากเดิมทำให้กลุ่มส่งออกมีความสำคัญต่อการหาเงินเข้าประเทศมากขึ้น และจากค่าเงินที่อ่อนทำให้การท่องเที่ยวเริ่มบูมมากขึ้นเพราะค่าท่องเที่ยวถูก ทำให้ได้ดุลเงินตราต่างประเทศเข้ามามาก การจ่ายคืนหนี้ IMF ก็ทำได้ดี และคืนหนี้ได้หมดก่อนกำหนดในต้นรัฐบาลทักษิณ แต่จริงๆควรให้เครดิต รัฐบาลชวนมากกว่านะเพราะเข้ามาตอนประเทศเข้า ICU ( โดยรับผลพวงต่อมาจากรัฐบาลชวลิต )กว่าจะแก้ไขเศรษฐกิจในช่วงนั้นให้ผ่านได้ มีทุนสำรองขึ้นมาอยู่ในระดับเดิมได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเมือ่เหตุการณ์ต่างๆเริ่มดีขึ้นหุ้นก็เริ่มฟื้นตัวให้เห็นเป็น wave ที่ 1 ในช่วงปลายปี 1998-1999 หลังจากนั้นหุ้นก็เริ่มปรับลงเป็น wave 2 ในช่วงปี 2001 ก่อนจะค่อยๆปรับ sideway up ขึ้นไปเป็น wave 3 ที่ 802 จุด ก่อนจะปรับตัวลงทำ wave 4 ซึ่งเป็น complex wave เพราะ wave 2 เป็น simple wave ปัจจุบันนี้คาดว่าเรากำลังอยู่ในคลื่น wave ที่ 5 วึ่งเป้าหมายจะอยู่แถวๆ 1100 จุด น่าจะได้เห็นในปีหน้า นะครับ

จากคุณ : kitty63 - [ 16 ส.ค. 50 01:46:36 ]