ความคิดเห็นที่ 1 LTF จะมีทั้งหมด 6 กองทุนครับ ถ้าเปรียบเทียบที่ค่าธรรมเนียม ที่เรียกเก็บจากกองทุนแล้ว ค่าธรรมเนียมกองทุน (ต่อปี ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) SCBLTT จะต่ำสุด ที่ผู้ดูแลผลประโยชน์ 0.4% ต่อปีเท่านั้นครับ ส่วนกองทุนอื่นต้องจ่ายที่ 0.5% ต่อปี ส่วนค่าธรรมเนียมที่เหลือ ทุกกองทุนเท่ากันหมดครับ ------------------------------------------ สำหรับผลตอบแทน สามารถตรวจสอบได้ที่ http://www.scbam.com/inc/parkpoom/invbookC1.asp?l=th&f=Webreturn.htm หรือจาก Web Site http://www.scbam.com ที่ Menu บริการข้อมูลกองทุน --> มูลค่าหน่วยลงทุน --> ...... มีให้สามารถตรวจสอบได้ทุกรูปแบบเลยครับ แต่คร่าวๆ ช่วงเวลานี้ ช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง มีความผันผวนมาก กองทุนที่มีผลตอบแทนสูงๆ ในอดีตย้อนหลังไปเป็นปี หรือหลายๆ ปี อาจจะทำผลตอบแทนจนถึงปัจจุบันลดลงไปมากก็ได้ครับ ดังนั้นการลงทุนใน LTF แม้จะเป็นกองทุนหุ้น ที่ต้องใช้ระยะเวลาการลงทุนไม่น้อยกว่า (3-) 5 ปีปฏิทินก็ไม่ควรอยู่กับกองทุนเดิม ที่เริ่มซื้อไปตลอด ควรใช้วิธีการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ที่กองทุนประเภท LTF เปิดโอกาสให้ทำได้ แม้จะไม่อนุญาตให้ขายคืนออกนอกระบบ LTF แต่ถ้าเป็นการสับเปลี่ยนระหว่างกองทุนประเภท LTF ด้วยกันแล้ว จะทำได้อย่างอิสระ โดยไม่มีข้อบังคับใดๆ ครับ ในบางภาวะการณ์ กองทุนที่สร้างโอกาสให้เกิดผลตอบแทนได้มากกว่า อาจจะเป็นกองทุนที่ ขึ้นไม่แรง และลงไม่แรง :: SCBLTS, SCBLT1 ในบางภาวะการณ์ ที่หุ้นตัวใหญ่ๆ คนสนใจมากๆ ราคาแพงๆ เป็นตัวสร้างผลตอบแทนให้ได้มาก :: SCBLT2, SCBLTT ในบางภาวะการณ์ หุ้นทั้งตลาด ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ช่วยกันสร้างผลงาน สร้างกระแส หรือแม้แต่เวลาที่หุ้นบางกลุ่มไม่ดี บางกลุ่มดี สลับกันไป :: SCBLT3 ในบางภาวะการณ์ อาจจะต้องเลือกกระจายความเสี่ยงออกไปเลือกลงทุนกับหุ้นต่างประเทศบ้าง เพื่อสร้างโอกาสที่มากกว่า :: SCBLT4 จากคุณ : pjuk - [ 26 ส.ค. 50 16:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เพิ่มเติมรายละเอียดกันอีกนิด กับวิธีการเล่น ไปพร้อมๆ กับการลงทุนใน LTF เพิ่มประโยชน์ทางภาษี และผลตอบแทนที่สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยสภาวะการณืต่างๆ ของตลาดหุ้น มากกว่าการปล่อยไว้ให้สถานะการณืเป็นเครื่องชี้ชะตาเพียงอย่างเดียวครับ ------------------------------ การลงทุนใน LTF สามารถลงทุนหลายกองทุน เพื่อผสมผสานรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสมกับถาวะการณ์ต่างๆ ของตลาดได้ครับ ซึ่งสามารถรวมตัวเลขเงินลงทุน จากหลายๆ กองทุนเพื่อนำไปหักจากรายได้เพื่อลดหย่อยภาษีได้ครับ ทั้งนี้แต่ละกองทุน มีรูปแบบเฉพาะตัว ที่จะเหมาะสมกับสภาพตลาดหุ้นในแต่ละช่วงเวลา หรือแม้แต่การลงทุนเพื่อการสงเสริมกันในแต่ละกองทุน ไปพร้อมกันก็ได้ครับ --------------------------------------------------- การการจายลงทุนในหุ้นกลุ่มต่างๆ  และสัดส่วนหุ้น จึงวิเคราะห์แนวทางสู้กับตลาดหุ้นตามภาวะการต่างๆ - ตลาดถูกหุ้นใหญ่ช่วงส่งดัชนีขึ้น ไปอยู่ SCBLT2 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส หุ้น SET50 : 90% ตราสารหนี้ระยะสั้น + เงินสด : 10% ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล จากสัดส่วนการลงทุนในหุ้นใหญ่ๆ 90% จึงสามารถสร้างโอกาสที่วิ่งไล่ตลาดหุ้นได้ในช่วงขาขึ้น ------------------------------- - ตลาดเล่นมันทุกกลุ่ม ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ไปอยู่ที่ SCBLT3 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ หุ้น SET50 : 40% หุ้น ต่ำกว่า SET100 + MAI : 40% หุ้น Trade + เงินสด : 20% ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล ด้วยกลุ่มหุ้นที่ครอบคลุมทั้ง SET และ MAI ไม่ว่าตลาดจะ เก็บหุ้นใหญ่ ปั่นหุ้นเล็ก หรือแม้แต่สภาวะ SET มีแต่สีแดงๆ MAI กลับทำให้ตลาดหุ้นมีสีเขียวเจือปนได้หลายๆ ครั้งครับ ------------------------------- - เมื่อมีความไม่แน่ใจว่าตลาดหุ้นจะไปในทิศทางใด หรือแม้แต่มีแน้วโน้มว่าตลาดหุ้นจะกำลังไม่ดี การลงทุนที่ปลอดภัยไว้ก่อนสามารถเลือกลงทุนที่ SCBLTS - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวสมาร์ท หุ้น SET50 : 65-70% SET50 Index Futures : 3.5% ตราสารหนี้ระยะสั้น + เงินสด : ส่วนที่เหลือ ไม่มีนโยบายการจ่ายปันผล ได้อย่างสบายใจ ด้วยการลงทุนใน หุ้นกลุ่ม SET50 ประมาณ 65-70% แล้วถูกคานทิศทางด้วย SET50 Index Fututes ประมาณ 3 - 4% ที่สามารถทำกำไรได้ในภาวะหุ้นขาลง แต่เมื่อหุ้นอยู่ในภาวะขาขึ้นก็จะปล่อยให้หุ้นทำงานได้อย่างเต็มที่ด้วยครับ แต่เมื่อในภาวะการที่ตลาดหุ้นดูจะสดใส มากกว่าขุ่นมัว การลงทุนไปกับตลาดหุ้นแบบท้าชน น่าจะสามารถสร้างโอกาสให้เกิดผลตอบแทนได้อย่างมากด้วย ---------------------------------- ส่วนอีก 2 กองทุน ที่สร้างขึ้นเพื่อเล่นกับโอกาสที่แตกต่าง เพื่อเพิ่มโอกาสในหุ้นต่างประเทศ และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท SCBLT4 - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ หุ้น SET50 : 65-70% การลงทุนในหุ้นต่างประเทศ และหลักทรัพย์อื่นๆ : ที่เหลือ มีนโยบายการจ่ายปันผล เพิ่มลุยกับตลาดหุ้น แบบดับเครื่องชน ด้วยการลงทุนที่ไร้รูปแบบที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดหุ้น และการตัดสินใจของ Fund Manager ว่าจะจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อสู้ศึกกับตลาดหุ้นแบบใด กล่าวง่ายๆ คือเสี่ยงสุดๆ ที่บางที อาจจะปลอดภัยมากด้วยครับ SCBLTT - ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต หุ้น SET50 : 65-70% SET50 Futre , Structurd Note + เงินสด: ส่วนที่เหลือ มีนโยบายการจ่ายปันผล ---------------------------- และเพื่อการสร้างโอกาสในช่วงเวลาต่างๆ ของตลาดหุ้นไทย ที่เมื่อครบกำหนดระยะเวลาการลงทุนที่ยาวนานถึง 5 ปีปฏิทินแล้ว เปิดให้สามารถเลือกช่วงเวลาในการขายคืนได้เต็มที่ โดยผ่านการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนที่เปิดโอกาสให้ขายคืนได้ในช่วงเวลาที่ต้องการ ตลอดปี มี 8 เดือน เลือกได้ตามต้องการ - SCBLT1, SCBLT2, SCBLT3 ขายคืนได้ทุกวันที่ 1 - 15 เดือน มกราคม และ เดือน กรกฎาคม - SCBLT4 ขายคืนได้ทุกวันที่ 1 - 15 เดือนกุมภาพันธ์ และ เดือนสิงหาคม - SCBLTS ขายคืนได้ทุกวันที่ 1 - 15 เดือนมีนาคม และ เดือนกันยายน - SCBLTT ขายคืนได้ทุกวันที่ 1 - 15 เดือนพฤษภาคม และ เดือนพฤศจิกายน เว้นไว้เพียง 4 เดือนที่ไม่มีกองทุนเพื่อรองรับ อาจจะเป็นเหตุผลจาก เมษายน - จำนวนวันหยุดเยอะ กำหนดวันลำบาก มิถุนายน - ตลาดหุ้นตกจนน่ากลัว ไม่น่าขาย ตุลาคม - อยู่รอ ฤดูเก็บเกี่ยวเงินปันผลจากหุ้นก่อน ธันวาคม - ตลาดหุ้นกำลังสดใส จะขายคืนก็น่าเสียดาย ส่วนการเล่นไปกับการลงทุน LTF ทั้ง 6 กองทุน สามารถสับเปลี่ยนไปมาระหว่างกัน ได้ตลอดทั้งปี โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องวันที่ครับ โดยสามารถสับเปลี่ยนออกได้ทุกวันทำการ และจะเข้าลงทุนในกองทุนปลายทาง อีก 3 วันทำการถัดไป (T+3) หลังจากการสับเปลี่ยนออกครับ โดยที่ การสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน LTF จะไม่มีค่าธรรมเนียมเลยด้วยครับ :: ราคาเสนอขาย/สับเปลี่ยนเข้า = ราคาหน่วยลงทุน + 0.0001 บาท :: สับเปลี่ยนออก = ราคาหน่วยลงทุน จะมีแต่ค่าธรรมเนียมตอนขายคืน 0.25%+VAT :: ราคารับซื้อคืน = ราคาหน่วยลงทุน x (1+0.26175%) ---------------------- ทุกกองทุนถ้าทำรายการผ่าน SCB Easy Net ( http://www.scbeasy.com ) จะสามารถทำรายการได้ถึง 16.00 น. ทำให้สามารถเฝ้าดูสถานะการณ์ตลาดหุ้นได้อย่างเต็มที่ก่อนตัดสินใจด้วยครับ และด้วยระยะเวลาการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนระหว่างกองทุน ถึง 3 วันทำการนี่เอง ที่เราสามารถใช้ประโยชน์จากระยะเวลาดังกล่าว เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ของเงินทุนไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปตามทิศทางของตลาดหุ้น ได้ถึง 3 วันทำการครับ จากคุณ : pjuk - [ 26 ส.ค. 50 16:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับบทสรุป ตอนนี้ผมเลือกที่จะเสี่ยง และซื้อเพิ่มกับ SCBLT2 และ SCBLT3 ไปพร้อมๆ กันครับ จากความต้องการที่ต้องการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากหุ้นกลุ่ม SET50 ใน SCBLT2 และไม่ทิ้งโอกาสที่หุ้นกลุ่ม MAI และ หุ้นที่ไม่อยู่ในกลุ่ม SET100 (หุ้นเล็กๆ) จะสร้างราคาและจุดผกผันทดแทนในยามที่หุ้นใหญ่อาจโดนทุบจนอ่วมครับ จากคุณ : pjuk - [ 26 ส.ค. 50 16:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผลตอบแทนถึงปัจจุบันที่ LTF ทำให้ได้ (แบบซื้อแล้วไม่โยกย้าย) สำหรับ 3 กองแรก (SCBLT1, SCBLT2, SCBLT3) อีก 3 กองหลังยังแสดงผลตอบแทนไม่ได้เพราะเปิดได้ไม่นานครับ จากคุณ : pjuk - [ 26 ส.ค. 50 16:17:31 ]