ความคิดเห็นที่ 1 "ทดลองโพสข่าว"...เผื่อมีผู้สนใจจะได้ส่งผ่านเข้ามาให้ในกรณีที่มีข่าวฮอต ๆ                 RRC,ATC เทรดคึกคัก คาดไม่มีปัญหาลงมติผู้ถือหุ้นเพื่อควบรวมกิจการวันนี้             ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย แนะ"ซื้อ"หุ้น RRC และ ATC เนื่องจากคาดว่ามติควบรวมกิจการน่าจะไม่มีปัญหาโดยจากอัตราส่วนแลกหุ้นในปัจจุบัน RRC ถือว่าถูกกว่า ทั้งนี้ ประโยชน์ที่เกิดจากการควบรมทำให้ราคาเหมาะสมของ RRC เพิ่มมาอยู่ที่ 26.19 บาท มี Upside 14% จากราคาปัจจุบัน ส่วน ATC อยู่ที่ 77.26 บาท มี upside 11% หลังการควบรวมคาดว่า Market Cap ที่ใหญ่ขึ้นจากอันดับมากกว่า 20 เป็นอันดับ 11 ใน SET และความแข็งแกร่งของกิจการที่เพิ่มขึ้นจะทำให้หุ้นบริษัทใหม่ดูน่าสนใจมากขึ้น          วันนี้ ATC และ RRC จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อลงมติควบรวมกิจการ โดยกำหนดอัตราส่วนแลกหุ้น 1 ATC ต่อ 1.52 หุ้นใหม่ และ 1 RRC ต่อ 0.52 หุ้นใหม่ พร้อมทั้งจะมีการกำหนดราคาที่ PTT จะรับซื้อห้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านโดยเบื้องต้นกำหนด ATC ไม่เกิน 65 บาท/หุ้น และ RRC ไม่เกิน 22 บาท/หุ้น จากคุณ : "ส้มสีแสด" ("ส้มสีแสด") - [ 13 ก.ย. 50 11:00:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 PRIN ลดเป้ารายได้           นายนำชัย วนาภานุเบศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) (PRIN) กล่าวว่า บริษัทฯเตรียมจะปรับลดเป้าหมายรายได้ในปีนี้อาจจะเหลือต่ำกว่า 3.5 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4 พันล้านบาท โดยจะสรุปตัวเลขอย่างเป็นทางการในเร็วๆนี้ สาเหตุที่ปรับลดลงเนื่องจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมในปีนี้ไม่ค่อยดี โดยเฉพาะตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่ค่อนข้างจะซบเซามากกว่าตลาดคอนโดฯทำให้ส่งผลกระทบต่อรายได้บริษัทฯที่ในปีนี้มีสัดส่วนการขายบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มากกว่าคอนโดฯ             'รายได้ปีนี้อาจจะต่ำกว่า 3.5 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำได้แค่ 1.1 พันล้านบาท และเมื่อรายได้ลดลงกำไรก็คงไปในทิศทางเดียวกัน'นายนำชัย กล่าว จากคุณ : "ส้มสีแสด" ("ส้มสีแสด") - [ 13 ก.ย. 50 11:02:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 CP7-11 สร้างศูนย์กระจายสินค้าตจว.ครบ 3 แห่งคาดเปิดดำเนินการปี 51             นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ-การเงินและลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น(CP7-11)กล่าวว่า บริษัทมีแผนสร้างศูนย์กระจายสินค้าในต่างจังหวัด 3 แห่ง ในภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรองรับการขยายสาขา อีกทั้งยังเป็นการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคได้ทั่วถึงมากขึ้น โดยจะเริ่มดำเนินการในช่วงปลายปีนี้และจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปีหน้า          การเพิ่มจำนวนศูนย์กระจายสินค้าฯ จะช่วยทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้น และยังเป็นการรองรับการขยายสาขาให้ครบ 5,000 สาขาภายในปี 2553 ตามแผนธุรกิจของบริษัท จากปัจจุบันที่มี 4,055 สาขา          นายเกรียงชัย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษางบลงทุนที่ใช้ในการสร้างศูนย์กระจายสินค้า แต่คาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการขยายสาขาปกติ โดยบริษัทจะมีงบลงทุนในการขยายสาขาปีละ 1.5 พันล้านบาท          นายเกรียงชัย ยังกล่าวถึงผลประกอบการของ CP7-11 ว่า บริษัทมั่นใจว่าในครึ่งปีหลังรายได้จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรกที่เติบโต 19% โดยจะเติบโตมากในช่วงไตรมาส 4/50 แต่ในไตรมาส 3/50 ยอมรับว่ารายได้คงจะชะลอตัวหรือมีระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/50          สาเหตุที่มองว่าในไตรมาส 4/50 จะทำรายได้ได้ดี เนื่องจากเชื่อว่าจะได้รับแรงกระตุ้นจากการเลือกตั้งที่มีความชัดเจนขึ้นทำให้ผู้บริโภคกล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ประกอบกับสินค้าในร้านของ CP7-11 ในปัจจุบันก็มีความหลากหลายมากขึ้นจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นเบเกอรี่ และอาหาร ซึ่งถือว่าเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และยอดขายจากสินค้าดังกล่าวก็เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา          นายเกรียงชัย กล่าวว่า แนวโน้มหลังการเลือกตั้งมองว่าจะมีทิศทางที่ดีและเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้ รวมทั้งเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ก็เชื่อว่าจะเข้ามาฟื้นฟูสถานการณ์เศรษฐกิจผ่านการลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมกะโปรเจกต์หรืออื่นๆ และเมื่อมีการลงทุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคก็จะดีขึ้น ซึ่งผลพวงดังกล่าวก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจค้าปลีก รวมถึงเซเว่นด้วย จากคุณ : "ส้มสีแสด" ("ส้มสีแสด") - [ 13 ก.ย. 50 11:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จากคุณ : ข้าวฟางสีทอง - [ 13 ก.ย. 50 11:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ แต่อย่าลืมว่าเหรียญมีสองด้าน ผู้ที่ล้มละลาย ครอบครัวแตกสลายเพราะหุ้นก็เยอะเช่นกัน ซิ้อและขายหุ้น เป็นการลงทุนไม่ใช่การพนัน มีความเสี่ยงสูง นักลงทุนรายย่อยมักรู้ความจริงทีหลังเสมอ บริษัทมหาชนไม่ใช่มูลนิธิ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้เปรียบรายย่อยทุกด้าน และสุดท้าย อ่านจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง อ.แก้วสรร บอกว่า ก.ล.ต. ย่อมาจากคำว่า "กูหลับตา" จากคุณ : มัสมั่น (มัสมั่น) - [ 13 ก.ย. 50 11:16:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณค่ะ อย่างเสี่ย ต นี่ เค้าเรียกว่านักปั่นหุ้นหรือเปล่า ว่าไป การปั่นหุ้นหรือเป็นผู้สร้างเกมส์เองนี่ มันบาปไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะ เพราะเหมือนเป็นการหลอกกินเงินกัน เราว่า มันจะต้องมีการเจอกรรมสนองเข้าให้สักวันแน่ๆ คือไปทำกับใครไว้ยังไง ก็คงได้สนองคืนมาอย่างนั้น เราคิดว่าไม่อยากรวยจากหุ้น โดยการทำแบบนี้หรอก อยากแค่เก็งกำไรก๊อกๆแก๊กๆ เป็นแค่เหาฉลามเอาดีกว่า คงไม่บาปมากเท่าไหร่ จากคุณ : หนูขิง - [ 13 ก.ย. 50 11:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 UCOM ชนซิลลิ่ง ก่อนพ้นจากตลาด,ลูกหุ้น DTAC 843 ล.หุ้นเข้าเทรดพรุ่งนี้           หุ้น UCOM และ DTAC ราคาขยับขึ้น โดยเมื่อเวลา 11.07 ราคาหุ้น UCOM อยู่ที่ 22.10 บาท เพิ่มขึ้น 5.10 บาท (+30%) ส่วนหุ้น DTAC ราคาอยู่ที่ 40.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท(+0.62%)มูลค่าซื้อขาย 1.67 ล้านบาท          นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า วันนี้(13 ก.ย.)จะเป็นการเทรดวันสุดท้ายของหุ้น UCOM หลังจากวันนี้ไปหุ้น UCOM ก็จะไม่ได้มีการเทรดในตลาดฯอีกแล้ว ดังนั้นจึงเห็นว่าไม่ควรจะเข้าไปเล่น          ส่วนหุ้น DTAC จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่มีลูกหุ้นเข้ามาเทรดในวันพรุ่งนี้(14 ก.ย.)จำนวน 843 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นลูกหุ้นที่เกิดจากการสวอปหุ้นระหว่าง DTAC กับ UCOM ซึ่งอาจจะทำให้มีแรงขายบ้างบางส่วนแต่คาดว่าไม่มาก เนื่องจากราคาเทรดของ DTAC ในปัจจุบันอยู่แถว 40 บาท หากนักลงทุนขายออกมาก็จะได้กำไรไม่มาก          ทั้งนี้ ในทางเทคนิคยังแสดงให้เห็นว่าหุ้น DTAC มีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นต่อไปได้ โดยมีแนวต้านที่ 42, 45 บาท ส่วนแนวรับสำคัญอยู่ที่ 39 บาท          ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย ระบุว่า วันนี้(13 ก.ย.)หุ้น UCOM จะซื้อขายบนกระดานเป็นวันสุดท้าย ภายหลังจากได้มีการสวอปเปลี่ยนเป็นหุ้น DTAC เสร็จสิ้นไปเมื่อ 30 ส.ค.ในอัตรา 1 หุ้น UCOM แลกเปลี่ยนเป็นหุ้น DTAC 1.95 หุ้น ปรากฏว่ามีการแลกเปลี่ยนเป็นหุ้น DTAC ทั้งสิ้น 843 ล้านหุ้น โดยตลาดอนุญาตให้ DTAC นำหุ้นจำนวนนี้เข้าเทรดในตลาดได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้(14 ก.ย.)เป็นต้นไป          ทั้งนี้ คาดว่า Free float ของหุ้น DTAC จะเพิ่มขึ้นอีก 18% ส่งผลให้สภาพคล่องในการซื้อขายดีขึ้น แต่อย่างไรก็ดีอาจมีแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนที่มีต้นทุนในการแลกหุ้นที่ต่ำ คือมีต้นทุนในการได้มาซึ่ง UCOM ต่ำกว่า 78 บาท และอาจมีการตัดการขาดทุนจากนักลงทุนที่มีต้นทุนในการได้มาสูงกว่า 78 บาท (ต้นทุน UCOM ที่ 78 บาท แปลงเป็น DTAC ได้ที่ต้นทุน 40 บาท ซึ่งเป็นราคาปิดเมื่อวานนี้)ซึ่งนักลงทุนบางรายมีต้นทุน UCOM สูงถึง 87 บาท (44.62 บาท/หุ้น)          ดังนั้น จึงแนะ"ถือหุ้น DTAC จากการที่อุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่กำลังอยู่ในระหว่างจัดระเบียบ และ DTAC กำลังอยู่ในระหว่างแก้ไขปริมาณการโทรออกที่สูงใน Q2/50 ซึ่งผลประกอบการของ DTAC ใน 1H/50 ยังคงอยู่ในประมาณการที่คาดว่ากำไรจะมีการเติบโต 12% ในปีนี้          มุมมองทางเทคนิค ประเมินว่า ราคาหุ้น DTAC มีแนวโน้มปรับลง หลังราคาหลุดที่เส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 25 วันลงมา แนะนำ"ขาย"ออกไปก่อน แนวรับ 38 บาท แนวต้าน 40.50 บาท จากคุณ : "ส้มสีแสด" ("ส้มสีแสด") - [ 13 ก.ย. 50 11:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ... ขอบคุณครับ จากคุณ : GABLIEL - [ 13 ก.ย. 50 12:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น่าจะใช้ชื่อเรื่องว่า   '' เรื่องเล่าจากชีวิตจริงของคนหุ้นที่พลิกชะตาชีวิตด้วย การทำนาบนหลังคน '' มากกว่านะครับ  ไม่ต่างกับการปล่อยกู้นอกระบบตรงไหน  ภูมิใจตรงไหน ?? จากคุณ : kitty63 - [ 13 ก.ย. 50 12:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านไว้ ฟังไว้ ดูไว้ จะได้ระวังไว้ ไม่ไปเป็นแมงเม่า ขอเป็นแมงเคยได้ดีกว่า(ปัจจุบันแดงตลอด) จากคุณ : Endless_ Luck - [ 13 ก.ย. 50 13:11:38 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากครับที่ให้ความกระจ่าง  ผมสงสัยมานานแล้วว่า  ขาใหญ่เล่นหุ้นน่าจะไม่เสียค่าคอม  ที่จริงไม่น่าทำเพราะรายย่อย  ไม่มีโอกาสสร้าง  Vol  ซื้อๆขายๆเหมือนกับหุ้นกำลังเป็นที่น่าสนใจ(เพราะไม่ต้องเสียค่าคอม)  เอาเปรียบผู้อื่นมากเพียงเพื่อต้องการปล่อยของ   เอาเปรียบมาก  ถึงจะรวยผมว่าไม่น่าเอามาเป็นแบบอย่าง จากคุณ : Pept (pept) - [ 13 ก.ย. 50 13:16:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณครับ จากคุณ : i_nam - [ 13 ก.ย. 50 13:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ส่ง กลต จะได้เงินคืนไหมเนี่ย จากคุณ : Nexus - [ 13 ก.ย. 50 13:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 LH คาดรายได้ปี 51 โตกว่า 10-15%, ครึ่งปีหลังรับรู้รายได้คอนโดฯอ่อนนุช          บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์(LH)คาดว่า ทิศทางธุรกิจในปีหน้าจะสดใสกว่าปีนี้ หลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ความเชื่อมั่นในประเทศฟื้นตัวขึ้นจากที่ตกต่ำอย่างมากในปีนี้ โดยคาดว่ารายได้ในปี 51 จะเติบโตได้สูงกว่า 10-15% ที่เป็นอัตราเติบโตที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ในปี 50          นายอดิศร ธนนันทร์นราพูล รองกรรมการผู้จัดการ LH กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทจะรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการที่จะเปิดตัวในปีนี้มูลค่าราว 1.2 หมื่นล้านบาท โดยจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง 7-8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากที่เปิดตัวไปในครึ่งปีแรกเพียง 1 โครงการ มูลค่า 1-2 พันล้านบาท ซึ่งโครงการทั้งหมดมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และคอนโดมิเนียม          ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้ของ LH จากโครงการทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมิเนียมจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ขณะที่โครงการบ้านเดี่ยวลดลงเหลือ 75% จาก 90% โดยจะเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมติดเส้นทางรถไฟฟ้าเป็นหลัก และยังมองหาซื้อที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก          นายอดิศร กล่าวว่า ครึ่งหลังของปี 50 คาดว่ายอดรับรู้รายได้จะสูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้ราว 1 พันล้านบาทจากโครงการ The Room สุขุมวิท 79 ที่เปิดตัวไปในครึ่งปีแรก เพิ่มเติมจากที่รับรู้รายได้โครงการ The Terrace ติวานนท์          สำหรับเงินที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นกู้วงเงิน 2 พันล้านบาทที่บริษัทได้รับในวันนี้จะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียนซื้อที่ดินและชำระหนี้บางส่วน จากคุณ : "ส้มสีแสด" ("ส้มสีแสด") - [ 13 ก.ย. 50 14:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 KTBS Research PTT ตั้งเป้าหมาย 4 ปีข้างหน้า รายได้โตกว่า 10% ต่อปีMarket cap.ทั้งกลุ่ม 2 ล้านล้านบาท         PTT ตั้งเป้าหมาย 4 ปีข้างหน้า รายได้โตกว่า 10% ต่อปีMarket cap.ทั้งกลุ่ม 2 ล้านล้านบาทความเห็น จากการให้สัมภาษณ์ของ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ตั้งเป้าหมายช่วงปี 50-53 รายได้ ปตท. โตเฉลี่ยปีละ 10% ขึ้นไปถึง 1.7-1.8 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันที่มีรายได้ 1.2-1.3 ล้านล้านบาท  ขณะที่คาดว่า สัดส่วนรายได้จากการลงทุนต่างประเทศช่วง 3-4 ปีข้างหน้า จะเพิ่มจาก 5% เป็น 20% พร้อมดันมาร์เก็ตแคปจากปัจจุบันกว่า 7 แสนล้านบาท ขึ้นเป็น 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากการลงทุนช่วง 5 ปี ระหว่างปี 2550-2554 มีวงเงินรวม 5.63 แสนล้านบาท ซึ่งประมาณ 84% เป็นการลงทุนธุรกิจก๊าซฯ และน้ำมันราว 3% ที่เหลือเป็นการลงทุนโครงร่วมลงทุนต่างๆ ส่วนการลงทุนของบริษัทลูกในธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น จะอยู่ที่ 1.62 แสนล้านบาท บมจ. ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) 1.91 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการลงทุนในส่วนปิโตรเคมีขั้นที่ 3 ของภาครัฐเป็นการลงทุนจาก PTTประมาณ 60%  ซึ่งถ้าโครงการนี้แล้วเสร็จจะสร้างรายได้ถึง 2 แสนล้านบาทในอนาคต เราจึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 350 บาท ในปี 2551 โดย PE ของ PTT ที่ 9x ยังต่ำกว่าหุ้นพลังงานในภูมิภาคเดียวกันที่ซื้อขายที่ 12.9x  แนวรับ 312 บาท ต้าน 326 บาท จากคุณ : "ส้มสีแสด" ("ส้มสีแสด") - [ 13 ก.ย. 50 15:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 KTBS Research TUF ครึ่งหลังขานรับไฮซีชั่น ยอดขายรูปดอลลาร์ขยับ 8%             ความเห็น  ผู้บริหาร TUF เผยว่า มั่นใจว่าผลประกอบการครึ่งหลังของปีนี้น่าจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ รวมทั้งเงินบาทเริ่มทรงตัวมากขึ้นทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นบ้าง ส่งผลให้ยอดขายและกำไรปรับลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดขายเป็นสกุลดอลลาร์ปีนี้โต 8% จากปีก่อน ขณะที่ราคาทูน่ามีการปรับตัวลดลงมาเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1,500 เหรียญสหรัฐต่อตันจากที่ขึ้นไปสูงถึง 1,600 เหรียญสหรัฐต่อตัน ผลการซื้อกองเรือมูลค่าประมาณ 41.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายธุรกิจการจับปลา และช่วยสร้างอำนาจการต่อรองในการซื้อวัตถุดิบและปรับความยืดหยุ่นในส่วนต้นทุนการผลิต ซึ่งจะสร้างประสิทธิภาพในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต รวมถึงการได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพิ่มขึ้น โดยเราคาดว่าจะโอกาสปรับประมาณการเพิ่มขึ้นจากเดิมประเมินยอดขายและกำไรปกติปี 51 อยู่ที่ 57,497 ล้านบาท และ 2,113 ล้านบาทตามลำดับ ราคาเป้าหมายปี 51 อยู่ที่ 28 บาท (EPS’08F 2.40 บาท) PE 11.7 เท่า  แนะนำ “ซื้อ” โดยมีแนวรับ 23.20 บาท  แนวต้าน 24.60 บาท จากคุณ : "ส้มสีแสด" ("ส้มสีแสด") - [ 13 ก.ย. 50 15:05:50 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ACL พุ่ง 5% โบรกฯคาดเก็งข่าว BBL ต้องขายหุ้น-2 แบงก์ตปท.สนใจซื้อ          หุ้น ACL ราคาพุ่งขึ้น 5% มาอยู่ที่ 6.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 32.86 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.39 น. โดยเปิดตลาดที่ 6 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 6.30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6 บาท          ล่าสุดเมื่อเวลา 14.57 น.ราคาหุ้น ACL อยู่ที่ 6.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท(+3.33%)มูลค่าซื้อขาย 33.93 ล้านบาท          ราคาหุ้น ACL ปรับขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้หลังจากมีข่าวว่า ธปท.ไม่ขยายเวลาให้ธนาคารกรุงเทพ(BBL)ในการลดสัดส่วนหุ้น ACL ลงเป็นสิ้นปีนี้ โดยยืนยันจะต้องทำภายในกำหนดเดิมภายในมิ.ย.50 ขณะที่มีข่าวว่าธนาคารต่างชาติอย่างน้อย 2 รายสนใจซื้อหุ้น ACL          นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น ACL วิ่งขึ้นในช่วงบ่ายนี้ คาดว่าเป็นการรับผลจากกระแสข่าวที่ออกมาว่าแบงก์ต่างชาติ 2 รายจากจีนและมาเลเซียสนใจซื้อหุ้น ACL จาก BBL ที่ต้องลดสัดส่วนถือหุ้นลง แต่เชื่อว่ายังคงต้องใช้เวลาในการเจรจาและดำเนินการอีกระยะกว่าจะแล้วเสร็จ          นอกจากนี้ ยังต้องดูต่ออีกว่าพันธมิตรที่เข้ามาใหม่ของ ACL จะสามารถให้ความช่วยเหลือเกื้อหนุนทางธุรกิจได้ด้วยเหมือนอย่าง GE กับ BAY หรือเปล่า ถ้าเป็นเพียงเข้ามาถือหุ้นเฉย ๆ ก็ไม่น่าจะมีผลดี            สำหรับสัญญาณทางเทคนิคแสดงทิศทางแกว่งไซต์เวย์ โดยมีแนวรับ 6.10 บาท แนวต้าน 6.45 บาท แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 50 15:43:04 จากคุณ : "ส้มสีแสด" ("ส้มสีแสด") - [ 13 ก.ย. 50 15:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมกระทู้นี้ มันมั่วจังหว่า   จากคุณ : สุดโจ๋ว - [ 13 ก.ย. 50 16:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าคุณชื่นชม คุณก็เล่นหุ้นเป็นการพนันแล้ว จากคุณ : Kitcat - [ 13 ก.ย. 50 20:24:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมสังสัยตั้งนาน  ว่า เสี่ย ต  แกร่ำรวยจากหุ้นด้วยสไตล์การเล่นแบบไหน ที่แท้ก็เป้นเจ้ามือนี้เอง       วันหลังคุณ ส้มสีแสด เล่าเรื่อง เสื่ย ย. ผู้ทำกำไรจาก ptt ให้อ่านบ้างน่ะครับ จากคุณ : fdjfdfdisoo - [ 13 ก.ย. 50 22:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ ลุงส้มสีแสด ข้อมูลดีๆ มีคนเล่าให้ฟัง อย่าบ่นกันเลยครับ เดี๋ยวลุงแกน้อยใจ จะอดฟังกันหมดพอดี ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องอื่นๆที่อ่านแล้วมิได้ลงชื่อด้วยครับ จากคุณ : ManInBlack (ID_Number_070) - [ 13 ก.ย. 50 22:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับ       ชอบข้อมูลทั้งสองอย่างให้อะไร++    แล้วอย่างลืมเรื่องเสี่ย ย นะครับ จากคุณ : CAPCAP - [ 13 ก.ย. 50 22:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ผมเพิ่งเล่นหุ้นไม่นานครับ  ไม่ถึงปี  เคยอ่านเจอ  เสี่ยนู้นเสียนี้บ้าง ผมสงสัยอยู่ว่าแกหากินยังไง  ฟังมาก้องั้นๆ ไม่บอกเคล็ดลับของตัวเองสักทีเพราะคงไม่มีใครแบใต่ให้รู้หมดหรอกครับ ถ้าคนที่อยู่ตลาดมานาน ก้อคงรู้หน่ะครับ ขอบคุณคุณส้มสีแสดมากครับ     ให้ความรู้ผมมากเลย หุ้นหวือหวาผมไม่เคยเล่นอ่ะครับ     ไม่กล้าเสี่ยง จากคุณ : fdjfdfdisoo - [ 13 ก.ย. 50 23:53:40 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในเรื่องเค้าก้บอกแล้วไง เหตุที่เค้าทำแบบนั้น เพาะเค้าสังเกตุจากพฤติกรรมของคนในตลาด ว่ามักชอบทำพฤติกรรมเดิมๆ ลองบอกว่าหุ้นนั้นดีเลิศขนาดไหน แต่ถ้าราคาหุ้นไม่ไปไหน ถามว่าจะมีนักลงทุน(เรียกให้ดูเท่ความจริงคือรายย่อยจริงๆ) ท่านไหนจะสนใจ เห็นมีแต่ว่าซื้อตัวใหน เป็นนักลงทุนอย่างยาวสุด ไม่เกิน 4วัน ถ้าไม่ไปไหนขายทิ้งละ บอกแบบนี้ไม่ใช่ว่าผู้ตอบจะเป็นเจ้ามืออยู่ เลยเข้าข้าง แต่ผู้ตอบก็เป็นแบบที่กล่าวมาข้างต้นเหมือนกัน ในตอนก่อน ตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ทั้งหมด เนื่องจากยังไม่ประสพความสำเร็จการลงทุนแบบใดแบบหนึ่ง จึงยังไม่คอมเม้นต์ใด แค่เข้ามาชี้ให้เห็นเหตุที่ทำไม ตลาดต้องมีเจ้ามือ(ผู้ปั่น) และทั่สำคัญเพื่อเข้ามาขอบคุณ คุณ "ส้มสีแสด" ที่เอากระจกอีกบานมาให้ส่องดูพฤติกรรมของข้าฯเอง "ขอบคุณอีกครั้ง"นะคะ จากคุณ : แม่บ้าน - [ 14 ก.ย. 50 09:19:06 A:124.120.62.95 X: TicketID:127985 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณแม่บ้านสีฟ้า    ก้อช่วยไขความกระจ่างในตลาดให้ผมอีกมากเลยครับ ชอบคุณครับ จากคุณ : fdjfdfdisoo - [ 17 ก.ย. 50 23:36:48 ]